|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
แฟนฟิค รัตนมณีแห่งดวงดาว VS วีรบุรุษจอมจักรวาล บทที่ 3
ทางฝ่ายอาซิคาลอส
ระหว่างการเดินทางผจญภัยผ่านมิติพิสดารในห้วงจักรวาล ราชวัลลภคนหนึ่งคือ ลีอุส ได้รับพิษจากหินประหลาดลมป่วย และการที่ลีอุสได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากช่วยเหลือไอบิรินกลับยาน นางจึงสื่อจิตขอความช่วยเหลือจาก ท่านผู้เฒ่า
ซึ่งครั้งหนึ่งไอบิรินเคยเข้าสู่ดินแดนที่เรียกว่าโอเมรอส ที่ถูกเรียกว่ามิติคู่ขนานแดนแห่งเทพเจ้า ในครั้งนั้นนางได้พบกับเจ้าหญิงเฮร่าและได้รับความเอ็นดูจากพระนางถึงขั้นรับเป็นน้องบุญธรรม เจ้าหญิงเฮร่าส่งนักบวชชุดขาว ซึ่งต่อมาไอบิรินเรียกว่า ท่านผู้เฒ่า คอยสื่อจิตช่วยเหลือให้คำแนะนำเมื่อเธอมีปัญหา
การติดต่อกับท่านผู้เฒ่าทำให้ได้รับคำแนะนำว่า มีสิ่งเดียวที่สามารถดูดพิษจากหินนั้นได้ คือของวิเศษที่เรียกว่า น้ำตาพระจันทร์ สิ่งวิเศษแห่งคาออส
และนั่นทำให้อาซิคาลอสนึกถึงองค์จักรพรรดิแห่งคาคูด้า
สหายเก่าที่น่าจะช่วยเหลือเรื่องนี้ได้
ทั้งหมดจึงออกเดินทางสู่สหพันธ์แห่งดวงดาวคาออส
ประจวบกับ
.จุดหมาย
อยู่ในช่วงงานฉลองอิสรภาพของพวกทาสและปลอบขวัญทำพิธีปัดเป่าปลอบประโลบจิตใจผู้คน และที่สำคัญคืองานแต่งงานขององค์จักรพรรดิทั้งสามแห่งคาออสกับเหล่าสาวงาม
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ถูกตกแต่งด้วยสีขาวและฟ้า ประแซมด้วยสีชมพูสดใส แสงแดดอ่อนสาดเข้าไปในภายในห้องบรรทมโถง
อาบูจากำลังรับศึกหนัก การจะจับเจ้าเหนือหัวให้ลองชุดใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งยังไม่มีทูลกระหม่อมน้อยกาเซียร์คอยช่วยปราม ก็อย่างที่รู้กันอยู่คนที่พอจะรับมือฝ่าบาทของอาบูจาได้มีไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือทูลกระหม่อมน้อยที่มักจะมีวิธีจัดการกับความดื้อดึงได้อย่างที่คนอื่นทำด้วยไม่ได้
และอีกคนหรือเรียกว่าอีกคู่คงถูกกว่า นั่นก็คือคู่หูพารานาเรีย คนทั้งคู่ที่มีวิธีจัดการคนละแบบ คนที่กล้าแหย่เจ้าเหนือหัวอย่างซีเซลเรียกว่ากล้าแบบไม่กลัวตาย ส่วนอีกคนคือเฮเดรสเรียกว่าเหนือกว่าเจ้าเหนือหัวในทุกด้าน และจะว่าไปแล้ว เฮเดรสดูจะเป็นคนที่เจ้าเหนือหัวไม่อยากหาเรื่องให้โกรธมากนัก เพราะองครักษ์ผิวหมึกเวลาโกรธน่ากลัว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทูลหม่อมน้อยตอนอยู่นารายยืนยันได้เป็นอย่างดี
ส่วนองครักษ์หน้าขาวที่กำลังก้าวเข้ามาภายในห้องดูจะมีวิธีรับมือเจ้าเหนือหัวแตกต่างออกไปอีก อย่างตอนนี้ องครักษ์หนุ่มกำลังสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเจ้าเหนือหัวอยู่เงียบๆ ใบหน้าคมปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ อย่างมองเห็นเรื่องสนุกรออยู่บนปลายจมูก
พิธีอภิเสกสมรส
ในความคิดของซีเซลมันดีอย่างนี้นี่เอง อย่างน้อยองครักษ์หนุ่มก็มีโอกาสเห็นเจ้าเหนือหัวอยู่ในฉลองพระองค์อื่น นอกจากสีดำนิลอย่างที่เห็นจนชิน เวลานี้วรองค์กำยำอยู่ในชุดผ้าเนื้อบางเบาสีอ่อน เป็นชุดที่มีผ้าพลิ้วๆ ตกแต่งได้อย่างลงตัวกับอัญมณีสีสดของสังวาล
ข้า
ไม่คิดว่าชุดนี้มันจะดีสำหรับข้า เจ้าเหนือหัวแทบจะปัดมืออาบูจาทิ้งเมื่อนางเอื้อมจะจัดสังวาลให้ดูเรียบร้อยกว่าที่เป็น ถึงอย่างนั้นพระพี่เลี้ยงร่างอ้วนก็คิดว่า ไม่มีวันไหนที่เจ้าเหนือหัวจะดูงดงามเท่าตอนนี้ ทรงสง่างาม สมศักดิ์ เป็นองค์จักรพรรดิที่ทรงได้ทั้งพระรูปโฉมและปรีชา เหนือบุรุษใดๆ
พอได้แล้ว ดูเหมือนอาบูจาจะลืมตัวไปว่ากำลังสร้างความลำคาญให้กับผู้ครอบครองระเบิดไว้กับองค์เองอยู่เสมอ มันพร้อมจะตูมตามขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
