<<<<บ้านอะเดลยินดีต้อนรับจ้า>>>>
Group Blog
 
 
กันยายน 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
4 กันยายน 2549
 
All Blogs
 

คีย์...ของหัวใจ : บทที่5


ใช้เวลาติดต่อไม่นาน ฟูจิวาระ เซนยะก็ขึ้นรถตรงเข้าไร่น้ำฟ้า ก่อนหน้านี้ผู้อำนวยการหนุ่มเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนมารับอิโอ ซาลาท หากตอนนั้นเป็นกลางคืน จึงไม่เห็นทิวทัศน์สวยๆ ของที่นี่

สองข้างทางเต็มไปด้วยไร่ข้าวโพดสลับกับสวนส้ม บ้างเป็นพืชไร่ บ้างเป็นสวนผักซึ่งปลูกไต่ไปตามเนินสูงต่ำเบื้องหน้า แต่ที่สะดุดตาเห็นจะเป็นไร่องุ่น ซึ่งช่อผลเป็นยวงเขียวใสมองเห็นไม่ชัดเท่าไหร่เมื่อรถแล่นผ่าน ผิดกับพวงแน่นๆ ขององุ่นม่วงที่ย้อยระย้าต้องตานัก สมชายลดความเร็วรถลงเมื่อเห็นนายหนุ่มสนใจทิวทัศน์สองข้างทาง ...แต่แล้วบรรยากาศสงบก็ถูกทำลายลงเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

"ทำไมยะ ทำไมสถานที่ๆ เลือกต้องเป็นแถวนั้นด้วย" ปีเตอร์โวยวายผ่านโทรศัพท์เมื่อรู้ว่าเซนยะไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิศ และกำลังมุ่งหน้าไปปากช่อง ชื่อสถานที่ ไม่ค่อยถูกชะตา มันมีลางบางอย่างทำให้หล่อนคิดเช่นนั้น... นั่นอาจเพราะอิโอ ซาลาส เคยไปก่อเรื่องมาแล้ว

"ถามผมจะได้อะไร ต้องไปถามพ่อตัวเงินตัวทองของคุณโน้น..." เซนยะบอกอารมณ์ดี ปอยผมเล็กๆ ตกลงปกหน้าผากมนเพราะลมที่ผ่านเข้ามาจากหน้าต่างรถซึ่งเปิดออกรับกลิ่นหอมละมุนของธรรมชาติอันบริสุทธิ์

"ซาลาทบอกผมเองว่าเขาเลือกที่นี่"

"ฉันไม่เชื่อหรอกนะที่คุณบอกว่าไม่รู้เห็นเป็นใจกับซาลาท... วันก่อนเขาขับรถไปที่นั่น จะให้ฉันเชื่อเหรอยะว่า แค่มาดูโลเกชั่นอย่างว่า แล้วไอ้หน้าตาจารึกลอยเท้าน่ะ มันได้มายังไง ไม่ใช่ว่าไปมีเรื่องกับคนแถวนั้น แล้วยังกลับไปให้พวกมันตามมาเล่นงานอีกหรอกนะ"

"ซาลาทมันก็บอกแล้วว่ากำปั้นไม่ใช่เท้า... " เซนยะว่าติดตลก แต่อีกฝ่ายพ่นลมออกจมูกแรงๆ เหมือนวัวกระทิงที่กำลังจะวิ่งเข้าเล่นงานคนถือผ้าแดงซึ่งคอยยั่วมันอยู่

"มันบอกว่าเจอพวกขี้ยา...โธ่ๆ ปีเตอร์ไม่ต้องครางขู่ผมหรอกนา ยังไงมันก็รอดมาได้แล้ว ถ้าตามมาเล่นงานสิดี ซาลาทมันคงดีใจ" เซนยะชอบนักแล การยั่วปีเตอร์ให้เดือดพล่านเป็นสิ่งท้าทายสำหรับเขา อย่างน้อยเวลานี้หล่อนก็ไม่ได้อยู่ใกล้ตัว ปลอดภัยจากเสียงกรี๊ดแสบหู

"ฝากไว้ก่อนเถอะย่ะ แต่ว่านะคุณเซน ฉันขอถามหน่อยเถอะ วันนั้นซาลาทไปถึงกรุงเทพได้ยังไง จริงหรือเปล่าที่ว่าทรีน่าเป็นคนไปส่ง...ระหว่างเขากับทรีน่ามีความสัมพันธ์กันยังไง ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย"

"โบกแท็กซี่ไปมั้ง" เซนยะบอกขณะรถเลี้ยวเข้าไปในบริเวณรีสอร์ทน้ำฟ้า

"ทะ... แท็กซี่บ้านคุณสิ กันดานขนาดนี้..."

พนักงานต้อนรับเดินออกมาคอยเปิดประตูให้ลูกค้าจาก ทีจีมิวสิก ที่ได้นัดแนะกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

"ใช้คำผิดแล้ว เรียกที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ว่ากันดาน ทำได้ยังไงหยาบคาย..."

"เอาล่ะๆ ฉันไม่เถียงกับคุณแล้ว พูดไปก็เสียน้ำลายเปล่าๆ คุณก็เจรจาให้ดีก็แล้วกัน..."

"ไม่ต้องห่วงหรอก คนรู้จักของผมเป็นเพื่อนกับเจ้าของไร่น้ำฟ้า รับรองงานนี้ไม่มีพลาด งั้นแค่นี้นะ ผมถึงแล้วล่ะ เจอกันที่กรุงเทพพรุ่งนี้..."

