อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

16 ธันวาคมนี้ ปิดถนน 29 เส้นทาง เคลื่อนพระศพ สมเด็จพระสังฆราช

สมเด็จพระสังฆราช

 ปิดถนน 29 เส้นทาง เคลื่อนพระศพ สมเด็จพระสังฆราช

       ประกาศสถาปนาพระเกียรติยศ โปรดเกล้าฯ ถวายพระโกศกุดั่นใหญ่ทรงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แจ้งปิดจราจร 29 ถนน เนื่องในพิธีเคลื่อนพระศพ ไปยังพระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส ในวันที่ 16 ธันวาคม

       วันที่ 15 ธันวาคม 2558 เว็บไซต์ กองบังคับการตำรวจจราจร แจ้งว่า จะทำการปิดถนนเนื่องในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส ในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ จำนวน 29 เส้นทาง ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. และเมื่อขบวนเคลื่อนผ่านไปแล้วจะเปิดการจราจรตามปกติ

โดยเส้นทางที่จะมีการปิดการจราจร ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. มีดังนี้

1. ถนนพระสุเมรุ ตั้งแต่แยกบางลำพูถึงแยกสิบสามห้าง
2. ถนนสิบสามห้าง ตลอดสาย
3. ถนนบวรนิเวศ ตลอดสาย
4. ถนนบ้านพานถม ตลอดสาย
5. ถนนดินสอ ตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงถนนพระสุเมรุ
6. ถนนพระสุเมรุ ตั้งแต่ถนนสิบสามห้างถึงแยกป้อมมหากาฬ
7. ถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่แยกป้อมมหากาฬถึงแยกผ่านฟ้า
8. ถนนหลานหลวง ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าถึงแยกสะพานขาว
9. ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกสะพานขาวถึงแยกนพวงศ์
10. ถนนหลวง ตั้งแต่แยกนพวงศ์ ถึงแยกพลับพลาไชย
11. ถนนประชาธิปไตย ตั้งแต่แยกวิสุทธิกษัตริย์ ถึงสะพานเฉลิมวันชาติ
12. ถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงแยกผ่านฟ้า
13. ถนนมหาไชย ตั้งแต่แยกสำราญราษฎร์ถึงแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
14. ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยก จปร. ถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
15. ถนนจักรพรรดิพงษ์ ตั้งแต่แยกจักรพรรดิพงษ์ ถึงจุดตัดถนนพระราม 4
16. ถนนนครสวรรค์ ตั้งแต่แยกจักรพรรดิพงษ์ถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
17. ถนนพะเนียง ตลอดสาย
18. ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกเทวกรรมถึงแยกสะพานขาว
19. ถนนหลานหลวง ตั้งแต่แยกยมราชถึงสะพานขาว
20. ถนนอนันตนาค ตลอดสาย
21. ถนนพญามหาอำมาตย์ ตลอดสาย
22. ถนนบำรุงเมือง ตั้งแต่แยกแม้นศรีถึงแยกกษัตริย์ศึก
23. ถนนพระราม 1 ตั้งแต่แยกกษัตริย์ศึก ถึงแยกพงษ์พระราม
24. ถนนยศเส ตลอดสาย
25. ถนนพลับพลาไชย ตั้งแต่จุดตัดถนนมังกรถึงถนนกรุงเกษม
26. ถนนพลับพลาไชย ตั้งแต่จุดตัดถนนมังกรถึงถนนบำรุงเมือง (แยกอนามัย)
27. ถนนหลวง ตั้งแต่แยกวรจักรถึงแยกนพวงศ์
28. ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกหัวลำโพงถึงแยกนพวงศ์
29. ถนนมิตรพันธ์ ตั้งแต่จุดตัดถนนมังกรถึงถนนหลวง

       สำหรับประชาชนที่จะเข้าร่วมส่งเสด็จฯ สามารถร่วมแสดงความเคารพได้ตลอดเส้นทางที่ริ้วขบวนเคลื่อนผ่าน ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนที่จะต้องเดินทางเข้าในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ ในวันดังกล่าว ควรวางแผนการเดินทางให้ดี หรือสอบถามข้อมูลจราจรได้ที่สายด่วน 1197

       นอกจากนี้ ประชาชนที่จะไปร่วมถวายดอกไม้จันทน์ สามารถเดินทางไปได้ที่วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเทพศิรินทราวาส และอีก 46 วัด ใน 46 เขต เริ่มตั้งแต่ 14.00-20.00 น. ประกอบด้วย

