<<<<บ้านอะเดลยินดีต้อนรับจ้า>>>>
Group Blog
 
 
กันยายน 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
3 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
คีย์...ของหัวใจ : บทที่4


รูปของอิโอ ซาลาท โดดเด่นอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ จนกระทั่งแมกกาซีนต่างๆ รวมทั้งหนังสือที่ทรีน่าถือติดตัวมาด้วย หน้าปกเป็นรูปของนักร้องชื่อดัง เธอเดินทางมายังสนามบิน เพื่อรับน้าสาวของเธอที่พึ่งกลับจากอังกฤษหลังจากทิ้งประเทศเกิดไปถึงสิบปี

วิภาดาเป็นน้องสาวของคุณแม่ทรีน่า... ในต่างประเทศคนอาจไม่รู้จักนามสกุลภูริภัทร แต่ที่แผ่นดินนี้ ประเทศนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักอิทธิพลของ คุณตาของเธอ... นักธุรกิจชื่อดังและรัฐมนตรีผู้มากประสบการณ์

"สวัสดีค่ะ น้าวิภา..." ทรีน่ารีบเรียก เมื่อเห็นคนที่เธอมารอเดินออกมาจากช่องทางผู้โดยสารขาเข้า

"ไงจ๊ะ สาวน้อย ยิ่งโตยิ่งสวยนะเรา...." สิบกว่าปีไม่ได้ทำให้วิภาดาเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ คงเพราะการใช้ชีวิตที่นั่นค่อนข้างสุขสบาย ชีวิตส่วนใหญ่หมดไปกับการท่องเที่ยวเสียมากกว่า

"คุณน้ายังสวยเหมือนเดิมนะคะ แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นน้องครานตามคุณแม่มาติดๆ... คุณแม่ทรีน่าดูแก่กว่าสักสิบกว่าปีได้"

"พูดอย่างนี้แม่เธอมาได้ยินล่ะแย่แน่..."

"ค่ะ หนูถึงไม่พูดให้ได้ยินยังไงคะ" ทรีน่าบอกร่าเริง "ไปเถอะค่ะ คุณปู่รอเจอคุณน้าที่บ้าน ท่านดีใจมากเลยค่ะที่คุณน้ายอมกลับมาเมืองไทยซะที สิบปีแล้วสินะคะที่คุณน้าทิ้งท่านไป..."

"จ้ะ สิบปีแล้ว สิบปีที่น้าจะกลับมาเพื่อจัดการเรื่องราวของน้า..."

ดวงตาของวิภาดามีแววกระด้าง ทรีน่าแค่มองผ่านยังรู้สึกขนลุก แต่รอยยิ้มกว้างของน้าสาวก็สลายความกลัวก่อนหน้านี้ไปได้ในทันที วิภาดาเป็นคนสวยยิ้มสดใส เหมือนรอยยิ้มจริงใจที่ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ

"ไปเถอะค่ะ...อ้อ..." ดูเหมือนทรีน่าจะนึกอะไรได้ "เดี๋ยวนะคะ ทรีน่าลืมไปค่ะ ขอไปทำธุระแป๊บนึงนะคะ คุณน้าคอยทีน่าสักสิบนาทีได้ไหมคะ"

"จ้ะ...ไม่ต้องรีบก็ได้นะ" วิภาดาบอก "น้านั่งรอที่นี่ก็แล้วกัน..."

"ค่ะ งั้นคุณน้าอ่านหนังสือนี่ไปพลางๆ ก่อนนะคะ" ทรีน่ายื่นหนังสือให้วิภาดา... ก่อนจะเดินไปทำธุระที่ว่า เธอไม่ทันได้คิดว่า หนังสือเล่มนั้นจะทำให้วิภาดามีอาการผิดปกติไป...

นั่นไม่ใช่เพราะรูปของ อิโอ ซาลาท แต่ภาพที่วิภาดาเห็น เธอกลับคิดว่ากำลังประสานตากับ ครูส เฟร์ ซาลาท เธอไม่รู้หรอกว่า อิโอ ซาลาท คือ ลูกชายของครูส ผู้ชายที่เธอรัก... เธอคิดเพียงว่าจะต้องไปจัดการกับผู้หญิงทุกคนที่อยู่ข้างกายครูส เหมือนๆ กับที่เธอจัดการกับซาร่า เธอจะทรมานผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าครูส เหมือนที่เธอทรมานซาร่าจนตายไปต่อหน้าผู้ชายที่เธอรัก ครูสจะได้รู้และไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นอีก...

เมื่อสิบปีก่อนเธอทำสำเร็จ ซาร่าตายด้วยมือเธอ แต่ตอนนี้ยังเหลืออีกคน ยังเหลือมาลัย ผู้หญิงที่มีใจให้ครูส เธอต้องกลับมาจัดการ จัดการทุกอย่างให้จบลง และครูสก็จะเป็นของเธอคนเดียว...

ทรีน่าไม่รู้หรอกว่าน้าของเธอมีอาการทางประสาท ไม่รู้ว่าวิภาดาที่ดูเหมือนคนปกติทั่วๆไป กลับมีวิภาดาอีกคนที่ซ่อนอยู่ อาการผูกติดของวิภาดาเป็นสิ่งที่ซุกซ้อนไว้ วิภาดาหลอกทุกคนว่าหล่อนหายเป็นปกติ อิทธิพลของตระกูลทำให้หล่อนรอดพ้นโรงพยาบาลประสาทมาได้...

สำหรับวิภาดาแล้ว เวลานี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงอายุสามสิบกว่า เธอยังคิดว่า เธอคือวิภาดาเมื่อสิบปีก่อน เธอเป็นสาวแสนสวย ที่เพียบพร้อมและเหมาะสมกับครูส เฟร์ ซาลาท... เข็มชี้เวลาของวิภาดาหยุดนิ่งเป็นเวลาถึงสิบปี และเวลานี้มันกำลังเคลื่อนที่เป็นครั้งแรก...เวลาของเธอกำลังจะเริ่มขึ้นต่อจากนั้น...

* * * * * * *

สาวสวยจำนวนมาก พากันมาสมัคร รับคัดเลือกเข้าแสดงมิวสิกวีดีโอของนักร้องชื่อดัง แม้ปีเตอร์ไม่ได้ดูแลด้วยตนเอง แต่ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเซนยะ ฟูจิวาระ ทายาท ทีจี กรุ๊ป ซึ่งเข้าคุมงานอย่างใกล้ชิด เพราะทีจี มีแผนตีตลาดธุรกิจบันเทิงในประเทศไทย...