เซนยะก้าวออกมาจากรถ ที่นี่จัดสวนได้สวยจริงๆ เรือนไทยหลังกลางก็โดดเด่นร่มรื่น ห้อมล้อมด้วยพันธุ์ไม้ประดับมากมาย ตัวเรือนหลักจะเน้นพวกไม้ไทยที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้ากับชุดรับแขกไม้แกะสลัก

:- :- :- :- :- :- :- :- :- :-

น้ำฟ้าจะเดินมารับทุกครั้งเมื่ออะเดลิตาจะมาที่ไร่ เธอมักหาข้ออ้างมาชวนน้องสาวไปเที่ยวไร่เสมอ บ้างก็ชวนไปดูลูกวัวที่พึ่งคลอด หรือไม่ก็บอกได้แม่แกะ พ่อแพะ มาใหม่ บ้างก็ให้ไปช่วยดูคนงานที่เร่งเก็บส้มส่งขาย อะเดลิตาชอบไปที่ไร่ แต่บางทีเธอก็เกรงใจคุณมาลัย อยากอยู่ช่วยงาน จึงเป็นหน้าที่ของพี่สาวต่างพ่อต่างแม่คนนี้ที่คอยเป็นฝ่ายมาชวนตลอด...

"พี่ฟ้าคะ พี่ฟ้ารู้จัก อิโอ ซาลาทใช่มั้ยคะ" อะเดลิตาตัดสินใจถามเมื่อเดินออกมาพ้นตัวบ้านได้ไม่นาน

"ใครไม่รู้จักล่ะจ๊ะ หนังสือที่พี่เอาให้แม่สองสาวบ้าดาราก็เกี่ยวกับอีตานี่ เพราะไปเรื่องของอีตานี่แหละ พี่ถึงได้ซวย เจอผู้ชายเฮงซวย" น้ำฟ้าว่าแข็งๆ "ว่าแต่อะเดลถามทำไม...หรือว่าสนใจอีตานี่ด้วย"

"เอ่อ... เปล่าค่ะเปล่า แล้วพี่ฟ้าจำคุณภูชิสสะได้มั้ยคะ"

"คุณภูชิสสะ" น้ำฟ้าทวนคำ มองหน้าสาวน้อยที่เดินคู่กันมาเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง ทำเอาอีกฝ่ายรีบหลบสายตา

"คุณภูชิสสะน่ะพี่ไม่รู้จักหรอก รู้จักแต่ไอ้ป่วนภูชิสสะ เด็กผีที่มาอยู่ที่ไร่เราเมื่อก่อน..." น้ำฟ้าบอกก่อนจะเด็ดดอกหญ้าที่คนแถวนั้นเรียกหญ้าหางจิ้งจอก ซึ่งเป็นพวงสวย หญ้าชนิดนี้จะขึ้นเป็นแพรยาวสูงเทียมอก สีเทาอมชมพูมองเป็นแนวสุดสายตา นี่เป็นความงามของทุ่งหญ้าแห่งนี้ จะยิ่งตรึงใจมากขึ้น เมื่อแสงแดดลับลงแนบเหลี่ยมเขาเบื้องหน้า…สะท้อนยอดหญ้าเป็นสีทอง

"แสดงว่าพี่ฟ้าจำได้" อะเดลิตาพยายามเดินตามให้ทันน้ำฟ้า ซึ่งเธอจะเดินเร็วบ้างช้าบางอย่างที่หมอกายภาพเคยบอกไว้ นั่นอาจจะทำให้เข่าของน้องสาวเธอดีขึ้น ถึงจะไม่มีทางรักษาให้หายสนิทแต่อย่างน้อยช่วยลดอาการเจ็บปวดเมื่อต้องงอเข่าได้ก็ยังดี

"ก็ต้องได้สิ สิบปีก่อนคุณน้ำฟ้าคนเนี่ย ยังถูกจับคู่กับเด็กผีนั่นด้วย" สาวผมซอยว่าติดตลก พร้อมกับปีนขึ้นไปยืนอยู่บนหินภูเขาที่ซ้อนเกยกันดูราวกับซุ้มดอกเห็ด ก่อนจะหันกลับมาทางน้องสาวที่พยายามเร่งฝีเท้าตามอีกฝ่ายให้ทัน

"ว่าแต่เราถามทำไม..."

"หลายวันก่อน เขามาที่ไร่ค่ะ มาซื้อดอกไม้"

"จริงน่ะ!... มันยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ" ท่าทางเล่นๆ ของน้ำฟ้าหายไปทันที อาการไม่พอใจมาแทนที่

"ทำไมคะ..." อะเดลิตาเองก็แปลกใจ

"อะเดลจำไว้นะ อย่าไปยุ่งกับอีตานี่เป็นใช้ได้ ตัวซวยแท้ๆ เลยล่ะพ่อคนนี้" น้ำฟ้าบอกก่อนจะกระโดดลงมายืนคู่เด็กสาวขาพิการ...

"ทำ..."

"ไม่ต้องมาถามว่าทำไม" น้ำฟ้าสั่งเสียงเฉียบขาด

"พี่ฟ้า..." ยังไม่ทันที่อะเดลจะได้แย้งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น น้ำฟ้ายกมือห้าม

"...ว่าไง... ให้คอยก่อนก็แล้วกัน หรือไม่ก็พาไปคอกม้า... ถ้าเขาต้องการไปที่ไหน ก็พาเขาไป.... ใช่ เป็นลูกค้าของคุณพ่อ ดูแลให้ดีด้วย... ฉันจะรีบไป...อืมมม์ ฝากด้วยนะ"

น้ำฟ้าวางหู พร้อมๆ กับเหลือบมองเด็กสาวข้างๆ ที่ตีหน้ามุ่ยไม่พอใจอะไรบางอย่าง

"ได้ยินแล้วใช่ไหม พี่มีลูกค้า คุณหนูอะเดล ต้องรีบเดินนะคะ ถ้าไม่อยากโดนทิ้ง" น้ำฟ้าว่าพลางจ้ำอ้าว นำหน้าเด็กสาว

เส้นทางราบเรียบ อะเดลิตาก็เดินลำบากแล้ว ยิ่งต้องมาเดินตามทางแคบๆ ที่สูงๆ ต่ำๆ ไต่ไปตามเนินยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่นั่นก็ดีสำหรับเธอ อย่างน้อยจะได้ออกกำลังกายไปในตัว และมันอาจทำให้สภาพขาของเธอดีขึ้นกว่าแต่ก่อน...

