Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
23 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 
เสน่ห์ยุโรปตะวันออก : 3-บูดาเปสต์ (Budapest) ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ

สวัสดีครับ หลังจากชมเมืองเซนต์เทนเดอร์ เมื่อครั้งที่แล้ว ผมเดินทางกลับไปยังเมืองบูดาเปสต์ เมืองที่มีเสน่ห์และสวยงามจนได้รับสมญานามว่า “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” เชิญติดตามไปด้วยกันครับ



บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี และเป็นศูนย์กลางการปกครอง อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการคมนาคมขนส่งของประเทศ มีประชากรมากกว่า 1.7 ล้านคน บูดาเปสต์กลายเป็นเมืองเดี่ยวที่มีอาณาเขตครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำดานูบหลังจากการรวมกันในปี ค.ศ. 1873 ของเมืองทางฝั่งขวา ได้แก่ เมืองบูดา (Buda) และโอบูดา (Óbuda) เข้ากับเมืองเปสต์ (Pest) ทางฝั่งซ้าย ปัจจุบันบูดาเปสต์เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของสหภาพยุโรป

ด้วยเพราะทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านกลางเมือง ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำดานูบ มีภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อนเรียกว่าฝั่งบูดา เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้าง สถาปัตยกรรมโบราณ และศิลปวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ที่สวยงาม ส่วนฝั่งเปสต์ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นราบ เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมือง เมืองบูดาเปสต์จึงได้รับสมญานามว่า “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ”

เข้ามาในเขตตัวเมืองแล้ว รถแล่นไปตามถนนเลียบริมฝั่งแม่น้ำดานูบ




เห็นอาคารรัฐสภาอยู่ด้านหน้า ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำคือ Buda Castle ที่เราจะขึ้นไปชมในช่วงบ่าย




ด้านขวามือเป็นท่าเรือ มองเห็นเรือท่องเที่ยวในแม่น้ำดานูบ




สถานที่แรกที่ไปชมคือ จัตุรัสวีรบุรุษ หรือ ฮีโร่สแควร์ (Hero Square) เป็นลานโล่งกว้างขนาดใหญ่ ที่มีอนุสาวรีย์แห่งสหัสวรรษ (Millennium Memorial) ตั้งตระหง่านอยู่กลางลาน อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งอาณาจักรฮังการีครบรอบหนึ่งพันปี




เสาสูงตระหง่านของอนุสาวรีย์ เป็นที่ตั้งของรูปหล่อเทวทูตกาเบรียล อันเป็นสัญลักษณ์ของคริสตจักรโรมันคาธอลิกที่เป็นดั่งหลักของอาณาจักรฮังการี




รอบเสาสูงเป็นที่ตั้งของรูปหล่อของบรรพบุรุษชาวแมกยาร์ทั้ง 7 เผ่า ที่ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรฮังการีขึ้นเมื่อคริสตศวรรษที่ 9






นอกจากนี้ยังมีเสาระเบียงโดยรอบ ที่ประดับประดาไปด้วยรูปหล่อของบุคคลสำคัญของฮังการี ไม่ว่าจะเป็นอดีตกษัตริย์ นักปราชญ์ และบุคคลในประวัติศาสตร์ของฮังการี ซึ่งในช่วงที่มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้น ฮังการียังคงอยู่ภายใต้จักรวรรดิออสเตรีย ดังนั้นรูปหล่อบางรูปในขณะนั้น จึงเป็นบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กแห่งออสเตรีย




แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก การบูรณะหลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนรูปหล่อของบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กทั้งหมดให้เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ฮังการี สอดคล้องกับสภาพการเมืองในขณะนั้นที่จักรวรรดิออสเตรียล่มสลายลง และฮังการีได้แยกตัวออกมาเป็นประเทศเอกราช








บริเวณฮีโร่สแควร์ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น Museum of Fine Arts พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก็บรวบรวมผลงานของศิลปินชื่อดังไว้มากมายกว่า 120,000 ชิ้น