คนอารมณ์ดีอย่างเซนยะเมื่อต้องมาเจอกับสภาพการจราจรของประเทศไทย ถึงกับหงุดหงิด มองซ้ายขวา เจอแต่รถจักรยานยนต์ที่ซอกแซกผ่านไปคันแล้วคันเล่า

"ไฟแดงห้าครั้งแล้ว... รถเราเคลื่อนไม่ถึงสิบเมตรเลยนะสมชาย"

"ครับ" คนขับรถรับเก้อๆ เกือบอาทิตย์แล้วที่เขาทำหน้าที่คนขับรถให้กับคนที่นั่งข้างหลัง

ฟูจิวาระ เป็นคนระดับผู้บริหาร ทั้งที่อายุน้อยมาก...แต่จะดูแตกต่างจากคนขี้โวยวายอย่างปีเตอร์ ถ้าให้เลือกระหว่างทำงานกับทั้งสอง เขาขอตามคนหนุ่มไฟแรงคนนี้ดีกว่า

"ไปรถมอ'ไซด์ดีกว่า..." เซนยะเปิดประตูออกไปพร้อมกับตัดสินใจ "ผมไปก่อนนะ แล้วเจอกันที่บริษัท"

"ท่านครับ ท่านจะไปได้เหรอครับ...มันอันตรายนะครับ"

เซนยะไม่ทันได้ฟังเสียงห้าม เพราะกำลังพาตัวออกจากถนน ตรงไปทางวินซึ่งใกล้ที่สุด สมชายอยากตามไปก็ติดตรงที่จะทิ้งรถไปได้อย่างไร...

เมื่อจับรถได้แล้ว ชายหนุ่มสวมหมวกกันน็อกได้ ก็บึ่งไปจุดหมายทันที ไม่นานนักก็เริ่มมองเห็นตึกที่ตั้งบริษัท แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นก่อน.. ผลคือพ่อหนุ่มหล่อสายเลือดอาทิตย์อุทัย แต่ใจไทยแลนด์ต้องเดินเท้าเข้าบริษัทที่อยู่อีกประมาณสองร้อยเมตรอย่างเลือกไม่ได้...

ทีจี มิวสิกตั้งอยู่ในเขตธุรกิจ ห้อมล้อมไปด้วยศูนย์การค้า ชื่อบริษัทโดดเด่นแตะตาเห็นได้ไกล เวลานี้วัยรุ่นจำนวนมากกำลังให้ความสนใจตึกสูงเบื้องหน้า โปสเตอร์ยักษ์ใหญ่รูปนักร้องเบอร์แรกของ ทีจี ดูเด่นสะดุดตา...

เซนยะเดินอาบแดดยามสายจัดๆ อย่างเลือกไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าตัดสินใจถูกหรือเปล่า ที่ทิ้งสมชายไว้กับรถที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำนั้นมา... แต่ในที่สุดก็มาถึงหน้าตึก เพียงข้ามสะพานลอยตรงหน้าไปก็จะเข้าบริษัทได้ในทันที...

ทว่า... วันนี้มันวันอะไรกัน! คนหลายร้อยมารวมกันอยู่กลางสะพาน ออกันเต็มอยู่หน้าตึก มันเหมือนๆ บรรยากาศในสนามบินวันที่อิโอ ซาลาท เดินทางมาเมืองไทยครั้งแรก...

"อ้อ.. วันนี้เป็นวันเปิดขายวันแรกนี่หว่า..."

ของที่ขายคือหนังสือที่ชื่อ 'เปิดโลกส่วนตัว อิโอ ซาลาท' คนพวกนี้คงคิดว่า ซาลาทเป็นคนถ่ายทอดเรื่องราวในนั้น หารู้ไม่ว่าปีเตอร์จัดการเองล้วนๆ ซาลาทแทบไม่ได้ทำอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนังสือราคาเกือบๆ ครึ่งพันนั้น มีอะไรอยู่ภายในบ้าง ในนั้นทั้งหมดเป็นความพยายามของปีเตอร์ที่น่าทึ่ง ตื้อถามคำถามต่างๆ กับซาลาทวันละนิดวันละหน่อย จนเอามารวมเล่มขายได้

นี่คือการตลาดที่เซนยะให้ปีเตอร์ทำ สร้างกระแสคลั่งไคล้ หนังสือชุดนี้จึงทำขึ้นเพียงสองพันเล่ม ใครอยากได้มาเข้าแถวซื้อ...ซื้อได้คนละเล่ม วันนี้จึงเป็นวันรวมพลแฟนพันธ์แท้...

สาวน้อยใหญ่นับแต่เด็กสาวคอซองไล่จนไปจนถึงสาวออฟฟิศสวยสะพรั่ง ต่างมารวมตัวกันเพื่อรอให้ประตูเปิด คลื่นคนออกันตรงหน้าประตู รอเวลาสิบนาฬิกาสามสิบนาที... เพื่อจับจองของที่ตัวเองต้องการ

"ขอทางหน่อยครับ"

เซนยะพยายามแหวกกลุ่มคน และแล้วสายตาก็ไปต้องกับสะโพกของใครบางคน แล้วที่สำคัญคือ มีมือดำๆ หยาบๆ แตะอยู่บนสะโพกอวบอั๋นนั้น... ไม่ใช่แตะสิ มันดูเป็นคลำและก็บีบ... เอ! ดูท่าจะไม่ใช่คลำธรรมดาๆ แล้ว นี่มันเป็นการลวนลามนี่หว่า...

เด็กสาวที่ถูกทำมิดีมิร้ายดูจะกำลังตกใจสุดขีด ไม่รู้จะทำยังไงยืนตัวแข็งทื่อ

"เฮ้ย" เซนยะคิดว่าจะทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วยแต่!

"กรี๊ด!!..." เด็กสาวกรีดลั่นคนแตกตื่น "อีตาบ้า โรคจิต ช่วยด้วย"

"เจอนี่หน่อยเป็นไง"

สิ้นเสียงเซนยะเห็นกำปั้นขาวๆ ลอยมาแต่ไกล รู้สึกมึนและเจ็บแปล๊บที่ดั้งจมูก ก่อนเข่าลอยจากคนเดียวกับเจ้าของกำปั้น จะเสยเข้าท้อง...พร้อมกับลูกเตะที่เข้าหว่างขาพอดิบพอดี แม่นราวจับวาง

"อู้ย!!!" คนที่คิดจะเป็นพลเมืองดีลงไปคุกเข่าให้กรรมการนับสิบ...

