<<<<บ้านอะเดลยินดีต้อนรับจ้า>>>>
Group Blog
 
 
กันยายน 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
3 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
คีย์...ของหัวใจ : บทที่3


หน้าโรงแรมหรูกลางเมืองเต็มไปด้วยแฟนเพลงของอิโอ ซาลาทที่มารอต้อนรับ คนจำนวนมากที่ออกันอยู่หน้าโรงแรมทำให้รบกวนแขกคนอื่น พนักงานโรงแรมจึงขอให้แฟนเพลงทั้งหมดไปรออิโอที่สวนสาธารณะใกล้ๆ นี้ ทางผู้จัดงานเองก็ให้สัญญาว่าจะให้อิโอ ซาลาทไปพบแฟนเพลงที่นั่น... ปีเตอร์ต้องลงไปเจรจาเอง แฟนๆ ถึงยอมทยอยออกจากโรงแรม...

แต่ยังมีส่วนหนึ่งที่เป็นสื่อมวลชน กับแฟนคลับที่ได้สิทธิพิเศษเฝ้ารอการลงมาจากห้องพักของอิโอ ซาลาท ปีเตอร์ออกมาเตรียมความพร้อม นัดแนะคิวต่างๆ ดูวุ่นวายไปหมด

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของเครื่องจะลุกขึ้นรับสาย นักร้องหนุ่มยังยืนอยู่หน้ากระจก ผมที่ยังเปียกน้ำถูกเสยขึ้นเผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่หน้าผากเหนือหัวคิ้วซ้าย...

"ทำไมไม่รับล่ะ เจ้าหญิงซาเนียของนายไม่ใช่เหรอ" เซนยะเข้ามาในห้องได้พักใหญ่ ยื่นโทรศัพท์ที่ยังส่งเสียงร้องให้เจ้าของเครื่อง

"ไม่มีประโยชน์...รับไปก็พูดเรื่องเดิมๆ"

"นายจะบอกว่า นายพึ่งคิดได้ว่าไม่ควรคบกันตั้งแต่แรกอย่างนั้นน่ะเหรอ"

"ประมาณนั้น" อิโอ ซาลาทดูเฉยชาจนคนใกล้ตัวใจหาย

"ชิสสะ นายมันเล่นกับชีวิตคนอื่นเกินไป คิดถึงใจผู้หญิงบ้าง... นายเคยให้ความหวังเขา อย่าทำแบบนี้สิ ถ้าไม่ชอบเขาก็บอกเลิกไป อย่าทิ้งให้มันคาราคาซังอย่างตอนนี้"

"ให้ความหวัง... คนที่ไม่มีความหวังอย่างฉันจะไปให้ความหวังใครได้"

"ไอ้รอยบากที่หน้าผากนาย เมื่อไหร่มันจะหายซะที... ทำศัลยกรรมซะก็สิ้นเรื่อง" เซนยะอดไม่ได้ที่จะค่อนขอด ทุกครั้งที่มองเงาตัวเองในกระจกภูชิสสะจะต้องไม่สบายใจ

"แผลนี่รักษาหายได้... แล้วอีกแผลล่ะรักษาได้ไหม..."

"อะไรของนายวะ" เซนยะชักรำคาญ กดรับสาย เมื่อโทรศัพท์เริ่มดังอีกครั้ง คนเดิมเรียกเข้ามาอีก

"เอาเป็นว่ารับซะ คุยให้รู้เรื่อง"

"ฮัลโหล ซาลาทฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ..." ภาษาอังกฤษสำเนียงแท้ๆ เซนยะได้ยินเช่นนั้น ภูชิสสะเองก็รับรู้ไม่ต่างกัน ชายหนุ่มมองเพื่อนนิ่งๆ

"พูดสิ" เซนยะทำปากขมุบขมิบ ตีหน้าขึงขัง

"ซาเนีย..." ภูชิสสะทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้

"ซาลาท... คุณจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ"

"ผมไม่ใช่เจ้าชายของคุณ คุณอยู่สูงเกินกว่าที่ผมจะเอื้อม" อิโอ ซาลาทตอบเสียงเย็น ภาษาอังกฤษทั้งดุ้น มันทั้งห้วนและเยือกเย็นจนเซนยะสะท้านแทนคู่สายปลายทาง

"ซาลาท ฉันรู้ว่าคุณเหนื่อย แต่เมื่อเรารักกัน เราต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้"

"น้ำเน่านา... ผมว่ามันลำบากเกินไป ผมเบื่อเต็มที เบื่อกับการที่ต้องมานั่งชุบตัวเป็นเจ้าชาย ผมไม่มีทางเป็นอย่างที่คุณต้องการได้ และที่สำคัญผมก็ไม่อยากเป็นอย่างนั้นด้วย อย่ายุ่งกับผมอีก"

ถ้อยตอนท้ายแทบเป็นเสียงตวาด ครู่ต่อมาโทรศัพท์ถูกโยนลงบนโซฟาข้างตัวเซนยะ

"นายทำอะไรวะ ไอ้ขี้เก๊ก" เซนยะไม่รู้จะใช้คำอะไรต่อว่าดี

"ก็ทำให้ทุกอย่างมันจบ อย่างที่นายต้องการไง"

"นายรู้ไหมว่าทำอะไรลงไป ทำอย่างนี้พวกเราอาจโดนอุ้มหมกท่อ หรือไม่ถูกทิ้งลงก้นทะเลก็ได้นะโว้ย"

"ช่างปะไร เกิดครั้งเดียวก็ตายครั้งเดียว เกิดก็เคยแล้ว ไม่ลองตายดูบ้างล่ะ" ภูชิสสะบอกพร้อมกับใส่สร้อยข้อมือที่มีจี้เล็กๆ แขวนไว้โดดเด่น...

"มันน่าลองนักนี่..." เซนยะส่ายหน้า อ่อนใจ เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า เสียอารมณ์เปล่าๆ "ไอ้กุญแจนี่ ยังอยู่อีกเหรอ ว่าแต่นายหาไดอารี่เล่มนั้นเจอหรือยัง"

"เจอแล้วล่ะ แต่ยังไม่พร้อมที่จะเปิดมัน..."

"อะไรวะ นายตามหามันมาตลอดไม่ใช่เหรอ พอเจอแล้วทำไมไม่เปิดมันดูล่ะ"

"ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะฉันหามันไม่เจอหรอก แต่เป็นเพราะฉันไม่กล้าที่จะหามันมากกว่า ฉันกลัวว่าเมื่อเปิดมันออกมา..." ถ้อยตอนท้ายถูกกลืนหายไป...