ตรงนี้ดูท่าจะหลวมไปหน่อยนะเพ
พอแล้ว
พยายามระงับโทสะที่สุด แต่ดูเหมือนอาการของอาบูจายิ่งทำให้ทรงกริ้วหนัก นางไม่ได้ฟังสิ่งที่พระองค์บอกไปแม้สักนิด
จริงๆ ด้วย
ต้องแก้หน่อย
อาบูจา
หูแตกรึไง ข้าบอกให้เอามือไปให้พ้น!! ถ้อยตวาดตอนท้ายเหมือนแรงผลักร่างอ้วนๆ ให้หงายผึ่ง องครักษ์หน้าขาวขันอาการสะดุ้งโหยงของพระพี่เลี้ยงร่างอ้วน
แม้ไม่เห็นหน้าแต่แน่ใจได้เลยว่าเวลานี้อาบูจาคงแทบจะปล่อยโฮ นางคงลืมไปแล้วฝ่าบาททรงขี้รำคาญปานใด อาจเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยทรงแผลงฤทธิ์เสียกระมังทำให้นางลืมตระหนักเรื่องนี้ไป
พะ
เพคะ ดูเหมือนถ้อยตอนท้ายจะทำเอาอาบูจาหลุดกลับมาสู่โลกความจริง เมื่อครู่นางคงฝันไป ฝันว่าฝ่าบาทของนางยอมเป็นเจ้าชายน้อยเมื่อทรงพระเยาว์ เด็กตัวน้อยที่ยอมให้นางจับแต่งตัวอย่างไรก็ได้ตามแต่นางต้องการ
กาเซียร์ไปไหน? นี่กระมังสาเหตุที่ทำให้พระอารมณ์ฉุนเฉียวกว่าที่ควรเป็น คงไม่ใช่แค่ถูกจับแต่งองค์อย่างที่ไม่คุ้นเคย จะว่าไปแล้วพระองค์น่าจะดีพระทัย เพราะฉลองพระองค์ทำให้ทรงสง่างามอย่างสมศักดิ์
ทะ
ทูลกระหม่อมเสด็จไปตำหนัก
เจ้าหญิงแห่งนาบูเพคะ อาบูจาตัวรีบเมื่อดวงเนตรอำพันตวัดมองนางอย่างกริ้วกราด
ไปกับใคร สุรเสียงยังคงรักษาความกระด้าง
กะ
กับชิบิเพคะ
ตะ
แต่สักพักก็น่าจะเสด็จกลับแล้วเพคะ
แล้วทำไมเพิ่งบอกข้า
กะ
ก็
อาบูจาอยากจะบอกนักว่าก็ไม่ทรงถาม
หากนางหรือจะกล้า
แต่ถ้าเป็นอีกคนที่สังเกตการณ์ด้วยอารมณ์ขันๆ อยู่ก่อนแล้ว
ก็ไม่แน่
นายจะขำอะไรนักหนาซีเซล ดูท่าเจ้าเหนือหัวจะทันสังเกตเห็นองครักษ์หน้าขาวอยู่ก่อน ดวงเนตรอำพันตวัดมองอย่างเกรี้ยวกราด แต่ดูท่าจะยิ่งสมใจองครักษ์หน้าขาว
ไม่ยักกะรู้ว่าทรงมีรสนิยมเหมือนเกล้ากระหม่อม สีสดสวยนะพระเจ้าค่ะ ซีเซลแหย่จับจุดฝ่าบาทของตนได้ แน่นอนมันได้ผลทรงกริ้วไปกันใหญ่ แต่อาบูจากแอบคิดว่าซีเซลทำไมไม่รู้จักกลัวตายเอาซะเลย
ถ้าทรงให้อาบูจาจัดอาภรณ์ให้เข้าที่จะดูดีกว่านี้มากนะพระเจ้าค่ะ องครักษ์หน้าขาวเปิดยิ้มยียวน
นายอยากตายหรือไงซีเซล... ตวัดสุรเสียงลั่น จะตรงเข้าเล่นงานซีเซลอย่างที่เคยทำ และก่อนหน้านั้นแจกันที่อาบูจาจัดมาอย่างสวยถูกแรงจากหัตถ์กำยำตวัดใส่ร่างองครักษ์หน้าขาว
ไปก่อนแล้ว
โอ้โอ๋ ใบหน้าขาวๆ เบี่ยงหลบนิดเดียวก็พ้น
ประกอบกับ
มันหล่นไปถึงมือใครอีกคนที่เพิ่งก้าวเข้ามา
นายกล้าหลบรึซีเซล ตวาดลั่นอย่างต้องการเอาเรื่อง..
อ้า
สัญชาตญาณน่ะพระเจ้าค่ะ ใบหน้าขาวๆ นั้นบ่งชัดแทนคำตอบว่า
ถ้าไม่หลบก็เจ็บสิ
ไว้ฆ่ากันคราวหน้าดีกว่าพระเจ้าค่ะ เฮเดรสทันรับแจกันก่อนที่มันจะตกลงพื้นแตก องครักษ์ผิวเข้มมองคู่หูต่อว่าหลอกๆ
เพราะรอยยิ้มตรงมุมปากแสดงความพอใจกับการกระทำของซีเซลยืนยันเช่นนั้น แต่ดูท่าเจ้าเหนือหัวจะไม่ทันได้สังเกต อาจจะทรงคิดไปว่าเฮเดรสเห็นด้วยกับพระองค์ ทีว่าซีเซลน่ะผิด
เวลานี้เกล้ากระหม่อมว่าพระองค์ไม่ทรงว่างพอที่จะฆ่าซีเซลแน่ เฮเดรสรีบขยายความ เพราะกระถางอีกอันยังอยู่ในหัตถ์เจ้าเหนือหัว พร้อมจะเหวี่ยงมาอีกรอบ คราวนี้ตนอาจเจอลูกหลง
เพราะยืนคู่กับองครักษ์จอมยียวนพอดี
และรู้ดีว่าซีเซลมักพาความซวยมาให้คนรอบข้างได้เสมอ
ทำไม? ตะคอกสุรเสียงใส่
มีใครคนหนึ่งรอขอเข้าพบฝ่าบาท...
ใคร? ดูท่าเรื่องจะน่าสนใจพอ ทำให้แจกันที่ทรงถือไว้ถูกวางลงที่เดิมของมัน
คนจากคิวปัสตี้... เจ้าชายอาซิคาลอส พร้อมขนิษฐา สิ่งที่รู้จากเฮเดรสสร้างความประหลาดใจแก่ผู้ที่เพิ่งรับรู้ ไม่ใช่แค่องค์จักรพรรดิแห่งคาคูด้า กับซีเซลก็เช่นกัน ถ้าจำไม่ผิดพวกตนเพิ่งจะพูดถึงเรื่องของคิวปัสตี้ได้ไม่นาน
ซาลาร์ค
เรียน่า เจ้าเหนือหัวตรัสเป็นเพ้อ
เจ้าหญิง
เสด็จด้วยหรือเฮเดรส?