1. เขตคลองเตย : วัดคลองเตยใน
2. เขตคลองสาน : วัดพิชยญาติการามวรวิหาร
3. เขตคลองสามวา : วัดพระยาสุเรนทร์
4. เขตคันนายาว : วัดบุญศรีมุนีกรณ์
5. เขตจตุจักร : วัดเสมียนนารี
6. เขตจอมทอง : วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร
7. เขตดอนเมือง : วัดดอนเมือง
8. เขตดินแดง : วัดพรหมวงศาราม
9. เขตตลิ่งชัน : วัดรัชฎาธิษฐานราชวรวิหาร
10. เขตทวีวัฒนา : วัดปุรณาวาส
11. เขตทุ่งครุ : วัดทุ่งครุ
12. เขตธนบุรี : วัดเวฬุราชิณ
13. เขตบางกอกน้อย : วัดเจ้าอาม
14. เขตบางกอกใหญ่ : วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
15. เขตบางกะปิ : วัดเทพลีลา
16. เขตบางขุนเทียน : วัดเลา
17. เขตบางเขน : วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
18. เขตบางคอแหลม : วัดราชสิงขร
19. เขตบางแค : วัดราษฎร์บำรุง (งามศิริวิทยาคาร)
20. เขตบางซื่อ : วัดมัชฌันติการาม
21. เขตบางนา : วัดบางนาใน
22. เขตบางบอน : วัดนินสุขาราม
23. เขตบางพลัด : วัดอาวุธวิกสิตาราม
24. เขตบางรัก : วัดหัวลำโพง
25. เขตบึงกุ่ม : วัดนวลจันทร์
26. เขตปทุมวัน : วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร
27. เขตประเวศ : วัดทุ่งเศรษฐี
28. เขตพญาไท : วัดไผ่ตัน
29. เขตพระโขนง : วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร
30. เขตภาษีเจริญ : วัดปากน้ำภาษีเจริญ
31. เขตมีนบุรี : วัดบำเพ็ญเหนือ
32. เขตยานนาวา : วัดปริวาสราชสงคราม
33. เขตราชเทวี : วัดดิสหงษาราม
34. เขตราษฎร์บูรณะ : วัดราษฎร์บูรณะ
35. เขตลาดกระบัง : วัดลานบุญ
36. เขตลาดพร้าว : วัดสาครสุ่นประชาสรรค์
37. เขตวังทองหลาง : วัดบึงทองหลาง
38. เขตวัฒนา : วัดธาตุทอง
39. เขตสวนหลวง : วัดยาง
40. เขตสะพานสูง : วัดลาดบัวขาว (ราชโยธา)
41. เขตสาทร : วัดยานนาวา
42. เขตสายไหม : วัดอยู่ดีบำรุงธรรม (ออเงิน)
43. เขตหนองแขม : วัดอุดมรังสี
44. เขตหนองจอก : วัดหนองจอก
45. เขตหลักสี่ : วัดหลักสี่
46. เขตห้วยขวาง : วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก

       โดยประชาชนที่เดินทางมาร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์จะได้รับของที่ระลึก ประกอบด้วย ที่คั่นหนังสือ แผ่นพับ และหนังสือพระสังฆราชา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

       ทั้งนี้เมื่อเสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ จะมีพิธีเก็บพระอัฐิและนำมาประดิษฐานยังตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร โดยจะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระอัฐิได้ในวันที่ 18 ธันวาคม เวลา 08.00–18.00 น. และ วันที่ 19 ธันวาคม 08.00–14.00 น. จากนั้นจะเป็นพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิและบรรจุพระสรีรางคาร ในวันที่ 20 ธันวาคม

       ขณะที่ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสถาปนาพระเกียรติยศ ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระอนุสรณ์ถึง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ซึ่งสิ้นพระชนม์ไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2558 มีพระคุณูปการเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเป็นพระอภิบาลถวายโอวาทานุสาสน์ในระหว่างทรงพระผนวช ทรงเป็นพระมหาเถระที่ทรงพระราชศรัทธานับถือยกย่องอย่างสูงในฐานครุฐานียบุคคล เมื่อสิ้นพระชนม์ ทรงพระกรุณาโปรดถวายพระโกศกุดั่นใหญ่ทรงพระศพ แทนพระโกศกุดั่นน้อย เพื่อเพิ่มพูนพระเกียรติยศ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประดิษฐานภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น แวดล้อมด้วยเครื่องประกอบ พระเกียรติยศ ณ ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร และได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายมาเป็นลำดับ อีกทั้ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หล่อพระรูป สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไว้เป็นที่สักการบูชาประดิษฐาน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร สืบไปชั่วกาลนาน