ผู้คนแตกตื่นคิดว่าคนตีกัน ต่างหนีตายกันจ้าระหวั่น ทำให้ที่ตรงนั้นโล่งไปในทันที

"แกไอ้โรคจิต... แกทำอะไรเพื่อนฉัน"

เซนยะทั้งจุก ทั้งเจ็บ หูอื้อไปหมด แต่ก็ยังได้ยินเสียงสบถด่า รวมทั้งร้องกรี๊ดๆ ดังแข่งกับเสียงตุบตับที่ตัวเองถูกรุมกระทืบ... อย่างน้อยเซนยะก็คิดว่าประมาณนั้น

"เดี๋ยวคุณ ผมเปล่าๆ..." ได้สติและคลายจุกลงบ้าง เริ่มร้องประท้วง

"ฟ้า... เดี๋ยวฟ้า... ผิดคนแล้วฟ้า... น้ำฟ้าหยุดนะ ไม่ใช่คนนี้..." เสียงคนหลายคนร้องห้ามเสียงหลง

"พอซะที โอ้ย ฟังผมก่อน...โอ้ย.." เซนยะพยายามร้องบอก แต่ไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นบัง... กลัวว่าเท้าจะมาฝากรอยไว้บนหน้า..

"ฟ้า ...เดี๋ยวๆ เดี๋ยวเขาก็ตายพอดี..." คนถูกลวนลามพยายามร้องบอก แต่อีกฝ่ายดูจะไม่ฟัง ยังคงเล่นงานเซนยะไม่ยอมหยุด เหมือนกับเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติก่อน

"คุณพอซะที... " เซนยะลุกขึ้นยืนได้ ดูๆ แล้วคนที่สะกำตัวเอง มีแค่คนเดียว

"หยุดซะที แม่คุณ!" คนตกที่นั่งลำบาก รีบรวบมือซึ่งกำลังกวาดกำปั้นเล็กๆ ใส่หน้าตนได้อย่างทันท่วงที เรียกว่ารอดตายหวุดหวิด

"คุณทำบ้าอะไร ฟังผมก่อน..."

"ทำอะไร แสดงความรักแกอยู่มั้ง... ไอ้โรคจิต...."

"ผมเปล่า... ผู้ชายคนนั่นต่างหาก" ผู้ชายคนนั้นที่เซนยะอ้างถึงหายแวบไปตั้งแต่ตอนที่เขาโดนซัดหมัดแรกแล้ว...คงไม่อยู่รอให้ตำรวจมาเชิญไปนั่งกินโอเลี้ยงในมุ้งสายบัวหรอก

"ผู้ชายไหน แกไม่ต้องมาโยนให้คนอื่นเลย เห็นชัดๆ "

"คุณ!" เซนยะเถียงไม่ออก นี่มันวันซวยอะไรกัน เรื่องอะไรเขาต้องโดนคนกว่าครึ่งร้อยมองเป็นไอ้โรคจิต

กว่าผู้หญิงที่ถูกลวนลามจะอธิบายให้เพื่อนสาวของเธอฟังได้ เซนยะก็อ่วมไปทั้งตัว เพราะผู้หญิงผมซอยสั้น ใบหน้าขาวๆ มือเล็กๆ แต่หมัดหนักผิดคาด เตะได้เป็นชุดๆ ปากจัดยิ่งกว่าพริกขี้หูสวน...



"คุณจะไม่ขอโทษผมสักคำหรือไง" เซนยะโวยกับผู้หญิงที่ยืนตีหน้ารั้นๆ อยู่ไม่ไกล

"ทำไมฉันต้องขอโทษคุณ" เธอพยายามเถียงตะกุกตะกัก ถึงแม้จะรู้ว่าทำเกินกว่าเหตุก็ตามเถอะ ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นตาคนนี้ยืนอยู่คนเดียว... แถมใบหน้าเซ็งสุดขีดของอีกฝ่าย ยิ่งทำให้คนรั้นอย่างเธอไม่มีทางยอมลงให้

"คุณเตะน้องชายผมเข้าจังๆ มีสิทธิสูญพันธุ์ได้นะคุณ ทำดีได้โทษแท้ๆ"

"ทำดี! ก็เพราะคุณต้องมองกะ... อยู่แน่ๆ ถึงเห็นว่าใครเป็นคนจับ... คุณลวนลามเพื่อนฉันอยู่ คุณมันพวกโรคจิต ชอบมองกะ... ชอบมองสะโพกผู้หญิง"

"ใครก็ชอบมองผู้หญิงกันทั้งนั้นแหละคุ๊ณ...ผมอาจมองเพื่อนคุณ แต่มองด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เป็นโรคจิตอย่างที่คุณว่า.." เซนยะว่าเสียงดัง หญิงสาวไม่มีโอกาสเถียง "อ้อ นึกได้อย่าง ผมมองผู้หญิงได้ทั้งโลกแหละ ยกเว้นผู้หญิงอย่างคุณ"

"ทำไม" หญิงสาวโมโห ไม่แน่ใจว่าทำไมตัวเองต้องถามไปอย่างนั้น

"ทำไม.. เพราะคุณมันน่ามองตายล่ะ" เซนยะมองตั้งแต่หัวจรดเท้า...

"น่ามองไม่น่ามอง นายก็กำลังมองอยู่ล่ะ" เธอโกรธจัด จึงรีบพูดจนไม่ทันคิดขอให้เถียงได้ก่อนเป็นดี

"ผมจะบอกให้นะ อย่างคุณผมไม่มองให้เสียตาหรอก...ที่มองเมื่อกี้ก็แค่จะพยายามหาดูว่า มันมีอะไรที่พอดึงดูดตาคนอื่นให้เหลียวมองได้บ้าง... สุดท้ายก็ไม่มี ยัยห้าวเอ้ย"

เซนยะไม่คิดว่าตัวเองจะพูดคำนั้นออกไปได้ เกิดมาไม่เคยคิดจะมาเถียงกับผู้หญิง ซึ่งเป็นเพศที่คู่ควรแก่การทะนุถนอม แต่ผู้หญิงตรงหน้าเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขามองไม่เห็นความเป็นผู้หญิงเอาซะเลย

"นี่มันวันซวยจริงๆ"

"จะบอกให้ อะไรในตัวฉันที่น่ามอง... ก็กำปั้นนี่ยังไงล่ะ" หญิงสาวกระโดดจะเข้าขย้ำคอผู้ชายปากร้าย

"ยัยฟ้าอย่านะ... น้ำฟ้า เธอจะฆ่าเขาหรือไง..." ต่างช่วยกันลากเพื่อนสาวออกให้ห่างคู่กรณี เซนยะเองก็รีบปลีกตัวไป ได้แต่นึกว่า ชาตินี้ขออย่าได้เจอผู้หญิงอย่างนี้เลย



"อีตานั่นถือดียังไงมาว่าฉัน..."

