Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 

พระสุรินทฦๅไชยฯ (ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง) ตอนที่ ๑๐ กลับบ้าน

ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง

ตอนที่ ๑๐ กลับบ้าน


    ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว
    ลับพิมไปแล้วตลึงหลง
    ผีรีบพาไปดังใจจง
    ลัดดงข้ามทุ่งมุ่งมา

    ลอยละลิ่วแลกลมดังลมพัด
    หลีกลัดหนองแนวแถวท่า
    เข้าเมืองกาญจน์บุรีด้วยปรีดา
    ถึงเคหาผีศูนย์สว่างพลันฯ

    ครับ พ่อแม่พี่น้องเคารพ เมื่อท้ายตอนที่แล้วก็จบความ ตรงที่พ่อพลายแก้วสัญญาว่าจะกลับบ้านแม่ ที่เขาชนไก่กาญจนบุรี เพื่อขอให้แม่ทองประศรี มาสู่ขอแม่พิมเป็นภรรยาตามประเพณี แล้วก็ออกเดินทางจากบ้านที่สุพรรณของแม่พิม ด้วยวิธีพิลึกพิศดาร ตั้งแต่ตอนใกล้รุ่ง พระเคาะระฆังนั้นเอง

    แต่ด้วยความเร็วประดุจเครื่อง"คองคอร์ด"สายการบิน"ปีศาจแอร์ไลน์" ก็ได้พา พลายแก้ว มาบรรลุถึงบ้านแม่ที่เขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อตอนฟ้าเพิ่งเริ่มจะสว่างเท่านั้นเอง พอก้าวเท้าขึ้นบ้านก็เห็นแม่ทองประศรีพอดี แม่ลูกก็ได้แต่ตลึงแล้วก็กอดกันคร่ำครวญ ให้สมกับที่จากกันไปนานหนักหนา โดยมิได้ส่งข่าวคราวอันใดมาเลย

    พอสร่างโศกแม่ทองประศรีก็ถึงได้ถามว่า ไปยังไงมายังไงเล่าลูกเอ๋ย หายไปเสียนาน โถสึกเณรเสียแล้ว ไปทำมาหากินอะไรกันเล่า มีเงินทองเดินทางกลับมาบ้านได้อย่างไร

    ลูกชายก็ฟูมฟายระบายความทุกข์ให้แม่ฟังว่า ตนไปอยู่ที่สุพรรณบุรีได้ผูกสมัคร รักใคร่กับแม่พิมพิลาไล ลูกสาวยายศรีประจันเพื่อนของแม่นั่นแหละ แต่เงินทองก็ไม่มี ได้แม่พิมเขาเจียดให้เป็นค่าเดินทางกลับมาบ้านตั้งห้าชั่ง ก็กะจะกลับมาให้แม่ช่วยไปสู่ขอแม่พิม ให้ลูกด้วยเถิดขอรับ

    แม่ทองประศรีได้ฟังดังนั้นถึงกับอึ้งไป แล้วก็ลูบหลังบอกลูกชายไปตามความในฉบับหลวงว่า

    ทองประศรีว่ากรรมเอ๋ยกรรมแล้ว
    พ่อแก้วแก้วตาของแม่เอ๋ย
    บวชก่อนเถิดอย่าเพ่อมีเมียเลย
    แม่จะได้ชมเชยชายจีวร

    พ่อเจ้าเขาก็ตายไปนานแล้ว
    ลูกแก้วจงโปรดแกเสียก่อน
    บวชสักสองพรรษาอย่าอาวรณ์
    สึกมาแม่จะผ่อนให้มีเมีย

    จะขอให้เป็นลูกเขยเจ้าพระยา
    ฟังคำแม่ว่าจงทิ้งเสีย
    อย่างอีพิมไม่น่ามาเป็นเมีย
    กระปลกกระเปลี้ยปลอบลูกพิไรไป

    งามเท่าพิมนี้ก็มีมั่ง
    ฤาจะเอาชาววังจะขอให้
    ถวายจานเงินทองต้องพระทัย
    ก็จะได้นางในที่ชื่นตา ฯ


    ในที่นี้กระผมผู้เล่านิทาน อยากจะขออนุญาตเดาความรู้สึก ของแม่ทองประศรี ในวินาทีนั้นว่า การที่แม่ทองประศรีไม่อยากให้พลายแก้ว ได้กับแม่พิมพิลาไลลูกแม่ศรีประจัน นั้น เพราะความจริงแล้วแม่ทองประศรีเอง ซึ่งเป็นเพื่อนกับแม่ศรีประจันมาแต่นาน ก็คงจะพอรู้นิสัยแม่ศรีประจันอยู่ว่า ค่อนข้างเป็นคนโลเล แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ แม่ทองประศรีเองก็คงจะได้ข่าวอยู่บ้างว่า นายขุนช้างนั้นได้เพียรพยายามมาสู่ขอแม่พิม อยู่อย่างน้อยก็สองครั้ง แล้วถ้าจะไปตีปลาหน้าไซขอเอามาให้ลูกชายของตนอย่างนี้ หากแม่ศรีประจันยอมยกลูกสาวให้ก็ยังพออาศัย แต่ถ้าถูกปฏิเสธมาละก้อ คนที่จะเสียหน้านี้ก็ไม่ใช่เอ็งหรอก แต่เป็นหัวหงอกแม่เอ็งนี้ต่างหาก