"พี่ฟ้ายังไม่ตอบอะเดลเลยนะคะ"

"ไม่ต้องมาอ้อน พี่บอกว่าไม่ควรก็ไม่ควร เร็วยื่นมือมา...ไหวหรือเปล่า?"

จนแล้วจนรอดอะเดลิตาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าทำไมน้ำฟ้าจึงไม่อยากให้ตนยุ่งเกี่ยวกับภูชิสสะ แล้วทำไมทีคุณมาลัยไม่เห็นจะห้ามเธอเลย มันยังไงกันนะ!

'พฤกษาปริศนา' จัดว่าเป็นสวนพันธุ์ไม้มากกว่าไร่ ไม้ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ประดับ แต่ที่มากที่สุดเห็นจะเป็นไม้ดอก พืชที่ปลูกนอกจากจะขายยกกระถางแล้ว ยังมีไม้จำพวกเบญจมาศสีสวยพันธุ์ใหม่ๆ แปลกตา ซึ่งส่งไปขายที่ร้านในกรุงเทพ อีกทั้งคุณมาลัยยังมีฝีมือทางด้านจัดดอกไม้ไม่ว่าจะเป็นงานจัดช่อดอก หรือแม้แต่การจัดสถานที่ตามงาน ตามโรงแรมต่างๆ ซึ่งเรียกได้ว่าตรงนี้เป็นรายได้ใหญ่ ที่ช่วยให้คนงานในไร่สิบกว่าชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบาก

ส่วน 'ไร่น้ำฟ้า' นั้นมีอยู่สองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นไร่ส้ม และอีกส่วนเป็นฟาร์มวัวนม และคอกม้า และสัตว์อื่นๆ บ้างปะปรายและส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างพฤกษาปริศนากับ'ไร่น้ำฟ้า' คือบังกะโลที่เห็นอยู่ตรงหน้า ด้านหลังเดินเข้าไปลึกอีกหน่อยจะมีน้ำตกที่สวยงามเป็นสถานที่ร่มรื่นมีน้ำไหลตลอดปี

น้ำฟ้าพาอะเดลิตาเดินจากไร่ผ่านบังกะโลเพื่อข้ามไปอีกฟากซึ่งเป็นคอกม้า แต่ติดตรงที่น้ำฟ้ามีแขกจึงให้น้องสาวล่วงหน้าไปก่อน ส่วนเธอแวะขึ้นพบลูกค้าคนสำคัญของคุณพ่อ....

*****************

วิภาดากลับเมืองไทยอีกครั้ง ไม่มีใครสงสัยกับการหายตัวไปของเธอ เพราะต่างคิดว่าเธอไปทำธุรกิจและศึกษาต่อที่เมืองนอก ตัวเธอเองก็เป็นคนฉลาด เป็นหญิงเก่งที่ไม่แพ้ใครที่ไหน..

วิภาดาฉลาดพอที่จะใช้งานคนของคุณพ่อของเธอ อิทธิพลนั้นทำให้เธอรวบรวมประวัติของชายหนุ่มในหน้านิตยสารได้อย่างรวดเร็ว และสิ่งที่รู้มา ทำให้เธอตอบรับทันทีเมื่อ อซาโน่กรุ๊ฟ เชิญขึ้นนั่นเก้าอี้ผู้บริหาร...

อซาโน่ คือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตสื่อบันเทิง แย่งส่วนแบ่งตลาดในแถบเอเชียได้ไม่แพ้ ทีจีกรุ๊ฟ แถม อซาโน่ ยังเป็นบริษัทลูกที่มีบริษัทแม่แข็งแกร่งกว่า ทีจีกรุ๊ฟ และอซาโน่ กำลังงัดกลเม็ดเพื่อดึงนักร้องในสังกัดของบริษัทแม่ เข้ามาสกัดความดังของซาลาทที่ตีตลาดเอเชียได้ในช่วงต้นปี ในเรื่องนี้ทางปีเตอร์และเซนยะก็ไม่ได้นิ่งเฉย รอดูความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา...

"อิโอ ซาลาท...." วิภาดาเพ้อ แววตาคู่นั้นดูกระด้างราวกับเกลียดชังนักหนา "ครูส เด็กคนนี้คือผลจากความรักของคุณใช่มั้ย... คุณทรยศฉันอีกแล้วใช่มั้ย มันเป็นลูกของคุณใช่มั้ย"

"ทั้งๆ ที่ฉันรักคุณ... ฉันสาบานว่าจะไม่เข้าใกล้คุณ แต่ฉันก็จะตามทำลายของรักทุกอย่างของคุณ ฉันจะตามไปทำลายให้หมด..." ขวดสีน้ำตาลถูกนำออกมาจากลิ้นชัก ดวงตากระด้างจับจ้องใบหน้าคมเข้มของนักร้องคู่แข่งบริษัทที่เธอเข้าบริหาร....

"รวมทั้งลูกชายของคุณด้วย... ฉันจะฆ่ามัน จะทรมานมันเหมือนๆ กับที่เคยทำกับซาร่า รายต่อไปจะเป็นเด็กคนนี้ เป็นนังมาลัย...ฉัน...." น้ำใสๆ ในขวดถูกรินลงบนรูป

ภาพใบหน้าของอิโอ ซาลาทค่อยๆ ละลายเพราะฤทธิ์กรดอย่างแรง...

วิภาดายิ้มอย่างเป็นสุขเมื่อนึกถึงวันที่เธอจะได้ทำอย่างตอนนี้ ทำลายตัวตนจริงๆ ของ อิโอ ซาลาท....

