.........เดี่ยวพม่า2..,มัณฑะเลย์ Mandalay....




...มาเดินทางกันต่อค่ะ หลังจากปั่นจักรยานเที่ยวทุ่งเจดีย์แบบเพลิดเพลิน สองวัน ก่อนต้องล่ำลาเมืองพุกามกันค่ะ เมื่อวานให้พนักงานจองตั๋วรถบัสไปเมืองมัณฑะเลย์ มี 3เวลา ฉันเลือกเวลาเช้าที่สุด 8 โมงเช้าถึง มัณฑะเลย์ บ่ายสองครึ่ง ค่าตั๋ว 7500 จ๊าด ..นิดนึงถ้าเราไปซื้อเองที่สถานีก็ราคาเท่ากันค่ะ เห็นฝรั่งชาวฮอลแลนด์ที่นั่งมาด้วยกันบอก..ราคาเท่ากันค่ะ
...จากตอนที่แล้วค่ะ..


แผนการณ์........เดี่ยวพม่า….
.
Day 1 21Aug 11 : FD 3772 Bkk-Yangon ( 16:50-17:35)

Day 2 22Aug 11 : Yangon –Nyaung u (พุกาม) นั่งเครื่องภายใน สายการบินใหม่ Asian Wings 78 us.(AWM 891 06:15-07:30)

Day 3 23 Aug 11: Bagan เที่ยวในพุกาม

Day 4 24 Aug 11 : Bus to Mandalay มี 3 เที่ยวเวลา (08:00-14:30,15:00-21:00,20:30 ถึงเช้า ) ราคา 7500 k กับ 8500 k ไม่แวะจอดเยอะ

Day 5 25 Aug 11 : เที่ยวในมัณฑะเลย์

Day 6 26 Aug 11 : มัณฑะเลย์ –นั่งรถบัสไป อินเล รถออก18.30 เวลา ถึงเวลา 04.00 am.

Day 7 27 Aug 11: Inle

Day 8 28 Aug 11: Heho - Yangon Asian wingsAW892 ( 09:20-10:30 )เก็บเที่ยวในย่างกุ้ง เข้า Shwedagon pagoda

Day 9 29 Aug 11 : Yangon – Kyaik hto by Train.

Day 10 30 Aug 11 : kyaik hto-Bago- Yangon

Day 11 31Aug 11 : Yangon –Bkk FD 3773 18:05-19:55




..เช้าที่หน้าสถานีรถบัส Nyuang oo..




นั่งรอหน้าบริษัทรถบัสค่ะ



หน้าตารถที่นั่งไปมัณฑะเลย์..



หลังจากสอดส่าย สายตาหาเพื่อนรวมแชร์ค่ารถ จากสถานีรถบัสไปโรงแรม หาคนต่างชาติได้3 คน หนึ่งเป็น ฟิลิปปินส์อเมริกัน คนที่สองนั่งมาด้วยกันหนุ่มโดมินิคชาวฮอลแลนด์ และหนุ่มน้อยอิตาลี..
รถจอดแวะให้ทานข้าว 3 ครั้งได้




..ตอนแรกก็เปิดแอร์อยู่ จอดครั้งแรก หลังจากนั้นก็ไม่เปิดอีกเลย เส้นทางก็นั่งโขยกเขยก..ไปตลอดทาง ผ่านห้วยน้ำก็ได้อีกบรรยากาศ นั่งประมาณ 6 ชม.ค่ะ
อาหารประจำชาติพม่าเลยมังค่ะ เพราะเห็นขายกันเยอะมากๆ หมี่ยำ..ของแท้ต้องใส่ผงชูรสจานล่ะหนึ่งช้อน..



..เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย..

**ตอนลงจากรถบัสที่ มัณฑะเลย์ จะมีพวกแท๊กซี่มารุมเยอะมากๆ หนึ่งในนั้นจะชูป้าย Royal guesthouse ที่พักยอดฮิต ตอนแรกนึกว่ารถโรงแรม จริงแล้วไม่ใช่ค่ะ เค้าคิด 5000 ก็เลยหารไปคนละ 1250 จ๊าด..**ไปถึง Royal GH ปรากฏว่าห้อง Single มีอยู่ห้องเดียว ฉันก็เลยเสนอให้ไปหากันที่ Nylon ดีกว่า ได้ห้องพักคืนละ 7 us.รวมอาหารเช้า ห้องพักสะอาดดีค่ะมีห้องน้ำในห้องด้วย..
ตอนแรกว่าแชร์ค่ารถไปเที่ยวกัน ปรากฏว่ายังไม่ทันไร พวกหนุ่มๆก็แตกคอกัน ก็เลยตามน้ำเดินตามหนุ่มฟิลิปปิ้นส์ ไปเดินเล่นแถวๆ รอบพระราชวังมัณฑะเลย์




