ดู-อ่าน-ฟัง...ตุลาคม 2550 : โดราเอมอน-24 ปี 6-ช่อการะเกด-ผลงานชาว BG-บ๊อบ ดีแลน



*●....เดือนนี้ดูหนังเยอะเป็นพิเศษ เฉพาะหนังในเวิล์ดฟิล์มฯก็ 15 เรื่อง ต่อไปตัวเลขจำนวนหนังที่ได้ดูในเทศกาลใหญ่คงอยู่ระดับใกล้ๆ นี้ กำลังดี ไม่เหนื่อยจนเกินไป อ่านความเห็นทั้ง 15 เรื่อง ที่นี่ ครับ

●....ให้เวลาทั้งสัปดาห์กับเวิลด์ฟิล์มฯ แต่พาตัวเองไปดูหนังในโปรแกรมปกติเพียง 3 เรื่อง สาเหตุหลักคือหาหนังที่รู้สึก "อยากดู" ได้น้อยเต็มที หรือถึงมี..จำนวนน้อยนิดนั้นก็เข้าฉายแบบจำกัดโรงจนขี้เกียจขวนขวาย ยังดีที่ "โรงงานอารมณ์" หรือ Pleasure Factory ของ เอกชัย เอื้อครองธรรม เข้าโรงใกล้บ้าน ถึงจะเป็นพากย์ไทยก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

●....เอกชัยเคยแสดงความสามารถในการกำกับความรู้สึกของตัวละครให้เห็นตั้งแต่เรื่อง Beautiful Boxer มาถึงโรงงานอารมณ์...เขาพาเราเข้าถึงความรู้สึกของตัวละครจำนวนมากขึ้นด้วยสไตล์ที่แตกต่างออกไป หนังนุ่มนวลและเปราะบาง ขณะเดียวกันก็งดงาม ทั้งที่ฉากหลังคือแหล่งซื้อ-ขายความใคร่ที่หมิ่นเหม่กับความรู้สึกดีงามภายในใจ และผมยิ่งชอบหนังเรื่องนี้เพราะมีเพลงโปรด The Moon Represents My Heart ของ เติ้ง ลี่ จวิน อยู่ในฉากสำคัญ

●....อีก 2 เรื่อง ที่ได้ดูในโปรแกรมปกติคือ Doraemon the Movie : Nobita's Dinosaur 2006 กับ The Kingdom เรื่องหลังดูเอามันอย่างเดียว ไม่มีอะไรน่าติดใจ ส่วนเรื่องแรกถือว่าดีกว่าที่คาดไว้ หลังจากเคยดูหนังโดราเอมอนเรื่องสุดท้ายเมื่อ 2-3 ปีก่อน จำไม่ได้ว่าตอนอะไร แต่น่าจะเป็น โดราเอมอน : โนบิตะและอัศวินแดนวิหค (Doraemon Movie : Nobita and The Winged Braves) เหตุที่จำไม่ได้ก็เพราะไม่ประทับใจเลยนั่นเอง

*●....พอมาถึงเรื่องนี้จึงไม่ได้คาดหวังอะไรนัก แค่อยากพาหลานไปดู แต่ปรากฏว่าหนังทำออกมาได้ดีเกินคาด หลายฉากสวยงาม โดยเฉพาะช่วงที่โนบิตะกกไข่ไดโนเสาร์ อันที่จริง ตอนไดโนเสาร์ของโนบิตะเป็นเรื่องยาวตอนพิเศษของโดราเอมอนเรื่องแรกๆ ที่ผมได้อ่านการ์ตูนตั้งแต่ 20 ปีก่อน ได้ดูอีกครั้งจึงเหมือนได้รำลึกความหลัง

●....หนังแผ่น..ดู Lights in the Dusk ของ อากิ เคาริสมากิ กับหนังญี่ปุ่น The Buried Forest ทั้ง 2 เรื่อง เขียนลงมติชน

●....ยังมี The Good German ของ สตีเวน โซเดอร์เบิร์ก ชอบบุคลิกของหนังที่จงใจทำเลียนแบบหนังนัวร์+สงครามสมัยทศวรรษ 30-40 ฉากใกล้จบที่สนามบินเหมือน Casablanca (1942) อย่างกับเป็นฉากเคารพครู ถึงว่า..ใบปิดออกแบบเลียนแบบกัน

