<<<<บ้านอะเดลยินดีต้อนรับจ้า>>>>
Group Blog
 
 
กันยายน 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
3 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
คีย์...ของหัวใจ : บทที่1

รถมอเตอร์ไซค์ 450 ซีซี แล่นด้วยความเร็วคงที่ ตรงไปตามถนนใหญ่ คนขับบิดคันเร่งเมื่อถึงเนินสูง...สองข้างทางมองแทบไม่เห็นอะไรเลย สีเหลืองนวลของไฟหน้ารถสาดลงบนถนนขรุขระ ซึ่งความมืดโรยตัวหนาทึบทั้งสองด้าน...

คันเร่งถูกคลายออก เมื่อรถเลี้ยวเข้าทางแยก

ถนนเป็นเนินขึ้นลงเรื่อยมาจนถึงสะพานไม้ ซึ่งด้านล่างกระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยว เครื่องยนต์คำรามก้องแต่คนขับกลับได้ยินเสียงน้ำค่อนข้างชัดเจน ดวงตาใต้หน้ากากหมวกนิรภัยเบือนออกนอกถนน หาทิศทางเสียงน้ำกระเซ็น...

ภาพอดีตผ่านเข้ามาชัดเจน ราวกับเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำ....

"ขึ้นมาสิอะเดล...เดี๋ยวพี่จะพาเที่ยว" เด็กชายผิวขาวสะอ้านคือตัวเขาเมื่อสิบปีก่อน "มาสิ พี่จะพาไปส่งที่บ้าน"

"ไม่เอา อะเดลกลัว เดี๋ยวล้ม.. อะเดลกลัวเจ็บ รอให้คุณมาลัยมารับดีกว่าค่ะ"

"คุณมาลัยไม่มารับแล้ว เดี๋ยวฝนก็ตก อะเดลจะเปียกนะ"

"งั้นอะเดลวิ่งเอาดีกว่า วิ่งดีกว่า ไม่กลัวล้มด้วย คุณมาลัยว่าซ้อนจักรยานบนถนนใหญ่อันตราย"

"ไม่ล้มหรอกนา เร็วสิ ไม่ไว้ใจพี่เหรอ วิ่งเหนื่อยนะ ซ้อนท้ายพี่ไม่เหนื่อย แป๊บเดียวก็ถึงบ้านแล้ว" เด็กชายคะยั้นคะยอ

"ไม่ล้มจริงๆ นะ"

"เชื่อมือสิ ไม่เป็นไรหรอก... ภูชิสสะซะอย่าง ไว้ใจได้ร้อยแปด..."

"ทำไมต้องร้อยแปดด้วยล่ะ"

"ต้องร้อยแปดสิ เพราะร้อยแปด มันมากกว่าร้อยเจ็ด" เด็กชายอธิบายราวกับผู้มากประสบการณ์ แต่ความจริงก็ว่าไปอย่างนั้น แค่ได้ยินคนอื่นเขาพูดกัน เลยลองใช้บ้าง หากเด็กหญิงตัวกระเปี๊ยกก็พยักหน้าราวกับเพิ่งรู้แจ้ง

"มาสิเร็ว... ระวังนะ กอดเอวพี่ไว้แน่นๆ จะไปแล้วนะ...."

เพราะการเชื่อคนง่ายในตอนนั้น ทำให้ขาซ้ายของอะเดลิตาบิดเสียรูป ช่วงเข่างอแทบไม่ได้ เด็กตัวน้อยไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปได้ รอยบากที่เข่าเกิดขึ้นพร้อมกับแผลเป็นที่หน้าผากของภูชิสสะ

10 ผ่านไป เข่าของเด็กหญิงตัวน้อยไม่สามารถกลับเป็นอย่างเดิมได้ หากแผลของเด็กชายที่น่าจะรักษาหาย แม้จะยังทิ้งรอยแผลเป็นบนใบหน้าบ้าง แต่คงไม่หลงเหลือความเจ็บปวดไว้อีก แล้วไยตอนนี้พิษของแผลยังตามเล่นงาน แผลเป็นนี้ยังตามหลอกหลอนเด็กชายอยู่ร่วมสิบปี

ทุกครั้งที่ส่องกระจก เสียงสะอื้นไห้ของเด็กตัวจ้อยจะตามมาทำร้าย ราวกับคมกริชที่พุ่งตรงเข้าตัดขั้วหัวใจ ภาพต่างๆ หมุนเคว้ง ใบหน้าซีกซ้ายเต็มไปด้วยเลือด ความเจ็บที่เด็กชายได้รับ ยังติดแน่นในใจ... มันคงไม่มีวันหายไป จนกว่าเข่าของเด็กหญิงจะกลับเป็นดังเดิม ออกวิ่งซุกซนไปตามที่ต่างๆ อย่างที่เธอเคยทำ...



"อะเดล....พี่ขอโทษ..."

ทั้งที่พยายามหนีมาตลอด หากความรู้สึกผิดยังตามติดเป็นเงา แม้อยู่คนละมุมโลก แต่ความทรมานที่เด็กหญิงได้รับเหมือนจะสะท้อนถึงเด็กชายอย่างชัดเจน

เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับรถแล่นต่อไปบนถนน ต้นไม้แผ่กิ่งก้านกว้างขึ้นจนเห็นเป็นซุ้มให้รถลอดผ่าน ดูเหมือนเข้าสู่อุโมงค์ซึ่งทอดยาวไปในความมืด



รถแล่นออกจากซุ้มไม้สูง ถึงที่โล่งกว้าง และหยุดลง...

รั้วต้นไม้เตี้ยๆ มองเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนแม้ในความมืด ด้านในไม่ไกลนักเป็นบ้านรูปร่างยาวแต่ค่อนข้างเตี้ย แสงไฟริมรั้วทำให้เห็นสภาพภายใน...