*****************

เซนยะให้คนงานพามาดูคอกม้า เพื่อจะขอใช้ขี่ไปดูสวนส้มที่อยู่อีกฝากหนึ่ง คอกม้าของไร่มีม้าอยู่เกือบๆ สิบตัว คนงานบอกว่าที่นี่จัดม้าไว้บริการลูกค้า มีสอนให้ขี่ม้าด้วย

"แล้วใครเป็นคนสอนครับ พวกคุณสอนกันเอง หรือว่ามีครูสอนเป็นการเป็นงาน"

"ลูกสาวเจ้าของไร่เป็นคนดูแลเรื่องนี้เองครับ ถ้าคุณหนูอยู่ก็จะมาช่วยสอนด้วยตัวเอง ถ้าคุณเธอไม่ว่างพวกผมก็ช่วยดูได้ครับ..." คนดูแลม้าที่ค่อนข้างมีอายุอธิบายขณะจูงม้าออกมาจากคอก เซนยะตรงเข้าลูบแผงคอของมันทำความคุ้นเคย

ม้าที่นี่เป็นม้าซึ่งได้รับการฝึกให้เชื่องแล้ว ตัวใหญ่ทีเดียว นับว่าเป็นม้าพันธุ์ดีใช้ได้ ปกติเซนยะชอบกีฬาประเภทนี้เป็นทุนเดิม ถึงไม่เก่งขนาดบังคับม้ากระโดดข้ามสิ่งกีดขวางที่มีเหรียญประกาศเกียรติให้ แต่ก็มีฝีมือดีไม่น้อยทีเดียว

"ตัวนี้เชื่องครับ... ถ้าคุณขี่ม้าได้ มันก็พาคุณไปเที่ยวในไร่ได้ทั่วเลยครับ คุณหนูสั่งให้ผมพาคุณไปทุกที่ๆ คุณต้องการ... "

"ลุงแหวงคะ... เจ้าตัวนี้ใช่ไหมคะ ที่พี่ฟ้าพึ่งได้มา..." เสียงใสๆ ของสาวน้อยดังมาจากอีกฟากหนึ่งของคอกม้า เซนยะไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนเดินเข้ามาเพราะมัวแต่สนใจเจ้าสีเทาที่ยืนตบเท้าอยู่ข้างๆ

"ครับมันชื่อชาโด้ครับ" ชายชราบอกน้ำเสียงใจดี

"อ้าว! ขอโทษค่ะ อะเดลไม่รู้ว่าลุงแหวงติดลูกค้า" อะเดลิตาพึ่งสังเกตเห็นชายหนุ่มที่ยืนคู่กับเจ้าสีเทา เยื้องข้างหลังลุงแหวงคนที่เธอรู้จัก

"สวัสดีครับ" เซนยะทักทายพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจ ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าน้อยๆ ที่อยู่ภายใต้กรอบผมสีอ่อนซึ่งยาวเคลียแผ่นหลัง แม้ผมเป็นรอนนั้นจะไม่เหยียดตรงสวย ตามสเป็กที่ตนตั้งไว้ แต่เท่าที่เห็น หญิงสาวตรงหน้าเป็นคนที่เหมาะจริงๆ กับทรงผมอย่างที่เธอมี...

ลุงแหวงทำเสียงเตือนสติใครบางคน...เซนยะมั่วแต่จ้องใบหน้าเล็กๆ จึงไม่ทันได้ยินเสียงทักทายจากอีกฝ่าย จะมาสะดุ้งอีกทีเมื่อเด็กสาวหันไปมองผู้มากวัยกว่าที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไรดี ที่เห็นอีกฝ่ายมองเธอตาไม่กระพริบ

"ขอโทษครับ" เซนยะยิ้มเก้อๆ เขาไม่ได้หลงความงามของหญิงสาว แค่จะมองใบหน้าเล็กๆ เผื่อใครบางคนที่ฝากให้มาดู เซนยะไม่ใช่คนที่จะสนใจผู้หญิงเพียงรูปกายภายนอก ถึงแม้ลักษณะรวมๆ ของเขาจะบ่งไปทางนั้น

"ผมรู้สึกว่าเหมือนเคยเจอคุณที่ไหน" เซนยะบอกเหตุผลที่เขาจ้องเธอ

"คุณ... ใช่คนที่อยู่กับคุณอิโอ ซาลาทหรือเปล่าคะ" ดูเหมือนอะเดลิตาจะรู้ว่าคนที่ชนเธอเป็นใคร

"ฮะ... แล้วคุณก็คือเด็กผู้หญิงที่ชิสสะ... เอ้ย ซาลาทชนจนล้ม..." เซนยะดีใจที่เธอจำเขาได้ ดูท่าอะไรๆ จะง่ายเกินกว่าที่คิด การมาไร่น้ำฟ้าถ้าจะเป็นเรื่องดีซะแล้ว ไม่เจอยัยตัวซวยแถมเจอเด็กสาวที่จะคลายข้อสงสัยในใจเขาเกี่ยวกับอิโอ ซาลาท

"เอ่อ... ผมว่าเราไปหาที่คุยกันดีกว่าไหมครับ" เซนยะเห็นว่าถ้าจะต้องคุยกันยาว "เอางี้ ขี่ม้าไป คุยกันไป ชมวิวไปด้วยดีกว่า"

เซนยะชวนเพราะไม่รู้ เด็กสาวยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะตอบ

"อะเดลขี่ม้าไม่ได้หรอกค่ะ... พอดีขาอะเดลไม่ค่อยดี" เด็กสาวบอกเศร้าๆ

"เป็นอะไรครับ ขาเจ็บหรือว่าขาพิการ" เซนยะถามบริสุทธิ์ใจไม่ได้ต้องการตอกย้ำปมด้อยของใคร มานึกได้ว่าคำตัวเองใช่ค่อนข้างแรง แต่ก็สายไปซะแล้ว