●....อีกเรื่องคือ The Queen...ใช่แล้วครับ The Queen ที่ เฮเลน มีร์เรน แสดง ผมเพิ่งได้ดู ถ้าเป็นหนังสร้างภาพให้ราชวงศ์ก็ถือว่าทำได้เนียนจนไม่รู้สึกน่าเกลียด เพราะไม่ได้เสนอแต่ภาพด้านบวก(แต่ได้ผลบวกไปเต็มๆ) ส่วนที่ไม่ชอบคือคนที่แสดงเป็นโทนี่ แบลร์ บุคลิกหน้าตาไม่เหมือนนายกฯ แต่เหมือนนักแสดงตลกมากกว่า

*●....ทีเด็ดของหนังแผ่นประจำเดือนอยู่ที่ซีรีส์ 24 ซีซั่น 6 หรือ Day 6 สำหรับคนที่ติดตามมาตั้งแต่ซีซั่นแรกจนคุ้นเคยกับการดำเนินเรื่องราว อาจจะเริ่มเดาทางได้และลุ้นน้อยลง แต่ถึงอย่างไรหนังก็ยังสนุกและน่าติดตาม แถมซีซั่นนี้เรื่องราวของ แจ๊ค บาวเออร์ ทวีความดราม่ามากขึ้นจนผมอดไม่ไหวต้องเขียนถึงเสียหน่อย คลิกอ่านที่เมนูด้านขวาได้ครับ รับรองว่าไม่ได้เล่าเรื่องให้เสียอารมณ์สำหรับคนยังไม่ได้ดูแน่ๆ

●....สำหรับทีวี เท่าที่ได้ดูไม่มีอะไรน่าพูดถึงเป็นพิเศษ มีแต่เรื่องไม่อยากพูดถึงให้หงุดหงิด 555 พูดหน่อยก็ได้ว่าเวลาดูข่าวเกือบทั้งเดือนตุลาคม ผมไม่ต้องห่วงว่าจะตกข่าวพาดหัวจนต้องรีบเปิดดูตั้งแต่เริ่มต้นรายการ ช้าไปสัก 10 หรือ 15 นาที ก็ได้ ไม่อยากดู มหรสพ น่ะ หุหุ ... ●●


*●....หนังสือที่ซื้อจากมหกรรมหนังสือฯ(คุณนายดัลโลเวย์-ความตายของด็องต็อง-เทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ ฯลฯ) ได้แต่วางเรียงบนชั้น ยังไม่ได้เริ่มอ่านสักเล่ม ไม่ใช่สิ...จริงๆ อ่านจบไปหนึ่ง เครยอน ชินจัง เล่ม 24 สิ้นสุดการรอคอย 2 ปีเต็ม ตอนแรกนึกว่าเลิกพิมพ์ไปแล้ว นี่ไม่รู้ว่าเล่ม 25 ต้องรออีกเมื่อไหร่

●....ส่วนหนังสือนอกมหกรรมอ่านจบเล่มเดียว เงารักซ่อนเงื่อน ของ แซนดรา บราวน์ แปลโดย ขีดขิน จินดาอนันต์ ซึ่งอ่านค้างไว้ตั้งแต่เดือนก่อน ยินดีนำเสนอเพราะเป็นงานแปลของเพื่อนผมเอง นานๆ อ่านแนวนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน เห็นว่าพิมพ์ครั้งที่ 3 เข้าไปแล้ว

●....ไหนๆ โปรโมตงานเพื่อนไปเล่มนึงแล้ว แถมอีกสักเล่ม.... ริชาร์ด แบรนสัน พ่อมดแห่งโลกธุรกิจ งานเขียนวิเคราะห์เจ้าอาณาจักร Virgin โดย "เอ้" ปรารถนา รัตนะสิทธิ์ นักวิจารณ์ดนตรี หรือ ปรารถนา รัตนะ ในฐานะมือเรื่องสั้นและคอลัมนิสต์ ตอนนี้เธอเปลี่ยนแนวจนคนรู้จักแอบงงเล็กๆ กับบทบาท "อาจารย์" วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต หลังจากจบปริญญาโทสาขาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน โดยทำวิทยานิพนธ์เรื่อง รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำ ของ เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน ส่วนที่นำมารวมเล่มมาจากข้อเขียนที่ตีพิมพ์ใน Bizweek