       บัดนี้ ถึงวาระที่จะพระราชทานเพลิงพระศพอันเป็นปัจฉิมวาระแห่งการพระราชกุศล ทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นที่เคารพเลื่อมใสอย่างยิ่งของพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่ามาตลอดพระชนม์ชีพ ด้วยทรงมั่นคงในพระธรรมวินัยเพียบพร้อมด้วยพระคุณธรรม และพระขันติธรรมอันสูงส่ง ทั้งได้ทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายกเป็นประธานในพุทธจักรแห่งสยามรัฐสีมายาวนานถึง 25 ปี ทรงทะนุบำรุงพระบวรพุทธศาสนา เป็นหิตานุหิตประโยชน์แด่พุทธจักรและอาณาจักรอย่างไพศาล ควรได้รับพระเกียรติยศเพิ่มขึ้น เป็นกรณีพิเศษ

       จึงทรงพระกรุณาโปรดถวายพระโกศทองน้อยทรงพระศพ โดยอนุโลมตามโบราณราชประเพณี จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เจ้าพนักงานจัดฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น กางกั้นพระโกศ ถวายเป็นเครื่องเพิ่มเติมพระเกียรติยศให้ปรากฏสืบไป




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2558    
Last Update : 15 ธันวาคม 2558 19:43:50 น.
Counter : 2176 Pageviews.  

เมนูข้าวโอ๊ตลดความอ้วน อาหารเช้ามื้อคุณภาพ อิ่มง่าย ๆ ไขมันต่ำ

 สาว ๆ ที่กำลังลดความอ้วนลองหันมากินข้าวโอ๊ตดูสิคะ เป็นธัญพืชอุดมด้วยใยอาหารให้โปรตีนสูง คอเลสเตอรอลต่ำ หาซื้อก็ง่ายราคาไม่แพง นอกจากจะเอาไปชงเป็นเครื่องดื่มแล้วยังสามารถเอามาปรุงอาหารจานเดียวและเบเกอรี่ได้อีกด้วย นั่นแน่ เริ่มจะสนใจกันแล้วใช่ไหมคะว่ามีเมนูอะไรบ้าง วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 8 เมนูข้าวโอ๊ตลดความอ้วน พอตอนเช้าตื่นมาปุ๊บทำกินได้เลยค่ะ เช่น โจ๊กข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ตตุ๋นกับไข่ดาว แพนเค้กข้าวโอ๊ต มัฟฟินข้าวโอ๊ตกล้วย แค่เห็นชื่อก็น่ากินแล้วเนอะ จริงไหม ?

8 เมนูข้าวโอ๊ตลดความอ้วน อาหารเช้ามื้อคุณภาพ อิ่มง่าย ๆ ไขมันต่ำ

1. โจ๊กข้าวโอ๊ต

          เริ่มกันที่เมนูข้าวโอ๊ตสูตรแรกเลยคือ โจ๊กข้าวโอ๊ต ที่ประยุกต์ใช้ข้าวโอ๊ตแทนข้าวขาว หรือปลายข้าวที่เราคุ้นเคยกันสูตรจากเฟซบุ๊ก Homemade Clean Food เพิ่มโปรตีนด้วยไก่สับนุ่ม ๆ ที่สำคัญใช้น้ำซุปกระดูกไก่ที่ช้อนเอาไขมันออกไปแล้วด้วย แอบกระซิบว่า ทำง่ายเว่อร์ ๆ ลองสักชามดีไหม ?

ส่วนผสม โจ๊กข้าวโอ๊ต

 ไก่สับ
ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา
พริกไทยป่น
น้ำมันงา 1-2 หยด
น้ำซุปกระดูกไก่
ข้าวโอ๊ต 50-100 กรัม
ขิงซอย
ต้นหอมซอย
พริกไทยป่น

วิธีทำโจ๊กข้าวโอ๊ต

1. หมักไก่สับกับซีอิ๊วขาว พริกไทย และน้ำมันงาเข้าด้วยกัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง (เพื่อไก่สับจะมีรสชาติดี)

8 เมนูข้าวโอ๊ตลดความอ้วน อาหารเช้ามื้อคุณภาพ อิ่มง่าย ๆ ไขมันต่ำ

2. ต้มน้ำซุปกระดูกไก่ จากนั้นตักใส่ถุงแล้วนำไปแช่เย็นจนไขมันจับเป็นก้อน ตักหรือกรองเอาไขมันแข็ง ๆ ออก