'ที่นี่คือ พฤกษาปริศนา ปราสาทของดอกไม้ ด้านในมีบ้านนกด้วย...ในนั้นจะมีของวิเศษที่นกทิ้งไว้ แต่ประตูด้านหน้าจะเปิดก็ต่อเมื่อถึงเวลา...แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาเนอะ อยากรู้จังในนั้นมีอะไร...ชิสสะรู้ไหม...'

นั่นเป็นคำพูดของเด็กหญิงตัวเล็กที่เคยซ้อนท้ายจักรยานของเด็กชายเมื่อสิบปีก่อน...



เรือนกระจกทางฝั่งซ้ายของบ้าน ดูใหญ่กว่าเมื่อสิบปีก่อน ไม้เล็กๆ ออกดอกสะพรั่ง บ้างเบ่งบานอยู่ในแปลงเพาะ ด้วยได้รับการดูแลอย่างดี บางส่วนปลูกในกระถางรูปทรงสวยเรียงรายเต็มรางไม้เตี้ยๆ อวดความงามโดดเด่น เข้ากันดีกับไม้กระถางลอย ที่แขวนสูง โชว์ความอวบอ้วนของกลีบดอก...

"ขอโทษค่ะ... ตรงนี้เข้าไปไม่ได้นะคะ" ริสาคนงานดูแลเรือนกระจกบอกชายหนุ่มอย่างสุภาพ "คุณลูกค้ามาดึกจังค่ะ แต่ถ้าจะสั่งดอกไม้ ไปที่เรือนรับรองดีกว่ามั้ยคะ"

เพราะอยู่ในความมืดทำให้ริสามองคนตรงหน้าไม่ค่อยถนัดนัก แต่รู้ว่าเป็นชายหนุ่ม ร่างสูงโปร่ง สายตาของเธออยู่ระดับเดียวกับอกเขา ทั้งอีกฝ่ายยังยืนหันหลังให้สาวร่างเตี้ย

"คุณคะ" ริสาเรียกเสียงดัง ดูเหมือนว่าผู้มาเยือน ยังคงไม่รับรู้การมาของเธอ ราวกับว่าตกอยู่ในภวังค์บางอย่าง

"คุณ... คุณคะ" ริสาเรียกพร้อมสะกิดแขน

"เอ่อ ครับ" เสียงทุ้มต่ำตอบรับคล้ายสะดุ้ง ดวงตาคมมีแววกังวล แว่นดำถูกสวมเข้าปิดดวงตา แทบจะพร้อมกับหมวกแก๊ปถูกรั้งลงต่ำ ปิดใบหน้าคม ซึ่งดูโดดเด่นแม้อยู่ในเงามืด

"คะ...คุณ...." ริสาตกอยู่ในอาการช็อก มือสั่นริกยกขึ้นชี้อกคนตรงหน้า อย่างไม่อยากเชื่อสายตา "ซะ.. ซะ.. ซาลาท...อิโอ ซาลาท... ใช่ ซาลาทจริงๆ ด้วย มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง กรี๊ด ไม่อยากเชื่อ..."

เสียงร้องลืมตัวของริสายิ่งทำให้ชายหนุ่มทำตัวไม่ถูก เขาต้องการมาที่นี่ให้เงียบที่สุด แต่ดูท่าคนแถวนี้จะแตกตื่นกันไปหมด อย่างน้อยก็มีสองถึงสามคนแล้ว ที่กำลังรีบเร่งมาทางต้นเสียงร้องแหลม

"ยัยริสา เป็นอะไร ผีเข้ารึไง" ริยาหญิงสาววัยเดียวกับริสาตามลงมาจากบ้านพัก "เสียงเธอทำลูกค้าตกใจ ขวัญหนีดีฟ่อแล้วเห็นมั้ย...ขอโทษนะคะคุณ..."

ริยายิ้มค้าง ตกอยู่ในอาการเดียวกับริสา อ้าปากกว้าง กระตุกหน่อยๆ ก่อนจะกระเถิบเข้าไปผลัดกันหยิกแขนกับเพื่อน ประมาณจะพิสูจน์ว่า ไม่ได้ฝันไป

"ต้องขอโทษแทนแม่สองสาวด้วย...ไม่ทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยเรื่องอะไรคะ จะรับดอกไม้หรือว่าจองสถานที่จัดเลี้ยง..." หญิงวัยสามสิบปลายๆ ท่าทางใจดี ออกมาต้อนรับชายหนุ่ม

แม้ที่นี่จะเป็นฟาร์มเล็กๆ และไร่ดอกไม้ อยู่ห่างถนนใหญ่พอสมควร แต่บ่อยครั้งที่มีลูกค้าเข้ามาสั่งดอกไม้ถึงในไร่

"... คุณมาลัย" ชายหนุ่มตรงหน้าเพ้อเสียงแผ่ว

นั่นทำให้ทั้งริสา และริยาแน่ใจว่าผู้จัดการสวนพฤกษา รู้จักกับคนที่เธอคิดว่าเป็น อิโอ ซาลาท นักแสดง นายแบบหนุ่ม ที่กำลังโด่งดังกับฐานะนักร้องซึ่งกำลังได้รับความนิยมในขณะนี้

* * * * * * * *

"เจ๊อยากตาย..." ผู้จัดการหนุ่มใหญ่หัวใจนะยะ โอดครวญยกมือบีบขมับตีหน้าหนักใจ

"เอากับมันสินา... เห็นมันทำตัวดีๆ คิดแล้วว่ามันต้องมีแผนบางอย่าง" เซนยะหัวเราะร่วน ไม่แน่ใจว่าขำท่าทางกรีดกรายของผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องในสังกัด หรือว่าถูกใจพอใจที่สิ่งที่ตนแอบคิดเป็นความจริง