*●....ราวๆ 6-7 ปีก่อน ปรารถนาคือคนเขียนเรื่องสั้นรุ่นใหม่ที่สร้างงานได้สด แรง และโดดเด่นในเอกลักษณ์อย่างยิ่ง แนะนำให้ลองอ่านรวมเรื่องสั้น คนเดียวในโลก (2545) ครับ

●....พูดถึงปรารถนาแล้วให้นึกถึง ช่อการะเกด เพราะสาวเอ้ถือเป็น ศิษย์เก่าช่อฯ คนหนึ่ง ช่อการะเกดภายใต้การคัดสรรของ บก.สุชาติ สวัสดิ์ศรี คือสนามที่คนเขียนเรื่องสั้นไม่ว่ามือใหม่หรือมือเก่ายกให้เป็นพื้นที่แห่งความภาคภูมิใจถ้าได้ ผ่านเกิด สำเร็จ ผมเองก็เคยส่งให้พิจารณาครั้งหนึ่งเมื่อราว 7-8 ปีก่อน ผลคือ ผ่านเลย

●....ช่อการะเกดยุคใหม่วางแผงไปแล้ว มีเรื่องสั้นของใครได้ลงบ้างก็คงรู้กันแล้ว (ดูได้ ที่นี่ ครับ) แต่รู้กันหรือยังว่าหนึ่งในเจ้าของเรื่องสั้นที่ "ผ่านเกิด" เป็นชาวบล็อกแก๊งนี่เอง

●....คือเรื่องสั้นชื่อ ข้อได้เปรียบของการเป็นดาราอาวุโส โดย วยากร พึ่งเงิน หรือในชื่อล็อกอินว่า wayakon ...ยินดีด้วยอีกครั้งครับ

*●....ช่อการะเกดยุคใหม่ราคา 280 บาท คนทั่วไปคงมองว่าแพงไปหน่อย ในแง่ที่ว่าเป็นงานรวมเรื่องสั้นของนักเขียนที่หลายคนยังไม่เป็นที่รู้จัก ซื้ออ่านแล้วจะชอบกี่เรื่องก็ไม่รู้ เพราะหลายคนเขียนก็ต้องหลายสไตล์-หลายรสชาติ จะบอกว่าราคาเหมาะสมแล้วโดยเปรียบเทียบขนาด-รูปเล่มกับหนังสือวรรณกรรมทั้งไทยและเทศเล่มอื่นไม่ได้หรอกครับ เพราะตัวงานและนามนักเขียนที่เป็นปัจจัยให้คนควักกระเป๋าซื้อจะต่างเงื่อนไขไปโดยสิ้นเชิง จะคำนวณแจกแจงต้นทุนว่าราคาเหมาะสมยังไง คนอ่านทั่วไปที่ถือหนังสือแล้วพลิกดูราคาเขาก็ไม่มานึกถึง เพราะเขาไม่รู้เรื่อง ทั้งยังไม่อาจประเมินด้วยสายตาของคนในแวดวงกันเองที่เห็นคุณค่าของคำว่า "ช่อการะเกด" หรือ "บก.สุชาติ" แล้วพร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มใจอยู่แล้ว

●....นึกออกไหมครับ คนที่รู้จักและเห็นคุณค่าอยู่แล้วย่อมบอกว่าเท่าไรก็ยอมจ่าย แต่กับคนอ่านหนังสือทั่วไปซึ่งไม่ได้คลุกคลีกับวงการนี้ แรงจูงใจในการซื้อจะแปรผกผันกับราคา ฉะนั้น ถ้าอยากให้ฐานคนอ่านไม่จำกัดแค่คนในแวดวงนักอ่าน-นักเขียนกลุ่มเดิมก็ไม่ควรตั้งราคาขนาดนี้ หรือหาวิธีที่ทำให้สามารถขายในราคาที่คนทั่วไปคำนวณในใจแล้วยอมควักกระเป๋าจ่ายได้

