|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เสน่ห์ยุโรปตะวันออก : 5-ปราสาทแห่งกรุงปราก (Prague Castle)
สวัสดีครับ เมื่อคืนนี้คณะของผมค้างคืนที่กรุงปราก วันนี้มีกำหนดชมเมืองปรากทั้งวัน โดยในภาคเช้าเดินทางไปชมปราสาทปราก และภาคบ่ายจะเข้าไปชมเขตเมืองเก่า เนื่องจากมีภาพและข้อมูลมากมายจึงขอแบ่งเป็น 2 ตอน ตอนแรกนี้จะเล่าเรื่องปราสาทปรากก่อน เชิญติดตามไปด้วยกันครับ
ปราก (ภาษาอังกฤษ: Prague) หรือ ปราฮา (ภาษาเช็ก: Praha) เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็ก มีประวัติศาสตร์มายาวนาน เนื่องจากมีคนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล โดยช่วงแรกเป็นเผ่าเคลต์ (Celt) ก่อนจะถูกรุกรานโดยเผ่าเยอรมนิก (Germanic) และถูกครอบครองโดยเผ่าสลาฟในคริสต์ศตวรรษที่ 4 แต่ต่อมาในศตวรรษที่ 7 วัฒนธรรมของทั้งสองเผ่าพันธุ์ ได้ผสมผสานกันเป็นหนึ่งเดียว
ส่วนตัวเมืองปรากนั้น มีหลักฐานว่าสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 9 และเป็นเมืองหลวงของแคว้นโบฮีเมีย ซึ่งอยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมัน จากนั้นปลายคริสต์ศตวรรษที่ 9 กษัตริย์บอริวอจ พรีมิสโลเวก (Borivoj Premyslovec) ทรงสร้างปราสาทขนาดใหญ่บนเนินเขาสูง เหนือแม่น้ำวัลตาวา (Vltava) และมีการขนานนามปราสาทแห่งนี้ว่า ปราฮา (Praha) ซึ่งเป็นชื่อเรียกกรุงปรากในภาษาเช็กนั่นเอง
กรุงปราก มีประชากรทั้งสิ้นประมาณ 1.2 ล้านคน มีแม่น้ำ Vltava ไหลผ่าน ด้วยเหตุนี้กรุงปรากจึงมีสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำ Vltava อยู่หลายแห่ง และถึงแม้ว่าเมืองปรากจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคอมมิวนิสต์ เป็นเวลานานกว่า 40 ปี แต่ปัจจุบันกลายเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุโรป
หลังรอดพ้นจากการถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองปรากได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่งดงาม สิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่โดดเด่น ถนนสายคดเคี้ยว รวมทั้งพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ และความอบอุ่นเป็นกันเองของชาวเมือง จึงเป็นเสน่ห์ชักชวนให้นักเดินทางหลงใหลในเมืองนี้ ในปี ค.ศ.1992 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้ปรากเป็นเมืองมรดกโลก
ปราสาทแห่งกรุงปราก (Prague Castle) เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่มีผู้คนเข้าเยี่ยมชมมากที่สุด และเป็นจุดสำคัญที่สุดของทั้งเมือง เปรียบเหมือนอัญมณีที่ล้ำค่าแห่งเมืองหลวง ปราสาทแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์อันเก่าแก่ของแผ่นดินเช็ก มีประวัติเล่าว่าเจ้าชายโปริโวค (Prince Borivoj) เป็นผู้ที่ค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 880 โดยตัวปราสาทเองเป็นเสมือนกับเมืองน้อยๆ เมืองหนึ่ง และหนังสือกินเนตส์ (Guinness Book of World Records) ได้บันทึกไว้ว่า เป็นปราสาทที่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างส่วนประกอบต่างๆของปราสาทที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 70,000 ตารางเมตร (437.5 ไร่) และยังคงใช้งานอยู่จนถึงปัจจุบัน
เมื่อคืนพักที่โรงแรม Hotel Duo ในกรุงปรากครับ หลังอาหารเช้าเราจะออกเดินทางไปชมเมืองกัน
มาถึงบริเวณเข้าชมปราสาทปรากแล้ว บริเวณทางเข้า ด้านขวามือมีแผนผังปราสาทติดอยู่