น้ำฟ้าทำกระฟัดกระเหวี่ยงขณะที่เพื่อนๆ ลากตัวออกมาจากที่เกิดเหตุได้

"ก็เธอยังไปว่าเขาเลย" เพื่อนคนหนึ่งแสดงความคิดเห็น

"เขาน่าสงสารออก...เธอซัดเขาไปซะขนาดนั้น เขาไม่เอาเรื่องดีเท่าไหร่แล้ว" โดนเพื่อนว่าน้ำฟ้ายิ่งทำกระบึงกระบอน เพื่อนอีกคนเดินเข้ามาโอบไหล่ ทำท่าเหมือนจะปลอบแต่...

"ฉันเข้าใจเธอนะฟ้า มันก็น่าเจ็บใจนะ ดาวมหาลัยอย่างเธอโดนว่าอย่างนั้น เสียหายหมดนะ ถ้าขายไม่ออกจะทำไง..." คำพูดนั้นสร้างเสียงหัวเราะได้ไม่น้อย แต่คนโดนว่า ยิ่งไม่พอใจไปกันใหญ่ เพราะไม่มีใครเข้าข้างตัวเอง

"แต่เธอก็ห้าวอย่างที่เขาว่า ไม่ฟังอะไรเลย!" เพื่อนอีกคนต่อว่าน้ำเสียงจริงจัง

"ฉันรู้..." น้ำฟ้าเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย หากความไม่พอใจดูจะเอาชนะความรู้สึกถูกผิด "อีตานั่นมันน่านัก...ชาตินี้อย่าให้ฉันได้เจอผู้ชายคนนั้นอีกเลย"

"แต่ฉันอยากเจอเขา... จะได้ให้เธอขอโทษเขา และขอบคุณด้วยที่พยายามจะช่วยฉัน" คนที่โดนลวนลามว่าจริงจัง

"แต่ฉันไม่อยากเจอ และจะไม่ขอโทษด้วย จนกว่าเขาจะกลับคำพูด" น้ำฟ้าปฏิเสธแข็ง

* * * * * * *

ณ คฤหาสน์หรูในอังกฤษ

อิโอ ซาลาทถูกส่งตัวกลับอย่างที่ตัวเองก็เลี่ยงไม่ได้ ปีเตอร์แทบจะยัดเขาใส่กล่องส่งกลับ พอลงจากเครื่องได้ยังไม่ทันหายใจ ก็มีคนมารอรับ จะออกนอกเส้นทางไม่ได้เลย แค่มีข่าวกับผู้หญิงนิดหน่อยทำไมต้องโดนถึงขนาดนี้ไม่เข้าใจจริงๆ ...

"ไปกันได้หรือยังเจ้าลูกชาย" ชายวัยสี่สิบต้นๆ เดินเข้ามาในห้องถามเชิงแหย่ รู้ดีว่าชายหนุ่มที่ยังนั่งบนขอบระเบียงอยู่ในอารมณ์ไหน

"พ่อเป็นพ่อผมหรือเปล่า" ภูชิสสะว่าเซ็งๆ

"ทำไม... แกออกจะหน้าตาถอดแบบพ่อมาไม่ใช่หรือ" ผู้เป็นพ่อพูดไปเป็นอีกเรื่อง แกล้งแหย่ลูกชายคนเดียวอย่างนึกเอ็นดู

"ถอดแบบงั้นเหรอ" ภูชิสสะโวย "ผมเป็นลูกพ่อ แล้วพ่อกำลังจะส่งผมขึ้นเขียงด้วยมือพ่อเนี่ยนะ"

"ขึ้นเขียงซะที่ไหน ไปพบคุณย่าของแกนะ..." ครูสเข้ามาตบไหล่แอบเก็บอารมณ์ขันๆ ไว้ในหน้า

"พ่อก็รู้ผมไม่อยากไป"

"แต่คุณย่าคอยแกอยู่ คอยหลานสุดที่รัก"

"หลานสุดที่รัก ผมไม่อยากให้คุณย่ารักผมสักนิด พอคุณย่ารักใคร ก็เข้าไปเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตคนนั้น คุณย่าไม่ต้องรักผมน่ะดีแล้ว"

"เอานา แกน่าจะดีใจที่คุณย่ายังนึกได้ว่ามีแกเป็นหลานอีกคน ไปได้แล้ว..." ว่าพลางดึงลูกชายให้ขยับ "แต่พ่อว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่านะ ถ้าคุณย่าเห็นสภาพแกตอนนี้คงไม่ดีแน่"

"จะให้ผมใส่สูทผูกไทด์ไปหรือไง อย่ามายุ่งกับการแต่งตัวผมเลยน่า แค่ปีเตอร์คนเดียวผมก็ปวดหัวจะแย่"

"โอเค แต่ถ้าแกโดนคุณย่าเฉดออกมา อย่าหาว่าพ่อไม่เตือนล่ะ..."

"น่ะแหละที่ผมต้องการ...นะฮะพ่อ ... พ่อไปบอกย่าที บอกว่าผมยังไม่กลับมาบ้าน หรืออะไรก็ได้ ผมยังไม่อยากเจอคุณย่าเวลานี้"

"คงได้นะ คนขับรถที่ไปรับแกมาจากสนามบินก็คนของคุณย่า แล้วคำสั่งให้ปีเตอร์ส่งแกกลับบ้านก็ฝีมือคุณย่า... อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ไม่หล่อเลย แฟนเพลงของแกมาเห็นหน้าแกตอนนี้คงร้องไห้กันแน่ๆ..."

"ผมไม่ตลกด้วยนะ" คำพูดของลูกชายทำเอาคนเป็นพ่อเปิดยิ้มกว้าง

"เชื่อพ่อสิ เดี๋ยวก็ชิน เหมือนพ่อ"

"ผมไม่อยากชิน ผมไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ... ชินแล้วดีแน่เหรอ พ่อมีความสุขเหรอ"

คำพูดของลูกชายเหมือนกับใบมีดคมที่กรีดลงบนแผลที่แอบซุกซ่อนไว้ รอยยิ้มก่อนหน้านี้เลือนหายไป

"พ่อก็ไม่ได้ทุกข์ใจอะไร..." ครูสตอบเสียงแผ่ว

"พ่อตอบไม่ตรงคำถาม ผมถามว่าพ่อมีความสุขเหรอที่อยู่แบบนี้..."

