พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
20 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 

ฮาโลวีนเทศกาลหลอนคืนปล่อยผี

ฮาโลวีนเทศกาลหลอนคืนปล่อยผี

วันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี จะเป็นวันฮาโลวีน (Halloween) ของชาวตะวันตก โดยเฉพาะที่มีเชื้อสายอังกฤษ สกอต เวลส์ และไอร์ริช อย่างในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ส่วนประเทศอื่นๆในทวีปยุโรป มีการจัดงาน วันฮาโลวีนบ้างแต่ไม่มากนัก ตามธรรมเนียมดั้งเดิม ในช่วงเย็น จนถึงค่ำของวันนี้เด็กๆจะแต่งหน้าแต่งตัวเป็นภูตผีปีศาจพากันเดินไปหาเพื่อนบ้าน เคาะประตูแล้วร้องเพลงหรือสวดมนต์ เพื่อแลกกับขนมหรือเงิน ซึ่งบ้านคนก็จะวางฟักทองที่ฉลุเป็นรูปหน้าปีศาจ ข้างในใส่เทียนไขหรือหลอดไฟให้เป็นโคมไฟ เรียกว่า แจ๊ก-โอ’-แลนเทิร์น (jack-o’-lantern) ไว้

วันฮาโลวีนแม้จะเป็นเทศกาลของชาวตะวันตก แต่คนไทยเราก็คุ้นเคยกันดี วันนี้คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูน จะพาแฟนานุแฟนไปรู้จักกับวันฮาโลวีนนี้ให้ลึกกันอีกสักนิดครับ

ฮาโลวีนนั้นมีต้นกำเนิดอยู่ที่ไอร์แลนด์ เป็นการผสมผสานกันขึ้นมาจากวันสำคัญ 2 วัน คือวันสำคัญของชาวคริสต์ และวันสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวของชาวไอริช

คำว่า Halloween นั้น จริงๆแล้วเป็นคำที่ย่อมาจากคำเต็มว่า All Hallow’s Evening หรือ All Hallow’s Eve ทั้งนี้ เพราะวันที่ 1 พฤศจิกายน สันตะปาปาเกรกอรี ที่ 3 แห่งคริสตจักรประกาศเมื่อศตวรรษที่ 8 ให้เป็นวัน All Hallows หรือเรียกได้อีกอย่างว่า วัน All Saints’ Day ซึ่งในภาษาไทยน่าจะเรียกว่า วันระลึกถึงนักบุญทั้งหลาย ส่วนวันถัดไปคือวันที่ 2 พฤศจิกายน เรียกว่าวัน All Souls’ Day เป็นวันระลึกถึงผู้ที่ตายไปแล้ว

ประเพณี Samhain ของชาวเคลต์

ประเพณี Samhain ของชาวเคลต์


สำหรับการที่มีธรรมเนียมของการแต่งตัวเป็นผีปีศาจนั้น เชื่อว่ามาจากประเพณี Samhain ของชาวเคลต์ (Celt คือคนพื้นเมืองของสกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์ ส่วนอื่นๆของยุโรปจะเหลือน้อยมาก) ที่มีความเชื่อดั้งเดิมว่า วันที่ 31 ต.ค. เป็นวันสิ้นสุดของฤดูใบไม้ร่วง และวันต่อมาคือ วันที่ 1 พ.ย. เป็นวันเริ่มต้นของฤดูหนาว และวันที่ 31 ต.ค. เป็นวันที่โลกของวิญญาณคนตายและโลกของคนเป็นจะสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ ทำให้วิญญาณ (ผี) ที่ต้องการจะกลับมาเป็นคนอีกเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่ พวกเขาจึงต้องหาทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ด้วยการปิดไฟทุกดวงในบ้าน ปิดเตาผิงให้อากาศหนาวเย็น ไม่เป็นที่น่าอยู่สำหรับบรรดาผีร้าย นอกจากนี้ ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ปลอมตัวเป็นผีปีศาจและส่งเสียงดังอึกทึก เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีไป

บางตำนานกล่าวถึงพิธีกรรมที่มีตั้งแต่สมัยก่อนคริสต์กาล คือการเผาคนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง คล้ายกับการเผาคนที่เชื่อว่าเป็นแม่มด ต่อมาเมื่อชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์ ก็ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน

ปัจจุบันฮาโลวีนเป็นแค่เทศกาลของการแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาด ตามแต่จะสร้างสรรค์กันไป ที่ทวีปอเมริกาเหนือ เทศกาลฮาโลวีนเริ่มเกิดขึ้นราวทศวรรษที่ 1840 นำเข้าไปโดยผู้อพยพชาวไอริช และเกิดมีธรรมเนียม ทริก ออร์ ทรีต (Trick or Treat หมายถึงจะให้หลอกหรือจะเลี้ยง) ขึ้นมา ธรรมเนียมนี้เริ่มขึ้น ในประเทศแคนาดาก่อนเมื่อราวอีกทศวรรษหลังจากนั้น ทริก ออร์ ทรีต คือการที่เด็กๆจะแต่งตัวเป็นผีปีศาจไปเคาะตามประตูของเพื่อนบ้านในช่วงเวลาเย็นๆ จนถึงสองสามทุ่ม (บ้านที่ยินดีต้อนรับผีน้อยเหล่านั้นก็มักจะวางโคมฟักทองไว้เป็นสัญลักษณ์ หรือวางขนม ลูกกวาดไว้รอ) เมื่อเจ้าของบ้านเปิดประตูออกไป เด็กก็ถามว่า Trick or Treat? เจ้าของบ้านก็มักจะตอบว่า Treat และเตรียมขนมไว้ให้ หรือบางคนอาจเลือกตอบ Trick เพื่อท้าทายให้ภูตผีเหล่านั้นอาละวาด ซึ่งก็อาจเป็นการแลบลิ้นปลิ้นตาหลอก แต่ก็จบลงด้วยให้ขนมเด็กๆในที่สุด

เด็กๆ ตระเวนเคาะประตูขอขนมในคืนฮาโลวีน

เด็กๆ ตระเวนเคาะประตูขอขนมในคืนฮาโลวีน


วันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเป็นวัน All Souls’ Day ที่อังกฤษและไอร์แลนด์ พวกเด็กหรือคนจรจัดจะไปเคาะประตูตามบ้าน ร้องเพลงและสวดมนต์อวยพรให้คนที่เสียชีวิตไปแล้วของบ้านนั้น เพื่อแลกกับขนมเค้ก (หรือเงิน) สำหรับในเม็กซิโก เด็กๆจะพูดว่า me da mi calaverita? แทน Trick or Treat? ซึ่งแปลว่า ให้หัวกะโหลกน้อยๆของฉันได้หรือไม่?

หัว Jack-o'-lantern ตามขนบดั้งเดิมที่เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ของไอร์แลนด์

หัว Jack-o'-lantern ตามขนบดั้งเดิมที่เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ของไอร์แลนด์


ส่วนที่เกี่ยวกับฟักทอง หรือ Jack-o’-lantern นั้น เชื่อว่ามาจากตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช มีชายคนหนึ่งชื่อแจ็ค เป็นนักเล่นกลขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้ และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ คือ ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ็คตายลง เขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกัน ปฏิเสธที่จะลงนรก ปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังไหม้คุแก่เขา เพื่อเอาไว้ปัดเป่าความหนาวเย็นท่ามกลางความมืดมิด และแจ็คได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวเทอนิพ (Turnip พืชกินหัวคล้ายบีทรูท) ที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อให้ไฟลุกได้นานขึ้น ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวเทอนิพและใส่ไฟไว้ด้านใน อันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึงการหยุดยั้งความชั่ว แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกาพบว่าฟักทองหาง่ายกว่าหัวเทอนิพมาก จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองหรือบีทรูทแทน

นอกจากความเป็นมาแล้ว ยังมีเกร็ดที่น่ารู้เกี่ยวกับวันฮาโลวีนเอามาฝากกันด้วยครับ

สีที่นิยมใช้ในวันฮาโลวีนมากที่สุดคือ สีดำและสีส้ม ซึ่งสีส้มนั้นแทนความหมายของการอดทน เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวที่ยาวนาน และสีส้มยังแทนความหมายของฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรที่สิ้นสุดลง ส่วนสีดำนั้นบอกถึงวันแห่งการเชื่อมต่อกับความตาย