"ไม่ใช่เวลามาชื่นชมนะคะคุณเซน... ซาลาทก่อเรื่องอีกแล้ว สัมภาษณ์เสร็จปุ๊บ พ่อก็หายตัวไปปั๊บ แถมยังขับรถออกไปลำพังอีก ทำอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าโดนจับล่ะก็ ข่าวใหญ่เลยล่ะ หายไปไหนก็ไม่รู้ ทำอะไรไม่รู้จักปรึกษา ทำอย่างนี้ได้ยังไง ฉันต้องรายงานต้นสังกัด เขาทำอย่างนี้ได้ยังไง ไม่เคยเห็นหัวฉันเลยใช่มั้ย....เพราะคุณเซนค่อยให้ท้ายอีกน่ะแหละ.."

"เอาน่าๆ ยังไงชิสสะ เอ้ย! ซาลาทมันสัมภาษณ์เสร็จแล้วค่อยหนี ก็ยังดีกว่ามันหนีไปก่อนงานสัมภาษณ์ล่ะนา" เซนยะมองโลกในแง่ดีเสมอ ชายหนุ่มไม่ค่อยจะตีหน้าเครียด ร้อนรนไปทำเหตุการณ์อย่างคนข้างๆ

"ดียังไงคะ งานที่ฉันรับไว้ละคะ นิตยสารต่างๆ ก็รอสัมภาษณ์ยาวเป็นหางว่าว ทำอย่างนี้ได้ยังไง"

"เอาน่าๆ ก็ซาลาทมันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า มันมีเวลาให้ชั่วโมงเดียว คุณเองแหละที่ไปรับงาน โดยที่พ่อนักร้องหนุ่มไม่เต็มใจ"

"นี่! คุณเซนยะ บอสให้คุณมาช่วยฉันคุมซาลาทนะ ไม่ใช่ให้มาสนับสนุนเขา ฉันละสงสัยจริงๆ ว่า การที่ซาลาทหายออกไปจากสตูดิโอได้ง่ายๆ คุณก็มีส่วนช่วยด้วยหรือเปล่า..."

"อย่ามาใส่ร้ายกันนา..." เซนยะแก้ตัว แต่สายตาจับผิดของปีเตอร์ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้ง ต้องรีบหาทางออก "เอาน่าๆ ผมจะรีบตามตัวให้เจอ คิดว่ามันคงไม่ไปไหนหรอก เดี๋ยวก็คงกลับ..."

"ยังไงซะ พรุ่งนี้ ซาลาทมีสัมภาษณ์รายการดังของที่นี่ เบี้ยวไม่ได้ ไม่อย่างงั้นจะเป็นเรื่องใหญ่ คุณต้องรีบตามซาลาทมาให้ทัน ไม่งั้นได้พังกันเป็นแถบๆ เรื่องต้องถึงหูบอสแน่... ถึงคุณจะเป็นหลานรักของบอส แต่เสียหายขนาดนี้ บอสก็ต้องเล่นงานคุณบ้างล่ะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะคะ อย่าตามใจกันมากนัก"

"คร้าบๆๆๆ...." เซนยะโบ้ย พลางเดินออกจากห้อง

"คุณเซน! คุณจะไปไหนไม่ทราบ..."

"ไปช่วยคุณตามหาซาลาทไง..."

"โอ้ย จะไปตามยังไง โอ้ยๆ เดี๊ยนอยากตาย.. อะไรยะ ไม่รับ โทรศัพท์ฉันไม่รับ บอกปัดไปให้หมด บอกซาลาทไม่สบาย ไว้รอสัมภาษณ์ทีเดียวพรุ่งนี้....อะไรยะ แค่นี้คิดเองไม่เป็นหรือไง"

เสียงผู้จัดการประเทืองยังดังตามหลังมา หล่อนมักวีนแตกใส่คนรอบข้างจนเป็นที่รู้จักกันดี จะว่าไปแล้วปีเตอร์ดูจะเป็นผู้จัดการฝีมือดีคนหนึ่งของ ทีจีมิวสิก บริษัทยักษ์ซึ่งผลิตสื่อบันเทิงออกตีตลาดโลก คิดว่ามีแต่ปีเตอร์เท่านั้นที่จะเอาซาลาทอยู่หมัด แต่แล้วหล่อนก็ต้องปวดหัวกับนักร้องหนุ่มจอมดื้อรั้น เข้าใจยาก ที่ชื่อว่า อิโอ ซาลาท

* * * * * * * * *

"นี่จ้ะ...ว่าแต่จะเอาไปให้สาวที่ไหนจ๊ะ" คุณมาลัยยื่นดอกไม้ซึ่งจัดช่อไว้แล้วให้ลูกค้าหนุ่มดู ก่อนจะเอามาใส่กล่องกระดาษให้เรียบร้อย

ชายหนุ่มไม่ตอบ หรือเพราะตอบไม่ได้ เอาแต่ยิ้มเก้อๆ จะบอกว่าอย่างไรดีล่ะ ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาไปให้ใคร อยู่ๆ มาร้านดอกไม้เวลากลางคืน จะบอกอะไรได้อีก นอกจากมาสั่งดอกไม้ แล้วเมื่อโดนคำถามว่าจะไปใช้งานอะไร คำตอบที่อิโอ ซาลาทพอคิดได้ก็คือ 'เอาไปให้ผู้หญิงน่ะสิ...'