อีกฝ่ายนิ่งอยู่เกือบอึดใจ ก่อนจะทอดสายตาไปไกล มองผ่านสนามหญ้ากว้างสุดสายตา คฤหาสน์ใหญ่โต หรูหรา ชีวิตที่สุขสบาย ผู้คนนับหน้าถือตา อาณาเขตของบ้านกว่าร้อยไร่ ชีวิตที่เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่ทำไมถึงหาความสุขไม่ได้เลย...

"ผมเจอเธอด้วย..." ภูชิสสะบอกลอยๆ

"แกไปที่นั่นเหรอ..."

"คุณมาลัยยังสวยเหมือนเดิม..."

"แกได้บอกสิ่งที่พ่อฝากถึงเธอหรือเปล่า..."

"เธอไม่ให้โอกาสผมพูดด้วยซ้ำ... พ่อรู้ไหม การที่พ่อทำตัวให้ชินกับการเดินบนเส้นตรงที่คุณย่าสร้างให้ มันก็สะท้อนให้หัวใจคุณมาลัยชินชาด้วยเหมือนกัน... "

"นั่นสินะ..." ครูสเค้นเสียงคล้ายประชด

"ผมจะไม่เป็นเหมือนพ่อ..." ภูชิสสะมองสบตามากประสบการณ์ของผู้เป็นพ่อ

"แล้วแกจะเป็นเหมือนใครชิสสะ แกมีความสุขอย่างที่ว่าหรือเปล่า ทำเป็นพูดเท่ห์นะไอ้ลูกชาย แกดื้อกับคุณย่า เดินตามทางที่แกเลือก แต่พ่อไม่เห็นว่าแกจะมีความสุข แกทำหน้าอย่างกับแบกโลกไว้ทั้งใบ..."

"แต่ผมก็ไม่ได้ทำร้ายใคร...พ่อทำร้ายคุณมาลัย พ่อรักเธอไหม... พ่อรักใคร รักคุณซาร่า รักแม่ผม รักฟลอล่า หรือว่ารักคุณวิภาดา พ่อรักใครกันแน่..." ดูเหมือนภูชิสสะจะรู้เรื่องผู้หญิงที่วนเวียนเข้ามาในชีวิตของผู้เป็นพ่อค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าบางคนอาจแค่เห็นในรูป หรือได้ยินเพียงชื่อก็ตามแต่…

"แกเคยรักใครไหมชิสสะ" ผู้เป็นพ่อถามเยือกเย็น "แกถามพ่อเหมือนกับแกรู้ดีนักว่า รักที่แกว่าเป็นยังไง... บางทีแค่รักอย่างเดียวมันไม่พอหรอก..."

"ผมไม่รู้ ผมอาจจะไม่เคยรักอย่างที่พ่อรัก... แต่ผมเชื่ออยู่อย่าง... ผมเชื่อเรื่องพรหมลิขิต" ภูชิสสะยืนยัน

ครูสครางต่ำๆ มองหน้าลูกชายเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง

"พรหมลิขิต...คำนี้ พ่อว่าจะถามแกอยู่เหมือนกัน...ถามว่าแกเชื่อเรื่องนี้ไหม... ไม่คิดว่าไอ้เด็กหัวรั้นอย่างแกจะบอกออกมาเองว่าแกเชื่อ...ถ้าอย่างนั้นพ่อจะถามแกอีกคำถาม... แล้วแกรู้ไหม พรหมที่ว่าจะลิขิตชีวิตแกไว้ยังไง..."

"ผมไม่รู้หรอก แต่ผมจะคอยดู..." ตอบแทบไม่ต้องคิด ครูสยิ้มรับคิดว่าคำตอบที่ได้รับ สมแล้วที่ออกมาจากปาก ภูชิสสะ อิโอ ซาลาท

"แกจำคำพูดของคนที่ให้กุญแจดอกนั้นกับแกได้ไหม... ถ้าแกจำได้ลองไขปริศนาที่ว่านั่น... บางที่คำตอบอาจจะอยู่ในนั้นก็ได้..."



ภาพหนึ่งแทรกขึ้นในหัวของภูชิสสะ อิโอ ซาลาทเมื่อสิ้นเสียงของผู้เป็นพ่อ



"ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วย..." เสียงตัวเองเมื่อสิบปีก่อนเหมือนค่อยๆ เด่นชัด "ชอบดอกไม้ขนาดนั้นเชียว"

"อะเดลไม่ได้ดีใจเพราะได้ดอกไม้...แต่ดีใจเพราะได้ของขวัญต่างหากล่ะ" เด็กตัวเล็กผมหยิกๆ ฟูๆ ตอบชัดเจน ยังคงดมกลิ่นหอมๆ ของดอกไม้ในมืออย่างชื่นชม

"เหลวไหลน่ายัยขี้เหร่ ของแบบนั้นเลี่ยนจะตาย..."

"ชิสสะจ๊ะ..." เสียงเรียกจากใครบางคนที่ภูชิสสะเองยังจับไม่ได้ถึงใบหน้าร่างแบบบางที่อยู่ข้างๆ หากเป็นเสียงเย็นๆ แต่รู้สึกอบอุ่นปลอดภัย "ของขวัญน่ะ เป็นสิ่งที่วิเศษนะ สามารถสร้างความสุขให้คนได้อย่างไม่น่าเชื่อ..."

"ถ้าให้อย่างอื่นที่มีค่ามากกว่านี้ ก็ว่าไปอย่าง แค่ดอกไม้ดอกเดียว ไม่นานก็เหี่ยว..."

"ใครว่าล่ะจ๊ะ ของที่ให้ไม่ใช่ปัญหา เวลาที่เขาใช้ไปเพื่อเราต่างหากที่สำคัญ ของขวัญที่ได้จากตรงนั้นร่วนล้ำค่า ถ้าเป็นของที่ทำขึ้นก็ต้องใช้เวลาในการทำ หากเป็นของที่ซื้อมา ก็ต้องใช้เวลาในการเลือก... เจ้าของของขวัญใช้เวลาที่สำคัญทำแบบนั้นให้เรา... ชิสสะไม่รู้สึกว่ามันอบอุ่นหรือจ๊ะ..."

"ผมเฉยๆ..."