Jack-o'-lantern สลักจากฟักทอง

Jack-o'-lantern สลักจากฟักทอง


ที่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคมเป็นต้นไป จนหมดเทศกาลฮาโลวีน จะเป็นช่วงที่ลูกกวาดลูกอม ขนมหวานต่างๆขายดีที่สุดของปี

พาเหรดวันฮาโลวีนที่จัดยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่มหานครนิวยอร์ก เพราะมีผู้เข้าร่วมขบวนอย่างน้อย 50,000 คน และมีผู้คอยชมขบวนถึงสองล้านคนเป็นอย่างน้อยในแต่ละปี

มีความเชื่อว่า หากใครเห็นแมงมุมในวันฮาโลวีน นั่นหมายความว่า มีวิญญาณของใครบางคนที่รักเรากำลังเฝ้ามองเราอยู่
ในประเทศฝรั่งเศสไม่นิยมการฉลองวันฮาโลวีน เพราะมองว่าเป็นกระแสของการตลาดของอเมริกัน

วันฮาโลวีนและวันพระจันทร์เต็มดวงจะเกิดตรงกันน้อยครั้งมาก ที่ผ่านมาเกิดขึ้นในปี 1925, 1944, 1955, 1974, 2001 และจะเกิดอีกครั้งในปี 2020

นักมายากลชื่อก้องโลก แฮร์รี่ ฮูดินี เสียชีวิตในวันฮาโลวีน ปี 1926 ด้วยวัย 52 ปี จากอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ระหว่างการแสดงที่เมืองมอนทรีออล แคนาดา

พาเหรดวันฮาโลวีนในนิวยอร์ก

พาเหรดวันฮาโลวีนในนิวยอร์ก


ในประเทศอังกฤษ ถือว่าแมวขาวเป็นลางของโชคร้าย ขณะที่ฝั่งอเมริกาถือว่าแมวดำเป็นลางร้าย

Candy Corn คือลูกกวาดประจำวันฮาโลวีน ในสหรัฐอเมริกา ลูกกวาดชนิดนี้ขายได้ราว 20 ล้านปอนด์ในแต่ละปี

คนเยอรมันที่เชื่อเรื่องวันฮาโลวีน จะเก็บมีดพร้าไว้อย่างมิดชิดกว่าวันปกติ เพราะกลัวว่าวิญญาณร้ายจะใช้มันทำร้ายพวกเขา

ชาวตะวันตกนั้นมีวันฮาโลวีนให้เด็กๆแต่งตัวเป็นผีปีศาจไปหลอกชาวบ้านเพื่อความสนุกสนาน ซึ่งทุกคนก็รู้ดีว่าจะเกิดขึ้นเฉพาะในวันนี้เท่านั้น แต่สังคมเรามีอะไรที่ยิ่งกว่าฮาโลวีนของฝรั่งชนิดที่เทียบกันไม่ติด ทุกวันนี้เราหลอกกันได้ทั้งเด็กผู้ใหญ่ หลอกกันทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ หลอกกันซึ่งๆหน้าโดยไม่ต้องแต่งตัวเป็นผีให้เสียเวลา มีทั้งหลอกทางโทรศัพท์ ในห้างฯ ในโรงเรียน และมหาวิทยาลัย เฟซบุ๊ก ฯลฯ ใครอยู่ที่ไหนถ้าเผลอเป็นถูกหลอก ไม่มีการถามว่า trick or treat? ถ้าหลอกแล้วไม่ได้ดั่งใจก็ใช้กำลังหรืออาวุธทำร้ายเลย ใครวางแผนจะไปฉลองวันฮาโลวีนที่ไหนก็ระวัง ผีปลอม ที่ หลอกจริง ด้วยนะครับ.

 




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2556
0 comments
Last Update : 20 ตุลาคม 2556 1:26:56 น.
Counter : 1723 Pageviews.


amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.