"หรือว่ามีหลายคนเอ่ย เลยไม่รู้จะให้ใคร น้าจัดให้อีกช่อดีมั้ยคะ"

"ฮะ?" นั่นคือการถามคลายสะดุ้ง ไม่ใช่ตอบรับอย่างแน่นอนว่า เขามีสาวหลายคน หรือจะรับอีกช่อไปฝากสาวอีกคนนั้นเป็นแน่

"จำได้ว่าเมื่อก่อนคุณชิสสะเนื้อหอม เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ" ผู้มากวัยกว่าว่าทีเล่นทีจริง หากชายหนุ่มก็ยังไม่ว่าอะไรนอกจากยิ้มรับตรงมุมปาก ไม่ต่างจากเก่าก่อน

"น้าดีใจที่ได้เจอ และคุณยังจำน้า... ยังจำที่นี่ได้อีก" น้ำเสียงตอนท้ายแฝงอะไรบ้างอย่างไว้ ดูเหมือนชายหนุ่มเองก็จับความรู้สึกบางๆ นั้นได้เช่นกัน

"คุณพ่อบอกผมไว้ก่อนมาที่นี่ว่า..." ชิสสะเหมือนจะบอกความอะไรบางอย่าง

"...ว่าแต่คุณเถอะมาเมืองไทยครั้งนี้ มาเที่ยวหรือว่ามาทำธุระกันคะ" คุณมาลัยพูดแซงขึ้นราวกับไม่ต้องการได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มจะบอก ใบหน้าใจดีก่อนหน้านี้ดูซีดไปถนัดตา

ภูชิสสะพยายามประสานตากับคนตรงหน้า แต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหนี ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ

"ผมมาทำงานครับ จะอยู่ที่นี่ถึงวันอังคาร"

"ก็อีกสามสี่วันน่ะสิคะ..."

"ครับ...เอ่อ คุณมาลัยฮะ?..." ชิสสะพยายามจะบอกอะไรเหมือนจะพยายามอีกครั้ง แต่ประจวบเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัด นักร้องหนุ่มตีหน้าเซ็ง คงนึกแช่งคนที่โทรมา...

"รับเถอะจ้ะ..." คุณมาลัยบอกอนุญาตเมื่ออีกฝ่ายยิ้มลำบากใจ แต่ไม่วายพูดล้อ "สาวคงโทรมาตาม"



"ว่าไง..." ชิสสะตอบรับ พร้อมกับรีบดึงโทรศัพท์ออกห่างหู สาเหตุมาจาก...

"ไอ้ป่วน!... นายหายหัวไปไหนมา ไปอยู่ติ่งไหนของประเทศวะ รู้มั้ยฉันลำบากแค่ไหน" เสียงทุ้มต่ำฟังชัดว่าเป็นเสียงหนุ่ม ไม่ใช่สาวสวยอย่างที่คุณมาลัยเข้าใจ

"เฮ้ย... ชิสสะ นายฟังอยู่รึเปล่า" เสียงอีกฝ่ายตะคอก เมื่อภูชิสสะยังเงียบ "ไอ้ชิสสะ ฟังนะโว้ย ฟังอยู่มั้ย"

"ฟัง"

"นายรีบพาหัวนายกลับมาเลยนะ ปีเตอร์ร้อนใหญ่แล้ว... นายบอกฉันว่าขอออกไปสองสามชั่วโมง นี่ปาเข้าไปครึ่งค่อนวันแล้วนะโว้ย นายอยู่ไหน ฉันจะให้คนไปรับ" เซนยะร่ายยาว ดูเหมือนอีกฝ่ายจะผิดสัญญาที่ตกลงไว้

"ตอนนี้อยู่นอกเมือง..." ภูชิสสะตอบเลี่ยงๆ เหมือนรู้ความผิด

"นอกเมืองไหนวะ เอาให้มันชัดๆ"

"ปากช่อง..."

"ปากช่อง...ปากช่องนี่มันอยู่แถวไหนหว่า" เสียงถามคนข้างๆ ดังแววมาทางหูโทรศัพท์จับความได้ว่าเซนยะกำลังถามว่า ไอ้ปากช่องที่ว่ามันอยู่ติ่งไหนของกรุงเทพ และสิ่งที่รู้มาจากเลขาในสำนักงานทำให้รู้ว่า ปากช่องที่ว่า คือที่ที่ห่างจากกรุงเทพไกลโข...

"ไอ้บ้า!"

ภูชิสสะยังไม่ยอมเอาโทรศัพท์แนบหู ไม่อย่างนั้นหูได้แตกเป็นแน่

"แกไปไกลขนาดนั้นด้วยรถเครื่องเนี่ยนะ! แก... ไอ้ชิสสะ... คิดบ้างมั้ยว่าทำอะไร... แกจะบ้ายังไงก็ให้มันอยู่ในขอบเขตบ้าง...รู้มั้ย!"

ภูชิสสะตัดสายทิ้งไปเสียอย่างนั้น แม้ไม่เห็นเหตุการณ์ แต่รู้ดีว่าตอนนี้เซนยะคงกำลังเดือดสุดขีด และมองออกว่าเมื่อกลับไปถึงกรุงเทพ ตนต้องเจออะไรบ้าง หรือถ้าอยู่ใกล้ในตอนนี้เซนยะคงกระโดดกัดคอเขาเป็นแน่



ภูชิสสะยิ้มเก้อๆ

"ต้องกลับแล้วสินะจ๊ะ" คุณมาลัยถามขันๆ

"ครับ..." ภูชิสสะบอกพร้อมกับยื่นค่าดอกไม้ให้ อีกฝ่ายไม่อยากรับ แต่คนซื้อเต็มใจให้ และจะสบายใจกว่า อย่างน้อยคุณมาลัยก็รู้สึกอย่างนั้นจึงรับไว้...

