โยคะเป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต
Group Blog
 
All blogs
 
เ มื่ อ ค รู โ ย ค ะ จะ วิ่ ง ม า ร า ธ อ น ตอนที่ 13-ค้นหาท่วงท่าการวิ่ง

สวัสดีค่ะ บันทึกในวันที่ 17 นับจากที่เริ่มทำโปรแกรมวิ่งของตัวเอง


วันนี้วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2558


ต้องย้ำเตือนกับทุกคนอีกครั้ง หมวยไม่ใช่กูรูในการวิ่งนะคะ ยังนับว่ามือใหม่มากๆ แต่การเขียนบันทึกนี้ก็เพื่อคอยเตือนตัวเองให้ซ้อม ไม่ท้อ และหาข้อมูลในการฝึกด้วย ซึ่งบางวันอาจจะดูจริงจัง บางวันก็ดูไม่มีอะไร ขำๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นบันทึกเหล่านี้คือสิ่งที่หมวยอยากรู้ อาจจะมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องก็ต้องขออภัยไว้ด้วย ซึ่งจะแนะนำกฏในการอ่านบันทึกเหล่านี้นะคะ ซึ่งทั้งสามข้อก็เป็นกฏที่หมวยบอกกับนักเรียนครูโยคะตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนกับหมวย

1. จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้อ่านจากบันทึก

2. จงอย่าปฏิเสธทุกอย่างที่ได้อ่านจากบันทึก

3. นิ่งและพิจารณาสิ่งที่อ่านไปทั้งหมด

ทั้งนี้บันทึกพวกนี้หมวยได้เอาแง่มุมที่ได้จากโยคะมาสอดแทรกด้วยค่ะ มันจึงเป็นบันทึกที่อาจจะมีมุมมองที่เหมือนหรือไม่เหมือนคนอื่นก็ได้


ประโยชน์อีกอย่างของการเขียนบันทึกคือ จะได้กลับมาทบทวนสิ่งที่เป็นพื้นฐานได้ จะได้ไม่หลงลืมหรือหลงตัวเองมากไปว่า...ฉันทำได้แล้ว ซึ่งเป็นการสร้างอัตตาและการมีอัตตาก็มักจะทำให้คนเราบาดเจ็บเสมอๆค่ะ


วันนี้ที่ค้นหาไว้คือ ค้นหาท่าวิ่งที่เหมาะสม


ก็วิ่งๆไปแล้วมันก็นึกสงสัยหล่ะ แน่นอนว่ามันมีท่าวิ่งที่คนเขาบอกไว้ เช่น ต้องลงกลางเท้าบ้าง ตัวเอนไปข้างหน้าบ้าง แต่สำหรับคนที่ไม่เคยวอ่งหล่ะ จะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร มันก็ทำให้นึกย้อนเหมือนเวลาที่สอนให้นักเรียนทำ ก็คือคิดย้อนกลับหาจุดเริ่มต้น ในการฝึกโยคะคุณจะต้องมีการพัฒนากล้ามเนื้อทีละส่วนไปเรื่อยๆ อย่างเช่นถ้าจะทำท่ายืนด้วยไหล่ให้สมบูรณ์ก็ต้องพัฒนามาจากท่านอนหงายยกขาซะก่อน เริ่มจากยกขาเดียว มายกขาคู่ แล้วก็ยกสะโพกเป็นวิปริตกรณี แล้วจึงค่อยไปยืนด้วยไหล่ ถ้าพื้นฐานของท่าดังกล่าวมีความเหมาะสมก็จะทำให้ท่าถัดไปมีความเหมาะสมและก็จะไม่บาดเจ็บค่ะ




แล้วทีนี้ถ้าเป็นท่าวิ่งล่ะ ถ้าคุณไปที่สวนลุมพินีทุกวันเสาร์คุณก็จะเจอครูดิน สถาวร จันทร์ผ่องศรี ก็จะมีสอนทุกเช้าวันเสาร์ค่ะ 6.30 น. แต่ถ้าคุณยังไม่สามารถพาตัวเองไปได้ด้วยเหตุบ้านไกล อยู่ต่างจังหวัดหรืออะไรก็แล้วแต่ ลองดูวิธีนี้นะ หมวยไปค้นเจอทั้งวีดีโอและภาพนิ่งนะคะ