..ขนมพม่าหน้าตาก็คล้ายๆของบ้านเรา แต่ไม่กล้าชิม..^__^



...แวะชิม Stawberry Milk shake ที่ร้าน City Cafe คอนเฟิร์มอร่อย
คุยเรื่องแชร์ค่ารถเที่ยว กับหนุ่มฟิลิปปินส์ ที่เดินทางมาแล้ว 3ปี (ไม่รู้เอาเงินจ่ายไหนมากมาย) เค้าบอกว่าแพง ถามอีกสองหนุ่มก็ไม่รู้จะเอาไง
เช้านี้ก็เลยไม่สนใจแล้วเที่ยวเองคนเดียวก็ได้..เดินหาของพม่ากิน ลองหม่ำก๋วยเตี๋ยวดีกว่า แบบแห้งมีแต่เส้น555




..ฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืน แต่เราไม่มีเวลารอแล้ว อยากไปมิงกุน ถามคนที่โรงแรมบอกว่าท่าเรืออยู่สุดถนน 26 ก็ใส่เสื้อกันฝนลุยเดินไปเรื่อย..







บรรยากาศยามเช้า ณ เมืองมัณฑะเลย์..Aug 2011



เดินสุดถนน26..ไกลชะมัดเลยในที่สุดก็ถึงแล้ว..คุ้นๆในภาพที่มีคนรีวิวไว้ค่ะ ท่าเรือที่จะไปมิงกุน







ค่าเรือไปกลับ คนละ 5000 จ๊าดค่ะ..หนุ่มน้อยที่รอต้อนรับแขกบอกว่า ถ้าไม่ถึง 5 คนเรือไม่ออกค่ะ แล้วตอนนี้มีฉันเพียงคนเดียว...



ใกล้จะ9โมงก็มีฝรั่งโผล่มาทีละ 2 คน ทั้งไปที่ไหนวันนั้น 7คนรวมฉันด้วย ฝนตกหนักตลอดเวลาที่เรือวิ่งไป จนถึงฝั่งมิงกุน
...ฝนยังคงตกอย่างหนัก...ไม่รู้จะตกอะไรกันนักหนา.....หนุ่มน้อยที่ขายตั๋วบอกว่าจะตามไปเที่ยวด้วย..หลบฝนกันจนจะเที่ยงอยู่แล้วก็เลยใส่เสื้อฝนลุยเดินขึ้นมิงกุน..



ทัชมาฮัลพม่า.. 

















..ฟ้าหลังฝน..




กลับมาที่ฝั่งมัณฑะเลย์ หนุ่มพม่าอาสาจะพาเที่ยวต่อ เลยบอกว่าอยากไปวัด Shwenandaw กับ Mandalay Hill หนุ่มพม่าบอกว่าไม่รู้จักวัดชเวนันดอร์ ก็เลยเอาแผนที่ชี้ให้ดู ต้องถามทางไปตลอด..
หิวข้าวก็เลยแวะทานข้าวผัด ที่มัณฑะเลย์มีร้านขายชาเยอะมาก รสชาติเยี่ยมทุกร้านที่ชิมเลย..










..สาวน้อยกับตะนะคา



..Shwenandaw..อดีตพระราชวังของพระเจ้ามิงดง.









..ไปต่อกันที่ เขามัณฑะเลย์…หนุ่มพม่าที่เสนอตัวเป็นไกด์ บอกว่าที่บ้านปลูกข้าว เป็นชาวนาอยู่โน่นนนน







..
วันรุ่งขึ้นหนุ่มพม่า มาตามนัดแต่เช้าทั้งๆที่ฝนตกหนัก ^O^



นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ใส่เสื้อกันฝน ไปไหว้พระมหามัยมุนีกัน...


...ผู้หญิงทำไมต้องโดยจัดให้เป็นบุคคลขั้นสอง..นั่งถ่ายรูปอยู่สาวพม่าพูดเป็นชุดฟังได้ความว่าให้ไปด้านโน่น...


..ได้เห็นแค่เพียงด้านข้าง...