"แต่อะเดลรู้สึกได้ว่าอบอุ่น..." เด็กหญิงตัวจ้อยยิ้มกว้าง หากภูชิสสะยังคงไม่รู้สึกอย่างนั้น...

"มีของขวัญอยู่ที่ชิ้นหนึ่ง.... เป็นสิ่งที่สุดวิเศษ... ที่จะมอบให้กับคน ซึ่งเข้าใจความหมายอย่างอะเดล... กุญแจคู่นี้ มอบให้กับคนที่เข้าใจคุณค่าของของขวัญ..." กุญแจเงินเงาวับคู่หนึ่ง สลักลวดลายเล็กๆ ไว้ แต่ที่เด่น คงเป็นลอยสลักนูนต่ำรูปดอกไม้ช่อใหญ่ที่ด้านบนสุด...

"ขอบคุณค่ะ..."

"ก็แค่กุญแจ" ภูชิสสะว่าไม่ได้ให้ความสนใจ

"ลองตามหานะ... ตามหาสิ่งที่กุญแจคู่นี้จะช่วยไขคำตอบ... ลองค้นหาของขวัญที่วิเศษสุด ซึ่งยังไม่มีใครค้นพบ....แต่ควรค่าแก่การครอบครอง"

"ยังไม่มีใครค้นพบ... แล้วยัยขี้เหร่นี่จะทำได้เหรอฮะ ยัยเปี๊ยกจะไปหาอะไรเจอ..."

"ใช่ค่ะ... อะเดลทำไม่ได้แน่เลย จะไปตามหาที่ไหน อะเดลไม่รู้หรอกค่ะ" คนถูกค่อนขอดกลับรับเสียง่ายๆ

"งั้นเอามานี่ กุญแจดอกนึงเอามาไว้ที่พี่ แล้วพี่จะช่วยหา"

"แต่กุญแจคู่นี้จะมีค่าเฉพาะคนที่เห็นคุณค่าของมันนะ" คำพูดของผู้มากวัยกว่า ทำให้เด็กชายอึ้ง มองต่ำอย่างใช้ความคิด

"งั้น... อะเดลให้เป็นของขวัญของพี่ชายนะคะ" เด็กผู้หญิงยิ้มแป้น ยอมยกให้อีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ

"เราจะช่วยกันตามหาของขวัญกันนะ..." เด็กตัวจ้อยฉุดมือเด็กชาย "ไปหาของขวัญนั่นกันเร็ว พี่ชายเร็ว"

"ก็ได้ๆ แต่เดี๋ยวก่อน..." ภูชิสสะหันกลับมามอง ให้เต็มตา...

แสงอ่อนจากดวงอาทิตย์ยามใกล้อัศดง ทำให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวแสนสวยชัดเจน ผมสีอ่อนยาวเป็นรอนเคลียแผ่นหลัง ใบหน้าที่ใจดีราวกับนางฟ้าที่เด็กชายเคยเห็นอยู่ในภาพวาดภายในโบสถ์ ..

"คุณซาร่าฮะ” ภูชิสสะนึกได้แล้วว่าเจ้าของเสียงอบอุ่นนั้นแท้จริงคือใครกัน “ผมพอจะเข้าใจความอบอุ่นที่ว่าฮะ..."

"งั้นเหรอจ๊ะ... ถ้าเช่นนั้น...ชิสสะลองไปที่...."

ภาพนั้นจางหายไป พร้อมกับสถานที่ ที่ภูชิสสะรู้จักและจำได้ดี

:- :- :- :- :- :- :-

"สุดท้ายผมก็ไม่ได้ไปที่นั่น...." สิบปีแล้วแต่ภูชิสสะยังจำที่แห่งนั้นได้ดี

"ไม่มีใครห้ามแกไม่ให้ไป แกหนีมาเองไม่ใช่เหรอชิสสะ..."

"พ่อรู้ไหม คุณซาร่าบอกอะไรกับผม...." ภูชิสสะนิ่งไป "เธอบอกผมในวันที่ผมพาลูกสาวของเธอไปเจออุบัติเหตุ... เธอบอกว่านั่นเป็นของขวัญที่จะให้ผม... "

"แกเลยกลัว..."

"ใช่! ผมกลัว... กลัวว่าเธอจะให้อะไรกับผม ให้อะไรเป็นการตอบแทนคนที่ทำให้ลูกสาวของเธอต้องมีสภาพแบบนั้น... ถ้าเป็นพ่อ พ่อจะไม่กลัวเหรอ?"

"พ่อตอบไม่ได้หรอกชิสสะ... แต่พ่อแน่ใจว่าซาร่าจะไม่ให้อะไรที่ไม่มีค่าสำหรับแก ซาร่าเป็นคนแบบนั้น เธอเป็นแบบนั้นจนกระทั่งวันสุดท้ายที่เธออยู่บนโลกใบนี้..."

:- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :-

"น้องอะเดลคะ... นะคะไปสมัครเถอะ น้องอะเดลต้องได้รับเลือกแน่เลยค่ะ" ริยาอ้อนวอนเช่นเดียวกับริสา

"นะคะ คิดว่าช่วยพวกพี่ พี่อยากเจออิโอ ซาลาท" ริยากระแซะทำตาละห้อยรอคอยคำตอบ

"โธ่ พี่ๆ คะ ดูสภาพอะเดลก่อน ขาก็พิการ หน้าตาก็จืดๆ เชยก็เชย อะเดลว่าพวกพี่ๆไปสมัครกันเองยังจะดีซะกว่า"

"โธ่ เตี้ยๆ ดำๆ อย่างพวกนี่เนี่ยนะคะ" ริยาโอดครวญ "ขืนเดินเข้าไป คนได้เข้าใจกันว่ามาสมัครแม่บ้าน แทนที่จะเป็นนางเอก เอ็มวี"

"งั้นอะเดลเขาก็คงบอกว่ามาขอเศษตังค์มั้งคะ... อายเขาเปล่าๆ ค่ะ" เด็กสาวรู้สึกว่านั่นเป็นภาพที่ห่างไกลเหลือเกินสำหรับเธอ ดูท่าริยา ริสาจะอยากเจอพ่อนักร้องคนดังจนลืมคิดไปว่า พวกตนอยู่ในโลกความเป็นจริง

"โธ่..." ริสาทำท่าสิ้นแรง "แล้วเราจะไปหาใครที่ไหนคะ"

"คุณมาลัยเป็นไง" ริยาว่าขันๆ

"ถ้าเป็นเมื่อสักสิบปีก่อนค่อยมาว่ากันนะจ๊ะ" คุณมาลัยเดินลงมาได้ยินพวกสาวๆ คุยกันพอดี

ลานหน้าบ้านที่อยู่ระหว่างเรือนกระจกกับแปลงเพาะไม้ประดับ คือเรือนรับรองลูกค้าที่มาถึงไร่ได้ดี ร่มรื่นและสวยงาม

"ผมว่าสักยี่สิบปีจะดีกว่านะครับ เด็กๆ สมัยนี้โตเร็ว" โคชิยะตามคุณมาลัยมา แว่นสายตาถูกผลักขึ้นสูงทำเป็นที่คาดผมได้ดีทีเดียว...

