ดู-อ่าน-ฟัง...ธันวาคม 2550 : Lust, Caution-I Am Legend-กวีตาย-Metallica บลูกราสส์


*●....เพราะ Lust, Caution เวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์ ทำให้ต้อง "ตะลุยเมืองร้าง" เพื่อดูที่โรงเฮาส์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านี่เป็นครั้งที่ 2 เท่านั้นที่ผมดูหนังที่นี่ เนื่องจากไม่สะดวกกับการเดินทางและไม่ชอบบรรยากาศละแวกนั้นทั้งที่อยากสนับสนุนทางโรงหนัง หลังจากคราวนี้ตั้งใจว่าจะไปให้บ่อยขึ้นจะได้คุ้นเคยสักที

●....Lust, Caution ถือเป็นการปิดท้ายปี 2007 ด้วยความอิ่มเอม นับตั้งแต่ต้นปีที่มีหนังซึ่งแน่นในรสชาติ สโคปใหญ่ พร้อมจัดแต่งอย่างพิถีพิถันเพียบพร้อมผ่านมาให้ชมหลายเรื่อง เป็นรูปแบบรสชาติซึ่งขาดหายไปนาน เพราะโดนความแปลกใหม่-โฉบเฉี่ยว-หวือหวา-จี๊ด-เท่ หรืออะไรก็ตามที่เดินห่างจากขนบเก่าๆ เข้ามาแทนที่ในปัจจุบัน

●....ไม่ใช่ไม่ชอบของใหม่หรือเป็นพวกอนุรักษนิยม เพียงแต่เสน่ห์ของหนังในรูปแบบเก่าๆ ยังมีอยู่เสมอ พอได้ดูหนังอย่าง The Lives of Others, Curse of the Golden Flower, Black Book จนมาถึง Lust, Caution เลยเกิดอาการอิ่มเป็นพิเศษ ประกอบกับบางทีก็เบื่อๆ กับความพยายามนำเสนอของสื่อ ว่านั่นเจ๋ง นี่เท่ โน่นไม่เชย...ชี้นำกันไม่หยุดหย่อน อยู่ภายใต้ วัฒนธรรมไอที กันไปหมด ด้วยค่านิยมที่ต้อง อัพเดท+อัพเกรด ตลอดเวลา

●....ตัวละครของ หลี่ อัน ยังคงเป็นคนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสองฝั่งฟาก มีความแปลกแยกสับสนในตัวตน และไม่มั่นคงในพื้นที่ของตน เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ The Wedding Banquet (1993) ที่เห็นชัดก็ Ride with the Devil (1999) หรือแม้แต่เรื่อง Hulk (2003) ซึ่งลักษณะของตัวละครดังกล่าวอาจจะสะท้อนความเป็นคนไต้หวันของเขาได้เช่นกัน

*●....I Am Legend .... หนังที่คิดว่าจะมีอะไร แต่กลับไม่มีอะไรเลย การให้ความหมายของ "ตำนาน" ในหนังหลังโลกล่มสลาย ว่าเป็นคนกู้โลก เป็นผู้ปลดปล่อย ช่างซ้ำซาก เห็นกันมาไม่รู้กี่เรื่องแล้ว ยิ่งได้รู้ว่าในนิยายต้นฉบับให้ความหมายของ "ตำนาน" ว่าอย่างไร หนัง I Am Legend ยิ่งไม่ต่างจาก ตำนานดาดๆ เท่านั้นเอง

●....หนังไม่กระมิดกระเมี้ยนเลยว่าใช้คติทางคริสต์ขับเคลื่อนเป็นแก่นแกนของเรื่องราว นับแต่เริ่มต้นด้วยป้ายบิลบอร์ดที่มีข้อความเกี่ยวกับพระเจ้า จนถึงช่วงท้ายที่ตัวละครถกเถียงกันว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่ ชัดเจนขนาดนี้ก็จบข่าว...หนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ค้นหาอีก