เป็นไงบ้าง
เฮเดรสดูจะรู้ความหมายถึงคำว่า เป็นไงบ้าง ของซีเซลดี องครักษ์ผิวเข้มส่ายหน้าเนือยๆ ยิ่งเมื่อเห็นร้อยยิ้มเปิดกว้างของคู่หูยิ่งเหนื่อยใจ ซีเซลยังเป็นประเภทแพ้ผู้หญิงอยู่ดี แม้เวลาผ่านไปเท่าไรก็ตาม
ก็ดี
แต่รู้สึกว่าตอนนี้จะเสด็จออกนอกเส้นทาง แต่เฮเดรสเห็นมากกว่านั้น เห็นเหตุการณ์ที่ว่าทำไมเจ้าหญิงที่ว่าต้องเสด็จออกนอกเส้นทาง
ระหว่างทางที่จะไปต้อนรับ องครักษ์ผิวเข้มเห็นการถกเถียงกันของคนสามคน
ใครคนหนึ่งกำลังใช้วาจาเล่นงานคนที่น่าจะเป็นเจ้าหญิงเรียน่า
อาการแปลกๆ ของคนๆนั้นทำให้ตีความหมายไปว่า จะเล่นงานเจ้าหญิงของตนเพราะการลืมตัว
เฮเดรสแน่ใจว่านั่นคงมีความเกลียดชังในตัวเจ้าหญิงที่ว่า
แต่ข้อสงสัยก็ตามมาเช่นกัน
มาสเตอร์ผิวเข้มมีความสงสัย
ราชองครักษ์ไยต้องเกลียดเจ้าชีวิตของตน มีเหตุการณ์ใดทำให้คนที่ชื่อว่า
ลูเปอร์เซียร์แสดงออกกับเจ้าหญิงอาเซนธาเรียจนต้องทำให้มากัสเข้ามาช่วย
เหมือนโมนิคน้อยเลย เห็นรอยยิ้มของเฮเดรส ซีเซลก็พอจะเดาเรื่องได้เลาๆ นอกเส้นทาง ก็แสดงว่า
เรียน่า
ยังซนเหมือนเดิมสินะเฮเดรส เจ้าเหนือหัวดูจะไม่ใส่พระทัยกับการออกนอกเส้นทางของเจ้าหญิงจากคิวปัสตี้ นายไปรับกาเซียร์ที่ตำหนักเจ้าหญิงนาบูทีซีเซล
ข้าจะให้นางพบกับสหายของข้า
ฝ่าบาททรงมีสหายกับเขาด้วยหรือ
ไม่ยักกะรู้
ซีเซลน้อมรับพระบัญชาแต่อดไม่ได้ที่จะไปกระซิบกระซาบกับเฮเดรส แต่ดูท่าเจ้าเหนือหัวจะทันได้ยินน้ำเสียงกระแนะกระแหนนั้น เนตรอำพันที่ตวัดมองอย่างขัดพระทัยยืนยัน แต่จะทรงทำการณ์ใดได้ นอกจากแสดงท่าทีขึงขังออกไปอย่างที่ทรงทำอยู่
หากดูจะสมใจคู่หูพารานาเรียเสียเหลือเกิน
เฮเดรส! สุรเสียงเรียกแทบเป็นตวาด เพราะดูท่าเจ้าของชื่อจะยังไม่ตามเสด็จด้วย
พระเจ้าค่ะ เฮเดรสน้อมรับพร้อมรอยยิ้มขันๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมาทางซีเซล นายอยากรู้มั้ย สหายของฝ่าบาทจะเป็นคนเช่นไร
ฮ่าๆ
ซีเซลหัวเราะลั่น ก็อย่างนั้นไง
อย่างนั้นที่ว่าก็คงเป็นคนที่เพิ่งเสด็จออกจากห้อง คู่หูองครักษ์เปิดยิ้มกว้างอย่างเจอเรื่องถูกใจ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำตามพระบัญชา
:- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :- :-
แสงแดดทอลำลอดซุ้มองุ่นม่วง
จับผิวน้ำนิ่งริมตะพัง ทางเดินทอดวกวนโอบกอดด้วยแนวไม้ดอกเตี้ยๆ มองไกลๆ คล้ายธารน้ำที่กระหนาบด้วยแนวหินทรายสีรุ้ง ผิดตรงที่แห่งนี้เป็นอุทยานเขาวงกตที่ได้ชื่อว่างดงามนักหนา หากใครไม่รู้คงคิดว่าหลงเข้าไปในอีกมิติที่หาใช่มีไว้สำหรับให้เหล่าลูกมนุษย์ได้ชื่นชม
ไม่ต่างจากเจ้าหญิงไอบิริน
ซึ่งหลงเข้ามา
หรือไม่ก็เพราะต้องการหนีให้ไกลคนที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งข้างหลังที่ว่าคงเป็นพวกที่เดินทางมาจากคิวปัสตี้
หนึ่งในนั้นคือเจ้าชายอาซิคาลอส ซึ่งดูจะมีความเห็นไม่ตรงกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ไอบิรินก็รู้แก่ใจ คนพวกนั้นคงไม่ชอบตนนัก
โดยเฉพาะกับลูเปอร์เซียที่เพิ่งมีปากเสียงกันมา ดีที่มากัสอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้น
เพราะอารมณ์ฉุนเฉียวทำให้ไม่ทันสังเกตว่าตรงทางแยกหลังพุ้มไม้สูงนั้นมีใครอีกคนกำลังก้าวสวนมาเช่นกัน
ระวัง
เสียงร้องหลงของนกน้อยดูจะกระชั้นเกินไป เพราะมันไม่ได้ช่วยให้คนสองคนที่ลงไปกองกับพื้นหลบได้ทัน
อู้ยยย เสียงร้องใสประทานแทบพร้อมกัน
ทูลกระหม่อมน้อยๆ แย่แล้วๆ ล้มเลยๆ เจ็บแล้วๆ เจ็บจริงๆเลย
ก็เจ็บนะสิ
ชิบิ
ก็น่าจะรู้ ยิ่งย้ำมันก็ยิ่งเจ็บนะ
แม้การแต่งกายในเวลานี้จะแสดงตัวตนของทูลกระหม่อมน้อยกาเซียร์ แต่มีอะไรบางอย่างบ่งบอกความเป็นโมนิคน้อยที่เติบโตมาในแผ่นดินบิ๊กเกรซเนว่า
เจ็บจัง มือขาวๆ ยกขึ้นถูกไถ่ตรงหน้าผากมน
อย่างลืมตัว
ขอโทษ
ดูเหมือนไอบิรินจะเจ็บน้อยกว่า นางรีบลุกขึ้นดูอีกฝ่าย หรือนั่นอาจเพราะนางรู้ว่าตนเองผิดไม่น้อยที่โทสะทำให้ไม่ทันระวังทำคนอื่นเดือดร้อน