●....วรรณฤกษ์ ก็เคยเขียนไว้ใน นสพ.คมชัดลึก ถึงเรื่องราคาที่สูงเกินไป ไม่ใช่ผมคนเดียวที่รู้สึก

●....เดือนตุลาที่ผ่านมานอกจากจะได้เห็นผลงานของคนกันเองที่นี่ในช่อการะเกดแล้ว ผมก็เพิ่งเห็นคอลัมน์ เหมือนฝนจะตก งานภาพเขียนประกอบคำ โดย ยอดฉัตร บุพศิริ ในนิตยสาร CMYK เธอคือ ม่วนน้อย กวี-ศิลปินสาวคนคุ้นเคยกันในบล็อกแก๊งอีกเช่นกัน ถ้าใครติดตามอ่านบทกวีตามสนามต่างๆ โดยเฉพาะในมติชนสุดสัปดาห์ และจุดประกายวรรณกรรม น่าจะเคยผ่านตางานของเธอในนาม ยอดฉัตร บุพศิริ

●....เหตุที่เพิ่งเห็นคอลัมน์ "เหมือนฝนจะตก" เพราะเพิ่งได้หยิบและซื้อนิตยสารหัวนี้เพื่ออ่านงานเขียนเรื่องหนังของ merveillesxx ที่โปรโมตไว้ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคิดหยิบมาพลิกดูเพราะนึกว่าเป็นนิตยสารแนวๆ เหมือนอีกหลายเล่ม ซึ่งดีแต่ขายไอเดีย ขายรูปแบบ แต่อ่านแล้วแทบไม่ได้อะไร เข็ดมาตั้งแต่ a day (ยุคหลัง) แล้ว แต่ CMYK เท่าที่ดูจากเล่มนี้ถือว่าแตกต่างและน่าสนใจในระดับหนึ่ง ว่าจะลองติดตามต่อไป อย่างน้อยก็ตามงานของ ยอดฉัตร บุพศิริ

●....ว่าแต่ทำไมเนื้อหาจึงมีลักษณะของการ "รวบรวมและคัดเลือก" (โดยเขียนแยกเป็นข้อๆ) เยอะเป็นพิเศษ หรือว่าเป็นแนวทางของนิตยสาร แอบสงสัยอีกว่าการเลือกเรื่องที่นำมารวบรวมมีที่มาอย่างไร..อย่างเรื่องหนังสือที่แสดงถึง "ยุคกลาง" ทำไมอยู่ๆ จึงหยิบยุคกลางมาพูดถึง มีเหตุอะไรพิเศษ หรือว่าเล่มที่แล้วพูดถึง "ยุคคลาสสิค" หรือ "ยุคมืด" ?

●....คือผมว่าการเขียนในลักษณะรวบรวมแต่ละครั้ง โดยเฉพาะในสิ่งพิมพ์ที่มีวาระ มันน่าจะมีที่มาที่ไป เช่น เหตุการณ์ปัจจุบัน สิ่งที่กำลังอยู่ในความสนใจ คอนเซ็ปต์เล่ม หรือเรื่องจากปก...●●


●....มีเพลงมาฝาก 4 เพลงครับ


Get your own playlist at snapdrive.net!


*●....ปลายเดือนตุลาคม Keane ปล่อยเพลงใหม่ชื่อ The Night Sky ให้ ดาวน์โหลด ในโครงการ War Child เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม

●....ลองฟังเป็นตัวอย่างครับ (เพลงที่ 1) เพราะมาก เวอร์ชั่นเต็มจะยาวประมาณ 5 นาที

One day I will be
Back in our old street
Safe from the noise that's
Falling around me

And we'll release this town from the people
Who are trying to knock it down
And then only city lights will brighten the night sky
And there will be no sound

Open the bars and
Open the markets
Open the banks and
Open the churches

And we'll release this town from the people
Who are trying to knock it down
And then only city lights will brighten the night sky
And there will be no sound