น้ำท่วมในวัด..แต่พุทธศาสนิกชนชาวพม่ายังคงก้างร่มมาวัด...






ไปต่อกันที่...U bein..สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก....ยามฝนตกพร่ำๆค่ะ..









..หนุ่มพม่าบอกว่า ทางเข้าวัดมหากันดายน น้ำท่วมก็เลยเข้าไม่ได้...เสียดายอย่างสุดซี้ง..
ก็เลยพาไปวัดนี้..จำชือไม่ได้เหมือนกันค่ะ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย..แต่ก็สวยดี



..เวลายังเหลือแวะเข้าพระราชวัง Royal Palace กว้างมากกก


..อ่านพม่าเสียเมืองแล้วพอเห็นหอนี้แล้วก็อยากขึ้นไปทันทีค่ะ




..บล็อกนี้ลาด้วยภาพ พระราชวังมัณฑะเลย์ค่ะ ..บล็อกหน้าไปต่อกันที่ INle Lake..ค่ะ

















Create Date : 17 กันยายน 2554
Last Update : 26 มิถุนายน 2559 13:35:51 น.
Counter : 5010 Pageviews.

19 comment
.....เดี่ยวพม่า...........Bagan ..พุกาม..


ใครเคยจัดลำดับประเทศที่อยากจะไปกันบ้างค่ะ?.. พม่าหรือประเทศเมียร์มาร์ในปัจจุบัน มักจะถูกฉันจัดไว้ว่าเป็นอันดับเกือบจะท้ายๆเสมอมา ในประดาประเทศที่อยากไป ประมาณว่าเป็นประเทศนอกสายตาของฉันมาตั้งไหนแต่ไร อาจจะเป็นด้วยว่าอยู่ใกล้แค่เนี๊ยะจะไปเมื่อไรก็ได้ แถมมีทัศนะคติไม่ค่อยจะดีกับพม่า เพราะอินกับประวัติศาสตร์รักชาติไทยทั้งๆที่เหตุการณ์ผ่านมาล่วงหลายร้อยปี ..

แต่เหมือนดวงชะตาจะต้องประสบพบเจอกับหนุ่มพม่า..เอ่ย ..ไม่ใช่..ดวงชะตาจะได้ไปเหยียบแผ่นดินบุเรงนอง ..ก็เนื่องจากว่าจองตั๋วโปรฯแอร์เอเชียของประเทศอื่นไม่ได้เลยนะซิ จำได้ว่าคืนนั้นปาไปตี 4 ตาโหล ยังไม่ได้อะไรเลยติดมือ..คลิกไปคลิกมา มีเหลือบานเบอะก็แต่ ย่างกุ้ง ไหนๆก็ไหนๆ ก็เลยสอยมาดูเล่นหนึ่งใบแก้เซ็ง...

ห่างหายจากการแบกเป้มาเกือบ 3 ปี หลังจากแบกเป้ไปเดินเล่นเย็นๆแถวหลังคาโลก หลังจากสอยตั๋วทิ้งไว้จนเกือบลืม แถมงานก็ยุ่งซะ!! คิดว่าจะทิ้งตั๋วซะแล้ว แต่มาเปลี่ยนใจเอา-2-3 อาทิตย์ ก่อนไป นั่งอ่านข้อมูลซะตาลาย เก็บไปฝัน..ยิ่งมาเจอกระทู้ป้าฟู..อ่านแล้วทำให้ใจเต้นตึกตั๊กอยากแบกเป้ขึ้นมาทันที ^O^

แต่จนแล้วจนรอดก็ตกลงกับตัวเองไม่ได้ซะที ว่าจะจัดเส้นทาง การเดินทาง 11 วัน ในพม่าอย่างไรดี..จนมาอีก 3-4 วันก่อนเดินทางก็อีเมลไปคุยเรื่อง จองตั๋วเครื่องบินภายในกับบริษัททัวร์ 2-3 แห่ง ก่อนตัดสินใจเลือก จองวันศุกร์ บินวันอาทิตย์ตอนเย็น ...

ระหว่างที่นั่งรอขึ้นเครื่อง ตาก็หันไปเห็นผู้หญิงไทยคนหนึ่งเปิดหนังสือ “พม่าเสียเมือง” อ่านอยู่ ในใจตอนนั้นคิดว่า.. แนวเดียวกันเลย น่าจะชวนพี่เค้าไปด้วยกันจะได้แชร์ค่ารถกันได้ ก็เลยเข้าไปทักพี่ปุ๊กบอกว่ามาคนเดียว แล้วตกใจเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าพี่เค้าจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับวันเดียวกันอีกต่างหาก..มันแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ !!