เซนยะรู้ว่าป่วยการที่จะไปเซ้าซี้ ถ้าคนตรงหน้าอยากบอกก็จะเล่าออกมาเอง ประสบการณ์ที่คบกันมาห้าปีกว่า ทำให้เขาเข้าใจเช่นนั้น

"เอาล่ะหนุ่มหล่อ ออกไปเจอกับแฟนๆ ได้แล้ว" ปีเตอร์กระตือรือร้นเข้ามาในห้อง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตื่นเต้นจนแทบจะลงไปอุ้มเอาตัวอิโอ ซาลาท เมื่อเห็นเขาแต่งตัวแล้วเรียบร้อยอย่างที่ตนตั้งใจอยากให้เป็น

"ฝีมือดีใช้ได้ แทบมองไม่เห็นรอยฝ่าเท้าบนหน้าที่ติดมาเมื่อคืน ไม่เสียแรงที่จ่ายแพง"

"กำปั้น ไม่ใช่เท้า" ซาลาทโวยหน่อยๆ จำได้ว่าเมื่อคืนปีเตอร์แทบจะฆ่าเขา เมื่อเห็นรอยเขียวห้อเลือดบนใบหน้าขายได้ ที่หล่อนห่วงนักหนา

"จะกำปั้นหรือเท้า เมื่อมันฝังบนหน้า ก็แยกไม่ค่อยออกหรอก ว่ารอยไหนเป็นรอยไหน" เซนยะอดไม่ได้ที่จะแซวเพื่อน "เหมารวมเป็นเท้าน่ะดีแล้ว หนักดี!"

ปกติแล้ว อิโอ ซาลาทจะไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผมเผ้า และใบหน้าของตัวเอง จะแต่งหน้าแต่ละครั้ง ปีเตอร์ต้องอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนอีก ถ้าไม่เกี่ยวกับงานแสดง หรืองานเดินแบบอิโอจะไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับตัวเขาเลย

งานโชว์ตัว งานแสดงคอนเสิร์ต ออกงานสัมภาษณ์ ถ้าเลี่ยงได้ อิโอ ซาลาทจะแต่งตามใจฉัน ห้ามปีเตอร์เข้ามายุ่งกับเรื่องแต่งตัว แต่วันนี้อิโอ ซาลาทยอมให้ช่างแต่งหน้าลงรองพื้นปกปิดรอยช้ำแต่โดยดี เรียกว่าหล่อสมใจปีเตอร์นักแล...

"ไปๆ ไปได้แล้วจ้ะ หล่อแล้ว ไปห้องอาหารกันนะจ๊ะ นักข่าวคอยอยู่นะ"

"อะไรนะ" เซนยะถามแทนซาลาท ด้วยคาดไม่ถึง "จะให้ชิสสะ...เอ้ย ซาลาทกินอาหารโชว์หรือไง"

"ก็ใช่น่ะสิยะ ทุกๆ อริยาบทของอิโอ ซาลาทขายได้ทั้งนั้น..." ปีเตอร์ยิ้มรับอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านสายตาต่อว่าของคนทั้งสอง

"โธ่ ปีเตอร์ อย่างน้อยก็ให้ซาลาทมันกินให้สบายหน่อยไม่ได้หรือไง"

"ไม่ต้องเลย เมื่อวานรู้บ้างมั้ย เราเสียหายแค่ไหน ฉันต้องโทรไปขอโทษสื่อยังไงบ้าง ดีเท่าไหร่แล้วฉันไม่ให้นักข่าวบุกเข้ามาในห้องถ่ายตอนที่ซาลาทนอนอยู่... และก็ไม่แน่ ฉันอาจจะทำ ถ้าไม่มีไอ้รอยฝ่าเท้าลอยเด่นบนหน้านี่!"

"เอาเลย ทีหลังถ่ายตอนเข้าห้องน้ำด้วยแล้วกัน แต่บอกล่วงหน้าด้วยนะ จะได้ให้ซาลาทหากางเกงในเซ็กซี่ๆ ใส่ หรือคุณจะเอาชุดวันเกิดเลยเป็นไง" เซนยะค่อนขอด ซาลาทส่ายหน้าอ่อนๆ เห็นทีต้องระวัง ไม่แน่ปีเตอร์อาจเอากล้องแอบไว้ตรงไหนก็ได้ในห้อง...

"อย่าท้านะยะ ถ้าซาลาทออกนอกลู่นอกทางมากๆ ทำตัวไม่น่ารัก ฉันทำแน่ๆ" ปีเตอร์ขู่

"ผมไม่อยากให้คุณชมว่าน่ารักหรอกนะปีเตอร์" ซาลาทว่าก่อนจะเดินนำคนอื่นๆ เตรียมพร้อมเข้าพบแฟนๆ เลี่ยงไปเลยดีกว่า รำคาญเต็มที

ก่อนจะให้สื่อสัมภาษณ์ ก็ต้องกินข้าวโชว์ คนกว่าครึ่งร้อยนั่งมองน้ำลายไหล ไอ้จะปฏิเสธไม่รับอาหารเช้าในตอนนี้ เห็นทีปีเตอร์ต้องเต้นงิ้วโชว์เป็นแน่... ซาลาทและเซนยะเดินเข้าไปในห้องกระจกที่มีแฟนๆ ถือป้ายแสดงความคลั่งๆ ไคล้เขาโชว์หรา บ้างเกาะกระจกร้องเรียกเขา เซนยะแอบคิดว่า เหมือนซาลาทเป็นสัตว์ในตู้โชว์แถวสวนสัตว์ไม่มีผิด...

"กรี๊ดๆๆ ซาลาท หล่อจังเลย"

"พวกเรารักซาลาท ซาลาทจ๋า มองทางนี้หน่อย ยิ้มหน่อย ต๊ายน่ารัก... ซาลาทจ๋า รักเธอ รักซาลาท"

เซนยะพยายามก้มหน้าต่ำ กลบอาการขำแตกไว้อย่างเต็มที่... ไม่ให้ขำได้ยังไง ก็ใบหน้าคู่เกลอที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนๆ กับตอนตักแกงจืดลูกชิ้นเข้าปากทั้งร้อนๆ จะคายก็อาย ไอ้ครั้นอมไว้ในปากก็ร้อนเหลือหลาย... เวลานี้ อิโอ ซาลาทเป็นยังไงยังงั้น

'อย่างน้อยก็ยังดีกว่าให้ปีเตอร์พานักข่าวบุกเข้าไปในห้องนอนละน่า' เซนยะได้แต่ปลอบใจเพื่อน

"ซาลาทจ๋า อร่อยไหม อาหารไทยอร่อยไหม" เสียงสาวประเภทเดียวกับปีเตอร์ร้องถามกรี๊ดกร๊าด

"อยากไปป้อนซาลาทจัง กรี๊ดหันมามองด้วย อยากให้น้องนุ้ยไปป้อนเหรอคะ อุ๋ยเขินน่ารักจังเลยยยย" สาวสวยร้องถาม ดูไม่ออกเลยว่าใช้นายนำหน้าชื่อ แต่เสียงทุ้มต่ำๆ นี่ฟังดูพิกล...