ขณะนี้เราอยู่ที่จุดหมายเลข 1 (ในวงกลมสีแดง) จะเดินตรงเข้าไปบริเวณทางเข้า แล้วเลี้ยวขวาออกไปชมจัตุรัส ณ จุดหมายเลข 2 เพื่อรอเวลาเข้าชมปราสาท หลังจากนั้นจะเข้าชมปราสาท มหาวิหาร และสถานที่สำคัญอื่น ๆ จากจุดหมายเลข 3, 4 และ 5 ตามลำดับ
พร้อมแล้วออกเดินกันเลย
มองเห็นประตูทางเข้าปราสาทอยู่ด้านหน้า (เป็นส่วนของทำเนียบประธานาธิบดี)
มีทหารยามรักษาการณ์อยู่ 2 นาย ถ้าจะเข้าทำเนียบต้องเข้าประตูนี้ แต่เราจะเดินอ้อมไปเข้าประตูทางขวามือที่อยู่ถัดไปเพื่อไปยังบริเวณอื่น
ผ่านเข้ามาในบริเวณปราสาทแล้ว
มีน้ำพุสวยงามตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของลานกว้าง
เดินเลี้ยวขวาออกไปชมทิวทัศน์บริเวณจัตุรัสด้านหน้า คือจัตุรัสฮราดคานีย์ (Hradcanske Square)
อาคารสวยงามหลังนี้อยู่ตรงข้ามกับปราสาท
อาคารสีขาวโดดเด่นหลังนี้อยู่ทางด้านขวามือ
สัญลักษณ์เหนือประตู งดงามจริง ๆ
อนุสาวรีย์ของท่าน Tomas Garrigue Masaryk (TGM) ประธานาธิบดีคนแรกจากการเลือกตั้งของสาธารณรัฐเชก เมื่อปี ค.ศ.1918 ตั้งอยู่หน้าอาคารทางด้านซ้ายมือ
มีนักดนตรีเปิดหมวกมาแสดงอยู่ในบริเวณนั้นด้วย
อาคารหลังนี้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษจากผนังที่ใช้วิธีแกะสลักเป็นลายสามมิติ
และลวดลายสวยงามที่หน้าจั่ว
บริเวณนี้อยู่บนเนินเขา เมื่อเดินออกมาด้านระเบียงจะเห็นทิวทัศน์สวยงาม
มองย้อนแสงไปทางตัวเมืองเก่า (Old Town)
ได้เวลาเข้าชมปราสาทกันแล้ว ทุกคนมารอบริเวณทางเข้า
เดินผ่านประตูทางเข้าด้านนี้ จะถึงมหาวิหารเซนต์วิตัส (St Vitus cathedral) สร้างในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 14 โดยมีสถาปนิกเอกชาวฝรั่งเศส Matthias of Arras ชาวสเวเบีย (Swabian) เป็นผู้ออกแบบและควบคุมดูแลคนต่อมา มหาวิหารสไตล์โกธิกแห่งนี้นับได้ว่าเป็นมหาวิหารที่มีความประณีตงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง
นับตั้งแต่ประตูแกะสลักลวดลายตระการตา
เข้ามาด้านในแล้ว มหาวิหารมีขนาดกว้างใหญ่มากและสร้างเป็นโบสถ์น้อย (Chapel) เล็ก ๆ อยู่บริเวณชิดผนังโดยรอบจำนวน 14 แห่ง
ที่งดงามมากคือกระจกสีสเตนกลาสบานสูงที่ประดับรอบมหาวิหาร สวยงามจริง ๆ ครับ
ทางเดินภายในมหาวิหารที่ผ่านโบสถ์น้อยต่าง ๆ
บริเวณแท่นบูชา
ด้านที่อยู่ตรงข้าม
ที่ประทับของกษัตริย์เมื่อเสด็จมาฟังเทศน์
งานประติมากรรมที่ตกแต่งไว้ตามเสา และบริเวณต่าง ๆ สวยงามมาก
ออร์แกนขนาดใหญ่ในมหาวิหาร
โบสถ์น้อยที่สำคัญที่สุดของมหาวิหารนี้ก็คือโบสถ์เซนต์เวนเซสลาส (St. Wenceslas Chapel) เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารเซนต์วิตัส ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปะในแบบโกธิก ได้รับการตกแต่งด้วยภาพเฟรสโก (ภาพที่เขียนด้วยสีน้ำบนปูนเปียก) และอัญมณีทีมีค่ากว่า 1,345 ชิ้น
ออกมาด้านนอกมหาวิหารแล้ว
พบเจ้าหน้าที่ใช้รถยกขึ้นไปซ่อมแซมภาพเขียนสีบนผนังด้านนอกของมหาวิหาร ทราบมาว่ารัฐบาลเช็กต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการซ่อมแซมภาพเขียนเหล่านี้ให้อยู่ในสภาพเดิมมากที่สุด เพื่ออนุรักษ์งานศิลปะเหล่านี้ไว้ให้กับอนุชนรุ่นหลัง
ด้านหลังของมหาวิหารเซนต์วิตัส ก็ยังดูยิ่งใหญ่งดงาม