●....ถ้าพอหยิบส่วนที่ใส่ให้ตีความ (โดยที่หนังชี้นำว่าให้ไปทางไหนอยู่แล้ว) ก็พอมี เช่น พระเอกรออยู่ที่ท่าเรือตอน "The sun (son) is highest...." ใช่หรือไม่ว่าการเป็นผู้ปลดปล่อยของพระเอกในหนังทำนองนี้หลายเรื่อง (เช่น The Matrix) เชื่อมโยงถึงพระเยซู (พระบุตร)

●....หรือดีวีดีในร้านที่พระเอกบอกว่าดูถึงแถว G นับจากนั้นก็มีเหตุให้เขาไม่ได้ดูหนังอีก ตัว G ที่พระเอกคั่งค้างก็คือตัวอักษรขึ้นต้นของ God ที่เขาไม่ศรัทธา ขณะที่ บ๊อบ มาร์เลย์ ที่อ้างถึง คือผู้ที่เข้ารีตในช่วงท้ายของชีวิต

●....หนังมีรายละเอียดที่ใส่แทรกไว้ แต่ไม่ได้มีนัยยะสำคัญ เช่น โลโก้แบทแมนกับซูเปอร์แมนบนบิลบอร์ด เป็นแค่ลูกเล่นว่าในอนาคตฮีโร่สองคนนี้จะอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน แถมยังเป็นโฆษณาแฝงด้วย เพราะทั้ง I Am Legend และแบทแมนกับซูเปอร์แมนเวอร์ชั่นหนังล่าสุดเป็นผลผลิตของ สตูดิโอวอร์เนอร์ เหมือนกัน ส่วนภาพเขียนของ แวน โกะห์ ในบ้านพระเอก ภาพที่เด่นที่สุดคือ The Starry Night ทดแทนภาวะไม่เคยเห็นเดือนเห็นดาวของเขาเพราะต้องซ่อนตัวอยู่ในบ้านตอนกลางคืน

●....ฉะนั้น หลีกเลี่ยงการจับทั้งหมดมาตีความรวมกันจะได้ไม่ปวดหัว เพราะอย่างที่บอก...หนังมันไม่มีอะไร

●....บังเอิญว่าช่วงเวลาใกล้กันได้ดู Children of Men (2006) ของ อัลฟองโซ คัวรอง ซึ่งว่าด้วยโลกหลังกาลล่มสลายเหมือนกับ I Am Legend ที่น่าสนใจคือใช้คติทางคริสต์ขับเคลื่อนเรื่องราวเหมือนกัน แต่ความเนียนของการนำเสนอใน หนังเด็กๆ เรื่องนี้แสดงให้เห็นเลยว่าเหนือชั้นกว่า ตำนานดาดๆ มากมายนัก

●....The Good Shepherd ... โรเบิร์ต เดอ นีโร พิสูจน์ให้เห็นชัดว่าเขาไม่ใช่แค่คนทำหนังเป็น แต่เป็นคนทำหนังดี หนังค่อยๆ คืบเคลื่อนอย่างหนักแน่น แม้ว่าเป้าหมายของเรื่องราวที่ให้เราติดตาม-ดูจะคลุมเครือไปสักหน่อย

*●....ชอบ โจ เพสซี ที่โผล่มาแค่ฉากเดียว แต่โดดเด่นเป็นธรรมชาติมาก

●....ได้ดูหนังสารคดีว่าด้วยอิรักหลังสงคราม 2 เรื่อง กับ 1 หนังสั้น ไล่จาก The Blood of My Brother: A Story of Death in Iraq (2005) Iraq in Fragments (2006) และ Sari's Mother หนังสารคดีสั้นซึ่งไม่ได้รวมอยู่ใน Iraq in Fragments เขียนรวมไว้ในบทความ 3 ตอนจบ ในข้อหัว หนังในโลกมุสลิม และ ‘อิรัก เรียลิตี้’ ในมติชน ติดตามอ่านได้ครับ... ●●





●....กวีตาย ของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ที่ทำให้ผมผ่านเดือนธันวาคมโดยที่อย่างน้อยก็อ่านหนังสือจบ 1 เล่ม

