เสน่ห์เยอรมนี : 12-เมืองเควดลินบวร์ก (Quedlinburg)
สวัสดีครับ ออกจากพระราชวังซ็องซูซีที่เมืองพอทสดัมในตอนที่แล้ว เราเดินทางต่อไปทางตะวันตก ไปชมเมืองเก่าที่มีภูมิทัศน์งดงามอีกเมืองหนึ่ง นั่นก็คือเมืองเควดลินบวร์ก และที่สำคัญคืนนี้ยังได้ที่พักเป็นรีสอร์ทอยู่บนยอดภูเขาสูงที่เมืองกอสล่าร์ด้วย เชิญติดตามไปด้วยกันครับ
เมืองเควดลินบวร์ก (Quedlinburg) คืออีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตซัคเซน-อันฮัลท์ (Sachsen-Anhalt) เมืองหลวงแห่งแรกของชนชาติเยอรมัน มาตั้งแต่ ค.ศ.919 เป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามในเรื่องของความเก่าแก่ของตัวเมืองเก่า ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสถาปัตยกรรมแบบโรมัน มีอาคารลักษณะกรอบไม้ซุง (timber-framed) ที่มีความสวยงามมากกว่า 1,300 หลัง ลวดลายของไม้ที่ประดับตัวอาคารสามารถจัดแบ่งยุคสมัยได้ถึง 5 สมัย รวมไปถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของตัวเมือง นอกจากนี้เมืองเควดลินบวร์กยังเป็นเมืองการค้าที่มีความมั่งคั่งมาตั้งแต่ยุคกลางอีกด้วย ต่อมาในปี 1994 เมืองเควดลินบวร์กได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ซึ่งครอบคลุมบริเวณเขตเมืองเก่า พระราชวัง โบสถ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
กว่าจะออกจากพระราชวังซ็องซูซีเป็นเวลาบ่ายมากแล้ว ทำให้อาหารกลางวันวันนี้ค่อนข้างช้าไปมาก แต่เมื่อไปถึงภัตตาคารประมาณบ่ายสองโมง ก็นับว่าคุ้มค่า เพราะภัตตาคารเป็นปราสาทเก่าที่สวยงาม ที่บริการอาหารกลางวันแบบพื้นเมืองมีระดับเหมือนอย่างในวัง เป็นขาหมูเยอรมันคนละ 1 จาน และเครื่องดื่ม(ที่ไม่ใช่น้ำเปล่า)เลือกได้ฟรี 1 อย่าง
เสร็จจากอาหารกลางวันประมาณบ่ายสามโมง ออกเดินทางกันต่อครับ ชมทิวทัศน์ที่สวยงามระหว่างการเดินทางไปพลางๆ ก่อน
กังหันลมเพื่อสร้างไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน พบเห็นได้เป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทาง
รถโค้ชเริ่มเลี้ยวเข้าสู่เมืองเควดลินบวร์กแล้ว
มาถึงเขตตัวเมือง บริเวณที่จอดรถโค้ชก็พบอาคารสวยงามหลังนี้ (Schlosshotel zum Markgrafen)
ฝนเริ่มตกพรำ ๆ คณะของเราต้องกางร่มเดินเข้าไปที่จัตุรัสกลางเมือง ระยะทางประมาณ 100 เมตร
เห็นร่องรอยของอดีตจากกำแพงเมืองเก่า
มาถึงบริเวณด้านหลังโบสถ์ประจำเมือง (Collegiate Church of St. Servatius)
เราจะเดินผ่านเข้าไปยังจัตุรัสกลางเมืองตามถนนนี้ มองเห็นอาคารกรอบไม้ซุง (Timber frame)อยู่สองข้างทาง
มาถึงจัตุรัสกลางเมือง (Marktplatz หรือ Market Place) ฟังหัวหน้าทัวร์บรรยาย ขณะฝนยังตกพรำ ๆ (แต่แดดออก !!!)