เดินมาถึงบริเวณนี้ ด้านหน้าคือโบสถ์เซนต์จอร์จและคอนแวนต์ (St. Georges Basilica and Convent) สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 920 ตัวโบสถ์ด้านนอกเป็นศิลปะสไตล์บารอก แต่ภายในกลับตกแต่งด้วยด้วยสไตล์โรมาเนสก์ โบสถ์เซนต์จอร์จ (St. Georges Basilica) แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นส่วนของปราสาทปรากที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์เชค และในส่วนของคอนแวนต์ เป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวมผลงานสไตล์บารอกและเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (National Gallery in Prague)
ภายในปราสาทปรากมีความงดงามมากแต่ใม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพ จึงขอนำภาพจากอินเทอร์เน็ตมาให้ชมครับ
เดินต่อมาอีกจะถึงตรอกทองคำ (Golden Lane) เป็นถนนสายเล็กๆ ที่ตั้งตามชื่อย่านที่ช่างทำทองเคยอาศัยในบริเวณนี้ในช่วงศตวรรษที่ 17 โดยสองข้างทางบนถนนเต็มไปด้วยร้านขายของเล็กๆ สีสันสดใส เริ่มแรกนั้นถนนสายนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของทหารรักษาพระราชวังในสมัยพระเจ้ารูดอล์ฟที่ 2 (Rudolf II) จนกระทั่ง 100 ปีถัดมา ช่างทำทองได้ย้ายเข้ามาและเริ่มดัดแปลงเป็นร้านขายของและที่พักอาศัย ในช่วงศตวรรษที่ 19 พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นชุมชมแออัดที่อยู่อาศัยของพวกคนจน และเต็มไปด้วยอาชญากรรม จนช่วงปีค.ศ. 1950 เจ้าของบ้านที่แท้จริงจึงกลับมาบูรณะซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิมดังที่เห็นในปัจจุบัน ร้านค้าบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านหนังสือ ร้านขายเครื่องแก้วโบฮีเมียน และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ
อาคารพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับดนตรีและคีตกวีคนสำคัญของโลก ทั้ง Mozart และ Beethoven และคนอื่น ๆ
นักท่องเที่ยวให้ความสนใจกับรูปปั้นหนุ่มเปลือยคนนี้ ที่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์
เดินออกมาจากบริเวณปราสาทแล้ว เป็นทางเดินลงเขา สองข้างทางเป็นสวนองุ่น มองเห็นทิวทัศน์ของบริเวณเมืองเก่าด้านหน้างดงาม
มองเห็นสะพานสำคัญของกรุงปราก คือสะพานชาร์ลส์ ซึ่งจะเดินชมกันในภาคบ่ายครับ
แต่ตอนนี้เราจะขึ้นรถรางเพื่อเดินทางไปยังร้านอาหารกลางวันกัน
อาหารกลางวันวันนี้เป็นอาหารไทยจากร้านคุณน้อย (Noi Thai Cusine)
ขอเวลารับประทานอาหารกลางวันสักครู่ก่อน แล้วจะพาไปเที่ยวกรุงปรากต่อในครั้งต่อไป ขอขอบคุณที่ติดตามชมครับ.
Create Date : 13 กรกฎาคม 2558 |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2558 11:56:19 น. |
|
6 comments
|
Counter : 4845 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Maeboon วันที่: 13 กรกฎาคม 2558 เวลา:13:34:48 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 13 กรกฎาคม 2558 เวลา:20:31:59 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 15 กรกฎาคม 2558 เวลา:0:12:29 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 15 กรกฎาคม 2558 เวลา:3:29:49 น. |
|
|
|
โดย: Kungtalay (kungtalay ) วันที่: 16 กรกฎาคม 2558 เวลา:18:25:22 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 17 กรกฎาคม 2558 เวลา:23:12:52 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทองกาญจนา Travel Blog
จำได้ว่า ช่วงที่แม่บุญกับมิเชลไปนั้น มิเชลผ่าตัดที่เท้า ยังต้องใช้ไม้ค้ำ แกเลยเดินเที่ยวได้ไม่นานเพราะปวดมาก เดินไปพักไปตลอดทาง แต่ก็ได้เห็นวิวที่สวยมากๆ ชอบเมืองนี้มากค่ะ คิดเหมือนกันว่า อาจจะกลับไปอีก แต่มิเชลบอกว่า ยังมีสถานที่อีกมากมายในโลก ที่เรายังไม่เคยไป ...