อาคารนี้คือ Art Gallery แสดงผลงานทางศิลปะในยุคใหม่




ออกจากฮีโรสแควร์ เราเดินทางข้ามไปฝั่งบูดา เพื่อขึ้นไปบนเนินเขาที่ Buda’s Castle Hill รถโค้ชมาจอดบริเวณบันไดทางขึ้น มีนักท่องเที่ยวมากมายในวันนั้น




ส่วนแรกเป็นป้อมชาวประมง (Fishermen’s Bastion) ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน สร้างขึ้นไว้เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมืองในคราวที่ถูกพวกมองโกลเข้ามารุกรานในช่วงปี ค.ศ.1241 – 1242 ปัจจุบันได้บูรณะใหม่ ให้มีทางเดินต่อถึงกันและสร้างหอคอยที่มีหลังคารูปกรวย เป็นระยะ ๆ




เงยหน้าขึ้นไปมองเห็นยอดโบสถ์สำคัญอยู่ด้านหลัง




เดินขึ้นบันไดไปอีกมองเห็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟน (King Istvan หรือ King Stephen) ปฐมกษัตริย์ของชาวฮังกาเรี่ยน ตั้งเด่นเป็นสง่าให้ได้ชมกัน เป็นผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11












ด้านหน้าของอนุสาวรีย์เป็นโบสถ์ใหญ่ที่มีความงดงาม ชื่อโบสถ์แมทเทียส (Matthias Church หรือ Church of Our Lady)



เป็นโบสถ์คาธอลิคเก่าแก่อายุ 700 ปี ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โบถส์แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระนามของกษัตริย์แมทเทียส กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฮังการี ในอดีตโบสถ์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีเถลิงราชสมบัติของกษัตริย์แห่งฮังการี แต่ในช่วงที่ฮังการีถูกรุกรานจากกองทัพเติร์ก สมบัติส่วนใหญ่ถูกขนออกไป และถูกเปลี่ยนสภาพให้เป็นมัสยิสหลักของเมืองภายใต้การปกครองของตุรกีในปี ค.ศ.1541 และในช่วงสงครามขับไล่กองทัพเติร์ก โบสถ์แมทเทียสได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เมื่อสงครามสงบลงจึงมีการบูรณะโบสถ์แมทเทียสให้กลับมายิ่งใหญ่และงดงามดังเดิม มีหลังคาสลับสีอันสวยงามตามสไตล์นีโอ-โกธิค การเข้าไปชมภายในโบสถ์หลังนี้ต้องซื้อบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่คนละ 1,400 ฟอรินทร์ (ประมาณ 170 บาท)






ส่วนด้านในโบสถ์ประดับประดาไปด้วยภาพเขียนสี และกระจกสีที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนาที่งดงามเกินคำบรรยาย เนื่องจากภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป จึงขอนำภาพที่งดงามจากอินเทอร์เน็ตมาให้ชมครับ






ในบริเวณนี้ยังมีป้อมซิตาเดล (Citadel) เป็นสิ่งก่อสร้างที่ประเทศออสเตรียสร้างไว้เพื่อระลึกถึงการรบที่ได้รับชัยชนะเหนือชาวฮังการี จะเห็นเสาสูง 40 เมตร ที่ปลายยอดมีสัญลักษณ์แห่งสันติภาพเป็นรูปปั้นเทพธิดาชูกิ่งปาล์มไว้เหนือศีรษะ




ป้อมชาวประมงเป็นสิ่งก่อสร้างลักษณะหอคอยที่มีหลังคารูปกรวย มีจำนวน 7 ป้อม เป็นจุดชมวิวเมืองบูดาเปสต์แบบพาโนรามา ป้อมอื่น ๆ เข้าไปชมวิวได้ฟรี ยกเว้นป้อมที่อยู่สูงสุดต้องเสียค่าธรรมเนียมครับ