3. นำน้ำซุปที่ตักไขมันออกมาต้มอีกครั้ง ใส่ไก่สับที่หมักไว้ลงต้มจนสุก

4. ใส่ข้าวโอ๊ตลงไปต้มจนสุก ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยขิงซอย ต้นหอมซอย และพริกไทยป่น



8 เมนูข้าวโอ๊ตลดความอ้วน อาหารเช้ามื้อคุณภาพ อิ่มง่าย ๆ ไขมันต่ำ

2. โจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้ง

          เมนูข้าวโอ๊ตสูตรนี้ก็ยังเป็นโจ๊กข้าวโอ๊ตอยู่เช่นเดิม ขอแนะนำโจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้งสูตรจากอินสตาแกรม simplydesigncooking จุดเด่นคือ เอากุ้งไปหมักด้วยทำให้มีกลิ่นหอมของกระเทียมแซมความเผ็ดนิด ๆ จากปาปริก้า หลังจากผัดกุ้งจนสุกแล้วก็เอามาโปะบนโจ๊กข้าวโอ๊ตได้เลยจ้า ทั้งนี้อาจเพิ่มไข่ลวกลงไปสักฟองก็ได้นะคะ แหม… จินตนาการถึงไข่แดงเยิ้ม ๆ บนเนื้อโจ๊กแล้วน้ำลายไหลเลยค่ะ

ส่วนผสม โจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้ง

ข้าวโอ๊ต
น้ำเปล่า
กุ้งสด
ผงกระเทียม
ปาปริก้า
ซีอิ๊วขาว

วิธีทำโจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้ง

1. ต้มข้าวโอ๊ตกับน้ำเปล่าจนสุก ตักใส่ภาชนะ เตรียมไว้

2. ผัดกุ้งกับผงกระเทียมและปาปริก้าจนสุก ตักขึ้นมาราดบนโจ๊กข้าวโอ๊ต ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและพริกไทย พร้อมเสิร์ฟ

 ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 35 เมนูอาหารลดน้ำหนัก หน้าตาดีสีสันเริด กินให้ดีลดไป 10 กิโลกรัม




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2558    
Last Update : 15 ธันวาคม 2558 19:41:17 น.
Counter : 2022 Pageviews.  

โรคกลัวที่แคบ ใจสั่น อึดอัด เกือบเอาชีวิตไม่รอดเมื่อรู้สึกโดนกักล้อม



โรคกลัวที่แคบ อาการใจสั่น อึดอัด คล้ายหายใจไม่ออกเมื่อรู้สึกถูกกักล้อมหรือต้องอยู่ในที่แคบ ๆ โรคกลัวแปลก ๆ แบบนี้รักษายังไงให้หาย แล้วเราล่ะเข้าข่ายเป็นโรคกลัวที่แคบหรือเปล่า ?

          Claustrophobia หรือโรคกลัวที่แคบ โรคกลัวสถานการณ์หรือภาวะที่ตัวผู้ป่วยเหมือนถูกกักล้อมอยู่ในที่แคบ ๆ จนก่อให้เกิดอาการอึดอัด ใจสั่น เหงื่อซึม หรือบางรายอาจมีความกลัวหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเลยก็มี ซึ่งอาการทางจิตกับความกลัวที่แคบอย่างนี้จะร้ายแรงขนาดไหน มีวิธีป้องกันและรักษาอาการกลัวที่แคบยังไง หรือลองมาเช็กอาการในเบื้องต้นกันก่อนก็ได้ว่าตัวเราเข้าข่ายเป็นโรคกลัวที่แคบหรือเปล่า

โรคกลัวที่แคบ Claustrophobia คืออะไร ?

   โรคกลัวที่แคบ คือ กลุ่มอาการวิตกกังวลผิดปกติจนอยู่เฉยไม่ได้ เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่รู้สึกว่าหนีไม่ได้ ถูกกักล้อมในที่แคบ ๆ หรือต้องอยู่คนเดียวในช่องเล็ก ๆ ทุกอย่างดูประชิดตัว เช่น เมื่อต้องอยู่ภายในลิฟต์โดยสารที่มีคนหนาแน่น ต้องอยู่ในห้องขนาดเล็กที่ไม่มีแม้กระทั่งหน้าต่าง หรือตกอยู่ในที่นั่งด้านในสุดของเครื่องบิน โดยมีผู้โดยสารคนอื่น ๆ ล้อมรอบตัวอยู่ หรือผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการกลัวเกิดขึ้นได้เมื่อต้องสวมชุดที่รัดแน่นจนเกินไป เป็นต้น