ภาพจาก fleetfeetcincy.com
แล้วก็อันนี้อีกอันทำเป็นภาพวาดนิดหน่อย
ภาพจาก imgarcade.com

ในช่องแรกเขาพูดถึงการแกว่งแขนค่ะ หาจังหวะการแกว่งแขนที่เป็นธรรมชาติซะก่อน และใช้หัวไหล่ เวลาที่เราแกว่งแขนโดยการเหยียดแขนเราจะพบว่าองศาจะไม่ได้ไปขนานกับลำตัว เมื่อเราแกว่งมาด้านหน้าแขนจะเอียงเข้าหาลำตัวเล็กน้อย ในขณะที่เมื่อแขนไปด้านหลังก็จะเบี่ยงห่างออกจากลำตัวค่ะ เวลาที่เรางอข้อศอก ไม่ต้องดึงมาจนชิดหน้าอก ให้ข้อศอกงอ 90 องศา และแกว่งไปตามธรรมชาติ มือไม่ควรเลยจากเส้นกลางตัวค่ะ ถ้ามือเลยจากเส้นกลางตัวก็จะทำให้เกิดการบิดตัวตามมาทำให้ core muscle ไม่มั่นคง ลำตัวแกว่ง เวลาวิ่งก็จะไม่ไปด้านหน้าค่ะ ดูเหมือนบิดตัวไปด้วย วิ่งไปด้วย ถ้าทำไปนานๆ คุณก็จะปวดท้องถ่ายหนักค่ะ เพราะการบิดตัวไปมานั้นเป็นการเร่งให้เลือดไปเลี้ยงในช่องท้องมา ทำให้อวัยวะต่างๆทำงานได้เร็วขึ้น ซึ่งบางคนอาจจะคิดไปเองว่า...เฮ้ย วิ่งนี่ดีนะ ทำให้ปวดถ่ายทุกครั้งที่วิ่งเลย  จริงๆแล้วเราควรถ่ายเป็นเวลาตอนเช้าค่ะ ไม่ใช่ปวดถ่ายหนักกันทุกครั้งที่วิ่ง 5555

ในช่องที่สองเขาพูดถึงการลงเท้าค่ะ ไม่ควรเอาส้นเท้าลงก่อน ควรจะลงที่กลางเท้า เวลาลงที่ส้นเท้าแรงกระแทกจะสูงกว่าค่ะ ทำให้เราปวดตามข้อต่างๆ ซึ่งตอนหมวยเรียนเป็นผู้ฝึกสอนส่วนตัว เขาให้กระโดดสองขาแล้วตอนลงให้งอเข่าเล็กน้อย ดูการทิ้งน้ำหนักสะโพกและเท้าเพื่อให้ลงน้ำหนักที่กลางเท้าหรือเต็มเท้า แล้วก็ดีดตัวขึ้น ซึ่งต้องดีดด้วยเท้าส่วนหน้า ซึ่งเวลาวิ่งมันไม่ใช่แบบนี้เลยนะ แต่มันทำให้หมวยเข้าใจและสังเกตุน้ำหนักเวลาวิ่งได้ว่าการลงของเท้าจะเป็นอย่างไร คุณอาจจะมีวิธีการฝึกแบบอื่นก็ได้นะ ลองดู เวลาวิ่งจริงๆนอกจากควรจะลงที่กลางเท้าแล้ว โดยมากเวลาวิ่งน้ำหนักจะลงที่ด้านนอกเท้าซะเป็นส่วนใหญ่ด้วย ซึ่งจากการวิเคราะห์โดยส่วนตัวแล้ว เพื่อทำให้การวิ่งยังคงมีแรงเข้าสู่ศูนย์กลางก็จะทำให้ร่างกายมั่นคงมากขึ้น

ในช่องที่สามเขาพูดถึงจังหวะการวิ่งเพื่อให้พอดีกับการลงที่กลางเท้า โดยนับการเหยียบเท้าทั้งสองข้างรวมกันได้ 180 ครั้ง/นาที เมื่อระยะทางกับความเร็วสัมพันธ์กันกับก้าว ก็จะทำให้ได้น้ำหนักที่ลงกลางเท้าพอดี อันนี้ค่อยๆฝึกไป ไม่หน้ายากเน๊าะ