การพบเจอตามลำนำ
เริ่มขึ้นอีกครั้ง
และมันกำลังจะนำความยุ่งยากมาให้คนทั้งสองดินแดน
คนสองคนที่มีอะไรเหมือนๆ กัน อย่างน้อยชิบิคิดเช่นนั้น หญิงสาวแปลกหน้ามีอะไรหลายๆ เหมือนโมนิคน้อย
แต่มันคงไม่รู้ว่ายังมีใครอีกคนที่ซ้อนทับร่างของทูลกระหม่อมน้อยกาเซียร์ ใครคนนั้นที่องค์จักรพรรดิแห่งคาคูด้าทรงให้ความสำคัญ
องครักษ์หน้าขาวมาไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่เห็นตอนแรกคือรอยยิ้มสดใสของสองเจ้าหญิง
ถวายพระพรพระเจ้าค่ะ
ซีเซลเข้ามาขวางการสนทนาก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดคุยมากไปกว่าต่างฝ่ายตรงขอโทษ ขอโพย แม้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่ดูท่าองครักษ์หน้าขาวจะรู้ว่าคนแปลกหน้าที่ลงเข้ามาในอุทยานเขาวงกตเป็นใครกัน อาการโน้มตัวลงถวายพระพรยืนยัน
ทูลกระหม่อมน้อยทรงประทับที่นี่เองหรือพระเจ้าค่ะ
ไอบิรินยืนระล้าระลัง แปลกใจคนตรงหน้า
รู้สึกว่าเพิ่งได้เจอกัน แต่มีความแตกต่าง สีผิวขาวขึ้น รอยยิ้มเปิดกว้างแตกต่างจากคนที่เพิ่งแนะนำตัวกับพระองค์ว่าชื่อเฮเดรส
คงเป็นคนละคนกัน คนทั้งสองหน้าเหมือนกัน
อาจเป็นฝาแฝด
แต่พี่น้องร่วมอุทรมีสีผิวผิดกันขนาดนี้เชียวหรือ
ความสงสัยมีมากพอดูสำหรับไอบิริน แต่นางก็ได้ยินชัดเจนว่าคนที่ดูท่าทางจะเป็นองครักษ์ทูลความต่อหญิงสาวร่างแบบบางด้วยท่าทางพินอบพิเทา
ทูลกระหม่อมน้อย
นางเป็นใครกันนะ หรือจะใช่
คนที่เจ้าชายอาซิคาลอสเคยบอกไว้ คนที่เหมือนกับเจ้าหญิงอาเซนธาเรีย
เจสเซอร์เรียกหากาเซียร์เหรอจ๊ะ
รอยยิ้มน้อยๆ อ่อนโยนคือคำตอบจากองครักษ์หน้าขาว ก่อนที่ใบหน้าคมนั้นจะเบือนมาทางแขกแปลกหน้า
พระองค์คงเป็นเจ้าหญิง
อาเซนธาเรีย
คำถามนั้นทำเอาไอบิรินอ่ำอึ้ง
ไม่ใครแน่ใจนักว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ
และเพราะชื่อที่ได้ยินทำให้นกน้อยสีส้มที่เพิ่งโผนลงเกาะไหล่ซีเซลเอียงคอสงสัย
มันรู้จักชื่อนี้ดี และเป็นนกตัวเดียวที่รู้ถึงความสัมพันธ์ของเจ้าหญิงอาเซนธาเรียกับฝ่าบาท
เกล้ากระหม่อม
ซีเซลตีอาการนิ่งเฉยอีกฝ่ายเป็นตอบรับจึงแนะนำตัวต่ออย่างคนชอบพูด ซีเซล
เป็นองครักษ์ของท่านจ้าวโดเรียส
ที่อยู่เบื้องพักตร์พระองค์คือทูลกระหม่อมน้อยกาเซียร์ พระชายาของท่านเจ้าโดเรียส
อ้อไม่ใช่สิ
นั่นต้องหลังจากผ่านการอภิเษก
ที่จะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้าก่อน
เรียน่าสินะ ทูลกระหม่อมน้อยทรงนึกได้
เรื่องราวที่เคยได้รับรู้ก่อนหน้านี้
ฉะ
ฉัน
ไอบิรินยิ่งไม่มีทางเลือกเมื่ออีกฝ่ายเข้าใจอย่างนั้น
จะทำอะไรได้อีกล่ะปล่อยไปเลยตามเลยก็แล้วกัน
เจ้าหญิงน้อยทรงคิดเช่นนั้นจึงรีบพูดไปเรื่องอื่น ที่นี่สวยมากนะ
เพราะความสวยนี่กระมังทำให้ไม่ทันระวังเลย
ชนพระองค์
ขอประทานอภัยอีกครั้งเพคะ
กาเซียร์ก็ไม่ระวัง
พอดีรีบเพราะ
ทูลกระหม่อมน้อยตอบรับเก้อๆ ก่อนจะเบือนหน้ามาทางซีเซล ดูเหมือนมีเรื่องให้ช่วยและองครักษ์หน้าขาวดูท่าจะรู้
ไม่ใช่น่า
รอยแย้มละมุนอย่างต้องการเอาใจทำให้ซีเซลต้องเพ้อออกมาเช่นนั้น
ฝ่าบาทเอาเกล้ากระหม่อมตายแน่พระเจ้าค่ะ
ถ้าทูลหัวจะเสด็จออกนอกเส้นทางตอนนี้
นะจ๊ะซีเซล ทูลกระหม่อมน้อยอ้อนวอน กาเซียร์รับปากเจ้าหญิงเปอร์ซิโฟเน่ไว้
ให้คนอื่นไปก็ได้นี่พระเจ้าค่ะ ซีเซลราวกับกำลังจะถูกผลักลงเหว ทั้งๆ ที่รู้ว่าอย่างไรเสีย ตนก็ไม่กล้าขัดใจทูลกระหม่อมน้อย ไอบิรินเองก็รู้สึกเช่นนั้น รอยยิ้มใสผุดขึ้นบนใบหน้านวล
ให้กาเซียร์ไปเถอะนะ
จะได้ทำอะไรได้บ้าง
ดอกไม้พวกนั้นกาเซียร์อยากหามาด้วยตัวเอง
และมีแต่ไวลด์เท่านั้นที่จะผ่านที่อันตรายอย่างนั้นได้
ซีเซลก็รู้มีแต่กาเซียร์เท่านั้นที่จะขึ้นเขาไปกับไวลด์ได้
เวลาถูกทิ้งไปอีกเกือบอึดใจเมื่อองครักษ์หน้าขาวใช้ความคิดตัดสินใจ
ไอบิรินมองสบเนตรทูลกระหม่อมน้อยพร้อมรอยยิ้มขันๆ ดูท่าเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์รู้อยู่แล้วว่าคำตอบที่จะได้รับคืออะไร