"... ขาซ้ายอะเดลพิการ" เด็กสาวตอบยิ้มหน่อยๆ

บรรยากาศเงียบไปทันที เซนยะแทบอยากเอาหัวโขกพื้น ปากไปเร็วจริงๆ มันน่านัก ไม่คิดว่าเด็กสาวน่ารักจะมีร่างกายไม่สมประกอบ เธอพิการอย่างนั้นน่ะหรือ จากที่เห็นก็ดูปกติทุกอย่าง หรือเพราะกระโปรงผ้าฝ้ายยาวๆ ซึ่งเธอใส่ปกปิดเอาไว้ แล้วพิการที่ว่าเป็นอย่างไรกัน อย่ารู้แต่คงไม่มีหน้าไปถามหรอกในเวลานี้

"เอ่อ คุณเป็นลูกค้าของพี่ฟ้าเหรอคะ?" อะเดลิตาชวนคุย "พอดีพี่ฟ้าไม่รู้ เลยไปพบคุณที่เรือนไทย เดี๋ยวสักพักคงตามมาที่นี่ค่ะ"

"อะเดล" สิ้นเสียงพี่ฟ้าที่ว่าก็มาถึงพอดี "อีตาลูกค้านั่นไปไหนไม่รู้ เป็นไงม้าตัวใหม่ของพี่สวยใช่ไหมล่ะ"

"พี่ฟ้า" อะเดลปรามเพราะดูท่าน้ำฟ้าจะยังไม่เห็นว่าอีตาลูกค้าที่พูดถึงยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ด้วย

"คุณ!" ทั้งน้ำฟ้าและเซนยะร้องเป็นเสียงเดียวกัน

"คุณจะตามจองล้างจองผลาญผมไปถึงไหน" เซนยะเริ่มพ่นน้ำลายก่อน ทำท่าคล้ายจะเดินหนี

"นี่มันบ้านฉัน ฉันต่างหากที่ควรใช้คำนั้น" น้ำฟ้าไม่ยอมแพ้ แทบจะโผนเข้าหาอีกฝ่าย

"ซวยจริงๆ คิดไว้แล้วเชียว! ตัวซวย!" เซนยะสบถลั่น จะเดินหนีอยากไปให้พ้นจากตรงนี้

"พูดอย่างนั้นหมายความว่ายังไง ถือดียังไงว่าฉันตัวซวย" น้ำฟ้าไม่พอใจตรงเข้ากระชากแขนอีกฝ่ายไว้

"พี่ฟ้า" อะเดลิตารู้นิสัยน้ำฟ้าดี รีบเข้าห้ามและน้ำฟ้าสะบัดมือแรงอย่างลืมตัว

"โอ้ย!!" อะเดลิตาล้มคว่ำไปทันที ลงไปกองกับพื้น

เซนยะเห็นเด็กสาวมีอาการเดียวกับวันที่ถูกภูชิสสะชนล้ม

"อะเดล... พี่ขอโทษ เป็นยังไงบ้าง!" น้ำฟ้าร้อนใจ ช่วยบีบเค้นตรงเข่าที่เด็กสาวยังคงกดมันแน่น ใบหน้าเล็กๆ บิดเบี้ยวเมื่อต้องเผชิญกับความปวด!

เซนยะไม่เข้าใจ ใบหน้าคมตีตกใจ น้ำฟ้าทันได้เห็นสายตาที่สะท้อนความเห็นใจและสงสารนั้นเช่นกัน มันทำให้ความรู้สึกทางลบต่อผู้ชายคนนี้คลายลงบ้าง ถึงจะไม่มาก แต่ก็พอให้เธอสามารถระงับอารมณ์ ยอมสงบศึกไว้ชั่วคราวได้... ชายหนุ่มก็รู้สึกไม่ต่างกัน...

:- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :-

น้ำฟ้าเลี้ยวรถเข้าไปจอดใกล้กับเรือนรับรองของพฤกษาปริศนา ประกอบกับคุณมาลัยซึ่งคอยอยู่แล้วรีบออกมารับ

"ยัยฟ้าทำไมพาน้องมาส่งเอาจนป่านนี้ คุณโคว่าจะออกไปรับแล้วเชียว" คุณมาลัยลงมารับหลานสาว อดไม่ได้ที่จะบ่น แต่น้ำฟ้าไม่ตอบ ยังคงตีหน้าบอกบุญไม่รับ ทำเอาผู้มากวัยว่าส่ายหน้าหน่อยๆ

"ทานข้าวมาหรือยังลูก" หันมาทางหลานสาวที่กำลังลงจากรถ

"คุณมาลัย ฟ้าไม่ปล่อยให้อะเดลหิวโซหรอกค่ะ" น้ำฟ้าตามลงมา ยังคงตีหน้ามุ่ย คิ้วผูกโบว์เหมือนเดิม

"คุณฟ้าเป็นอะไรคะ ดูทำหน้าเข้า ไปเจอตอมาเหรอคะ" ริยากอดแซวไม่ได้ เมื่อถือกระถางดอกไม้ผ่านมา เห็นเหตุการณ์เข้า ริสาตามมาติดๆ

"เจอตอน่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ วันนี้พี่ฟ้าไปตำต่อมาค่ะ" อะเดลว่าขำๆ เพราะเป็นคนเดียวที่รู้สาเหตุอาการหน้าหงิกของพี่สาว

"อะเดลพูดอะไรลูกไม่เห็นจะน่ารักเลย..." โคชิยะตามลงมาทันได้ยินเสียงใสๆ ของลูกสาว

"ก็พี่ฟ้าไปเจอ..." อะเดลิตาจะอธิบายแต่ถูกขัด

"พอเลยอะเดล จะไปอาบน้ำก็รีบไป พี่จะกลับล่ะ" น้ำฟ้าทำกระฟัดกระเฟียด

"เกิดอะไรขึ้น" โคชิยะถามลูกสาวบุ้ยปากไปทางน้ำฟ้า

"พอดีวันนี้มีลูกค้าค่ะ แล้วลูกค้าคนนั้นก็เป็นเพื่อนพี่ฟ้าค่ะ..." ลูกสาวตอบขำๆ

"ใครว่าตานั่นเป็นเพื่อนพี่... " น้ำฟ้าว่าเสียงเขียว ก่อนจะยกมือลาผู้มากวัยกว่าทั้งสอง "ฟ้ากลับล่ะค่ะ"