*●....2 เรื่องสั้นในเล่มนี้ยังไม่เคยตีพิมพ์ที่ไหน เรื่องแรก ความตายของบุรุษไปรษณีย์ เขียนเมื่อราวปี 2538 ออกแนวกึ่งจริงกึ่งฝัน หมุนวนแปลกแปร่งให้ความรู้สึกเหมือนดู Mulholland Dr. ของ เดวิด ลินช์ (แต่ไม่มึนเท่า) มีกลิ่นอายอัตถนิยมมายา เต็มไปด้วยชิ้นส่วนให้ตีความแทบทุกบรรทัด เรื่องที่สอง กวีตาย เป็นบทบันทึกกระแสสำนึก อุทิศแด่ เทือก บรรทัด กวีชาวตรังผู้เสียชีวิตเพราะโดนหนามไมยราบเกี่ยวบาดเมื่อปี 2548 เชื่อมร้อยจักรวาล เทือกเขา สายน้ำ ชีวิต และบทกวี ได้อย่างเยียบเย็นและยิ่งใหญ่

●....13 กุมภาพันธ์นี้ ครบ 2 ปี การจากไปของกนกพงศ์...

●....ไม่รู้จักเป็นส่วนตัว แต่เคยได้รับไมตรีดียิ่งในฐานะเจ้าบ้านของเขา ทั้งได้เดินตามหลังเข้าป่ากรุงชิง เมื่อคราวไปร่วม ชุมนุมช่างวรรณกรรม ที่นครศรีธรรมราช ปี 2541 (ถ้าจำไม่ผิด) กับได้สื่อสารสัมพันธ์ทางตัวหนังสือระหว่างบรรณาธิการ ไรเตอร์ ผู้ใจกว้างและเมตตา กับนักหัดเขียนมือใหม่

●....อ่าน กวีตาย แล้วยิ่งรำลึกนึกถึง...

*●....ชวนอ่านบทความทางวิชาการ วัฒนธรรมทางการเมืองไทย ของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ใน ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนมกราคม 2551

●...."...คนชั้นกลางไม่ค่อยเดือดร้อนกับความปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมืองนัก ตราบเท่าที่ความปั่นป่วนวุ่นวายนั้นถูกจำกัดขอบเขตให้อยู่นอกปริมณฑลชีวิตของคนชั้นกลาง...." จริงซะยิ่งกว่าจริง!... ●●







*●....ไดอาน่า ครอลล์ (Diana Krall) อัลบั้ม The Very Best of Diana Krall ออกมาตั้งแต่เดือนกันยายน พอดีตอนนั้นกำลังอยู่ในช่วงกลับมาบ้าเมทัลยุค 80 อีกครั้ง จึงเพิ่งได้โอกาสหยิบมาฟัง

●....สาวนักร้อง-นักเปียโนแจ๊ซชาวแคนาเดี้ยนผู้มีเนื้อเสียงใหญ่ แต่นุ่มหวาน ออกอัลบั้มรวม 15 เพลง จากหลายอัลบั้มในรอบ 10 ปี ตั้งแต่ 1996-2006 แถมด้วยเพลง Fly Me to the Moon เวอร์ชั่นแสดงสด ทุกเพลงเป็นเพลงเก่า ส่วนใหญ่เป็นเพลงยุค 20-30 ทั้งที่เป็นแจ๊ซและป๊อป สแตนดาร์ด ฟังกันเพลินๆ กว่า 70 นาที

●....อันที่จริง เธอมีฝีมือในการแต่งเพลงด้วย อัลบั้ม The Girl in the Other Room (2004) ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ผมชอบที่สุด ครอลล์แต่งทำนองและเรียบเรียงดนตรีเองหลายเพลง ได้ เอลวิส คอสเตลโล่ สามีมาช่วยเขียนคำร้อง



*●....ส่วนชุดนี้ Iron Horse - Fade to Bluegrass : The Bluegrass Tribute to Metallica (2003) บอกตามตรงว่าโหลดมาฟัง เห็นว่าน่าสนใจดี ใช้ดนตรีบลูกราสส์เล่นเพลงของ Metallica ปกออกแบบอิงกับ black album แต่มีเพลงจากอัลบั้มอื่นด้วย ค้นข้อมูลในเว็บ amazon บอกว่ามี vol. 2 ปกสีขาว แต่ยังหาโหลดไม่เจอ

●....ปิดท้ายด้วยข่าวน่ายินดี..."ฟักทองผี" Helloween จะมาเปิดคอนเสิร์ต Hellish Rock 2008 ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี วันที่ 20 กุมภาพันธ์ งานนี้ไม่พลาดแน่ๆ ... ●●



Create Date : 07 มกราคม 2551
Last Update : 7 มกราคม 2551 12:12:32 น. 6 comments
Counter : 1100 Pageviews.