กำลังเล่าให้ฟังถึงอาคารสวยงามหลังนี้นั่นเอง
หันหลังกลับไปอีกด้านหนึ่งพบศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Rathaus)
เป็นอาคารที่สร้างขึ้นในยุคกลาง มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมจนถึงหลังคา ทำให้ดูเหมือนอาคารในเทพนิยาย
บริเวณประตูทางเข้า
อาคารที่อยู่ซ้ายมือเป็นร้านกาแฟ
มองเห็นโบสถ์ประจำเมืองอยู่ด้านหลัง
หมุนตัวกลับไปอีกด้านหนึ่ง พบอาคารร้านค้าจำนวนมาก และโรงแรม
ส่วนหนึ่งจะเป็นอาคารกรอบไม้ซุงที่สวยงาม ถ้าดูให้ดีจะพบว่าลวดลายต่างกัน
อาคารนี้เป็นโรงแรมชื่อ Theophano Hotel
ประติมากรรมรูปนักดนตรีที่สวยงามชื่อ Musicians of the Munzenberg ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเมือง ใครมาถึงก็ต้องมาถ่ายรูปที่มุมนี้กันทุกคน
เป็นผลงานของประติมากรชื่อ Wolfgang Dreysse เมื่อปี ค.ศ.1979
จัตุรัสกลางเมืองอีกมุมหนึ่ง
ป้ายชื่อร้านทำเป็นเหล็กดัดที่สวยงาม
อาคารสวยงามตามทางเดินที่จะกลับไปยังรถโค้ช
อาคารนี้เป็นภัตตาคาร
มีงานประติมากรรมสวยงามอยู่ด้านหน้า
ได้เวลาพอสมควรสำหรับชมเมืองนี้แล้ว เราจะออกเดินทางต่อไปยังเมืองกอสล่าร์ (Goslar) ที่พักค้างคืนในคืนนี้ ระหว่างทางมีฝนและพายุตลอดทาง อากาศหนาวเย็นลงอีก จนเมื่อเข้าเขตเมืองมีบางคนสังเกตเห็นหิมะที่ขอบถนน แสดงว่าหิมะเพิ่งหยุดตกไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง เนื่องจากที่พักอยู่บนภูเขาสูง รถใช้เวลาขึ้นเขาประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงเสียที เห็นป้ายบอกชื่อโรงแรมอยู่ทางซ้ายมือ
นี่คือโรงแรมของเราในคืนนี้ (แต่เป็นภาพที่ถ่ายในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เพราะมาถึงค่อนข้างมืดมากแล้วครับ)
ตุ๊กตาแม่มดนี้อยู่ในบริเวณทางเดินไปยังห้องพักและยังพบเห็นในห้องอาหาร เพราะเมืองกอสล่าร์เป็นเมืองในแถบเทือกเขาฮาร์ซ (The Harz) ซึ่งเป็นที่มาของนิทานเรื่องต่าง ๆ ของพี่น้องกริมม์ (The Brothers Grimm) เช่นเรื่องสโนว์ไวท์ เป็นต้น และที่สำคัญที่เมืองกอสล่าร์นี่เองที่เป็นตำนานแม่มดขี่ไม้กวาด จึงมีตุ๊กตาแม่มดยืนยิ้มแย้มทักทายให้เห็นนั่นเอง ไม่รู้ว่าน่ารักหรือน่ากลัวกันแน่ 555
ถ้าเข้าไปในเมืองก็จะได้เห็นตุ๊กตาแม่มดขี่ไม้กวาดเหมือนภาพนี้ครับ(จากอินเทอร์เน็ต)
วันนี้เดินทางค่อนข้างมากจึงหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ยังสามารถตื่นแต่เช้าออกไปเก็บภาพทิวทัศน์สวย ๆ บริเวณโรงแรมที่พักมาฝากได้ ภาพนี้เป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน
อาคารบ้านเรือนที่อยู่ในบริเวณนั้น เห็นทิวสนอยู่รอบด้าน สังเกตว่ายอดสนส่วนหนึ่งอยู่ต่ำกว่าจุดที่ยืนอยู่ แสดงว่าขึ้นมาอยู่บนยอดเขาสูง
อาคารทั้ง 4 หลังนี้ ทาสีคนละสีดูสวยงาม
รถ BMW คันนี้ตากน้ำค้างมาทั้งคืนอย่างอดทน ผมชอบสนเมืองหนาวที่เห็นอยู่ด้านหน้าทั้งสองต้นนั้นจริง ๆ
ถนนขวามือคือทางเข้าที่จอดรถของโรงแรมที่ผมพักเมื่อคืนนี้ แต่คงจอดได้เฉพาะรถยนต์เท่านั้นเพราะดูไม่กว้างเท่าไรนัก (รถโค้ชจอดบนถนนหน้าโรงแรม)
ฟ้าแจ้งมากแล้ว คงจะถึงเวลาสำหรับอาหารเช้าวันนี้
หลังอาหารเช้าเราจะออกเดินทางกันต่อ ผู้จัดการโรงแรมและครอบครัว โบกมืออำลากับคณะทัวร์ของเราที่หน้าประตูโรงแรมด้วย ประทับใจจริง ๆ ครับ
ปิดท้ายด้วยภาพทิวทัศน์งดงามในเช้าที่ท้องฟ้าสดใส ระหว่างทางที่รถโค้ชกำลังลงจากภูเขาสูง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ.
Create Date : 07 กรกฎาคม 2557 |
|
16 comments |
Last Update : 7 กรกฎาคม 2557 9:22:45 น. |
Counter : 5396 Pageviews. |
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog
เมืองนี้ดูเก่า ๆ แถมยังมีแม่มดกับไม้กวาดมายืนต้อนรับอีก
บรรยากาศน่ากลัวมากกว่า 555
สถาปัตยกรรมแบบโรมัน ลักษณะกรอบไม้ซุง(timber-framed)
เห็นมานานแล้ว เพิ่งรู้ว่าเขาเรียกอย่างนี้
เมืองไทยก็มีนะคะ บางแห่งใช้แค่ทาสีคาดหลอกเฉย ๆ อิอิ
มีรูปจากบล็อกใหม่มาฝากด้วยค่ะ