"จะรีบไปไหนล่ะ" คุณมาลัยปรามๆ คนกำลังโมโหขับรถไม่ค่อยดี โชคดีที่เมื่อกี้ไม่เจออุบัติเหตุ

"จะไปคุยกับคุณพ่อให้รู้เรื่อง ฟ้าจะไม่ให้อีตานั่นมาที่ไร่เราอีก"

"เมื่อกี้พี่ฟ้าก็คุยแล้วนี่ค่ะ แล้วคุณลุงก็บอกพี่ฟ้าพูดไม่รู้เรื่อง..." อะเดลิตาบอกขำๆ ทำเอาอีกฝ่ายสะอึก

"ก็คุณพ่อไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร... ตานั่นๆ! ตานั่นน่ะ ไม่รู้ล่ะ พี่ไม่ชอบไม่ถูกชะตากับตานั่น"

น้ำฟ้ายิ่งพาลไปกันใหญ่ อะเดลิตามองยิ้มๆ เข้าใจดีน้ำฟ้าเป็นคนไม่ยอมใคร รั้นไปเรื่อย แต่ถ้าน้ำฟ้ามีอาการจุกอกอย่างตอนนี้ แสดงว่าคนที่เป็นสาเหตุก็น่าจะเจ๋งพอดู ไม่เช่นนั้นพี่ฟ้าของเธอคงซัดหน้าคว่ำไปแล้ว แทนที่จะมานั่งแค้นเคืองอย่างตอนนี้

แต่พูดไปก็เท่านั้น ปล่อยไปสักพักเดี๋ยวก็ดีเอง อะเดลิตาพอจับความได้จากการเถียงกันยกที่สองของน้ำฟ้ากับคนที่ชื่อเซนยะ คนที่ผิดน่าจะเป็นพี่สาวของเธอ แต่ด้วยความรั้น น้ำฟ้าจึงคิดว่าเสียหน้าที่ต้องยอมรับ

"ว่าไงจ๊ะลูกสาว...พี่ฟ้าเขาเป็นอะไร"

โคชิยะออกปากถามหลังจากรถของน้ำฟ้าคล้อยออกไปแล้ว

"คุณโคเป็นห่วงพี่ฟ้าเหรอคะ" ลูกสาวแกล้ง ทำเอาพ่อสะดุ้ง

ทุกคนเลยขำกันใหญ่ และยิ่งขำเมื่อได้ยินเรื่องราวที่อะเดลิตาถ่ายทอดให้ฟัง

"ในที่สุดยัยฟ้าสุดห้าว ก็เจอคู่ปรับแล้วล่ะสิ น่าสนุกนะ" คุณมาลัยว่าทิ้งท้าย

:- :- :- :- :- :- :- :- :- :-

"ใจเย็นๆ นะคะ เดี๋ยวฉันจะพูดให้ค่ะ" ปีเตอร์พยายามหาเหตุผลมาร้อยแปดเข้าลูบใจ คนที่หล่อนพาออกไปส่ง แต่ดูจะไม่ได้ทำให้สถานการณ์ระหว่าง ทีจี กับตัวแทนผู้อำนวยการสถานีชื่อดังดีขึ้น อีกฝ่ายไม่พอใจเป็นอันมากกับคำตอบที่ได้รับจากฟูจิวาระ เซนยะ

"ไว้ฉันจะโทรไปบอกข่าวดีนะคะ" ปีเตอร์ตะโกนไล่หลังอีกฝ่าย ก่อนจะหันกลับเข้าห้อง ความกระเหี้ยนกระหือรือตรงไปทางคนที่ยังนั่งจิบกาแฟเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่บนโซฟา ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นต้นเหตุเรื่องราวทั้งหมด

"คุณเซนยะ" ปีเตอร์แผดเสียงใส่

"พูดเบาๆ ก็ได้...ผมอยู่แค่นี้เอง" เซนยะแกล้งยั่ว

"คุณไม่ต้องมาเล่นลิ้นเลยนะ คุณปฏิเสธโอกาสงามๆ นี้ไปได้ยังไง..." ปีเตอร์แทบสำลักคำพูด ความโกรธวิ่งมาจุกที่อก

โอกาสงามๆ ที่ว่าคือการที่ตัวแทนของผู้จัดการสถานีชื่อดัง เสนอผลประโยชน์งามๆ ให้แก่ทีจี และเป็นโอกาสดีที่ฟูจิวาระ เซนยะ ก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ต้องปฏิเสธคือ เงือนไขที่ว่า เอ็มวีตัวใหม่ของอิโอ ซาลาท ต้องมีดาราสาวที่ชื่อดาว ดารารัตน์ เป็นนางเอก

นั่นเป็นสาเหตุให้เซนยะต้องปฏิเสธไป ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะเหมือนเป็นการหักหน้ากันเห็นๆ เป็นผลให้คู่เจรจากระฟัดกระเฟียดออกไปเมื่อครู่ ส่งผลให้ปีเตอร์ตีหน้ายักษ์อยู่ตอนนี้

"เขาจะช่วยโปรโมทงานของซาลาทยังไม่พอแถมให้เวลากับเรา เราสามารถทำรายการป้อนสถานีเขา นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการอยู่แล้ว แต่คุณกลับทำมันเสีย... ทำไมฉันไม่เข้าใจเลย"

"ผมก็บอกไปแล้ว... "