 

จนวันนี้แล้วก็ยังไม่ได้ดู I Am Legend เลยค่ะ
The Good Shepherd ก็หนักแน่นดี แต่ที่หนักแน่นกว่าต้องยกให้ Children of Men แถมถ่ายภาพได้สวยอีกต่างหาก


โดย: renton_renton วันที่: 7 มกราคม 2551 เวลา:13:37:17 น.  

 
ซี้ดเล็ก ๆ กับ Bluegrass ที่ว่า Cover Metallica

ส่วนเรื่อง I am Legend เคยคุยกับพี่คนนึง เล่าให้ฟัง (ผมยังไม่ได้ดู) ว่าหนังเรื่องนี้ เหมาะจะโผล่มาช่วงธันวาฯ เทศกาลคริสต์มาสจริง ๆ หลังจากที่ปีแล้ว ๆ สื่ออะไรออกมาโต้ง ๆ เลย

(Passion กับ Nativity นั่นไง)



โดย: ShadowServant วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:0:32:48 น.  

 

ชอบ Children of Men มากๆ เลยครับ เสียดาย อยากดูในโรง ซาวด์แทร็กเรื่องนี้ก็เพราะมาก ผมกัดฟันซื้อมาเลย

ล่าสุดได้ดู INLAND EMPIRE ของ เดวิด ลินช์ ครับ หลังจากดูเสร็จตอนตี 5 (เพราะเริ่มดูตีสอง) ผมส่ง sms หาเพื่อนๆ ว่า

"INLAND EMPIRE is totally 3 hours of nightmare, the last 30-minute of this film is scary as hell. Anyway, still a perfect filn without understanding 555"

และตอนนี้ตั้งชื่อ MSN ว่า

"INLAND EMPIRE tortured my brain"


โดย: merveillesxx วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:2:05:35 น.  

 

ตอบ เรนตัน
ใช่ๆ ภาพ Children of Men นี่สุดยอด

ตอบ ShadowServant
Passion กับ Nativity ผมว่าพอทำเนานะ ไหนๆ ก็เป็นหนังชีวประวัติแล้ว ยอมหยวนๆ ให้
แต่ I am Legend มันทื่อเกินไป จนรู้สึกขัดใจ

ตอบ merveillesxx
เจอกันแน่ Inland Empire 555


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:3:45:10 น.  

 
แวะมาทักทายครับ ชอบ Lust มากและเคยเขียนถึงที่ Blog เลเจ้นท์ ส่วนตัวแล้วผมชอบนะ (แม้จะดูตั้งใจไปหน่อย) ชอบหนังเท่ห์ๆเกี่ยวกับศาสนาเหมือนคอนสแตนตินเรื่องก่อน เรื่องความเป็นเด็กในตัวผู้ใหญ่ ชอบมากโดยเฉพาะการใช้กล้อง เนื้อเรื่องโดนใจมาก


โดย: beerled IP: 203.154.187.178 วันที่: 9 มกราคม 2551 เวลา:17:57:14 น.  

 
โอ้ว เก๋ จิงๆ อ่านๆ ดูแล้วหนังก็มีทั้งได้ดูและไม่ได้ดู แต่อันสุดท้าย สิเจ๋งกว่าใครเพื่อน Iron Horse ทำได้งัย ยำ เพลงซะออกมา ล่องทะเล เลยล่ะครับ ชอบๆๆๆๆๆ


โดย: haro_haro วันที่: 10 มกราคม 2551 เวลา:17:19:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน
ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549

..............................








พญาอินทรี




ศราทร @ wordpress
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แค่เพียงรู้สึกสุขใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.