"ขอบคุณสำหรับดอกไม้สวยๆ ฮะ"

"จ้ะ ถ้าคุณชิสสะมาเมืองไทยอีก ก็แวะมาได้ทุกเมื่อนะจ๊ะ น้ายินดีต้อนรับ"

"... คุณมาลัยฮะ?" ภูชิสสะอยากจะถามเรื่องของเด็กผู้หญิงคนนั้น คนที่นั่งซ้อนท้ายจักรยานของเขา คนที่เขาพาไปพบอุบัติเหตุ ซึ่งเปลี่ยนชีวิตของเธอทั้งชีวิต คนที่เขาทำผิดไว้กับเธอ...

"อะไรจ๊ะ"

ภูชิสสะนิ่งไปเกือบอึดใจ "ผมไปนะครับ ไว้จะแวะมาอีก"



ช่อดอกไม้ในกล่องกระดาษถูกมัดใส่ท้ายรถ ภูชิสสะลาคุณมาลัย แต่ไม่ลืมหันไปยิ้มให้สองสาว ซึ่งชะเง้อมองเขาไม่ยอมไปไหน ชายหนุ่มรู้ดีว่าคนทั้งสองต้องการอะไร ดูเหมือนทั้งคู่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ว่า เขาคือคนเดียวกับนักร้องดัง อิโอ ซาลาทหรือไม่ ทั้งๆ ที่หน้าตาก็ละม้ายแม้นราวถอดจากพิมพ์เดียวกัน แต่ความไม่แน่ใจมันมาพร้อมกับชื่อชิสสะ ซึ่งหลุดออกมาจากปากคุณมาลัย...

คุณมาลัยเรียกชิสสะ ไม่ได้เรียก อิโอ ซาลาท...

รถเครื่องแล่นออกจากไร่ ประจวบกับรถโฟร์วิลเลี้ยวเข้ามาภายในรั้วต้นไม้ คนขับเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ภูชิสสะแน่ใจว่าไม่รู้จัก แต่เด็กสาวผมยาวที่นั่งข้างๆ ช่างคุ้นตานัก ดวงตาคู่งามมองประสานมา พร้อมกับยิ้มใสไม่ต่างจากเก่าก่อน...

นั่นคงเป็นอะเดลิตา... เด็กผู้หญิงคนนั้น...

หากมันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเธอยังยิ้มได้อย่างมีสุข ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะเข้ามาวุ่นวาย... แม้แผลจะยังอยู่ติดตัวไม่จางหาย แต่สำหรับอะเดลิตาแล้ว คงไม่มีความทรงจำของ ภูชิสสะ อิโอ ซาลาท หลงเหลืออยู่เลย

เขารู้ดีว่าอะเดลิตาจำเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ ทุกคนที่นี่คงไม่มีใครโทษเขา ไม่มีใครพูดถึงอุบัติเหตุในวันนั้น ... กระถางไม้ที่ตกใส่ขาอะเดลิตา เป็นอุบัติเหตุซึ่งไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ฝันร้ายสีเลือดที่ตามหลอกหลอน แผลซึ่งรู้สึกเจ็บละโบมทุกครั้งเมื่อส่องกระจก มันคงไม่ตามมาเล่นงานเขาอีกต่อไป... ถ้าลืมได้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เขาก็พร้อมอยากจะลืมมัน เพราะคนอย่าง อิโอ ซาลาท ไม่ชอบอะไรที่มันยุ่งยาก ถ้าลืมแล้วทุกอย่างจะจบและดีขึ้น ภูชิสสะก็พร้อมจะลืมมัน....

* * * * * *

"น้องอะเดล เมื่อกี้ อิโอ ซาลาทมาที่ไร่เราด้วยล่ะ" ริสาบอกเด็กสาวอย่างลิงโลดกับสิ่งที่ตัวรู้มา

"ใครคะ" เด็กสาวถาม ออกอาการงงๆ พอลงจากรถสองสาวก็โผเข้าหาเธอทันที

"ให้ผมทายมั้ย รับรองว่าเป็นหนุ่มหล่อ" คนที่มาพร้อมกับอะเดลิตาบอกขี้เล่น

"ถูกต้องค่ะคุณโค แต่ไม่ใช่แค่หล่อ อย่างนี้เรียกว่าหล่อและดังด้วย" ริยาตามมาสมทบ "แต่คุณมาลัยยังไม่ตอบเลย พ่อตาคมสุดเท่ห์ คนเมื่อกี้ใช่ อิโอ ซาลาทใช่มั้ยคะ"

"ฉันไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า รู้แต่ว่าเขาชื่อภูชิสสะ เคยมาอยู่ที่นี่เมื่อสิบปีก่อน" คุณมาลัยตอบเลี่ยงๆ

"สิบปีก่อน มาอยู่ที่นี่! ถ้างั้นน้องอะเดลก็รู้จักสิคะ ดีจังรู้จักกับหนุ่มหล่อ นักร้องดัง เขาต้องมาตามหาคนรักสมัยเด็กแน่เลยค่ะ น้องอะเดลคะ ถ้าเจอเขาอีกที ขอลายเซ็นให้พี่ด้วยนะคะ"

"ใช่ๆ พี่ด้วย มีแฟนหล่อขนาดนี้ กรี๊ด อิจฉาจัง" ริสาบ้าตามริยาออกอาการเพ้อฝัน

"อะแฮ่ม!" คุณโคทำเสียงกระแอม ตีหน้าดุๆ

"แหม คุณโค ทำเป็นหวงนะคะ น้องอะเดลอายุ สิบแปดแล้วนะคะ ทำหวงไปได้" ริยาล้อ "ทีหลังคุณโคไว้หนวด ถือปืนไว้ด้วยสิคะ"

"ใช่ ตัวเองยังมีลูกตั้งแต่อายุสิบห้า พอน้องอะเดลจะมีบ้างทำหวง" ริสาร่วมทีมค่อนแคะอีกคน คุณมาลัยขันอาการสะดุ้งของโคชิยะ หนุ่มญี่ปุ่นหัวใจไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ยืนอยู่ข้างๆ

"ได้ทีว่ากันใหญ่นะ..."