"บอกไปแล้วงั้นเหรอ... บอกว่าไม่แน่อย่างนั้นน่ะเหรอ ต้องหาคนที่เหมาะสมจากคนที่มาสมัครอย่างนั้นน่ะเหรอ" ปีเตอร์เค้นเสียงประชด ลอกคำพูดของฟูจิวาระ เซนยะก่อนหน้านี้มา

"คุณเข้าใจถูกแล้วปีเตอร์ หูก็ไม่ได้ตึงนี่ ผมจะคัดเลือกดูอีกที คนที่เหมาะสมเท่านั้นที่จะได้ทำงานนี้ ถ้าคนของเขาเป็นนางเอกดังอย่างที่ว่าจะกลัวอะไรกับการคัดเลือกของผม... และผมก็เห็นแล้วว่าดาว ดารารัตน์ของเขาก็สวยดี เก่งด้วย"

"แล้วมันจะตายไหมถ้าคุณจะรับปากเขาไป ทำเป็นพูดดี... แล้วเป็นไงเขาไม่พอใจมากๆ ด้วย ถ้าเขาเอาเวลาที่จะให้เราไปให้ คู่แข่งของเราอย่างอซาโน่มิวสิกจะทำยังไง"

"อยากให้ก็ให้ไป... ผมไม่แคร์ ก่อนหน้านี้คุณจะทำงานยังก็ได้นะปีเตอร์ แต่เมื่อผมมาอยู่ตรงนี้ คุณต้องทำด้วยความตรงไปตรงมา คิดถึงคนอื่นที่เขามาสมัครบ้าง... ใสสะอาดหน่อย" เซนยะพึ่งจะพูดจริงจังเป็นครั้งแรก ปีเตอร์เองก็ถึงกับอึ้งไปหน่อยๆ

"ใครๆ เขาก็ทำกันอย่างนี้...ตรงไปจะไปสู้ใครได้..."

"ทำกันอย่างนี้ที่คุณว่า ก็ทำให้ ทีจี ผงาดได้ไม่อายใครไม่ใช่เหรอ... แต่ เอาเถอะยังไงผมก็ไม่ใช่คนดิบดี ปู่ผมที่เป็น ผ.อ.ของคุณ สอนผมเสมอ ซื่อตรงกับคนที่ไว้ใจเรา..."

"อ้อ... คุณก็เลยต้องทำตามขั้นตอนอย่างที่คุณว่าสินะ" ปีเตอร์ไม่วายประชด

"แต่คุณอย่าลืมนะปีเตอร์... ปู่ผมท่านจะทำยังไงกับคนที่คิดจะแทงหลังท่าน" เซนยะบอกปีเตอร์เย็นๆ

"ฉันไม่กล้าเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลของคุณหรอกค่ะ" ปีเตอร์เกลื่อนอาการหวาดๆ แต่ยังเคลือบคลอถ้อยกระแนะกระแหนกลายๆ

เป็นที่รู้กันคนของฟูจิวาระ มีมิตรอยู่รอบทิศ และศัตรูอยู่รอบด้าน ปีเตอร์ยังจำคำพูดของซาลาทที่ว่า 'เลือดพิษ สายเลือดตระกูลนี้มันแรง' ส่วนแรงที่ว่าคืออะไรไว้เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์...

*******************

นักร้องที่อซาโน่จะขนมาชนซาลาทถูกส่งตัวมาวันเดียวกับที่อิโอ ซาลาทมาโดยบังเอิญ

ที่สนามบิน ตรงช่องทางผู้โดยสารขาเข้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาคอยต้อนรับนักร้องชื่อดัง ผู้คนร่วมพันออกัน... วิภาดาออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง นักข่าวมาทำข่าวมากมาย ตอนแรกซาลาทถึงกับตกใจที่เห็นคนจำนวนมาก... คิดว่าการมาครั้งนี้ถูกปิดเป็นความลับ แต่ที่ไหนได้เป็นการเปิดตัวของอีกคน... วันนี้เขาไม่ต้องเป็นสัตว์แปลกในตู้โชว์อย่างที่เซนยะเคยแซว นักร้องที่ชื่อโทรุ วองต่างหากที่เป็นอย่างว่า...

"คุณวอง รู้จักอิโอ ซาลาทหรือเปล่าคะ" ภูชิสสะกำลังจะเดินแยกออกมาจากฝูงชน แต่ทันได้ยินคำถามที่นักข่าวป้อนให้แก่ศิลปินพระเอกของงานนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง

"ครับก็เคยได้ยินครับ" นักร้องดังตอบวางฟอร์ม

"เห็นว่าทางต้นสังกัดส่งคุณมาชนกับซาลาทคุณคิดว่ายังไงคะ"

"คงไม่ใช่หรอกครับ ผมกับเขามีแฟนเพลงคนละกลุ่มกันครับ เขาเป็นดารา นายแบบ ส่วนแฟนเพลงของผมเป็นคนฟังเพลงจริงๆ ครับ"

"แต่ซาลาทก็ออกอัลบั้มถึงสองอัลบั้มแล้วนะคะ แต่ละงานล้วนได้รับความนิยม ขายได้หลายล้านก๊อบปี้ และเพลงของซาลาทก็ค่อนข้างจะได้รับการยอมรับ เขาเป็นคนมีความสามารถพูดได้หลายภาษา นี่เป็นความพิเศษของเขา คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ"

"เอ่อ ต่างคนต่างความสามารถครับ แต่เราสองคนคงไม่ใช่คู่แข่งครับ อยู่วงการเดียวกัน เราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้" นักร้องหนุ่มเหมือนจะอึ้งไปนิดหน่อย ก่อนจะยิ้มธุรกิจอย่างที่ปีเตอร์เคยบอก ตอบได้อย่างน่าฟัง

"เอ่อ คุณทรีน่าเห็นว่าคุณมารับคุณวอง... เพราะคุณรับเล่นเอ็มวีให้กับเขา เป็นความจริงใช่ไหมคะ..."