          โดยจากสถิติผู้ป่วยโรคกลัวที่แคบของ NYU Langone Medical Center บันทึกให้เห็นว่า โรคกลัวที่แคบอาจไม่ใช่โรคที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด แต่อาจเริ่มเป็นในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่นเสียส่วนใหญ่

โรคกลัวที่แคบ อาการและสัญญาณบอกโรค

          อาการของโรคกลัวที่แคบในผู้ป่วยแต่ละรายอาจแสดงออกต่าง ๆ กันไป โดยสามารถไล่เรียงอาการของโรคกลัวที่แคบได้ดังต่อไปนี้


เหงื่อออกมาก
ใจสั่น หัวใจเต้นแรง
ความดันโลหิตพุ่งพรวด
เวียนหัว
ปากแห้ง
หายใจไม่ทัน หายใจไม่ทั่วท้อง (ไฮเปอร์)
ร้อนวูบวาบ
ตัวสั่น
ปั่นป่วนในท้อง
กลัวจนคุมสติไม่อยู่ รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
คลี่นไส้ อาเจียน
หน้ามืด เป็นลม
ปวดศีรษะ
ช็อก
แน่นหน้าอก หรือบางคนอาจรู้สึกเจ็บหน้าอก
รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเฉียบพลัน บางรายอาจมีปัสสาวะราด
เลอะเลือน ขาดสติ

โรคกลัวที่แคบ

โรคกลัวที่แคบ สาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง ?

          โดยปกติแล้วโรคกลัวที่แคบมักจะมีสาเหตุจากประสบการณ์เลวร้ายอันเกี่ยวกับที่แคบที่เกิดขึ้นตอนยังเป็นเด็ก ซึ่งฝังใจผู้ป่วยให้รู้สึกกลัว คิดว่าที่แคบนั้นมีอันตรายนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนกระทั่งกลัวฝังใจมาจนถึงตอนโต เช่น เคยเกือบจมน้ำในสระว่ายน้ำ พลัดหลงจากผู้ปกครองในสถานที่ที่มีคนแออัด หรือเล่นซนในท่อ หรือหลุมอะไรสักอย่าง แล้วติดอยู่ในนั้นเป็นเวลาหนึ่ง เป็นต้น

    ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกลัวจับใจ จนสมองจดจำว่าสิ่งที่เล็ก ๆ แคบ ๆ นั้นอันตราย หากกลับไปเข้าอีกจะทำให้รู้สึกกลัวอย่างที่เคยเป็นมา จนแม้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และรู้ว่าที่แคบไม่อันตรายขนาดนั้น แต่จิตใต้สำนึกก็จะสั่งให้รู้สึกกลัวอย่างไม่มีเหตุผลอยู่นั่นเอง และนอกจากนี้ความกลัวที่แคบยังอาจเกิดได้จากพฤติกรรมเลียนแบบ จากการที่ผู้ปกครองหรือคนใกล้ตัวกลัวที่แคบด้วยนะคะ

          ทั้งนี้ยังมีการศึกษาทางการแพทย์ที่ถูกตีพิมพ์ใน Psychiatry and Clinical Neurosciences พบว่า อาการโฟเบียหรืออาการกลัวต่าง ๆ อ่านมีเบื้องหลังอยู่ที่ความผิดปกติของสมอง อันได้แก่

อมิกดาลามีขนาดเล็กเกินไป

          Fumi Hayano และทีมนักวิจัยพบว่า ภายในสมองของผู้ป่วยโรคกลัวที่แคบและโรคกลัวประเภทอื่น ๆ มักจะมีขนาดอมิกดาลา หรือต่อมเล็ก ๆ ใต้สมองที่มีไว้ควบคุมเหตุผลและอารมณ์ รวมถึงการแสดงออกของร่างกายกับความรู้สึกแบบต่าง ๆ ที่เล็กกว่าปกติ ซึ่งปัจจัยนี้อาจทำให้ร่างกายจัดการกับอารมณ์และความรู้สึกกลัวได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากนัก จนเกิดเป็นโรคโฟเบียต่าง ๆ ได้

ยีนความพร้อมที่จะกลัว

          การศึกษาพบว่าในบางรายมีอาการกลัวอันฝังรากลึกมาจากยีนในร่างกาย โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องเอาตัวรอดให้ได้ ถูกฝึกให้มีความระแวดระวังตลอดเวลา หรือเรียกง่าย ๆ ว่ามีสัญชาติญาณในการเอาชีวิตรอดค่อนข้างสูง ซึ่งความกลัวของคนเหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาหนึ่ง และอาจหายเป็นปกติได้เองเมื่อเวลาผ่านไป

โรคกลัวที่แคบ จะเกิดอาการกลัวต่อเมื่ออยู่ในสถานการณ์ไหน ?