"ก็มันจริงนี่คะ น้องอะเดลออกจะน่ารัก แต่คุณโคเก็บไว้แต่ในไร่ น่าเสียดายออก" ริยาว่า ริสาเห็นด้วยเป็นที่สุด แต่ในความคิดของอะเดลิตา สายตาของคนภายนอกจะมองดูเธอเป็นเพียงเด็กสาวหน้าตาจืดๆ คนหนึ่งเสียกระมัง ไม่ได้งดงามเลิศเลออย่างที่ริยา ริยาคิด

"เอาละๆ เหลวไหลกันใหญ่แล้วทั้งสองคน ดูละครมากไปแล้ว คุณชิสสะเขามาสั่งดอกไม้ให้สาวๆ ของเขาหรอกจ้ะ ไม่ได้มาตามหารักอย่างที่พวกเธอเข้าใจ เอาของเข้าไปเก็บได้แล้ว..."

"อะไรนะคะ ซาลาทสั่งดอกไม้ให้สาว ซาลาทมีแฟนแล้วเหรอคะ ไม่ยอม รับไม่ได้ เป็นอย่างนั้นได้ยังไง" ริสาแทบจะเต้นงิ้ว ตีหน้าไม่พอใจ

"น้องอะเดลอย่ายอมนะคะ" ริยายุเด็กสาวที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

"พูดเรื่องอะไรกันคะ... อะเดลงงๆ "

"งง?" ริยาทำหน้าผิดหวัง "อะไรคะ น้องอะเดลไม่รู้จัก อิโอ ซาลาทเหรอคะ"

"รู้จักค่ะ อะเดลยังมีเทปเพลงของเขาเลย" เด็กสาวบอกจริงจัง เธอรู้จักอิโอ ซาลาทเหมือนคนทั่วไป และชอบเพลงของเขาเช่นกัน แต่คงไม่บ้าขนาด ริยากับริสา

"นั่นแหละค่ะ เทปที่พี่สองคนให้เป็นของขวัญน้องอะเดลทั้งสองชุดเลย คนที่มาบ้านเรา เขาเป็นคนร้อง" ริยากับริสาช่วยกันอธิบาย "ตัวจริงหล่ออย่างนี้เลย"

"พี่ริยา พี่ริสาได้คุยกับเขามั้ยคะ" เด็กสาวพลอยเป็นไปกับสองสาวด้วย เธอเองก็ใช่ว่าจะไม่ตื่นเต้นที่เจอดารานักร้องคนโปรด อาการตื่นเต้นของเด็กสาวดูจะถูกใจแม่สองสาวบ้าเห่อจนคุณมาลัยต้องรีบตัดบท

"เอาละๆ นั่นน่ะ คุณภูชิสสะ ใช่นักร้องคนนั้นซะที่ไหนเล่า บ้ากันไปใหญ่"

"คุณมาลัยรู้ได้ยังไงว่าไม่ใช่" ริยา ริสาแย้งเสียงเขียว

"รู้สิจ๊ะ ไป... เอาของไปเก็บได้แล้ว...ว่าแต่อะเดลจำพี่ภูชิสสะได้มั้ยเอ่ย" คุณมาลัยถามเด็กสาวบ้างหลังคล้อยหลังแม่สองสาว

"ภูชิสสะ" อะเดลิตาพยายามทบทวนความจำ จะว่าไปแล้วเธอรู้จัก อิโอ ซาลาท มากกว่าภูชิสสะที่คุณมาลัยว่าเสียอีก "คิดว่าจำไม่ได้มั้งคะ"

"อะเดลคงยังเด็กไป เลยจำไม่ได้" โคชิยะแสดงความคิดเห็น เหมือนต้องการตัดบทสนทนา ดูท่าจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มองสบตาคุณมาลัย...

"นั่นสิ เมื่อก่อนอะเดลออกจะติดพี่เขา คุณชิสสะอยู่ที่นี่ประมาณสามเดือนได้ จากนั้นพี่เขากลับไปเรียน แล้วก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย ไม่คิดว่าวันนี้จะมาที่นี่..."

"อะเดลจำไม่ได้... แล้วเขาจำอะเดลได้มั้ยคะ" เด็กสาวถามสงสัย

"คงจำไม่ได้เหมือนกันมั้งจ๊ะ เพราะไม่เห็นเขาจะถามถึง เมื่อกี้ก็สวนทางกับอะเดล คิดว่าคงจำไม่ได้ ถ้าจำได้คงต้องทักกันบ้าง หรืออะเดลซนจนพี่เขาไม่อยากจำ" คุณมาลัยว่าล้อหลานสาว

"เขาโตกว่ายังจำไม่ได้" เด็กสาวว่างอนๆ "ก็ไม่แปลกที่จะอะเดลจะจำเขาไม่ได้นี่คะ แล้วคุณโคจำได้มั้ยคะ"

"รู้สึกพ่อจะไม่เคยเจอชิสสะนะ เคยแต่ได้ยินชื่อ ตอนพ่อมาที่นี่ ภูชิสสะก็กลับไปแล้ว" โคชิยะอธิบายพร้อมกับช่วยพยุงเด็กสาวที่กำลังก้าวขึ้นบ้านซึ่งอยู่บนเนินดูโดดเด่น

ในสายตาของคนทั่วไป อะเดลิตาคือเด็กสาวร่างบาง น่ารักสดใส เธอสามารถยืนหลังตรงได้เหมือนคนทั่วๆ ไป แต่สิ่งที่เธอทำไม่ได้อย่างคนอื่นคือการวิ่งหรือแม้แต่เดินเร็วๆ ยกขาข้ามสิ่งกีดขว้าง สิ่งเหล่านี้เด็กสาวไม่สามารถทำได้โดยลำพัง นั่นเพราะเข่าซ้ายที่มีปัญหา งอหรือพับลำบาก รวมทั้งขาซ้ายมักจะหมดแรงไปเสียเฉยๆ ในยามที่ต้องรับน้ำหนักตัว...