ในช่องที่สี่เขาพูดถึงการโน้มตัวไปข้างหน้า คนเราจะไปข้างหน้าได้ก็ต้องโน้มไปข้างหน้าเน๊อะ โน้มไปข้างหลังแล้ววิ่งก็จะยากกว่าเพราะมีแรงต้างถ่วงไปด้านหลัง เขาเลยให้ฝึกการโน้มตัวไปด้านหน้า คุณอาจจะยืนตรงแล้วโน้มตัวไปด้านหน้า พอถึงจังหวะนึงก็ก้าวเท้าออกไปวางด้านหน้าข้างนึง ทำสลับกันไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะทำอยู่กับที่ก็ได้

เสร็จแล้วก็เอาทั้งหมดมารวมกันในเวลาวิ่งค่ะ และนอกจากนี้ที่จะเสริมคือ ไม่ควรบิดสะโพกค่ะ ลำตัวทั้งหมดควรจะนิ่งไม่หย่อนสะโพกข้างหนึ่งต่ำกว่าอีกข้างหนึ่ง ควรรักาาไว้ให้เสมอกันกัน คือขนานกับพื้นไว้ค่ะ ไม่งั้นข้อต่อสะโพกจะมีปัญหาได้ในอนาคตนะคะ

ภาพจาก runnersconnect.net

นอกจากนี้เรื่องของมือก็ยังมี บางทีบอกว่าให้กำมือหลวมๆโดยสี่นิ้วงอและมีนิ้วโป้งแปะอยู่ด้านบน แต่หมวยเองถนัดกับการยืดนิ้วออกมากกว่า ไม่ถึงกับเหยียดจนเกร้งแต่ก้ไม่ได้งอกำไว้ซะทีเดียวค่ะ 

ก็ลองฝึกและลองหาข้อมุลเพิ่มเติมดูนะคะ จะได้วิ่งกันอย่างมีความสุขค่ะ

ขอบคุณภาพสุดท้ายจากshutterstock ค่ะ มาวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดีกันนะคะ ^_^



Create Date : 05 มีนาคม 2558
Last Update : 5 มีนาคม 2558 17:09:16 น. 0 comments
Counter : 1023 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมวยเกี๊ยะA2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




สาวน้อย(อิอิ)ธรรมดา ที่มีพี่ๅน้องแสนฉลาด พี่สาวคนโตจบดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร พี่ชายคนโตจบศิลปะแต่ได้ผันตัวเองมาทำงานภาพยนตร์จนเป็นผู้กำกับ พี่ชายคนเล็กก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารที่คนเขาแย่งตัวกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอฟันประจำตัวให้เราน่ะเอง

ส่วนตัวเองเรียนจบมาทางด้านภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่มายา แต่ดันผ่าอยากศึกษาด้านธรรมะและโยคะ เพราะความล้มเหลวด้านชีวิตครอบครัวเป็นเหตุ

วันดีคืนดีจึงนั่งเครื่องบิน บินไปอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดโยคะและศึกษาอย่างจริงจัง (เที่ยวอย่างจริงจังด้วย)
ที่ Yoga Vidya Gurukul
ณ เมืองนาสิก ประเทศอินเดีย
เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.2549

ตอนนี้ก็รับสอนโยคะอย่างจริงจังมาก็เริ่มปีที่ห้าแล้ว

ในปี 2553 ได้จบหลักสูตรต่างๆทุกหลักสูตรที่มีอยู่ในสถาบันแล้ว รวมทั้งศึกษาศาสตร์อื่นๆมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็น โยคะบำบัด อายุรเวท เรกิ ธรรมชาติบำบัด :-D

ตอนนี้เริ่มสอนอีกครั้งแล้วค่ะ ถ้าสนใจเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนตัวต่อตัวหรือเป็นวิทยากร
ก็ติดต่อมาได้นะคะ
Tel.+66 (0)85 1420201
[Add หมวยเกี๊ยะA2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.