          นอกจากพื้นที่เล็กแคบแล้ว ความกลัวนี้อาจเกิดได้จากความรู้สึกแออัด สับสน เมื่อต้องอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หรือเมื่อรู้สึกอากาศหายใจในที่นั้น ๆ มีน้อย อาการกลัวก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่ในเบื้องต้นเราอาจสังเกตความกลัวของเราได้จากอาการและความกลัวเมื่อต้องอยู่ในที่เหล่านี้

ลิฟต์โดยสาร
ห้างสรรพสินค้าหรือที่ที่คุ้นเคยที่ถูกจัดแต่งใหม่ เปลี่ยนแปลงไป
อุโมงค์
ห้องใต้ดิน
รถไฟใต้ดิน
ห้องขนาดเล็ก แคบ
ห้องพักที่ไม่มีหน้าต่าง หรือหน้าต่างไม่สามารถเปิดได้
ประตูหมุน
เครื่องบิน
ห้องน้ำสาธารณะ
ห้องที่ถูกล็อก
รถยนต์ที่มีระบบล็อกประตูอัตโนมัติ
ตู้รถไฟ
ชุมชนที่มีคนแออัด/สถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คน
อุโมงค์ล้างรถอัตโนมัติ
เครื่องสแกน MRI

โรคกลัวที่แคบ

การวินิจฉัยโรคกลัวที่แคบ

          หากต้องการเช็กให้ชัวร์ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคกลัวที่แคบหรือเปล่า แนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งจิตแพทย์จะวินิจฉัยอาการป่วยจากอาการผิดปกติที่ผู้ป่วยเป็น อาจสอบถามรายละเอียดของอาการกลัวนั้น ๆ และวิเคราะห์จากสิ่งหรือสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกกลัว

          ทั้งนี้จิตแพทย์จะนำแบบทดสอบทางจิตวิทยาให้ทำเพื่อคัดแยกอาการ และวัดระดับความกลัวในเบื้องต้นก่อน

การรักษาโรคกลัวที่แคบ

          หลังจากวินิจฉัยแล้วว่าผู้ป่วยเป็นโรคกลัวที่แคบจริง จิตแพทย์จะต้องประเมินความรุนแรงของอาการ เพื่อเลือกแนวทางรักษาโรคกลัวที่แคบ ซึ่งมีวิธีรักษาดังต่อไปนี้

ความคิดและพฤติกรรมบำบัด (Cognitive Behavioral Therapy)

          วิธีรักษาด้วยความคิดและพฤติกรรมบำบัด หรือ CBT เป็นแนวทางการรักษาโรคกลัวที่แคบด้วยการให้ผู้ป่วยทำความเข้าใจความกลัวของตัวเอง ค่อย ๆ ปรับทัศนคติที่ผู้ป่วยมีต่อที่แคบอย่างช้า ๆ จนผู้ป่วยเขาถึงความกลัวของตัวเองและเข้าใจจนหายกลัวสิ่งนั้น ๆ

การรักษาด้วยยา

          การรักษาด้วยยาจะเน้นไปที่การบำบัดความวิตกกังวล ลดความเครียดเมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่รู้สึกกลัว แต่การรักษาด้วยวิธีนี้อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจิตแพทย์จะใช้วิธีนี้ก็ต่อเมื่อใช้วิธีบำบัดด้วยความคิดไม่ค่อยได้ผล รวมไปถึงต้องดูความเหมาะของผู้ป่วยด้วย

การผ่อนคลาย

          ในบางเคสที่ความรุนแรงของอาการไม่มาก อาจบำบัดได้ด้วยการผ่อนคลายร่างกายและสมอง โดยการฝึกหายใจลึก ๆ หรือบริหารกล้ามเนื้อร่างกาย เพื่อลดความวิตกกังวลและความเครียดเมื่อรู้สึกกลัว

     อย่างไรก็ตาม โรคกลัวที่แคบไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิตแต่อย่างใด ทว่าอาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นหากรู้สึกว่าตัวเองกลัวที่แคบ ก็ลองเข้าไปปรึกษาจิตแพทย์ดูดีกว่านะคะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Medical News Today
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี





 

Create Date : 15 ธันวาคม 2558    
Last Update : 15 ธันวาคม 2558 19:38:09 น.
Counter : 1293 Pageviews.  