+ + + + + +

ทองกวาวยืนต้นโดดเด่นอยู่หลังบ้าน อะเดลิตามักจะทอดตามองลำต้นใหญ่ขนาดสามคนโอบไม่มิดต้นนี้ ความทรงจำบางอย่างเกิดที่ต้นไม้ตรงหน้า ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับกุญแจดอกเล็กซึ่งเธอห้อยติดตัวตั้งแต่จำความได้...

จะเรียกว่าจำความได้ก็คงไม่ถูกนัก ต้องเรียกว่าตั้งแต่เธอมีความทรงจำ อะเดลิตาประสบอุบัติเหตุเมื่อครั้งที่เธอเป็นเด็ก ครั้งแรกมันทำให้เธอเกือบเสียขาข้างซ้าย แล้วอีกครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน ในวันที่ฝนพร่ำ เธอจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จำอะไรไม่ได้เลย... มันเหมือนกับชีวิตของเธอพึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อสิบปีก่อน

จำไม่ได้ว่าเธอเข้าเรียนอนุบาลตอนไหน มีเพื่อนตอนเด็กเป็นใครบ้าง ไม่มีความทรงจำของแม่ที่คุณโคบอกว่า เสียชีวิตในวันที่เธอประสบอุบัติเหตุ

จะว่าไปแล้วอายุเจ็ดขวบหรือจะจำความไม่ได้ บ่อยครั้งที่เธอถามคนรอบข้าง คำตอบซึ่งได้รับคือ สมองของเธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้ความทรงจำก่อนหน้านี้หายไป คุณหมอบอกว่ามันอาจเป็นระยะเวลาสั้นๆ อาจใช้เวลาวันสองวัน หรือสองสามปีความทรงจำค่อยกลับมา และนั่นอาจหมายความถึงว่า ความทรงจำส่วนนั้นอาจหายไปเลย ไม่กลับมาอีกแล้ว...

นานเท่าไรแล้วที่เธอเกือบจะคิดได้ บ่อยครั้งที่คุณโคบอกกับเธอว่า ความทรงจำซึ่งหายไปนั้น เราสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ตอนนี้เธอมีคุณโค ริยา ริสา คุณมาลัย คนงานที่อยู่ในไร่ คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่อยู่กับเธอ เป็นคนซึ่งเธอมีความทรงจำเมื่อสิบปีก่อน...

อะเดลิตาเกือบจะตัดใจไปแล้ว คิดจะทิ้งอดีตในวัยเยาว์ ทิ้งเจ็ดปีที่เธอยังเป็นเด็กไว้เพียงเท่านั้น จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่สิ่งที่เธอทิ้งไม่ได้คือ กุญแจเงินซึ่งเธอพกติดตัวไว้ตลอดเวลา มันเหมือนมีความทรงจำที่หายไปอยู่ในนั้น ก่อนหน้านี้ มันเคยเป็นจี้ห้อยคอ แต่ตอนหลังมันถูกใส่ลงไปในขวดแก้วทรงสวย มีดอกไม้แห้งกลิ่นหอมใส่ลงไปในขวดใบนั้นด้วย เธอเก็บมันติดตัวไว้เป็นเหมือนเครื่องลางนำโชค... คอยย้ำเตือนว่าเจ็ดปีที่หายไปอยู่ในกุญแจดอกนี้

บ่อยครั้งที่เธอคิดว่า จะวางมันทิ้งไว้บนโต๊ะในห้องนอน แต่ทุกครั้งที่มันอยู่ห่างตัวจะรู้สึกไม่สบายใจ แล้วแอบคิดไปว่า ถ้ามันหายไป... อาจไม่มีกุญแจที่จะใช้เปิดประตูสิ่งที่จะพาเธอสู่อดีต เธอไม่รู้หรอกว่ากุญแจเล็กๆดอกนี้จะใช้ไขอะไรกันแน่ มันคงไม่ใช่กุญแจบ้านบานใหญ่ ไม่ใช่กุญแจรถคันหรู คุณมาลัยเคยบอกไว้ว่า มันอาจเป็นกุญแจเปิดสมุดไดอารี่เล่มสวย หรือไม่ก็เป็นกุญแจล็อกเกตเล็กๆ เป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใหญ่มากนัก... แต่มันจะเป็นอะไรกันล่ะ อะเดลิตาอย่างรู้มาตลอด...