"ไม่เป็นไรมั้งครับ... ซาลาทยังไม่ได้เป็นง่อยครับ คงพอตักข้าวเข้าปากได้" เซนยะแกล้งแซวเพื่อน อีกฝ่ายมองตาขวาง แต่สำหรับเซนยะแล้วอาหารตรงหน้าก็น่ากินอยู่หรอก หากในสถานการณ์แบบนี้ ขอกาแฟถ้วยเดียวพอแล้ว...

* * * * * * * *

"ครับๆ ใจเย็นๆ นะคะ ถามทีละคน เดี๋ยวเดี๊ยนจะเรียกทีละคนนะคะ คนนั้นก่อนค่ะ หนุ่มหล่อเสื้อสีแดงน่ะค่ะ"

"เอ่อ..." นักข่าวหนุ่มที่ถูกเรียกทำท่าจะยิงคำถาม แต่ถูกขัด

"เอางี้ๆ ถามเป็นภาษาไทยได้เลยค่ะ ซาลาทจะได้ตอบเป็นภาษาไทย ง่ายดี เร็วด้วย"

"ซาลาทพูดไทยได้ด้วยเหรอ... มิน่าร้องเพลงที่เป็นภาษาไทยได้ชัดมาก ฉันว่าแล้วเขาต้องพูดไทยได้"

เสียงตะลึงงันดังอึ้งมี่อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ปีเตอร์จะให้สัญญาณพร้อม คำถามแรกจึงเริ่มขึ้น

"คุณซาลาทพูดภาษาไทยได้แค่ไหนครับ"

"ภาษาพูด คิดว่าพอๆ กับพวกคุณ ส่วนอ่านและเขียนได้ปานกลางครับ" นี่ไม่ใช่สำเนียงฝรั่งแบบลูกครึ่งหัดพูดไทย แต่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่พูดฝรั่งชัดล่ะมากกว่า

"ทำไมคุณซาลาทพูดภาษาไทยได้คะ" นักข่าวอีกสำนักพิมพ์ยิงคำถามได้ถูกใจหลายคน

"ตอนผมอยู่ญี่ปุ่นที่บ้านก็ทำการค้าขายกับคนไทย คนงานในบ้านก็เป็นคนไทย พอไปอยู่อเมริกาก็ยังใช้ภาษาไทยอยู่ตลอดครับ"

"แล้วคุณซาลาทมาเมืองไทยบ่อยแค่ไหนคะ"

"ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองฮะ ครั้งแรกตอนผมสิบขวบ ตามคุณพ่อมาเที่ยวครับ"

"เอาล่ะ ถามเรื่องส่วนตัวพอแล้วนะคะ" ปีเตอร์พูดแทรกเพราะดูท่าทุกคนจะให้ความสนใจเรื่องการใช้ภาษาไทยของอิโอ ซาลาทเกินความจำเป็น อาจซอกแซกลงไปไกล ไม่ดีแน่!

"คุณซาลาทมาที่นี่แค่เข้าร่วมงานเทศกาลหนังที่จัดขึ้นในเมืองไทย หรือว่ามาเรื่องงานอื่นด้วย ฉันหมายถึงว่า คุณไม่ได้มาเพื่อโปรโมทงานเพลงชุดใหม่ใช่ไหมคะ...."

"อย่างที่พวกคุณรู้ ผมจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน ผมมาดูโลเกชั่นเพื่อถ่ายทำ เอ็มวี คิดว่าจะกลับมาอีกแน่นอนครับ โปรโมทงานเพลงอาจเป็นช่วงนั้น"

"เขาว่าคุณมาเลือกดาราสาวของบ้านเราเป็นนางเอก MV ของคุณจริงหรือเปล่าคะ"

"คงต้องถามปีเตอร์ดูฮะ เห็นเขาว่าประมาณนั้น ยังไม่ได้คุยอะไรมากมายครับ"

"นางแบบที่ว่าคือ ทรีน่า ซีกาส หรือเปล่าคะ แล้วเมื่อคืนมีคนเห็นคุณทรีน่ามาส่งคุณที่หน้าโรงแรม" คำถามนี้สร้างความฮือฮาไม่น้อย

"ขะ...ข่าวโคมลอยน่ะค่ะ คงไม่ใช่ซาลาทหรอกค่ะ" ปีเตอร์รีบตอบ "เมื่อคืนซาลาทไข้ขึ้นสูงหลับไม่รู้เรื่องค่ะ ส่วนเรื่องนางเอก เอ็มวี ไม่จำเป็นต้องเป็นดารา นางเอก นางแบบหรอกค่ะ ทางเราจะรับสมัครจากแฟนเพลงของซาลาท จากนั้นคัดเลือกให้มาเป็นนางแบบ เอ็มวี ถ้าใครสนใจก็ลองสมัครเข้ามาดู สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัทของเราค่ะ"

"ปกติเห็นเขาว่าซาลาทไม่ชอบแต่งหน้า แต่ทำไมวันนี้รู้สึกหน้าลอยๆ ขาวๆ หล่อผิดไปจากทุกทีคะ"

"มะ.. ไม่ดีหรือคะ จะได้ถ่ายรูปออกมาสวยๆ ไม่ซีดยังไง ถามมากจริง" ปีเตอร์ร้อนตัว

ซาลาทมองผ่านกลุ่มนักข่าวไปทางเซนยะที่ยืนหัวเราะหัวงอ กับอาการสะดุ้งโหยงของปีเตอร์ แน่ใจได้เลยว่า ถ้าเจ้าตัวรู้เข้าคงไม่พอใจ ออกงิ้วใส่เป็นแน่ เรียกว่าไม่ช่วยแล้วยังมาคอยยิ้มเยาะเวลาคนอื่นถูกต้อน

"เอ่อ คงต้องขอตัวก่อน เดี๋ยวซาลาทมีสัมภาษณ์รายกายทีวีต่อ ไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่นะคะ ขอพาซาลาทไปก่อนนะคะ บ๊ายบายค่ะ"

ซาลาทถูกบอดี้การ์ดกันออกจากห้องให้สัมภาษณ์ ระหว่างนั้นสตาร์ฟคนหนึ่งตรงเข้ามาถามผู้จัดการตุ้งติ้ง "ปีเตอร์แล้วแฟนเพลงที่คุณให้ไปรอที่สวนสาธารณะล่ะ..."

"อุ้ยเรื่องมากกันจริงๆ แฟนเพลงปลายแถวนา... เอาไว้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวพวกนั้นก็กลับไปเองแหละ เวลาของซาลาทเป็นเงินเป็นทองนะ เผื่อจะข้ามถนนไปฝั่งโน้นได้ก็หลายสิบนาที เสียเวลาตาย ตังค์ก็ไม่ได้ ไปๆ ตามฉันมา ซาลาทตามมาๆ"


"แฟนเพลงอะไร" ซาลาทถามสตาร์ฟเอง หลังปีเตอร์คล้อยหลังไปแล้ว เซนยะตามเข้ามาสมทบ

"แฟนเพลงที่มาคอยต้อนรับคุณน่ะครับ ทางโรงแรมขอร้องให้ไปคอยคุณที่สวนสาธารณะข้างๆ เพราะรบกวนแขกคนอื่น ปีเตอร์ก็รับปากว่าจะให้คุณไปพบเขาที่นั่นกัน..." สตาร์ฟหนุ่มบอกหนักใจ

"ถ้าผมไปที่นั่นจะถูกยำไหม"

ซาลาทถามสตาร์ฟทีเล่นทีจริง ไปน่ะได้แต่จะออกมาได้หรือเปล่านี่สิปัญหา

"ทางเรามีรถตู้จอดคอยอยู่แล้ว ถ้าคุณแฝงตัวข้ามสะพานลอย เพื่อไปขึ้นรถของเราที่จอดรออยู่ที่สวนฝั่งซ้าย คิดว่าพวกราสามารถพาคุณไปพบแฟนเพลง และพาออกมาได้โดยใช้เวลาไม่มาก..."

"เซนยะ ไปสนุกด้วยกันไหม"

"ว่าไงว่าตามกัน"

ทั้งสองหนุ่มแฝงตัวออกจากโรงแรม ข้ามสะพานลอยไปยังฝั่งตรงข้าม โดยมีสตาร์ฟและบอดี้การ์ดส่วนหนึ่งวิ่งตาม แฝงตัวเข้าไปในฝูงชน ไม่มีใครทันสังเกตว่าคนที่พวกเขาเฝ้ารอ จะออกมาวิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว...

"ซาลาทหายไปไหน คุณเซนยะ เอาอีกแล้ว โอ้ย เจ๊อยากตายยยยยยย" ปีเตอร์แทบลมจับเมื่อมองกลับมา ไม่เห็นแม้แต่เงานักร้องหนุ่ม รวมทั้งทายาทหนุ่มไฟแรงของ TG MUSIC

* * * * * * * * * * *

ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตจนกระทั่ง...

พรหมที่ว่า ลิขิตให้เราสองคนได้พบกัน

เหมือนกับมีเส้นด้ายสีแดงถูกผูกโยงไว้แต่ปางก่อน...


เพราะความรีบเร่ง ระหว่างเลี้ยวตรงมุมกำแพงข้างสวน ซาลาทชนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้าอย่างจัง ร่างแบบบางทรุดลงไปกองกับพื้น...เด็กสาวโอดโอย กุมข้อเข่าซ้ายไว้แน่น ครางต่ำๆ

"ขอโทษฮะ..." ซาลาทรีบตามลงดูอาการอีกฝ่าย เธอยังคงก้มหน้าต่ำ บีบข้อเข่าซ้ายที่เหยียดตรงไว้แน่น ราวกับกำลังเผชิญกับความเจ็บปวด

เซนยะมองไปรอบๆ ดีที่บริเวณนั้นไม่ค่อยมีคน สตาร์ฟหนุ่มให้สัญญาณว่าจะไปเอารถที่จอดอยู่ไม่ไกลมารับ... บอดี้การ์ดคนอื่นๆ กระจายตัวออกไปรอบๆ ไม่ให้คนอื่นๆ สงสัย

"เจ็บตรงไหนครับ..." ซาลาทถามร้อนใจ เข่าข้างซ้ายเหมือนจะไปกระตุกสิ่งที่ซ่อนอยู่ในจิตสำนึกของนักร้องหนุ่ม

"... ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่งอเข่าเร็วๆ ไม่ค่อยจะได้... นวดสักพัก เดี๋ยวก็ดีขึ้นค่ะ" เด็กสาวบอก ทั้งที่คนข้างๆ ดูก็รู้ว่าอาการเจ็บจี๊ดๆ ยังเล่นงานเธออยู่ ใบหน้าภายใต้ผมยาวหยิก ยังคงซุกต่ำพยายามเก็บอาการเจ็บไว้อย่างเต็มที่

"เป็นยังไงบ้างชิสสะ..." เซนยะเข้ามาถามประจวบกับรถตู้เข้ามาจอดเทียบ รอรับนักร้องหนุ่ม บอดี้การ์ดคนหนึ่งก้าวมาเปิดประตูเตรียมพร้อม...

"ซวยแล้ว..." เด็กสาวคงเป็นหนึ่งในแฟนเพลงของอิโอ ซาลาท เซนยะคิดว่าไม่เป็นการดีแน่ที่จะอยู่ที่นี่นาน ผู้คนอาจแตกตื่น ถ้ารู้ว่านักร้องขวัญใจของพวกเขามาอยู่ตรงหน้า

"ลุกไหว้มั้ย" ซาลาทช่วยพยุง พร้อมๆ กับเด็กสาวเงยหน้าขึ้น

หวังว่าเด็กสาวคงจำอิโอ ซาลาทไม่ได้ เซนยะแอบคิด ...

เอาเข้าแล้วไง! เซนยะแทบลืมหายใจ ดีที่อิโอใส่แว่นตาดำปกปิดใบหน้า แต่แล้วสิ่งที่ทำให้เซนยะเกิดอาการเหวอคือ อิโอ ซาลาทกำลังถอดแว่นอันนั้นออก... นั่นหมายความว่า

"คุณ...." เด็กสาวจ้องใบหน้าคมนิ่งๆ

ต้องจำได้อยู่แล้ว เซนยะให้สัญญาณพวกสตาร์ฟและบอดี้การ์ด

ดูท่าคนที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นจะหันมาทางพวกตน สายตาไม่ต่ำกว่าสิบคู่เริ่มสนใจ..