4 ราศีนี้ มีเกณฑ์ได้เลื่อนตำแหน่งในปี 2559






ขอบคุณดวงแม่น ๆ โดย คุณการะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
จองพยากรณ์ส่วนตัว และจองดูดวงเฉพาะตัวปี 2559 คลิกที่นี่
พบกับ eBook ชุดการะเกต์พยากรณ์ GaragayHoroscopes คลิกเลย
แอด LINE @garagayhoro คลิกที่นี่


ดวงการงาน 2559 มาดูกันว่า 4 ราศีที่มีเกณฑ์จะได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งในปี 2559 มีราศีใดบ้าง พร้อมคำทำนายเรื่องการงานเต็ม ๆ ของทั้ง 4 ราศีในปี 2559 ที่จะถึงนี้


ราศีพฤษภ Taurus (14 พ.ค. - 13 มิ.ย.)

อะไรก็ตามที่คุณคาดหวังว่าจะได้ทำในขั้นต่อไป จะมีการเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จึงมีความเป็นไปได้สูงมากว่า คุณมีเกณฑ์จะได้เลื่อนตำแหน่ง มีการปรับบทบาทในการทำงาน หรือโยกย้ายเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร ภาระหน้าที่จะเสร็จสิ้นตามต้องการ ส่งผลดีถึงเรื่องของการทำกิจกรรมนอกสถานที่ รวมไปถึงการเรียนการศึกษาด้วย ใครที่กำลังเรียนต่ออยู่จะมีข่าวดีในไม่ช้า ถ้าถามว่าปีนี้จะจบไหม คุณจะจบอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าก็จะมีระยะเวลาที่ล่าช้าสักเล็กน้อย

ในภาพรวมทั่วไป จะเป็นปีที่หวังได้ในความราบรื่นเกี่ยวกับการงาน การได้รับแรงสนับสนุน ความร่วมมือ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ โอกาสความก้าวหน้าที่จะมาช้า ๆ แต่ก็มีความมั่นคง แต่จุดอ่อนของไพ่ใบนี้ คือการขาดวินัยในบางครั้ง และการช้าเกินไป คุณอาจประสบเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเองขาดพลังแรงใจในบางช่วง จะเป็นประมาณกลาง ๆ ปี ที่คุณจะรู้สึกเหมือนอะไร ๆ ไม่ค่อยคืบหน้า คำแนะนำคือต้องพยายามฮึดสู้ให้ได้ ต้องยึดมั่นในเป้าหมาย แล้วคุณจะไปถึงฝั่งฝันในที่สุด อย่าได้กลัว


ราศีสิงห์ Leo (17 ส.ค. - 16 ก.ย.)

          มีสัญญาณที่ดี จะเป็นปีของการทำงานสำเร็จลุล่วง การได้รับการสนับสนุนส่งเสริม มีโอกาสถึงขั้นปรับตำแหน่งหน้าที่ ได้ตำแหน่งใหม่ ได้ทุน ได้ความสมหวัง สิ่งที่เด่นของไพ่ใบนี้ คือบุคคลที่ทำงานในระดับหัวหน้าเจ้านาย ผู้บริหาร ถ้าคุณหวังความก้าวหน้า การไต่เต้าทางตำแหน่ง คุณจะได้ข่าวดี หากคุณทำงานราชการ แม้ตัวเองไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ก็จะมีการปรับเปลี่ยนหัวหน้านายงาน ได้ผู้บังคับบัญชาใหม่ จะได้คนเก่งคนมีประสิทธิภาพเข้ามาทำให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น

หากคุณเป็นลูกน้องลูกจ้าง จะเป็นปีของการได้ร่วมงานกับคนเก่งมืออาชีพ คุณจะสามารถเรียนรู้ประสบการณ์ที่ดีได้มากมาย เพื่อใช้เป็นทุนสำหรับตัวเองต่อไปข้างหน้า จะเป็นปีของการได้มีโอกาสพัฒนาตน และการแสดงฝีมือด้วยก็นับว่าจะเป็นปีที่การงานจะมีโชคดี มีทิศทางแจ่มใสค่ะ


ราศีกันย์ Virgo (17 ก.ย. - 16 ต.ค.)

           การงานของคุณอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เป็นสัญญาณที่แจ่มใส บอกว่าในปีนี้จะได้เจอแวดวงงานใหม่ ๆ มีการขยับขยายพรมแดนโอกาส ได้งานที่ต่อเนื่องจากโปรเจคท์เดิม และจะมีการเดินทางมากขึ้นด้วย เป็นปีที่คุณจะมีพลังใจมากเป็นพิเศษ จะมองเห็นโอกาสที่มากับสถานการณ์และผู้คน จะได้มิตรได้ที่ปรึกษาหารือ มีคนส่งเสริมกันและกัน

สำหรับคนที่ทำงานภายในสถานที่ หรือไม่ได้มีการเดินทางในสายงาน ก็จะหมายถึงการได้พัฒนาความรู้ความสามารถ จะมีแรงกระตุ้นให้ต้องคิดต้องมองเกี่ยวกับอนาคตในระยะยาว บางคนจึงจะมีการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง แต่ก็จะเป็นบันไดขั้นที่ไม่สูงมาก ยังเป็นก้าวเล็ก ๆ แต่ก็จะมีความหมายต่อชีวิตไม่น้อย


ราศีกุมภ์ Aquarius (13 ก.พ. - 13 มี.ค.)

          ปีนี้จะเป็นปีที่ดีสำหรับราศีกุมภ์ เพราะไพ่แสดงถึงการควบคุมงานที่มีประสิทธิภาพ การอยู่ในสถานะตำแหน่งสูง การได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ไม่ก็อยู่ตำแหน่งเดิม แต่ได้เพิ่มลูกน้องลูกจ้าง ได้คนช่วยเหลืองานเข้ามา ไม่ว่าจะทำงานในภาครัฐหรือเอกชน องค์กรเล็กใหญ่ต่าง ๆ ในปี 2559 นี้ จัดเป็นปีที่เด่นในการแสดงฝีมือ การใช้ศักยภาพ คุณจะได้รับแรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่ ได้ความชื่นชมจากลูกน้อง แม้มีคนอิจฉาริษยาก็ทำอะไรคุณไม่ได้ เพราะผลงานจะเป็นตัวประกาศเสมอ

สำหรับคนที่มีการสอบการแข่งขัน ปีนี้จะได้ข่าวดีสมหวัง แต่การทำงานใด ๆ ต้องใช้ความละเอียดถี่ถ้วนมาก คุณจะต้องมองทั้งภาพรวมภาพใหญ่ และลงรายละเอียดในจุดย่อยอย่างลึกซึ้ง แต่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะคุณจะทำได้ดี





 

Create Date : 15 ธันวาคม 2558    
Last Update : 15 ธันวาคม 2558 19:30:37 น.
Counter : 2498 Pageviews.  

สูตร ทอดมันพันตะไคร้ เมนูสมุนไพรไว้ใจผม

อาหารที่มีวัตถุดิบสมุนไพรมาเกี่ยวข้องถือว่าเป็นอาหารที่ดี มีประโยชน์และช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่อาหารเพื่อสุขภาพส่วนมากจะมีรสชาติที่อร่อยไม่มากนัก และสมุนไพรบ้านเราที่หากันได้ง่ายๆ หาซื้อได้ทั่วไปก็คือตะไคร้ เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้นมาทันทีทันใด วันนี้เรามานำสเนอเมนู ทอดมันพันตะไคร้ เมนูอร่อยกินกับข้าวสวยร้อน มีขั้นตอนอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

ทอดมัน

ส่วนผสม

  • ตะไคร้
  • เนื้อปลากรายขูด
  • พริกแกงเผ็ด
  • ไข่ไก่
  • น้ำปลา
  • น้ำตาลทราย
  • ถั่วฝักยาวหั่นเฉียง
  • ใบมะกรูดหั่นฝอย

วิธีทำ

  1. นำเนื้อปลาแช่เย็นจนเย็นจัดแต่ไม่ต้องถึงกับแข็ง แล้วจึงนำเนื้อปลามาโขลกให้เหนียว ตักใส่ภาชนะสำหรับผสม
  2. เติมพริกแกง และไข่ไก่ลงไป แล้วนวดผสมให้เข้ากัน
  3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลทราย นวดผสมให้เข้ากันลองนำไปทอดเพื่อชิมรส
  4. ใส่ถั่วฝักยาวหั่นเฉียงและใบมะกรูดหั่นฝอยลงไปนวด แล้วผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
  5. นำตะไคร้มาทั้งต้น ตัดแต่งให้เรียบร้อย นำมีดมากรีดโคนตะไคร้ให้เป็นริ้วๆ
  6. นำทอดมันมาหุ้มโคนตะไคร้ แล้วนำลงไปทอดให้สุก

m_c01eecae3891a719deb424c4c66b86d3

คลิกอ่าน – เมนูหอมเย้ายวนอบอวลกลิ่นตะไคร้ MbookStore




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2558    
Last Update : 14 ธันวาคม 2558 19:03:33 น.
Counter : 1757 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.