We've been cowering so long
Oh what I would give
I ask so little
Oh what I would give
To stand at the bus stop
Or browse in a bookshop
To sleep and always be still

And we'll release this town from the people
Who are trying to knock it down
And then only city lights will brighten the night sky
And i will be set free from the people
Who are trying to bury me
And then only fireworks will light the sky at night
For all the world can see


*●....วงโปรดของผมสมัยนุ่งขาสั้นอย่างน้อย 2 วง เข็นอัลบั้มใหม่ออกมาช่วงนี้ วงแรก Helloween พาวเวอร์ เมทัล จากเยอรมนี กับอัลบั้ม Gambling with the Devil

●....ซิงเกิ้ลแรก As Long As I Fall (เพลงที่ 2) นุ่มนิ่ม พาวเวอร์ ป๊อป มาก ฟังทีแรกนึกว่า Linkin Park แต่เพลงอื่นยังหนักแน่นสะใจเหมือนเดิม

*●....อีกวงคือ Queensryche วงเมทัลซึ่งมักถูกจัดเข้ากลุ่มโพรเกรสซีฟ กับอัลบั้ม Take Cover ซึ่งเป็นเพลงคัฟเวอร์ล้วนๆ เอาเพลง For What It's Worth มาให้ฟังครับ (เพลงที่ 3) ต้นฉบับเป็นเพลงดังตลอดกาลของ Buffalo Springfield ซึ่งถูกคัฟเวอร์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เพลงเดียวกับที่ใช้ประกอบ title sequence "การเดินทางของกระสุน" ในเรื่อง Lord of War นั่นเอง

●....ว่าไปแล้วนี่คงเป็นยุคที่ วงร็อคพ้นสมัย เลือกหากินด้วยการคัฟเวอร์เพลงเด่นของศิลปินดังอย่างแท้จริง ลองไล่ดูเท่าที่นึกได้ เมื่อ 2 ปีก่อน ป๋า ออสซี่ ออสบอร์น ทำเพลงคัฟเวอร์ 10 เพลง เพื่อบรรจุไว้เป็นซีดีแผ่นที่ 4 ของบ็อกเซ็ต Prince of Darkness ก่อนจะดึงมา 9 เพลง แล้วบวกเพิ่มอีก 4 เพลง มาออกเป็นอัลบั้ม Under Cover อีกไม่กี่เดือนต่อมา

●....ปีที่แล้ว Def Leppard คัฟเวอร์เพลงร็อคยุค 70 ใน อัลบั้ม Yeah! มิถุนายนปีนี้ วง glam อย่าง Poison กับ 14 เพลงร็อคคลาสสิคในอัลบั้ม Poison'd! เดือนถัดมายังมีรุ่นใหญ่อย่าง Mountain ที่นำเพลงดังของ บ๊อบ ดีแลน มาคัฟเวอร์เป็นอัลบั้ม Masters Of War

*●....เอ่ยถึง บ๊อบ ดีแลน แล้ว ปิดท้ายด้วยเพลงนี้ครับ I'm Not There หนึ่งในเพลงที่ดังที่สุดของป๋าบ๊อบ เป็น outtake recording ระหว่างทำอัลบั้ม The Basement Tape ปี 1975 แต่ไม่อยู่ในสตูดิโออัลบั้มใดๆ และไม่เคยถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการมาก่อน นอกจากในอัลบั้ม bootleg

●....กระทั่งเมื่อเพลงนี้ถูกนำไปใช้เป็นชื่อหนังไอเดียบรรเจิดของ ท็อด เฮย์นส์ ที่นำนักแสดง 6 คน ต่างบุคลิก มาสวมบทเป็น บ๊อบ ดีแลน ในแต่ละช่วงชีวิต มันจึงได้กลายเป็นแทร็กสุดท้ายของซีดีแผ่นที่ 2 ของอัลบั้มซาวน์ดแทร็ค... ●●



Create Date : 11 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2550 2:03:42 น. 10 comments
Counter : 980 Pageviews.