"เอ่อ รบกวนคุณช่วยฉุดฉันลุกจะได้มั้ยคะ คือฉันยืนเองไม่ได้ค่ะ" เธอบอก

เป็นไปได้ไง เด็กสาวจำซาลาทไม่ได้ หรือเธอจะไม่ใช่แฟนเพลงของนักร้องคนดัง เซนยะเดาไม่ถูก

ซาลาทยืนขึ้นพร้อมกับพยุงเด็กสาวให้ลุกตาม

"ขอบคุณค่ะ"

"ชิสสะ" เซนยะสะกิดเพื่อน หากอีกฝ่ายกลับก้มลงหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็ก พร้อมกับมองเข่าที่มีกระโปรงยาวปกปิดไว้มิดชิด ความประหวั่นสะท้อนออกมาบนวงหน้าขาวสะอ้านนั้นชัดเจน

ภูชิสสะรู้ดีว่า ทำไมเด็กสาวถึงลุกขึ้นยืนเองไม่ได้ ทำไมเธองอเข่ากะทันหันแล้วต้องเจ็บปวด แต่เขากลับพูดอะไรไม่ออก และที่สำคัญ เด็กสาวจำเขาไม่ได้ ไม่ใช่แค่จำอิโอ ซาลาท ไม่ได้ แต่ลืมภูชิสสะไปแล้ว เธอจำคนที่สร้างแผลนั้นให้เธอไม่ได้...

เธอลืมไปแล้วจริงๆ เขาเองก็ควรที่จะลืมไม่ใช่หรือ

ถ้าลืมเสียก็คงจะดี เพราะเขาไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก...

เรื่องทุกอย่างจะได้จบลงเสียที


"ชิสสะไปได้แล้ว..." เซนยะกระชากแขน

"ผมขอโทษ..." ภูชิสสะร้องบอก "อะเดล..."

พร้อมเสียงรถที่รีบตะบึงออกไป ดูเหมือนอะเดลิตาจะได้ยิน...

แต่คงไม่ใช่ มันเหมือนว่าเธอได้ยินคนคนนั้นเรียกชื่อ...

จะเป็นไปได้อย่างไร เขาจะรู้ชื่อเธอได้จริงหรือ...

***************

"กรี๊ดดดดดด ซาลาท อิโอ ซาลาท มาจริงๆ ด้วย อิโอ จ๋า"

เสียงร้องแหลมของแฟนเพลงดังเข้ามา ผ่านหูซ้ายทะลุหูขวา นักร้องหนุ่มนั่งเขียนลายเซ็นอย่างซังกะตาย เหมือนตกอยู่ในภวังค์ บ่อยครั้งที่เจ้าตัวสะดุ้งเมื่อแฟนเพลง เคาะกระจกแรงๆ เพื่อให้เขาหันไปมอง ยิ่งเห็นสภาพแล้วยิ่งหดหู่

"ไม่เอาน่าชิสสะ เป็นอะไร ยิ้มหน่อยนา ยิ้มแบบธุรกิจอย่างที่ปีเตอร์บอกน่ะ ไม่ต้องยิ้มแบบจริงใจมากก็ได้ มืออาชีพไม่ใช่เหรอ หน้าช้ำขนาดนั้นยังปกปิดได้ ยิ้มหน่อยนาสุดหล่อ" เซนยะว่าติดตลก

"ซาลาทจ๋า มองมาทางนี้หน่อย อิโอ จำพวกฉันได้ไหม พวกเรามาจากไร่ที่คุณไปซื้อดอกไม้ไง จำได้ไหม จำพฤกษาปริศนาได้หรือเปล่า" เสียงเรียกฟังดูคุ้นๆ ทำให้อิโอ หันขวับหาต้นตอเสียง...

"เขาหันมาแล้ว ใช่จริงๆ ด้วย อิโอ ขอลายเซ็นหน่อยค่ะ ขอหน่อย เซ็นให้ฉันหน่อย พี่อิโอ"

ริยา กับริสาพยายามยื่นสมุดโน๊ตเล็กๆ เข้ามาในกระจกที่เปิดออกเพียงนิดหน่อย พวกสตาร์ฟคอยรับแล้วส่งต่อให้อิโอ ซาลาทเซ็นให้ แม้จะไม่ครบทุกคนแต่แค่นี้ คนที่นี่คงพอใจแล้วล่ะ สำหรับแฟนเพลงที่มาให้กำลังใจเขา แค่ได้เห็นหน้าก็ดีใจมากแล้ว อย่างอื่นเป็นผลพลอยได้...

"ขอจับมือหน่อยได้ไหมคะ" ริสาร้องบอกพร้อมยื่นมือเข้ามา

"ชิสสะทำอะไร" เซนยะรีบห้าม แต่ไม่ทันแล้ว นักร้องหนุ่มโน้มตัวไปเกือบติดขอบกระจก ส่งมือให้ริสารวมทั้งแฟนเพลงคนอื่นๆ ที่พยายามยื่นมือเข้ามา ยื้อแขนเขาไว้ และนั่นทำให้ริยาและริสาเห็นกุญแจเงินที่ห้อยติดข้อมืออิโอ ซาลาทค่อนข้างชัดเจน...

"ใช่จริงๆ ด้วย อิโอมีกุญแจเหมือนน้องอะเดลด้วย..." ริยาร้องเสียงหลง

ซาลาทยิ้มให้ เขาไม่ได้ยินเสียงของริยา หรืออาจได้ยินแต่แยกแยะไม่ค่อยออก แต่เซนยะกลับจับความได้ชัดเจน... คิ้วคมขมวดเข้าหากัน มองริยากับริสาก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนซี้

"ซาลาทยิ้มแล้ว น่ารักจังเลย ขอถ่ายรูปหน่อย กรี๊ดหล่อจังเลย"



รถตู้ของนักร้องคนดังเลี้ยวออกจากสวนกลางเมือง ซาลาทมองไปไกลอย่างใช้ความคิด รถอ้อมไปทางหลังสวนเข้าสู่ตรอกแคบๆ ตรงออกไปถนนใหญ่เพื่อกลับเข้าโรงแรม นั่นคือสิ่งที่เซนยะจะทำ ป่านนี้ปีเตอร์คงเดือดใหญ่… แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะทันทีที่ภูชิสสะเบือนหน้ากลับมาภายในรถ

“เซนยะ…ช่วยอย่างสิ” ดวงตาที่ประสานมาทำเอาฟูจิวาระหนุ่มพอนึกภาพได้เลาๆ แล้วว่า ช่วยที่ว่าคงไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำนัก “ขอเวลาฉันอีกครึ่งชั่วโมง…”

“อย่าหาเรื่องใส่ตัวน่ะชิสสะ”

“ไม่มีใครจำฉันได้หรอกนา” หมวกแก๊ปกับแว่นดำถูกสวมเข้าเพื่อปกปิดรูปลักษณ์ แต่เซนยะรู้ดีว่ามันไม่สามารถเบี่ยงเบนให้คนรอบข้างเลิกสนใจ รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าสะอ้านดูโดดเด่นนั้น เตะตาคนอยู่แล้ว