แต่ต้องให้เกล้ากระหม่อมตามเสด็จด้วยนะพระเจ้าค่ะ ซีเซลต่อรองอย่างเสียไม่ได้ ไม่ลืมที่จะเบือนหน้าไปทางมากัส ราวกับจะบอกว่า
นายคงเข้าใจสถานการณ์นะ
เรามันคนทำหน้าที่เดียวกัน
ย่อมขัดทูนหัวไม่ได้
ได้อยู่แล้ว ทูลกระหม่อมน้อยรู้ว่าซีเซลต้องตามใจพระองค์ในที่สุด นั่นล่ะคือองครักษ์หน้าขาว
แต่ถ้าเป็นเฮเดรสคงยากกว่านี้ มาสเตอร์ผิวเข้มมักมีเหตุผลร้อยแปดมาทำให้พระองค์เถียงไม่ได้
ว่าแต่
ไอริบินไปกับกาเซียร์มั้ย
ไปปราสาทแก้ว
ที่นั่นสวยกว่าที่นี่เยอะเลย
ทูลกระหม่อมน้อยจะรู้องค์เองหรือไม่ว่า
ทรงทำอะไรลงไป การจะให้ใครสักคนเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นทำกันง่ายๆ อย่างนั้นน่ะหรือ
หรือเพราะทรงคิดว่าคนเบื้องพักตร์คือคนที่เจสเซอร์เคยให้ความสำคัญ ไอบิรินก็รู้สึกเช่นนั้น
อยากปฏิเสธ แต่ตอนนี้พระองค์ไม่มีทางเลือก
เดินทางไปกับกาเซียร์ก็ดีเหมือนกันอย่างน้อย
ก็ได้อยู่ห่างจากคนที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาในตอนนี้ได้
เจ้าหญิงน้อย
มากัสดูเหมือนจะถูกสั่งให้ตามไอบิริน หรือนั่นอาจเป็นความเต็มใจ องครักษ์ของเจ้าชายอซิคาลอสผู้นี้ต้องการดูแลเจ้าหญิงน้อยเพราะความสมัครใจ คนๆ นี้เป็นคนเดียวในสี่ราชวัลลภที่เห็นใจให้ไอบิริน ไม่เอาแต่โทษว่านางเป็นต้นเหตุการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงอาเซนธาเรีย..
จะเสด็จก็ได้พระเจ้าค่ะ
แต่ต้องให้เกล้ากระหม่อมตามเสด็จด้วย
มากัสเหมือนจะลอก
คำพูดของซีเซลก่อนหน้านี้มา องครักษ์ทั้งสองเบือนหน้าสบตาพร้อมร้อยยิ้มน้อยๆ แสดงความเป็นมิตร
งั้นตกลงตามนี้ ทูลกระหม่อมน้อยกาเซียร์เปิดยิ้มกว้าง
ออกเดินทางกันเลย
สิ้นเสียงใสร่างสีทองปรากฏกายขึ้นเบื้องพักตร์ ราวกับมังกรทองสถิตอยู่จุดนี้ก่อนแล้ว มันเพียงแต่พรางตัวรอให้ผู้เป็นนายร้องเรียก
การพบเจอของคนทั้งสี่
ดำเนินไปด้วยการแนะนำตัว
และจบลงด้วยการตกลงแกมถูกบังคับ อย่างน้อยซีเซลกับมากัสก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน เลือกไม่ได้ ต้องตามเสด็จ
เจ้าหญิงทั้งสองพระองค์เข้าสู่ปราสาทแก้ว
การพบเจอนี้นำมาซึ่งความผูกพัน
มากัสกับซีเซลดูเหมือนจะชอบอะไรคล้ายๆ กัน ความร่าเริง รักสนุก ทำให้คุยกันง่ายขึ้น องครักษ์หน้าขาวในตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กที่เจอเพื่อนที่สามารถอวดอะไรๆ ได้ อย่างน้อยน่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะปกติซีเซลจะมีเฮเดรสอยู่ข้างกาย
ซึ่งมาสเตอร์ผิวเข้มคงไม่แสดงท่าทีตื่นเต้น คล้อยตามและหัวเราะกับการเล่นแผลงๆ ของตนอย่างที่มากัสทำอยู่ตอนนี้
ราชวัลลภจากคิวปัสตี้กำลังสนุกกับการดูซีเซลเข้าไปยั่วงูยักษ์ที่อาศัยอยู่ในหน้าผาดำ
ซีเซลไม่ลืมที่จะเล่าให้เพื่อนใหม่ฟังว่า
ที่ตรงนี้เคยเป็นค่ายกล ซึ่งก็ไม่ต่างจากขุมนรกที่คอยดักจับพวกที่ลักลอบเข้ามาในคาคูด้าเมื่อร้อยปีก่อน
ในสมัยที่คาคูด้ายังไม่ถูกรวบเข้ากับสหพันธ์แห่งดวงดาว สมัยที่พวกตนต้องต่อสู้กับเมฟาตีส ในตอนนั้นสัตว์อสูรของที่นี้ ดูเหมือนจะถูกเลี้ยงด้วยเนื้อมนุษย์ผู้ไม่รู้จักความตาย
ไม่ตระหนักถึงนามของผู้ครอบครองดวงเนตรสีน้ำเงิน
หากเวลานี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ถึงงูยักษ์ที่กำลังไล่งับเอาร่างกำยำที่รีบไต่ผาหินอย่างเร็วรี่นี้จะยังคงดุร้าย แต่มันไม่จำเป็นต้องฆ่าใครอีกแล้ว มันไม่มีเนื้อมนุษย์ลิ้มลอง แต่มันยังคงมีชีวิตอยู่ตามกลไลของป่า แม้บางครั้งจะมีคนเล่นพิเรนอย่างซีเซล ผ่านเข้ามา และดูเหมือนมากัสจะเป็นอีกคนที่ไม่กลัวตาย เพราะความอยากรู้อยากเห็นกระมัง เมื่อมีโอกาสเข้ามาเห็นสัตว์อสูรของโลกใหม่แล้ว มีหรือจะปล่อยโอกาสนี้ไปได้
ดูเหมือนเวลานี้ทูลกระหม่อมน้อยกาเซียร์กับเจ้าหญิงไอบิรินจะถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง นั่นอาจเพราะซีเซลตระหนักดีว่า คงไม่มีอันตรายใดทะลายกำแพงของไวลด์เทพสีทองไปได้