 
โรงอื่นที่ไม่ใช่เฮาส์ รู้สึกจะตัดไปราวๆ 3-4 นาทีนะครับ สำหรับ "โรงงานอารมณ์" (ผมพลาดไปดูที่สยามก่อน แล้วพอได้ข่าวไปดูที่เฮาส์อีกที ก็ได้เจอส่วนที่หายไป)

ส่วน โดราเอม่อน ตอนไดโนเสาร์นี่เป็นหนึ่งในตอนที่ผมชอบที่สุดของภาคมูฟวี่เลยครับ จำได้ตอนเด็กๆอ่านแบบเป็นคอมมิคยังร้องไห้เลย คิดถึงพีซึเกะ แต่ยังไม่มีที่ไหนสานฝันให้ผมได้ดูแบบต้นฉบับเสียงญี่ปุ่นเลย แม้แต่พารากอน...
(อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เห็นออกดีวีดีมาหลายตอนแล้ว หวังว่าตอนนี้จะออกตามมาในไม่ช้าด้วยเถิด)

พูดถึงคุณเอกชัยแล้ว ผมรอเงินไปสอย Beautiful Boxer Director's Cut มาดูอีกรอบดีกว่า... คาดว่าราคาคงจะลงไปเยอะแล้วที่แมงป่อง


ปล. อยากดู The Good German


โดย: nanoguy วันที่: 11 พฤศจิกายน 2550 เวลา:1:10:37 น.  

 
As Long As I Fall นึกว่า LP จริงๆแหละ ตอนเสียงกลองก็นึกถึง ดรีมเธียเตอร์

LP ทีแรกว่าจะไม่ไป แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแว้วววว


โดย: renton_renton วันที่: 11 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:12:46 น.  

 
ผมอยากอ่านช่อการะเกดมาก


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 11 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:12:16 น.  

 

ตอบ nanoguy
ผมเพิ่งรู้เลยครับว่า "โรงงานอารมณ์" มี 2 เวอร์ชั่น
ส่วนดีวีดีโดราเอมอน น่าจะมีตามมาแน่ครับ

ตอบ renton
"ลิงกินผัก" เป็นไง หนุกป่าว

ตอบ I will see U in the next life.
ที่เชียงใหม่มีขายมั้ยครับ


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:32:02 น.  

 
ลิงกินผัก สนุกสุดๆ โหด มันส์ ไม่ฮา แต่โรแมนติค เพราะตั้งใจไปจ้องตาพี่เชสเตอร์น่ะค่ะ


โดย: renton_renton วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:50:05 น.  

 
ว้าย เพิ่งเห็น มีชื่อเราด้วย 5555

ชินจัง ผมว่าหลังๆ มันไม่สนุกเลยอ่ะ ลายเส้นก็แปลกๆ คนแปลก็เปลี่ยนไป เฮ้อ


โดย: merveillesxx วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:38:15 น.  

 
ขอบคุณครับพี่

เรื่องสั้นเล่มนั้นของพี่เอ้ จำได้ว่าเห็นจากในสตาร์พิกส์ เป็นเรื่องสั้นเล่มแรกที่ผมซื้อด้วยเงินของตัวเอง เหอๆ

เพิ่งเห็นข่าวเกี่ยวกับงานอบรมอะไรสักอย่างของมอรังสิต เห็นพี่เอ้ในมาดอาจารย์ ตอนแรกก็ทำให้รู้สึกตกใจเหมือนกันครับ


โดย: wayakon วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:13:44 น.  

 
ตอบ merveillesxx
ใช่ครับ โดยเฉพาะเล่มล่าสุดรู้สึกได้เลยว่ากร่อยลงไป แต่ผมก็ยังชอบอยู่นะ

ตอบ wayakon
ผมไม่ได้เจอ "อาจารย์เอ้" นานแล้วครับ



โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:42:18 น.  

 
โห...
เขียนถึงข้าพเจ้าด้วย
ขอบคุณที่ช่วยอุดหนุน CMYK
และคอลัมน์ เหมือนฝนจะตก นะคะ

มีกำลังใจขึ้นอีกหลายๆ


โดย: ม่วนน้อย IP: 202.44.136.50 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:57:29 น.  

 


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:19:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน
ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549

..............................








พญาอินทรี




ศราทร @ wordpress
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
11 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แค่เพียงรู้สึกสุขใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.