“นายจะจอดรถหรือจะให้ฉันโดดลง” พ่อคนเอาแต่ใจว่าเป็นตวาด เซนยะเบือนหน้าไปทางสตาร์ฟคนอื่นที่หันกลับมามองราวกับกำลังรอคำตอบจากผู้มีอำนาจ

“จอดให้มัน” รถหยุดลงเมื่อบอสหนุ่มเอ่ยปาก แต่ก่อนที่ซาลาทจะได้ก้าวออกไปทางประตูที่เปิดรอ เซนยะรั้งแขนไว้ “สามสิบนาที….ถ้ายังไม่กลับ นายเตรียมเก็บศพฉันจากฝีมือปีเตอร์ได้เลย”

คำพูดตอนท้ายสร้างรอยยิ้มให้กับคนภายในรถได้ไม่น้อย

“ถ้าปีเตอร์ทำนายยังงั้นจริง..เดี๋ยวฉันแก้แค้นให้” ประตูปิดลงเมื่อนักร้องหนุ่มเหวี่ยงตัวลงจากรถ ไม่ต้องหันกลับไปมอง เซนยะก็พอเดาได้ว่าพ่อเพื่อนตัวดีจะไปไหน…

“อะเดล…อย่างนั้นเหรอ” เซนยะพึมพำกับตัวเอง ขณะรถเคลื่อนตัวออกอีกครั้ง “เราไปหาอะไรอร่อยๆ กิน เพื่อฆ่าเวลา…สามสิบนาทีกันดีกว่า”


การมองหาเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งท่ามกลางคนเป็นจำนวนมากไม่ใช่เรื่องงง่าย แต่ดูสิ่งที่ซาลาทแอบหวังไว้จะเป็นเรื่องจริง…

“อะเดล” ความจริงแล้วอยากเรียกออกไปดังๆ ไม่ใช่แค่การพึมพำกับตัวเองอย่างที่ทำอยู่

ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ความเจ็บที่แผลเหนือหน้าผากปราดขึ้นเล่นงานชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ยืนแฝงตัวอยู่หลังต้นไทรใหญ่ ดวงตาคมจับจ้องร่างแบบบางของใครคนหนึ่งซึ่งรู้จักเมื่อสิบปีก่อน เด็กสาวใบหน้าสะอ้านที่นั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะหินอ่อนตัวกลม ตรงนั้นมีคนนั่งอยู่หลายกลุ่มบนโต๊ะร่วมสิบชุด หากสิ่งที่อิโอ ซาลาทสนใจคือ… อะเดลิตา ซึ่งในตอนนี้เธอเหมือนกับแม่แทบทุกอย่าง คุณซาร่าชอบเขียนไดอารี่อย่างที่ลูกสาวเพียงคนเดียวกำลังทำอยู่… เจออะไรมักถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ อยากรู้จังตัวหนังสือในนั้นจะมีเรื่องราวของเขาบ้างไหม…

คนที่เดินขวักไขว่ไปมาก ทำให้ภูชิสสะกล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้…มากขึ้น…เวลานี้เขานั่งอยู่โต๊ะที่อยู่ด้านหลังของอะเดลิตาแล้ว…ชายหนุ่มแทบไม่รู้ว่าอะไรทำให้กล้าที่จะทำอย่างนั้น…ความห่างตอนนี้มีไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน เพียงแค่เอี้ยวตัวไปก็จะรั้งตัวบางๆ ที่เขานั่งหันหลังให้ไว้ได้…แต่มันจะมีประโยชน์อะไร…

“น้องอะเดล มีเรื่องจะเล่าให้ฟังค่ะ” ริยาโผนเข้าหาสาวน้อยที่นั่งอยู่ก่อนอย่างกระตือรือร้น “พี่ได้ลายเซ็นของซาลาทด้วยนะ”

“พี่ก็ได้” ริสาตามมาติดๆ ลายเซ็นที่ว่าถูกสองสาวนำมาโชว์อะเดลิตาอย่างต้องการอวด

“ดีใจด้วยนะคะ” เด็กสาวคงกำลังยิ้มใสอย่างแต่ก่อน หากภูชิสสะไม่กล้าพอที่จะเอี้ยวตัวไปมอง “ไหนละคะของอะเดลน่ะ”

“ห๊า” สองสาวร้องขึ้นแทบพร้อมกัน

“มากันสามคน…ได้แค่พี่ริยากับพี่ริสาก็ไม่ยุติธรรมน่ะสิคะ…ไหนล่ะของอะเดลน่ะ”

ภูชิสสะเปิดยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว ไม่ต้องหันไปมองก็พอรู้ เวลานี้อะเดลตัวน้อยดูจะซ้อนทับกับภาพของคนที่นั่งหลังแทบชนกับเขาในตอนนี้

“ไม่มี…” สองสาวโอดโอย

“ไม่รู้ล่ะ…พี่สองคนต้องแบ่งให้อะเดลอันหนึ่งด้วย”

“ห๊า” อีกครั้งที่สองสาวทำพร้อมกัน นั่นคือเอาลายเซ็นที่ว่ามาแนบอก กุมไว้ราวกับกลัวว่าสาวน้อยตรงหน้าจะกระโจนเข้าแย่ง ตีหน้าราวกับกำลังจะสูญเสียของสำคัญ

“อะเดลล้อเล่นน่ะ ไม่ต้องทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้หรอกค่ะ” อะเดลิตาส่ายหน้าเนือยๆ ในความบ้าดาราของพี่สองคน “ได้ของที่ต้องการแล้ว…กลับกันได้แล้วมั้งคะ…โอ้ย…”

“หกล้มอีกแล้วเหรอคะ” ริยาถามเพราะดูเหมือนเธอจะจับอาการผิดปกติของเด็กสาวที่เพิ่งลุกขึ้นยืนได้ หรือไม่อาจเพราะใบหน้าเยเกหน่อยๆ ที่ภูชิสสะไม่สามารถมองเห็นได้เสียกระมัง

“ค่ะ”

“เอาอีกละ…เมื่อไหร่จะโตซะทีนะคะ” ริสาส่ายหน้าหน่อยๆ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย ริยาก็เห็นด้วยหัวเราะเบาๆ ราวกับเห็นว่าเป็นเรื่องที่อะเดลิตาทำซุ่มซ่ามเป็นประจำ

“พวกพี่ชอบว่าอะเดลเรื่อยเลย” เด็กสาวอุทรหน่อยๆ ก่อนจะเดินตามสองสาวที่ยังคงผลัดกันดูลายเซ็นที่เพิ่งได้มา คืนนี้คงแทบจะเอาไปนอนกอดด้วยเสียกระมังอะเดลิตาแอบคิด…