    และอีกประการหนึ่งที่แม่ทองประศรีออกจะหวาด ๆ อยู่ก็คือ หากแม่ศรีประจันยอมตกลงปลงใจที่จะยกลูกสาวให้พลายแก้วจริง ๆ แล้ว ศัตรูหมายเลขหนึ่งของพลายแก้ว ก็คือ ขุนช้างนี่แหละ เพราะนายขุนช้างในเวลานั้นก็แทบจะเรียกได้ว่า เป็นเจ้าพ่อเมืองสุพรรณไปแล้ว (เพียงแต่ยังไม่ได้สร้างหอนาฬิกาเท่านั้นเอง)

    ซึ่งถ้าแม่ทองประศรีมีแนวความคิดคล้าย ๆ กับที่กระผมคิดในเชิงวรรณกรรม ดังนั้นแล้ว ก็นับว่าค่อนข้างจะแม่นทีเดียวแหละขอรับ

    แต่พลายแก้วก็ก็ยังกอดขาแม่ร้องไห้อ้อนวอนต่อไปอีกว่า

    เจ้าพลายแก้วฟังแล้วกราบตีนพลัน
    นางสวรรค์ลูกก็ไม่ปรารถนา
    นางในงามแต่กิริยา
    จะเปรียบพิมแก้วตาเห็นเต็มที

    งามประเสริฐเลิศล้ำทั้งขำคม
    งามหน้างามนมเนื้อสองสี
    ไม่เทียมทันทั้งสุพรรณบุรี
    เห็นไม่มีใครสู้ดูงดงาม

    เจ้าประคุณทูนหัวของลูกแก้ว
    มีเมียแล้วบวชได้ดอกไม่ห้าม
    แม่อย่าทานทัดขัดความ
    แม้มิตามใจลูกคงมรณา ฯ

    นี่แหละขอรับ ที่บุราณท่านว่า ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน อู๋ย..อะไร ๆ ก็ดีไปหมด แต่ถ้าพ่อแม่พี่น้องลองติดตาม ฟังนิทานที่กระผมเล่าไปเรื่อย ๆ สิขอรับ ท่านอาจจะถึงกับต้องรำพึงออกมาว่า เออหนอ ชีวิตของอีตาพลายแก้วนี่มันวูบวาบพลิกผันราวกับค่าเงินบาท หรือตลาดหุ้นทีเดียวแหละขอรับ

    และอีกข้อหนึ่งที่แน่ ๆ เลยก็คือ จนกระทั่งจบเรื่อง พลายแก้วก็ยังไม่ได้บวชพระจนแล้วจนรอด !

    แต่ก็เป็นอันว่า ในที่สุดแล้วด้วยความรักลูกชายเสียหนักหนา แม่ทองประศรีก็เสียอ้อนวอนลูกไม่ได้ จึงจัดกระบวนเฒ่าแก่ จากเมืองกาญจนบุรี ไปยังบ้านเดิมที่สุพรรณ แถมก่อนไปยังสั่งบ่าวไพร่ให้ปลูกเรือนใหม่ ไว้เป็นเรือนหอของพลายแก้ว กับแม่พิมรอไว้ด้วย อาจจะเพื่อเป็นการสร้างหลักประกันว่า จะไม่เอาลูกสาวเขามาทิ้งขว้างก็เป็นได้ ในคราวนั้นแม่ทองประศรีต้องใช้จ่ายเงินไปในการนี้ ถึงสองร้อยสี่สิบบาท (สามชั่ง)เลยทีเดียว

    แล้วคาราวานขอลูกสาวเขา ก็ออกเดินทางจากกาญจนบุรีในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่คราวนี้ไปเป็นขบวนเกวียน จึงใช้เวลาสองวันกับอีกหนึ่งคืน จึงบรรลุถึงสุพรรณบุรี ในเวลาใกล้ค่ำของวันที่สอง นับจากออกเดินทาง แม่ทองประศรีจึง สั่งหยุดขบวน ที่ตรง ท้ายสวนของแม่ศรีประจันนั้นเอง เพราะหากจู่ลู่เข้าไปหาเจ้าของบ้าน ในตอนกลางค่ำกลางคืนอย่างนั้นแล้ว เขาอาจคิดว่าเป็นพวกปล้นก็ได้

    และคืนนั้นความคิดถึงที่มากมาย ท่วมท้นล้นหัวอกของพ่อพลายแก้ว ก็ทำให้เกิดกรณีเสดาะกลอนเข้าห้องเมียขึ้นอีกตามเคย

    แหม.....กระผมละหมั่นไส้พ่อพระเอกนักรักนี่จริง ๆ เลยขอรับ ใกล้กันละเป็นไม่ได้ทีเดียว หนอยแน่ะ จะอดใจรอสักคืนเดียว พรุ่งนี้แม่เขาก็จะพาเฒ่าแก่ไปขอเมียให้อยู่แล้ว ก็ยังอุตส่าห์ใจร้อนจนได้

    เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ กระผมว่าพ่อแม่พี่น้อง ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอกขอรับ พักผ่อนเอาแรงไว้ดีกว่า พอคราวหน้าจะได้มีแรงส่งใจ ไปร่ายรำหน้าขบวนขันหมากไงล่ะ.....ดีไหมขอรับ.

##############################

วารสารสุรสิงหนาท.........มกราคม ๒๕๔๑
นิตยสารโล่เงิน..............พฤศจิกายน ๒๕๔๔






 

Create Date : 12 ธันวาคม 2550
1 comments
Last Update : 12 ธันวาคม 2550 8:41:40 น.
Counter : 521 Pageviews.

 

 

โดย: ............. IP: 124.121.131.61 16 มกราคม 2551 12:00:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พจนารถ๓๒๒
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พจนารถ๓๒๒'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.