"ออกมาจากห้องได้แล้วหรือคะ อะเดลเกือบลืมไปแน่ะว่าคุณโคมีตัวตนอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย" สาวน้อยอดว่าไม่ได้ เพราะสองสามวันที่ผ่านมา โคชิยะอยู่แต่ในห้อง รีบปั่นต้นฉบับ แทบไม่ยอมหลับ ยอมกิน

"ไม่ไหวครับ... พ่อปวดหัว คิดไม่ออก..."

โคชิยะเลือกที่จะเป็นนักแปล เพราะคิดว่างานนี้จะทำให้มีเวลาอยู่กับลูกสาวคนเดียวมากขึ้น มันเป็นความฝังใจ การที่เขาพยายามทุ่มเวลาทั้งหมดให้อะเดล จึงเหมือนเป็นการชดเชยเรื่องที่ไม่อาจทำให้กับภรรยาสุดที่รัก เขาไม่ได้อยู่กับซาร่าเลยนับตั้งแต่เธอท้องจนกระทั่งอะเดลิตาอายุได้เจ็ดขวบ

"แต่ตอนนี้พ่อคิดอะไรได้อย่างแล้วล่ะ..."

"งั้นก็ไปทำงานต่อสิคะ....คิดได้ทั้งทีเดี๋ยวลืมนะ" ลูกสาวลงทุนลุกขึ้นดุนหลังผู้เป็นพ่อคล้ายๆ ทำประชด แต่ถูกรวบตัวมากอดไว้ จับลูบหัวอย่างนึกเอ็นดู นี่เป็นภาพที่เห็นอยู่เสมอเมื่ออยู่ใกล้พ่อลูกคู่นี้ แต่มันเหมือนขาดอะไรบางอย่าง... บางอย่างที่ไม่มีวันจะได้รับการเติมเต็ม

"ไม่ใช่ครับ... พ่อหมายถึง คิดออกแล้วว่าจะหานางเอกเอ็มวีให้ริยากับริสาได้ที่ไหน" โคชิยะบอกตาเป็นประกาย

"ที่ไหนคะ" สองสาวบ้าดาราถามเสียงเดียวกัน ตั้งตาฟัง

"ฟ้าไงล่ะ...ดูดีที่สุดในย่านนี้เลยนะ..."

"คุณฟ้า..." ริยา ริสาร้องเสียงหลงความหวังทะลายไปตั้งแต่ได้ยินชื่อ...

"ชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะค่ะคุณโค ถึงคุณฟ้าจะสวยคมบาดตาบาดใจ แต่ปากงี้! ถ้าส่งลงสนามลุมพินี น่าจะรุ่งกว่านะคะ" ริยายกนิ้วให้ เป็นคำชมที่ดูแปลกๆ

"ฉันทำไมยะ..." คุณฟ้าที่ว่าอยู่ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามาทำเอาริยา ริสารีบกระเถิบห่าง "เดี๋ยวไม่ให้ไอ้นี่ซะเลย หนังสือที่ขอไว้น่ะ จะเอาไหม รู้ไหมว่าลำบากแค่ไหนกว่าจะได้มา..."

"เอาค่ะเอา" สองสาวรีบกระโจนเข้าคว้าถุงกระดาษที่น้ำฟ้าถือมาด้วย ก่อนจะรีบปลีกตัว ระริกระรี้วิ่งหน้าตั้งเข้าไปในเรือนรับรอง...

"สวัสดีค่ะ คุณมาลัย คุณโค" หญิงสาวผมซอยสั้น ยกมือไหว้ผู้มากวัยกว่า

"หนังสืออะไรน่ะยัยฟ้า" คุณมาลัยถามผู้มาใหม่อย่างคุ้นเคย

"อ้อ... หนังสือที่เขาขอให้เพื่อนฟ้าที่ ม. ช่วยซื้อให้ค่ะ... พวกบ้าหนุ่มหล่อเหมือนกัน"

"แล้วพี่ฟ้าไม่ชอบหนุ่มหล่อหรือไงคะ" อะเดลิตาแซวเพื่อนรุ่นพี่ขันๆ โคชิยะพยักหน้าเห็นด้วยทั้งๆ ที่กำลังจิบกาแฟ

"พี่น่ะ มีคุณโคคนเดียวก็พอแล้วล่ะ" ฟ้าแกล้งแหย่ทำเอาโคชิยะถึงกับสำลักกาแฟ คุณมาลัยดึงกระดาษเช็ดหน้าให้แทบไม่ทัน

"อะไรคะคุณโค ฟ้าพูดเล่นค่ะ" น้ำฟ้าว่าขันๆ

"...ครับ ผมก็ว่าน่าจะพูดเล่น" โคชิยะรับเก้อๆ

"แต่ถ้าคุณโคไม่อยากให้เป็นเรื่องเล่นๆ ก็ได้นะคะ" น้ำฟ้าได้โอกาสแหย่

"ไม่เอาล่ะ ผมไปทำงานดีกว่า" โคชิยะ อายหน้าแดงเลี่ยงขึ้นบ้าน เข้าทำงานต่อ

"คุณโคเนี่ย... ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจะจีบสาวสวยอย่างคุณซาร่าได้...ติ๋มๆ แท้ๆ คุณครูสยังเท่ห์กว่าตั้งเยอะ"

"ฟ้าจำคุณครูสได้หรือจ๊ะ" คุณมาลัยคาดไม่ถึง

"จำได้ค่ะ...แล้วก็ยังรู้อีกด้วยว่า...." น้ำฟ้าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่นึกได้ว่ามีดวงตากลมโตอีกดวงคอยฟังอย่างตั้งใจ "อะไรอะเดล มองตาแป๋วเชียว ผู้ใหญ่คุยกันอย่าแอบฟังสิ"

"ทำพูดนะคะ พี่ฟ้าก็เถอะ แก่กว่าอะเดลสามปี ถ้าเป็นผู้ใหญ่จริงก็น่าจะรู้นะคะ มาจีบกันต่อหน้าเด็กได้ยังไง แถมยังจีบพ่อเด็กด้วย..."