จากไปแล้ว… ห่างออกไปทุกที ถ้าไม่ใช่เพราะขาพิการข้างนั้น อะเดลิตาคงทำได้ไม่ต่างจากที่ริยา ริสาทำ ภูชิสสะคิดเช่นนั้น…

“อะเดล…” ในที่สุดก็เรียกอีกจนได้ แต่เพราะความกลัวทำให้ต้องเบือนหน้าหนีทันทีที่เด็กสาวเอี้ยวตัวกลับมา เธอได้ยินเสียงเรียก…แต่คงไม่รู้หรอกว่า ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ยืนหันหลังให้ตอนนี้เป็นเจ้าของเสียงทุ้มต่ำที่เธอได้ยิน…ได้ยินเสียงเรียก…อะเดล…อย่างอ่อนโยน



ภูชิสสะไม่รู้ว่ายืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน…ไม่กล้าพอที่จะเบือนหน้ากลับไปมอง กลัวนักว่าเด็กสาวที่เขาเผลอเรียกไปจะยังยืนอยู่ตรงนั้น ถ้าต้องประสานตากัน เขาคงทำตัวไม่ถูก… แต่มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไม่บอกก็รู้ว่าเซนยะโทรมาตาม…

“ชิสสะ…กลับมาได้แล้ว…ปีเตอร์จะฆ่าฉันอยู่แล้วนะโว้ย….” เสียงปลายสายไม่ได้สร้างรอยยิ้มให้อย่างที่เคยเป็น ทั้งๆ เวลานี้เขาน่าจะหัวเราะออกมาได้อย่างไม่ยากเย็น หรือไม่ก็คงเปิดยิ้มกว้างอย่างที่เคยทำ เพราะได้เห็นความลำบากของฟูจิวาระ เซนยะ…

“รู้แล้ว” ดูเหมือนอาการนิ่งๆ ของซาลาทจะทำให้เซนยะจับอารมณ์อีกฝ่ายได้ไม่ยาก

“เป็นอะไร…” ไม่มีเสียงตอบกลับคำถามนั้น…เพราะสายถูกตัดทิ้งไป…



หลังกลับมาจากสวนสาธารณะ ซาลาท รวมทั้งเซนยะโดนปีเตอร์สวดอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง เวลาเป็นเงินเป็นทองที่ว่า ถูกแทนที่ด้วยคำก่นด่าร้อยแปดที่ปีเตอร์จะนึกได้ เมื่อหมดแรงจึงปล่อยให้ซาลาทไปเตรียมตัว เพื่อให้รายการทีวีเข้าสัมภาษณ์ ในระหว่างว่างรอเข้าห้องอัด เซนยะเริ่มถามสิ่งที่สงสัย...

"ไงไอ้เสือ... บอกมา อะเดลคือใคร...ไม่ต้องมาทำหน้าตาย... กุญแจที่นายพกติดตัวมีสองดอก ดอกหนึ่งอยู่กับนาย อีกดอกอยู่กับเด็กผู้หญิงที่ชื่ออะเดล..."

ภูชิสสะยังคงทำเฉย เซนยะยักไหล่

"แล้วอะเดลที่ว่าก็คือคนที่นายชนเธอล้ม...." แม้มีเหตุผลมายืนยันหากอีกฝ่ายยังเฉย ทำเอาเซนยะเดือด "ไอ้ชิสสะ บอกมานะโว้ย เรื่องมันเป็นมายังไง"

"นายนี่น่าจะไปเป็นพวกหมอเดานะ รู้อะไรนิดหน่อย กลับพูดได้เป็นฉากๆ"

"ฉันไม่ได้มั่วโว้ย ฉันสงสัยก่อนที่จะเจอแฟนเพลงสองคนนั้นอีก.. เด็กสาวคนนั้นมีกุญแจที่สลักลายเหมือนกับที่นายมี..."

"นายรู้ได้ไง" ดูเหมือนชิสสะจะไม่เห็นอย่างที่เซนยะเห็น ไม่เห็นว่าที่กระเป๋ากระพายของเด็กสาวมีขวดแก้วเล็กๆ ที่ภายในใส่กุญแจเงินเอาไว้ หรือนั่นอาจเพราะใจของภูชิสสะยังติดอยู่ที่เข่าซ้ายของเด็กสาวก็เป็นได้

"ไม่ได้รู้แต่เห็นจะๆ เลยล่ะ" เซนยะบอกมั่นใจ "แล้วที่นายไปซื้อดอกไม้ที่ไร่เขา ก็คงเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น..."

ภูชิสสะยังไม่ว่ากระไร ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

"แต่ฉันสงสัยอยู่อย่าง ทำไมเด็กคนนั้นจำนายไม่ได้ล่ะ" เซนยะยิงคำถามต่อ โดยไม่สนใจว่าภูชิสสะจะตอบหรือไม่

"เพราะตอนนั้นอะเดลยังเด็กมั้ง"

นั่นเป็นคำตอบเดียวที่หลุดจากปากนักร้องหนุ่ม ก่อนที่อิโอ ซาลาทจะถูกเรียกตัวไปให้สัมภาษณ์

* * * * * * * *

พอรุ่งเช้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับพาดหัวข่าวใหญ่ เนื้อความประมาณว่า

นักร้องหนุ่มตามหารักในวัยเยาว์ เด็กสาวชื่อ อ.

เนื้อความภายในไม่ได้มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แค่พาดหัว ก็ทำให้หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นขายดิบขายดี เรื่องความรักในวัยเด็กของซาลาทถูกยกมาพูดในวงสนทนา บ้างเห็นดีด้วยที่คนรักซาลาทจะเป็นผู้หญิงไทย บ้างไม่พอใจที่นักร้องที่ตัวเองชอบจะมีคนรักแล้ว...