การที่ต้องมาสวบบทของเรียน่าไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยสำหรับเจ้าหญิงน้อยไอบิริน
แต่เพราะการเดินทางของสี่คนจากสองดินแดนเริ่มขึ้น
ดำเนินไป
และจบลงเมื่อทั้งหมดได้สิ่งที่ต้องการ
โดยที่ไอบิรินไม่ใจแข็งพอที่จะหลอกกาเซียร์ว่า
พระองค์คือคนส่วนกับการตายของเรียน่า
ถ้าเป็นกาเซียร์ล่ะ
ถ้ารู้อย่างที่ฉันรู้
จะทำอย่างไร
จะปล่อยให้คนๆ นั้นไปเผชิญกับความตายอย่างนั้นหรือ
ไอบิรินเหมือนได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในอก
ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้
อาการเงียบไปของทูลกระหม่อมน้อยทำให้เจ้าหญิงไอบิรินพรั่นใจ ใช่ว่าพระองค์จะไม่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้ การถูกคนของอาซิคาลอสแสดงท่าทางเฉยชาให้ มันเจ็บปวดแค่ไหน เจ้าหญิงน้อยทรงตระหนักได้ดี
และหวาดกลัวไม่น้อยที่จะต้องเผชิญ การความเข้มแข็งทำให้คนเหล่านั้นอาจคิดไปว่าพระองค์ไม่ได้ทรงรู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้กระทำ
แล้วเจ้าชายอาซิคาลอสทรงโทษว่าเป็นความผิดของ
ไอบิรินไหม
คำถามที่เหมือนเป็นสิ่งที่ไอบิรินเองก็อยากรู้
แล้วไม่แน่ใจนักว่าจะให้คำตอบนี้ได้
* * * * * * * * * * *
เรียน่า
สิ่งที่ทำให้องค์จักรพรรดิแห่งคาคูด้าแน่พระทัย ไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ที่ทรงสัมผัสได้ หากแต่เป็นปีกมรกต
ที่ห้อยอยู่บนลำคอระหงของไอบิริน
เจ้าโตขึ้นมาก
และเป็นเจ้าหญิงที่งดงาม
อย่างที่อาซิคาลอสบอกพี่
ดูเหมือนมีคนอยู่อย่างน้อยสามคนล่ะที่ลำบากใจกับถ้อยดำรัสขององค์จักรพรรดิแห่งคาคูด้า หนึ่งคือไอบิรินที่ต้องมารับบทของเจ้าหญิงอาเซนธาเรียอย่างเสียไม่ได้
สองคืออาซิคาลอสที่ยังไม่เคยเอ่ยด้วยโอษถ์ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างวรองค์คือใคร
แต่การที่ไม่ทรงปฏิเสธก็ถือว่าพระองค์ร่วมที่จะทำตามแผ่นการ
นั่นคือให้โดเรียสเข้าใจผิดเป็นเช่นนั้น เพราะมันอาจจะทำให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้น หรือไม่นั่นอาจเพราะห่วงความปลอดภัยของไอบิริน อาซิคาลอสไม่ค่อยแน่ใจนักว่า ถ้าความจริงปรากฏออกมา โดเรียสจะเข้าใจถึงสิ่งที่ไอบิรินทำ
เพราะอย่างน้อยรอบตัวของพระองค์ก็มีคนเช่นนั้น
ราชวัลลภของพระองค์นอกจากมาคัสแล้ว ต่างก็แสดงความรู้สึกต่อไอบิรินในด้านลบ บ้างเฉยชา บ้างต่อว่าเกลียดชัง
เพราะเหตุนี้อาซิคาลอสจึงเห็นควรว่า
ไม่บอกกับโดเรียสจะดีที่สุด
เจ้าคงสบายดีสินะ
โดเรียสเสด็จเข้าไปหาไอบิรินมากขึ้น ยิ่งทำให้อีกฝ่ายทำตัวไม่ถูกลำบากใจนัก พี่อยากเจอเจ้า
อยากเห็นหน้าเจ้า
แต่คิดไปเหมือนกันว่า มันดีแล้ว
การที่ปีกมรกตไม่เรียกพี่
แสดงว่าเจ้าไม่มีอันตราย
พี่หวังเช่นนั้น
และเมื่อได้มาเห็นเจ้าเติบโตอย่างงดงาม
พี่ก็ดีใจ
ดูเหมือนจะมีแต่องครักษ์จักรพรรดิแห่งคาคูด้าที่ตรัสอยู่องค์เดียว
เพราะหลังจากนั้นบรรยากาศก็เงียบไปอยู่เกือบอึดใจ
เจสเซอร์
ทูลกระหม่อมเริ่มตั้งสติได้เป็นคนแรก เจอไอบิ
เอ่อ
เจอเรียน่าแล้วลืมกาเซียร์เลยนะคะ
เห็นไหมเนี่ยว่ากาเซียร์ยืนอยู่ตรงนี้
เกือบไปแล้ว
เกือบหลุดชื่อไอบิรินออกไป
ทูลกระหม่อมน้อยแอบถอนหายใจ
รวมทั้งเจ้าชายอาซิคาลอสและไอบิรินด้วยกระมังที่คิดเช่นนั้น
และนั่นก็ทำให้มาคัสรู้เช่นกันว่า เจ้าหญิงน้อยไอบิรินคงบอกความจริงเกี่ยวกับเจ้าหญิงเรียน่ากับทูกลระหม่อมกาเซียร์ไปแล้ว แต่ดูท่าทูลกระหม่อมกาเซียร์จะเห็นดีด้วยกับการให้เจ้าหญิงน้อยสวมบทเจ้าหญิงเรียน่า
ต่อหน้าโดเรียส
เรียน่าเป็นคนสำคัญของเจสเซอร์นะเนี่ย
ทูลกระหม่อมน้อยพยายามทำเป็นร่าเริงทั้งๆ ที่ยังหวาดกลัวว่า เจ้าของหัตถ์กำยำที่เพิ่งยกขึ้นโอบอังสาบางจะรู้ความจริง
เมื่อนั้นเหตุการณ์ที่น่ากลัวอาจเกิดขึ้น
ทุกคนในคาคูด้านี้ตระหนักได้ดี
แต่ดูเหมือนการเล่นละครของทูลกระหม่อมน้อยจะไม่ค่อยแนบเนียนนัก เพราะคิ้วของเฮเดรสกำลังขมวดเข้าหากัน
ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเบือนไปทางซีเซลที่ยังคงยืนคู่กับมาคัส ก่อนจะอ้อมไปทางลูเปอร์เซียความสงสัยผุดขึ้นมาในดวงตาคม
วันนี้
มาสเตอร์หนุ่มอยู่กับลูเปอร์เซียเหมือนกับที่ซีเซลอยู่กับมาคัส
ทำให้จับอะไรได้มากมาย รวมทั้งกับเจ้าชายอาซิคาลอสเองก็เช่นกัน ทุกครั้งที่องค์จักรพรรดิแห่งคาคูด้าตรัสถึงเจ้าหญิงอาเซนธาเรีย
อีกฝ่ายจะพยายามเลี่ยงที่จะไม่เอ่ยถึงนาง
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สิ่งที่ตนได้ยินมาจากเจ้าเหนือหัว
พี่น้องทั้งสองรักกันยิ่งนัก
ผูกพันและต่างฝ่ายต่างภูมิใจในตัวตนของอีกฝ่าย
แต่สิ่งที่เฮเดรสสัมผัสได้ในตอนนี้กลับเป็นตรงข้าม
รู้จักกันแล้วเหรอคะ องค์จักรพรรดิแห่งคาคูด้าตรัสถาม เจ้าของร่างแบบบางทั้งสอง ไม่แปลกถ้าพระองค์จะตรัสอย่างอ่อนโยนกับทูลกระหม่อมน้อยและเรียน่า
แต่กับไอบิริน
นางยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังทำผิดอย่างยากจะให้อภัย
เจ้าชายอาซิคาลอสมีเหตุผลเพราะต้องการปกป้องนาง กาเซียร์ปกปิดเพราะเห็นควรว่าต้องทำอย่างนั้น แล้วสำหรับนางล่ะ
ถ้านางยังหลอกก็จะกลายเป็นเห็นแก่ตัวปกป้องตนเอง
ต้องปฏิเสธออกไปอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
เรียน่า
เสียงเรียกอ่อนโยนยิ่งทำให้วางตัวไม่ถูก
หม่อมฉันคืนให้เพคะ ไอบิรินดึงปีกมรกตออกมาจากสร้อย พร้อมกับยืนให้องค์จักรพรรดิแห่งคาคูด้า พร้อมที่จะบอกความจริง
โดยไม่หันไปมองว่าคนรอบตัวตกใจเพียงไรกับการกระทำของนาง
ไม่จำเป็นหรอก ดูเหมือนองค์จักรพรรดิแห่งคาคูด้าจะเข้าพระทัยสิ่งที่ไอบิรินทำผิดไป
มันจะมีประโยชน์กับเรียน่า
พี่หมายถึง
พี่ไม่จำเป็นต้องให้ปีกมรกตกับกาเซียร์อีกแล้ว
มันเหมาะกับเจ้า
ไม่จำเป็นเพคะ ไอบิรินอยากบอกความจริงนัก
เรียน่าเก็บไว้เถอะนะ ทูลกระหม่อมน้อยกาเซียร์จะถลาเข้าหาไอบิรินหวังให้นางหยุดสิ่งกำลังจะทำ กาเซียร์ไม่ต้องการมันแล้ว
อยู่กับเรียน่าจะดีกว่า
คิดซะว่าเป็นตัวแทนของเจสเซอร์
อีกอย่างเจสเซอร์จะได้สบายใจด้วยยังไงล่ะ
ใช่
และพี่ยังให้คำมั่นเหมือนเดิม
เพียงเจ้าเรียกที่จะมา
อยู่ข้างตัวเจ้า
ปกป้องเจ้า
พี่ให้คำสัตย์
เรียน่า ถ้อยดำรัสที่เอ่ยออกมาบ่งบอกถึงความห่วงใยแต่ทำเอาหัวใจหลายดวงระส่ำ
นั่นมันจะต่างอะไรกับการตอกย้ำ ทูลกระหม่อมน้อยรู้ดีกว่า
ถ้าความจริงปรากฏอะไรจะเกิดขึ้น
ร้อยแย้มสรวลที่ปรากฏบนวงพักตร์คมนี้จะสลายไปทันที
ดวงเนตรอำพันที่ทอดมองร่างแบบบางที่ยังคงมีเงาของเรียน่าตัวน้อยในตอนนี้ต้องแปลเปลี่ยนไป
ดวงเนตรสีน้ำเงินอาจกลับมาครอบครองร่างคัสเซลนี้อีกก็เป็นได้
น่าสะพรึงนัก
น้องเก็บไว้เถอะเรียน่า
เจ้าชายอาซิคาลอสคงเป็นองค์เดียวที่ตรัสสินเรื่องนี้ได้ อย่างน้อยก็ในเวลานี้ ท่านจ้าวทรงประสงค์เช่นนั้น
พระองค์ต้องการปกป้องเรียน่า
เจ้าก็จงทำเช่นนั้น
ทูลกระหม่อมน้อยกาเซียร์ทรงรับรู้ได้ว่าถ้อยตอนท้ายของถ้อยดำรัสนั้น ดวงเนตรคงปลายมาทางพระองค์ ไม่ต้องมีถ้อยดำรัส
ก็ทรงรับรู้ได้ถึงถ้อยคำขอบคุณ
เจ้าชายอาซิคาลอสก็คงจะทรงรู้ด้วยเช่นกันว่า ทูลกระหม่อมน้อยกาเซียร์กำลังช่วยพวกพระองค์ปกปิดตัวตนของไอบิริน
ดูเหมือนเวลานี้ในหัวของเฮเดรสมีแต่คำถามมากมาย
ที่จะให้ซีเซลเป็นคนตอบ
แต่ทันทีที่เห็นหน้าขาวๆ นั้นอารมณ์ฉุนเฉยดูจะโถมเข้าใส่มาสเตอร์ผิวเข้มแทบจะทันที
มัวแต่ไปเล่นสนุก
คงไม่ได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลอะไรเลยล่ะสิ
นายเป็นอะไรน่ะเฮเดรส ซีเซลอดไม่ได้ที่จะถามหลังจากแยกออกมาจากส่งเสด็จ และแยกตัวออกมาอยู่กันเพียงลำพัง
ว่าไง แต่ดูเหมือนมาสเตอร์ผิวเข้มยังคงไม่วางตาจากกลุ่มคนที่มาจากคิวปัสตี้ หรือว่านาย
ใบหน้าขาวๆ นั้นเปิดยิ้มกว้างเหมือนนึกเรื่องสนุกอะไรขึ้นมาได้ ประกอบกับมาสเตอร์ผิวเข้มเบือนหน้ากลับมาพอดี ทันได้เห็นร้อยยิ้มยียวนของคูหู ตีหน้าแปลกใจยิ่งกว่าเดิม หรือนั่นอาจเป็นใบหน้าในยามที่กำลังรู้สึกเหนื่อยหน่ายเพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
