Saraburi - Trip
วันนี้นู๋แป๋มชวนเที่ยวสระบุรีค่ะ เดินทางสะดวกสบายไป-กลับภายในวันเดียวได้เลยค่ะ ต้องขอกริ่นนิดนุงก่อนน๊า ทริปนี้ก็อุตลุตทัวร์ไม่มิมีหลุดคอนเซ็ปท์ของเราสองคนแต่อย่างใด เนื่องมาจากสามีต้องไปทำงานที่อยุธยา นู๋แป๋มก็เลยติดสอยห้อยตามไปด้วย ขากลับเราก็เลยแวะสระบุรีกันซะเร้ย (เหมือนเป็นทางเดียวกันมะคะ 5555)ถ้าออกเดินทางจากกรุงเทพใช้เวลาประมาณชั่วโมงก็ถึงตัวเมืองสระบุรีแล้วค่ะ แต่จุดหมายเรา trip นี้อยู่นอกตัวเมืองต้องขับรถไปอีก( ถึงสระบุรีแล้วเลี้ยวขวานะจ๊ะ ) ตามเส้นทางขึ้นภาคอีสานไปอีกซักนิดก็จะถึงอำเภอมวกเหล็กแล้วค่าที่อำเภอมวกเหล็กนี่มีสวนองุ่นมากมายค่ะ มีคนบอกว่าเพราะดินที่นี่ดีอีกทั้งภูมิอากาศที่เหมาะสม จึงสามารถทำสวนองุ่นที่มีผลผลิตดีได้ค่ะ ขับรถเล่นๆ ให้เย็นๆ ใจกันไปเรื่อยๆ ตามป้ายบอกทาง ตอนแรกจะไปดูดอกทานตะวัน แต่ระหว่างทางก็จะมีไร่องุ่นเรียงรายอยู่มากมาย แถวๆ นี้มีค่ายสำหรับฝึกลูกเสือด้วยหละค่ะ บรรยากาศก็ธรรมชาติเลยหล่ะ มีรถผ่านไปมาน้อย เรากลัวหลงทางกันมากค่ะ เพราะเป็นครั้งแรกที่เรามาที่นี่ ระหว่างทางเจอไร่องุ่นของคุณกบปภัสรา แต่ด้วยรู้สึกว่าต้องเข้าไปอีกไกล เลยเลือกไร่นี้แทนค่ะ เพราะอยู่ติดถนน และเห็นต้นองุ่นได้ชัดเจนเลยค่ะ ไม่ต้องเข้าไปไกล ถึงที่หมายแล้วค่ะ สวนอง่นคุณมาลี ( ถ้าเพื่อนๆอยากไปสวนอื่นๆก็ขับรถตามป้ายบอกทางไปได้เลยนะคะ เข้ามีป้ายบอกทางไปสวนตั้งแต่ริมถนนใหญ่เลยค่ะ) อากาศดีมากเลย!!!!ตอนแรกก็เดินหาองุ่น เจอแต่ต้น ได้แต่ร้องกรี๊ดๆ ช้านจะเอาแบบในทีวีพวกท่องเที่ยว ที่มีพวงองุ่น ห้อยอยู่บนต้นนี่ สามีก็รำคาญ ได้แต่บ่นว่า "อยากได้ต้นสวยๆ ไว้ถ่ายรูปก็ต้องเดิน รู้จักป่ะเดินอ่ะ เดิน"ไอ้เราก็ขี้เกียจเดิน นี่หว่า ชั้นจะมาแอ๊คท่าถ่ายรูปกับต้นองุ่นไปอวดเพื่อนๆ ให้อิจฉาเล่นสักหน่อย ถ้าไม่เจอพวงองุ่นก็มาไม่ถึงนะดิ เป็นไงเป็นกันเดินก็ได้ฟระเดินมาถึงแล้ว ความเหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้งค่ะ เปลี่ยนอารมณ์แล้วผู้หญิงคนเนี่ย เดินดูองุ่นเพลินใจเจรงๆ (น่าเด็ดกิน) แต่เค้าห้ามเด็ดนะคะ ห้ามจับด้วย เดี๋ยวองุ่นจะช้ำใจเต็มไปหมดเลย ตาลายอยากกิน อิอิ มีป้ายเตือนคนมือบอนด้วยค่ะ เห็นป้ายไหมค่ะ ยืนยันว่าห้ามจับ เป็นไงๆ (อิอิหวิดไป)เดินชมแล้วก็ออกมาก็ออกมาอุดหนุนเขาหน่อยมีสองสีค่ะ สีม่วงกับสีเขียว สีม่วงลูกใหญ่กว่าหน่อย มีเมล็ด ออกเปรี้ยวค่ะ ส่วนสีเขียวลูกเล็กกว่า ไร้เมล็ดหวานอร่อยมากค่ะ เขาบอกไม่ใส่สารพิษเลย (กินไม่เหลือ )ขับรถออกมาจากไร่องุ่น มาตามหาทุ่งดอกทานตะวันกันนะคะ ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปกับดอกทานตะวันก็ถือว่ามาเสียเที่ยวค่ะ ระหว่างทางแล้วเราพบกับทุ่งดอกทานตะวันค่ะ เหลือแปลงสุดท้ายแล้วอา ไม่มีให้เลือก แวะลงไปถ่ายรูปดีก่าอ่อ ลืมบอกไปทุ่งดอกทานตะวันนี่เขาคิดค่าเข้าชม ( 20 บาทมั้งคะ แป๋มไม่แน่ใจ) และแบบไม่คิดค่าเข้าชมนะคะ วิธีไปทุ่งดอกทานตะวันสังเกตุจากป้ายบอกทางคะที่เขาจะติดไว้ตามถนนได้เลยค่ะ ทุ่งดอกทานตะวันนี่จะเริ่มบานในเดือนต.ค.-ธ.ค.นะคะ แล้วทุ่งดอกทานตะวันก็จะย้ายที่ไปเรื่อยๆนะคะ ถ้าหากไปต่างช่วงเวลากันก็ได้ แต่ว่าดอกทานตะวันบานแล้วจะอยู่ได้แค่ไม่กี่วันก็จะโรยแล้ว เดินตากแดดให้ตัวดำเล่นๆเสร็จแล้วก็ไปหาอะไรทานกันดีกว่า (หิวแล้วใช่มะล่า) มามวกเหล็กทั้งทีต้องมาทานสเต๊กซิคะ แป๋มแนะนำร้าน "ครูต้อ" ร้านมีสาขาตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งถนนขึ้นสายอีสานเลยคะไม่ต้องไปกลับรถ ถ้ายิ่งช่วงเทศกาลละไม่ต้องห่วงคนแน่นเลยค่ะสภาพภายในร้านดูโล่งจังเลยมีแผนที่อีสานให้ดูระหว่างรอด้วยน้าสลัดเรียกน้ำย่อย น้ำสลัดรสชาติไม่เลี่ยนค่ะ เปรี้ยวหวานกำลังดี ผักก็สดใช้ได้สรุปว่าอร่อยดีค่ะจัดแจงแบ่งขนมปังเตรียมพร้อมลุย สู้ๆ พระเอกมาแว้ว "พิเลมิยอง เนื้อโคขุน(เนื้อโคยางดำ)" ของแป๋ม อิอิ เนื้อยุ่ยมากค่ะ แทบจะละลายในปากเลย เห็นแล้วอยากกินชิมะ ชิมะสเต็กเนื้อธรรมดาของคนขับรถ(คุณสามี) โอ๊ยไม่ไฮโซซะเร้ย ว่าก็ว่าเถอะ วันนี้เป็นคนขับรถนี่ 555 ส่วนนังคุณนายไฮโซล่อเนื้อโคขุน ชิชิซัดโฮก!!! ไม่มีเหลือ หมดเรียบทุกอย่าง เอิ๊ก... อิ่มเจรงๆอิ่มแว้วก็กลับกรุงเตบกันดีกว่า บ๊าย บาย ค่า....เจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ อย่าลืมตามมาเที่ยวอีกน้าจุ๊บ จุ๊บ
ปล. ถ้ามาเที่ยวหน้าลองไปทานสเต็กที่ Dairy Home ดูนะครับ..อร่อยดี