เรื่องนี้ทำเอาปีเตอร์เดือดใหญ่ หลังจากเข้าร่วมงานภาพยนตร์นานาชาติเสร็จ อิโอ ซาลาทก็ถูกส่งตัวกลับต้นสังกัดในคืนนั้นเอง... สุดท้ายเรื่องยังไม่จบลง เพราะยังมีคนที่สวนพฤกษาปริศนาซึ่งยังรับรู้เรื่องนี้ อย่างน้อยที่สุด ทั้งริสาและริยาก็รู้ว่า อ ที่ว่าคือใคร ทั้งสองสาวพยายามชวนคุย ทั้งคุณมาลัย คุณโค และคนอื่นๆ แต่ดูจะไม่มีใครสนใจเธอเลย สุดท้ายเรื่องจึงมาลงที่อะเดลิตา

"เบาๆ สิคะ เดี๋ยวคุณโค กับคุณมาลัยก็ได้ยินหรอกค่ะ ความจะแตกนะ"

ความที่ว่าคือเรื่องที่ทั้งสามสาวออกนอกเส้นทาง เพราะริยากับริสาอ้อนวอนอะเดลิตาว่าให้แวะเจอนักร้องหนุ่ม หลังกลับจากทำธุระให้คุณมาลัย ทั้งสองสาววางแผนว่า ที่กลับมาไร่ช้าเพราะรถเสีย อะเดลิตาเลยต้องตกกระไดพลอยโจน แต่เด็กสาวก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วย ได้แต่คอยข้างนอก คิดว่าคงไม่ดีแน่ถ้าเธอจะไปอยู่ในที่คนเยอะๆ เกิดโดนชนหน่อย เธอคงล้มไม่เป็นท่า

"จริงๆ นะคะน้องอะเดล ซาลาทเขามีกุญแจเหมือนน้องอะเดลด้วยล่ะ" ริยาบอกขณะช่วยอะเดลิตาตากดอกไม้แห้ง...

"กุญแจเงินใครก็มีได้นี่ค่ะ ไม่เห็นแปลก" อะเดลิตาบอกไม่ค่อยใส่ใจนัก

"ไม่เหมือนหรอกค่ะ กุญแจของน้องอะเดลที่เหมือนกับของซาลาท แตกต่างจากอันอื่น มันแตกต่างตรงที่เป็นกุญแจทำขึ้นพิเศษนะคะ ไม่ใช่ใครก็มีได้ ที่ด้ามจับมีลายสลักเล็กๆ แต่ตอนนั้นเห็นไม่ค่อยถนัด แต่พี่แน่ใจว่าถ้าได้ดูใกล้ๆ ที่ด้ามต้องมีลายสลักรูปช่อทองกวาวแน่เลยค่ะ" ริยาขยายความ ริสาพยักหน้าเห็นด้วย

"พี่แน่ใจว่าเขาต้องใช่คนๆ เดียวกับคุณภูชิสสะแน่ๆ เลยค่ะ เพราะตอนนั้นพอเราบอกว่า จำเราสองคนได้ไหม คนที่เจอกันตอนเขามาซื้อดอกไม้ที่ไร่ เขาหันขวับมาเลยค่ะ ยิ้มให้ด้วย แล้วพี่ยังได้จับมือเขาด้วยค่ะ คนอะไร หล๊อหล่อ..." ริสาวาดฝันต่อไปอีก

"ค่ะ อะเดลเชื่อว่าหล่อค่ะ... อะเดลเห็นเขาแวบหนึ่งล่ะ" สาวน้อยว่าขำๆ อยากแกล้งพวกพี่กลับบ้าง

"เห็นที่ไหนคะ"

"อืมม์ เห็นตอนที่..." อะเดลิตาไม่ค่อยแน่ใจว่าจะพูดดีไหม "ตอนที่รถเขาผ่านเข้าไปในสวนค่ะ"

"เหรอคะ แล้วเขาเห็นน้องอะเดลไหมคะ" ริยา กับริสาถามแทบจะพร้อมกัน

"เห็นค่ะ"

"แล้วเขาทำไงคะ"

"อืมม์ เห็นแล้วเขาก็...." อะเดลิตาทำท่าคิดแกล้งยั่วสองสาว "มองผ่านไปเลยค่ะ"

"โธ่...." สองสาวทำท่าผิดหวังเต็มที่ ยังไม่ทันได้ถามต่อ คุณมาลัยก็มาไล่ไปทำงาน



"แม่สองสาวมาชวนคุยเรื่องอะไรล่ะจ๊ะ"

"เรื่องคุณภูชิสสะค่ะ"

"อะเดลจำพี่เขาไม่ได้จริงเหรอลูก" เด็กสาวส่ายหน้าเนือยๆ คุณมาลัยเหลือบมองขวดแก้วที่เด็กสาวพกติดตัวตลอดเวลา

"ทำไมเหรอคะ..."

"เปล่าหรอกจ้ะ"

"งั้นอะเดลเอาดอกไม้พวกนี้เข้าไปเก็บก่อนนะคะ"



พอคล้อยหลังอะเดลิตา โคชิยะเดินออกมาสมทบ ยกมือแตะไหล่ผู้มากวัยกว่า

"ถ้าไม่มีเรื่องเหตุการณ์เลวร้ายนั่น ฉันก็อยากเล่าเรื่องของคุณภูชิสสะให้อะเดลฟัง เธอคงอยากรู้เรื่องพี่ชายที่เธอคอยวิ่งตาม..." คุณมาลัยเปรยๆ "และคุณซาร่าคงต้องการเช่นนั้น"

"อย่างที่คุณหมอได้บอกไว้... เหตุการณ์ในวันนั้นเลวร้ายเกินกว่าที่อะเดลจะรับได้ การที่เขาปิดกั้นความทรงจำในอดีต เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา... ถ้ายังไม่มีใครสามารถปกป้องความรู้สึกของอะเดลจากเหตุการณ์นั้นได้ ก็อย่ารื้อฟื้นมันขึ้นมาเลย..."

"คุณโคคะ คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่าคะ"

"นั่นเป็นคำถามของครูสไม่ใช่เหรอ"

"ค่ะ คุณพ่อของคุณภูชิสสะ ท่านเคยถามฉัน...."

"ผมจำได้ คุณมาลัยไม่เคยเชื่อ แต่ครูสกลับบอกว่าเชื่อ และครูสเชื่อว่าพรหม ... ไม่ได้ลิขิตให้คุณมาลัยกับเขาอยู่คู่กัน" โคชิยะพูดสิ่งที่อยู่ในใจผู้มากวัยกว่า

"คุณว่า ครูสจะถามคำถามนี้กับคุณภูชิสสะหรือเปล่า"

"ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น ผมกลับอยากรู้ว่า ภูชิสสะจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่? เชื่อหรือไม่ว่าพรหมได้ลิขิตชีวิตเขาให้คู่กับใคร..."



ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตจนกระทั่ง...

พรหมที่ว่า ลิขิตให้เราสองคนได้พบกัน

เหมือนกับกุญแจเงิน ที่สร้างไว้แต่กาลก่อน...


จบตอน


Create Date : 03 กันยายน 2549
Last Update : 22 กันยายน 2550 13:44:44 น. 1 comments
Counter : 287 Pageviews.

 
ชอบมากค่ะ..




โดย: keyyy (vintage ) วันที่: 3 กันยายน 2549 เวลา:23:22:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

adel_ew
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




ความกลัวที่สุดคือ...กลัวที่ต้องอยู่โดยไม่เหลือใคร
Friends' blogs
[Add adel_ew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.