แต่วันนี้กุญแจดอกนี้กลายเป็นที่เปิดไดอารี่ปกสีครีม ที่อะเดลิตาใช้บันทึกเรื่องราวชีวิตประจำวัน มันเป็นของขวัญวันเกิดจากคุณโค ไดอารี่ที่มีกุญแจดอกเล็กๆ เป็นที่เปิด กุญแจดอกนั้นคือดอกเดียวกับที่อะเดลห้อยติดตัวตลอดเวลา

เมื่อครั้งที่อะเดลทำสร้อยที่ห้อยกุญแจขาด และมันเกือบหล่นหายไป ดีที่ยังหาเจอ แล้วคุณโคขันอาสาไปซ่อมให้ เลยได้ไดอารี่เล่มนี้เป็นผลพลอยได้ จากนั้นอะเดลิตาก็เปลี่ยนเอากุญแจใส่เก็บไว้ในขวดแก้ว.. อย่างน้อยขวดใบนี้ก็น่าจะหาเจอง่ายกว่า ถ้าเกิดมันจะหล่นหายไปอีกครั้ง



อะเดลิตาเริ่มเขียนเรื่องราวที่ไปเจอมาในวันนี้ไว้ในไดอารี่เช่นเดียวกับที่ทำทุกๆ วัน



วันเสาร์ ที่ 12...

กุญแจเจ้าขา... วันนี้อะเดลไปส่งดอกไม้กับคุณโคมาค่ะ ไปที่โรงแรม แปลกนะคะคุณโคพาอะเดลไปที่ๆ มีคนเยอะๆ วันนี้เขาจัดงานมีคนสวยๆ มาเดินแบบเยอะเลยค่ะ มีคนหนึ่งเป็นคนรู้จักของคุณโค แต่อะเดลไม่ได้คุยกับเธอหรอกค่ะ คุณโคให้อะเดลมาคอยที่รถ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่สวยมากๆ เธอชื่อว่าทรีน่า เป็นนางแบบ อะเดลว่าเธอสวย... คุณโคบอกว่าเธอเป็นรุ่นน้องสมัยเรียน...

อะเดลอยากให้คุณโคมีความรัก อะเดลสงสารคุณโคที่ต้องอยู่คนเดียว คอยดูแลอะเดลตลอด ทั้งๆ คุณโคยังไม่แก่ ถ้าคุณทรีน่าสนใจคุณโคก็ดีสินะ แต่ก็อีกน่ะแหละ คุณโคเองก็ปิดตัวเอง ไม่ยอมจีบผู้หญิงเลย อะเดลไม่คิดว่าการมีแม่เลี้ยงจะเป็นเรื่องที่เลวร้าย อะเดลยินดีถ้าคนๆ นั้นจะเป็นคนที่คุณโครัก และสามารถทำให้คุณโคมีความสุข

แต่จะว่าไงได้ล่ะ คุณมาลัยก็ยังบอกว่าคุณโครักคุณแม่ซาร่า รักจนไม่สามารถมองผู้หญิงคนอื่นๆ อะเดลไม่มีความทรงจำของคุณซาร่า ถ้าอะเดลยังมีความทรงจำเมื่อตอนเป็นเด็กก็คงดี อะเดลอยากเห็นจังรูปของคุณซาร่า เมื่อไหร่นะคุณโคจะไปอเมริกาบ้านเก่าของคุณแม่ซาร่า จะได้ไปขอรูปมาให้อะเดลดู...

อ้อ วันนี้พี่ริยา กับพี่ริสาบอกว่า อิโอ ซาลาทมาที่ไร่ด้วย แต่คุณมาลัยว่าไม่ใช่ คนนั้นคือพี่ภูชิสสะ คุณกุญแจเจ้าขารู้จักใช่ไหมคะ... คุณต้องรู้อยู่แล้วเพราะคุณคือความทรงจำเจ็ดปีของอะเดลที่หายไป

วันนี้ในโต๊ะอาหาร เรายังถกกันเรื่องนี้ไม่เลิก นักร้องเจ้าของเพลง 'รอยแผลของสองเรา...' ใช่คนเดียวกับที่มาที่ไร่หรือเปล่านะ ถ้าใช่เขามาทำไมกัน หรือว่ามาเยี่ยมคุณมาลัย แล้วเขาจำอะเดลไม่ได้จริงๆ เหรอ?

แปลกนะ ทั้งๆ ที่อิโอ ซาลาท เป็นนักร้องทางฝั่งตะวันตก แต่ทำไมร้องเพลงไทยได้ชัดเจน เป็นเพลงแรกและเพลงเดียวจริงๆ ในอัลบั้ม อะเดลฟังแล้วรู้สึกขนลุก มันฟังเหมือนกับเขามีแผลเป็นที่ว่านั่น แผลที่สะท้อนออกมาทุกครั้งเมื่อมองกระจก...

‘รอยแผลที่กายเธอ สะท้อนลงกลางใจฉัน ความเจ็บปวดที่เวลาสิบปีไม่อาจเยียวยา...’ เขากำลังตามหาคนที่จะมาปิดรอยแผล อะเดลคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น

แล้วที่บอกว่า ‘จะไม่รักษารอยแผล หากมันจะคลายเจ็บปวด โดยฉันต้องลืมเธอ’

อะเดลฟังแล้วยังไม่เข้าใจ เขาต้องการอะไรกันนะ

คุณกุญแจเจ้าขาเข้าใจไหมคะ?


จบตอน



Create Date : 03 กันยายน 2549
Last Update : 22 กันยายน 2550 8:29:07 น. 2 comments
Counter : 372 Pageviews.

 
ไม่ลงเรื่องนี้ต่อแล้วเหรอคะพี่อเดล
หายไปนานมากเลย


โดย: แนน IP: 58.64.120.178 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:47:21 น.  

 
ง่ะ ยังมีคนตามอ่านเหรอคะ
ขอเวลาทำเรื่องอมตภพก่อนได้มั้ยคะเนี่ย อิอิ
แต่เดี๋ยวเอาตอนะที่ สิบสี่มาให้อ่านนนะคะ ขอโต๊ดครับผ้ม...


โดย: อะเดล (adel_ew ) วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:41:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

adel_ew
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




ความกลัวที่สุดคือ...กลัวที่ต้องอยู่โดยไม่เหลือใคร
Friends' blogs
[Add adel_ew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.