"รู้จักยอกย้อนนะ... ว่าแต่เมื่อกี้คุยอะไรกัน"

"อ้อ... พี่ริยา กับพี่ริสากำลังหาตัวแทนจากไร่เรา ให้ไปสมัครเป็นนางเอกเอ็มวี ของ อิโอ ซาลาทค่ะ"

"อีตานี่อีกแล้ว!" น้ำฟ้าทำหน้าเบื่อๆ แต่ก็นึกอะไรสนุกๆ ได้ทัน "แล้วตกลงกันว่าจะให้คุณมาลัยไปสมัครเหรอ"

"ยัยเด็กนี่ พวกเธอไม่แก่บ้างให้มันรู้ไป..." ทำเสียงดุ ยกมือบีบจมูกหลานสาวอย่างนึกเอ็นดู "ทานอะไรมาหรือยัง ในครัวมีสาคูไส้หมูจะทานไหม น้าจะได้หยิบให้..."

"ไม่ล่ะค่ะ พอดีนัดอะเดลไว้ วันนี้จะไปดูคนงานลงกุหลาบกันหน่อยค่ะ... ว่าไงอะเดลไปกันได้หรือยัง"

"ค่ะ" ดูเหมือนอะเดลิตาจะเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว

"แล้วอย่ายุน้องทำอะไรแผลงๆ อีกล่ะยัยฟ้า"

"โธ่ ฟ้ารู้หรอกค่ะ... แต่ถ้ายุเรื่องไม่แผลง ก็ได้ใช่ไหมคะ?" น้ำฟ้าทำหน้าทะเล้น

* * * * * * * * * *

"หัวเราะพอแล้วใช่ไหม..." เซนยะว่าเสียงเขียว มือหนึ่งยกหูโทรศัพท์ อีกมือกำลังใช้ไข่ต้มประคบรอยเขียวบนหน้า... คู่สนทนาคือ อิโอ ซาลาท ที่กำลังหัวเราะร่วน เมื่อเพื่อนเล่าเหตุการณ์ที่พึ่งไปเจอมาให้ฟัง..

"เกิดมาฉันไม่เคยพบเคยเห็น ผู้หญิงอะไรมือไวใจเร็ว"

"ใช้คำพูดผิดแล้ว... มือไวใจเร็วน่ะมันนายไม่ใช่เขา.. ก็ไปจับก้นเขาทำไมล่ะ" ซาลาทแกล้งแหย่

"เปล่าโว้ย!...ได้ยินไหมว่าข้าเปล่าทำ ไม่ได้ทำโว้ย!" คนเจ็บตะโกนลั่น แต่ชิสสะไหวตัวทันดึงหูฟังออกห่าง เพราะเตรียมพร้อมอยู่แล้ว... หากยังมีเสียงหัวเราะแผ่วเข้ามาทำให้อีกฝ่ายร้อนไปกันใหญ่

"ไอ้ชิสสะ บอกว่าไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ เข้าใจไหมว่า คุณเซนยะไม่ได้ทำ!"

"คร้าบ! กระผมจะพยายามเชื่อ" ภูชิสสะว่า

"ผู้หญิงอะไรชื่อก็เพราะ แต่ดุชิบ!" เซนยะอดไม่ได้ที่จะต่อว่าเรื่องเดิมอีก

"ยังไปรู้ชื่อเขาอีก"

"จะไม่ให้รู้ได้ยังไง... ก็เพื่อนคุณเธอสามสี่คนร้องห้าม น้ำฟ้าๆ อย่าๆๆๆๆ แต่แม่ก็ยังชัดเอาๆ...ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงนะ..น่าดู!!" คนเล่าทำสุ่มทำเสียงประกอบ ก่อนจะหยุดกึก เมื่อจับอาการฝ่ายตรงข้ามได้

"หัวเราะพอหรือยัง... "

"เอาล่ะๆ อยู่อย่างนั้น จนกว่าฉันจะไปดูใจก็แล้วกัน... บอกตามตรงอยากไปเยี่ยมนายว่ะ " ภูชิสสะพยายามทำเสียงจริงจัง แต่ไม่สำเร็จ

"อยากมาเยี่ยม หรืออยากมาดูสภาพ จะได้หัวเราะได้เต็มที่วะ"

"อย่ารู้ทันนา... แต่จะว่าไปชื่อฟังคุ้นๆ นะ"

"นายอย่าได้คิดจะไปคุ้นเลยนะ ขอห้าม แม้คิดก็อย่า ได้ยินไหม ชาตินี้ขออย่าให้ฉันเจอยัยห้าวคนนี้อีกเลย"

"เห็นจะไม่ได้... เพราะฉันกำลังจะบอกว่า เลือกสถานที่ถ่ายเอ็มวีตัวใหม่ได้แล้ว..."

"แล้วเกี่ยวอะไรกันวะ"

"ที่นั่นมีชื่อที่ดูดี สถานที่ก็สวย...ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ... ไร่น้ำฟ้า... "

"ห๊า! ทำไมแม้แต่ชื่อของยัยนั่น ยังตามมาหลอกหลอนฉันได้อีกวะ"

"เอาน่า โลกคงไม่กลมขนาดทำให้นายไปเจอสาวชื่อเพราะคนนั้นหรอก" ภูชิสสะว่าขำๆ เหมือนรู้อะไรบางอย่างแต่ไม่ยอมบอก ทำเอาเซนยะหวาดๆ

"คิดว่าปีเตอร์คงกลับเมืองไทยพรุ่งนี้ ฉันจะตามไปทีหลังขอเคลียร์เรื่องทางนี้ก่อน" ภูชิสสะว่าน้ำเสียงจริงจังในตอนท้าย

"เคลียร์เรื่องคุณย่าสุดเนี๊ยบของนายเหรอ... ขอให้โชคดีนะเพื่อน กลับมาแบบครบสามสิบสองด้วยล่ะ" เซนยะทิ้งท้ายก่อนจะหัวเราะร่วนเอาคืนก่อนหน้านี้ ภูชิสสะถอนหายใจพืดยาว

จบตอน


Create Date : 03 กันยายน 2549
Last Update : 22 กันยายน 2550 13:45:16 น. 0 comments
Counter : 396 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

adel_ew
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




ความกลัวที่สุดคือ...กลัวที่ต้องอยู่โดยไม่เหลือใคร
Friends' blogs
[Add adel_ew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.