"ยังไม่ได้คุยรายละเอียดค่ะ" ทรีน่าตอบส่งยิ้มหวาน ทันใดนั้นเธอก็เห็นคนที่คุ้นหน้า ซึ่งประสานตากับเธอพอดี เขายกมือให้ก่อนจะปลีกตัวออกไป เธอหันกลับไปกระซิบบอกผู้จัดการส่วนตัว เลี่ยงออกมาจากบริเวณนั้น โดยมีสายตาของวิภาดาตามมาด้วย

ทรีน่าโทรเข้าเครื่องซาลาท และรีบตามออกไป บอกให้เขารอก่อน โดยไม่รู้ว่ามีวิภาดาตามมาด้วยเช่นกัน

"ซาลาท" เสียงเรียกทำให้ภูชิสสะหันกลับมามอง

วิภาดายืนอยู่ข้างหลังทรีน่าห่างไม่ถึงสิบเมตร ถ้าเพียงหญิงสาวหันกลับไปมองก็จะรู้ว่าน้าสาวของเธอยืนอยู่ตรงนั้น แต่เวลานี้ทรีน่ากำลังสนใจชายหนุ่มที่สวมหมวกไหมพรมเก็บผมเผ้าเรียบร้อย แว่นดำปกปิดดวงตาไว้ได้ดี แต่โครงหน้านั้นใช่ อิโอ ซาลาทไม่มีผิดตัว

"ครูส..." วิภาดาเพ้อแผ่ว... ยืนตะลึง ความประหวั่นเข้าเกาะกุมหัวใจ ก่อนจะทรุดลงตรงนั้น ภูชิสสะทันได้เห็น...

"เอ้ย คุณ..." เสียงร้องตระหนกของอิโอ ซาลาททำให้ทรีน่าหันกลับไปมอง...

"น้าวิภา..."

ทั้งสองเข้าประคอง วิภาดายังไม่วางตาจากใบหน้าที่คุ้นเคย

"คุณรู้จักเธอเหรอ" ภูชิสสะแน่ใจว่าทรีน่าเรียกชื่อผู้หญิงคนที่เขากำลังประคองไว้ ท่าทางของเพื่อนสาวบ่งบอกเช่นนั้นด้วย

"นี่น้าของฉัน... น้าวิภาคะ เป็นยังไงบ้างคะ" ทรีน่าพยายามเรียกหากอีกฝ่ายยังคงจ้องหน้าของชายหนุ่มอย่างตกตะลึง ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งสัมผัสได้ถึงคุ้นเคย ลมหายใจอุ่นนั้นไม่ได้ต่างจากเมื่อสิบปีก่อน

"น้าวิภา!" ทรีน่าจับเขย่า "เป็นยังไงบ้างคะ"

"เอ่ย.. น้าเป็นอะไรไป..." วิภาดาออกอาการงงๆ เริ่มตั้งสติได้...สติทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าหาใช่ครูส เฟย์ ซาลาท แต่เป็นใครอีกคนที่ใบหน้าคล้ายกัน

"อยู่ๆ คุณก็ทรุดลงเหมือนๆ จะเป็นลม" ภูชิสสะตอบราบเรียบเพราะเห็นเหตุทั้งหมด แต่สิ่งที่วิภาดาแสดงทำให้เขามองหน้าทรีน่าราวกับจะถามอะไรบางอย่าง และดูเหมือนหญิงสาวเองก็น่าจะรู้ดีถึงความหมายของแววตาคมคู่นั้น

"น้าวิภา.... รู้จักกับซาลาทเหรอคะ"

"เอ่อ ปะ เปล่าจ้ะ ทำไมถึงคิดอย่างนั้นกัน"

"ก็เห็นน้าวิภาจ้องซาลาทราวกับ..."

"อ้อ... ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ น้าแค่รู้สึกคุ้นหน้า..." วิภาดาลุกขึ้นยืนได้ ร.ป.ภ. ที่อยู่บริเวณนั้นกำลังเดินตรงมาทางคนทั้งสาม ภูชิสสะเห็นท่าไม่ดี เพราะคนแถวนั้นเริ่มให้ความสนใจ...

"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปละนะ" ภูชิสสะถอยออกห่าง แต่นึกอะไรได้ "ผมไปนะครับ... คุณ..."

"วิภาดาค่ะ"

"ฮะ คุณวิภาดา" ภูชิสสะรีบถอยแต่ไม่ลืมที่จะโบกมือพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้กับทรีน่า

"แล้วฉันโทรไปหาคุณนะ" ทรีน่าตะโกนบอก

"ครูส...อย่าทิ้งฉันไปอย่าทิ้งฉันไป..." วิภาดาเพ้อแผ่ว บีบแขนหลานสาวแน่นจนเธอรู้สึกเจ็บ

"น้าวิภาเป็นอะไรคะ...." อาการหอบแรงเหงื่อกาฬแตกราวกับคนวิ่งหนีตายมาของน้าสาวทำเอาทรีน่าใจหาย "ไปโรงพยาบาลดีกว่ามั้ยคะ"

"ไม่... ฉันไม่เป็นไร" วิภาตวาดดัง แต่เมื่อเห็นดวงตาตกใจของคนตรงหน้าทำให้เธอนึกได้ "มะ...ไม่เป็นไรจ้ะ น้าไม่เป็นไร คงเพราะสองสามวันที่ผ่านมาน้าเหนื่อย... กลับบ้านกันเถอะ..."

"ขะ... ค่ะ" ทรีน่าเก็บความสงสัยไว้ในใจ เธอไม่เคยเห็นวิภาดามีอาการแปลกๆ อย่างนี้มาก่อน...


จบตอน




 

Create Date : 04 กันยายน 2549
0 comments
Last Update : 4 กันยายน 2549 15:40:16 น.
Counter : 391 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


adel_ew
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




ความกลัวที่สุดคือ...กลัวที่ต้องอยู่โดยไม่เหลือใคร
Friends' blogs
[Add adel_ew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.