นายคงเหงาล่ะสิ เฮเดรสนึกไว้ไม่มีผิด และถ้าให้เดาก็คงถูกว่าประโยคต่อไปที่จะหลุดจากปากยียวนนั้นคือ
ข้าน่ะไม่ลืมนายหรอกน่า
แค่พามาคัสเที่ยว
ยังไงสำหรับข้า
นายก็ที่หนึ่ง
ดูเหมือนซีเซลจะรู้ว่าจะแหย่เฮเดรสยังไง ดูเหมือนจะสมใจเมื่อเฮเดรสส่ายหน้าหน่อยๆ ก่อนจะเดินนำไปทางตำหนักด้านนอกทำตามพระบัญชาเจ้าเหนือหัว
โดยมีซีเซลตามมาทิ้งระยะไม่ห่าง
และดูท่าองครักษ์หน้าขาวจะรู้โดยสัญชาตญาณว่าเฮเดรสมีเรื่องจะพูดกับตน
จะถามอะไรก็ว่ามา
นั่นล่ะซีเซล ถึงจะเล่นแต่ก็รู้เสมอว่าเวลาไหนสมควรจริงจัง
คนของคิวปัสตี้
ต้องการอะไรจากฝ่าบาท น้ำเสียงของเฮเดรสบ่งชัดว่านั่นอาจไม่ใช่เรื่องดี นั่นรวมไปถึงมันเป็นสิ่งที่มาสเตอร์หนุ่มใคร่ครวญแล้วก่อนจะพูดออกมา มันต้องมีเหตุมากพอที่ทำให้เฮเดรสคิดเช่นนั้น ซีเซลรู้ข้อนี้ดีที่สุด
แค่อำนาจของน้ำตาพระจันทร์แค่นั้นหรือ
เฮเดรสเหมือนจะเล่าสิ่งที่ตนรู้มาระหว่างการพบเจอของเจ้าเหนือหัวกับเจ้าชายอาซิคาลอส หนึ่งราชวัลลภถูกพิษทำให้เจ้าชายเสด็จมาที่นี่
แล้วไง คำถามที่แสดงความเป็นซีเซลได้ค่อนข้างชัดเจน
พวกนั้นอาจกำลังแสดงหาอำนาจบางอย่าง เฮเดรสบอกสิ่งที่ตนคิด
พลอยแห่งดวงดาว ซีเซลเอ่ยออกมาคล้อยยอกย้อน ในน้ำเสียงนั้นมีถ้อยคำตำหนิกลายๆ แม้เข้าใจว่าเฮเดรสต้องมีเหตุผลอธิบายในสิ่งที่ตนพูด แต่ด้วยความที่คิดว่าเฮเดรสมองโลกในแง่ร้ายและลึกเกินไปทำให้ซีเซลอดไม่ได้ที่จะตำหนิ
อาจไม่ใช่
เฮเดรสไม่แน่ใจ แต่มันต้องมีอะไรบางอย่าง
พวกนั้นต้องปกปิดอะไรพวกเราสักอย่าง
แต่คงมีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น ซีเซลโบ้ยอย่างไม่ต้องการคิดเรื่องปวดหัว อย่าลืมสิ เจ้าหญิงเรียน่า เจ้าชายอาซิคาลอส
เคยเป็นที่พักพิงให้ฝ่าบาทนะเฮเดรส
ถ้าแค่เอ่ยปาก
ผู้ครอบครองดวงเนตรสีน้ำเงินต้องยอมยืนให้เข้าให้ คนที่ฝ่าบาทให้ความสำคัญจนมอบปีกมรกตให้
มีเหตุให้ต้องทำร้ายตนเองเยี่ยงนั้นหรือ
ซีเซลดูจริงจังกับสิ่งที่พูด ใบหน้าขาวๆ นั้นวางเคร่งขรึมกว่าที่เคยเป็น
และนั่นอาจเป็นคำตอบที่เฮเดรสต้องการ เพื่อที่จะนำมาประมวลผลสิ่งที่ตนสัมผัสได้
ข้อมูลที่ซีเซลรับมาในเวลาหนึ่งวันที่เดินทางไปพร้อมกับเจ้าหญิงเรียน่าและมาคัส
ข้ารับรู้มาอย่างนั้นจริงๆ ซีเซลเน้นย้ำ ใบหน้าเคร่งขรึมก่อนหน้านี้อาจเป็นเพียงหน้ากากที่สามารถถอดออกอย่างง่ายดาย
เพราะรอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นมาแทนแทบจะทันทีที่สิ้นคำพูด แต่เฮเดรสดูจะยังไม่วางใจทำให้ซีเซลต้องมีคำพูดต่ออย่างเสียไม่ได้ ทูลกระหม่อมน้อยก็ทรงรู้สึกเช่นนั้น
โดยเฉพาะกับเจ้าหญิงเรียน่า
ซีเซลรู้ดีกว่าคำพูดในตอนท้ายสามารถสลายกำแพงแข็งๆ ในใจคู่หูได้ อาการเบือนหน้าหนีพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ของอีกฝ่ายยืนยันชัดเจน
ว่าแต่วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างข้าไม่อยู่
ซีเซลถามรีบเดินให้ทันคู่หู ใจจริงอยากถามนักว่า ฝ่าบาททรงอาละวาดหนักไหม
ตอนที่ทรงรู้ว่าซีเซลนำเสด็จทูลกระหม่อมน้อยออกนอกวัง
ถ้าไม่มีเจ้าหญิงเรียน่ามาเบี่ยงเบนพระทัย
ไวลด์ต้องโดนขอดเกล็ด
และนาย
ต้องโดนเพ่งกะบาล ซีเซลเหมือนจะรู้ ถึงจะทำเป็นฮาๆ แต่ก็อดหวาดไม่ได้ แอบถอนหายใจที่รอดมาได้ นั่นเพราะเจ้าหญิงเรียน่าจริงๆ
คิดว่าจะโดนแค่นั้นเหรอ เฮเดรสบอกอย่างสนุก ยิ่งเมื่อเห็นใบหน้าหวาดๆ ของซีเซลยิ่งรู้สึกดี
ไปถามอาบูจาดูก็แล้วกันว่า
วันนี้นางเจออะไรบ้าง
เอ้ย
เฮเดรส ซีเซลอึ้งไปเกือบอึดใจ ก่อนจะตะโกนไล่หลังคู่หู อย่าทำอย่างนี้สิ
บอกมานะว่า
ฝ่าบาทจะทำยังไงกับข้า
อย่าบอกนะว่า
เดี๋ยวจะมีเอาคืนย้อนหลัง
เฮเดรส
เฮ้ย ไอ้ตาทวด
รอด้วยสิวะ
ตอบข้ามาสิ
<============================= >
จบตอน
Create Date : 29 มกราคม 2550 |
|
0 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2550 13:24:29 น. |
Counter : 1564 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|