มาชมวิวผ่านป้อมเหล่านี้กันครับ เป็นวิวฝั่งเปสต์ คือฝั่งตรงข้าม ที่เป็นเขตความเจริญในปัจจุบัน อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำดานูบ






อาคารรัฐสภาของฮังการี (Hungary Parliament) ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของฮังการี อาคารรัฐสภาตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำดานูบบนฝั่งเปสต์ ชาวฮังกาเรี่ยนภูมิใจว่าเป็นอาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก เพราะตัวอาคารมีความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-โกธิคที่ดูคลาสสิกด้วยหลังคาสีแดง อาคารรัฐสภาแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1885 และใช้เวลากว่า 20 ปีจึงจะเสร็จสมบูรณ์ รูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากอาคารรัฐสภาแห่งกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร สวยงามที่สุดเมื่อขึ้นมาชมบนนี้ครับ






อาคารรัฐสภาเมื่อมองจากป้อมที่อยู่สูงที่สุด จะไม่มีสิ่งก่อสร้างใด ๆ บังเลย สวยงามสมคำร่ำลือจริง ๆ




เดินต่อออกไปจากบริเวณนี้อีกเล็กน้อยจะถึงสิ่งก่อสร้างเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งคือทำเนียบประธานาธิบดี




มีทหารยามรักษาการณ์อยู่หน้าประตูทางเข้า 2 คน




เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนเวรยาม จะมีการแสดงของทหารยาม ดูเข้มแข็ง สง่างาม พร้อมเพรียง คล้ายกับที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเลย




เมื่อหันหลังกลับไปด้านตรงกันข้ามเป็นประตูเข้าไปยังพระราชวังเก่า




คือ Royal Palace




เป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดในฮังการีเลยทีเดียว




วิวฝั่งตรงข้าม ณ บริเวณนี้ ตรงหน้าคือสะพานเชน (Chain Bridge) หรือสะพานโซ่






เป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของบูดาเปสท์ สะพานเชนแห่งนี้เป็นสะพานถาวรแห่งแรกที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำดานูบ สร้างโดยวิศวกรชาวอังกฤษชื่อ William Tierney Clark เหล็กทุกชิ้นล้วนนำมาจากอังกฤษ เป็นสะพานที่มีความสวยงามอย่างมาก มีรูปปั้นแกะสลักเป็นรูปสิงโตที่สะพาน






ในยามค่ำคืนสะพานจะสว่างไสวไปด้วยไฟราวที่ถูกประดับประดาไว้ ยิ่งสร้างความงดงามให้กับสะพานเพิ่มขึ้นไปอีก


(ภาพจากอินเทอร์เน็ต)


ปิดท้ายวันนี้ด้วยภาพอาคารรัฐสภา ที่มองเห็น ณ บริเวณนี้ สวยงามทุกมุมมองจริง ๆ




แล้วพบกันใหม่ครั้งต่อไปครับ.


Create Date : 23 มิถุนายน 2558
Last Update : 23 มิถุนายน 2558 14:26:18 น. 4 comments
Counter : 5200 Pageviews.

 
เจิมค่ะ

เมืองบูดาเปสต์สวยงามจริงๆสมกับเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” นะคะ
สถานที่แต่ละแห่งก็ล้วนมีประวัติยาวนาน น่าศึกษามากค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะคุณทองกาญจนา

โหวตท่องเที่ยวค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog

-------------------

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ






โดย: Sweet_pills วันที่: 24 มิถุนายน 2558 เวลา:0:48:05 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 25 มิถุนายน 2558 เวลา:1:48:40 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
PZOBRIAN Book Blog ดู Blog
ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog



แวะมาโหวตท่องเที่ยวให้เลยค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 26 มิถุนายน 2558 เวลา:12:07:21 น.  

 


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 8 กรกฎาคม 2558 เวลา:15:09:18 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ทองกาญจนา
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทองกาญจนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.