ถามไปถามมาพี่เค้าจอง เส้นทาง วนจากขวาไปซ้าย คือจากย่างกุ้ง –อินเล-มัณฑะเลย์-พุกาม ...ส่วนของฉันวนจากซ้ายไปขวา 555 มันชั่งสวนทางกันจริงๆ..อยู่ข้างล่างนี้ค่ะ




แผนการณ์........เดี่ยวพม่า…..

Day 1 21Aug 11 : FD 3772 Bkk-Yangon ( 16:50-17:35)

Day 2 22Aug 11 : Yangon –Nyaung u (พุกาม) นั่งเครื่องภายใน สายการบินใหม่ Asian Wings 78 us.(AWM 891 06:15-07:30)

Day 3 23 Aug 11: Bagan เที่ยวในพุกาม

Day 4 24 Aug 11 : Bus to Mandalay

Day 5 25 Aug 11 : เที่ยวในมัณฑะเลย์

Day 6 26 Aug 11 : มัณฑะเลย์ –นั่งรถบัสไป อินเล

Day 7 27 Aug 11: Inle

Day 8 28 Aug 11: Heho - Yangon Asian wingsAW892 ( 09:20-10:30 )เก็บเที่ยวในย่างกุ้ง เข้า Shwedagon pagoda

Day 9 29 Aug 11 : Yangon – Kyaik hto by Train.

Day 10 30 Aug 11 : kyaik hto-Bago- Yangon

Day 11 31Aug 11 : Yangon –Bkk FD 3773 18:05-19:55

แผนการเดี๋ยวของจัดไว้แบบไม่แน่นมาก แล้วก็ช่วยย่นระยะการเดินทาง ด้วยเครื่องบินภายใจซะสองไฟท์ค่ะ เพราะช่วงนี้ฝนตกทุกกกวันเลยค่ะ กลัวเส้นทางถนนไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร.. คุยกับหลายบริษัท รวมทั้งที่เกสเฮาส์ สรุปก็เลือกของ Myanmar Delight ค่ะ คุณกับ Dr.Zin ลงเครื่องปุ๊บเดินออกมาก็เจอ เจ้าหน้าที่ของบริษัทมารอสองคน พร้อมดั๋วเครื่องบิน จ่ายเงินเสร็จก็รับตั๋วเลย

ส่วนพี่ปุ๊กก็จองไปเหมือนกัน กับอีกบริษัทหนึ่ง ปรากฏว่าต้องโอนเงินค่ามัดจำก่อน แถมต้องไปรับตั๋วเองที่บริษัทวันรุ่งขึ้น ถ้าจะให้มาส่งที่แอร์พอร์ตต้องเสียเงินเพิ่มค่ะ..
เสร็จแล้วก็มารอขึ้นรถของโรงแรม Ocean Pearl ซื่งรับส่งฟรีจากสนามบินค่ะ ค่าห้อง 13 us.

...ฝนตกต้อนรับตั้งแต่ลงเครื่องเลยค่ะ บรรยากาศเมืองย่างกุ้งยามค่ำคืน..(รอขึ้นรถจากสนามบิน เป็นชม.เลย) แถวโรงแรมOcean Pearl ค่อนข้างน่ากลัวเหมือนกัน สำหรับผู้หญิงเดินคนเดียว...เดินไปหาของกินแถวโรงแรมปรากฏว่าไม่กล้าเข้าสักร้านเลยค่ะ ก็เลยได้โอวัลติน ร้านขายของข้างๆโรงแรมลองท้องไปหนึ่งกล่อง

ห้องพักที่OceanPearl ห้องพักค่อนข้างอับ แต่แอร์เย็นมากๆ จำเป็นต้องแลกเงินที่นี่เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องบินไปที่ Nyuang u แต่เช้า ก็เลยโดนกดเรตซะติดดิน 650 จ๊าดต่อ 1 ดอลล่าห์

ให้โรงแรมจองแท๊กซี่ไปสนามบิน ตอนตี 4 ครึ่ง เพื่อจะไปเช็คอิน ตี 5 บรรยากาศที่สนามบินภายใน ยามเช้าค่ะ





สายการบินภายในล่าสุดของพม่าที่พึ่งจะเปิดตัวเมื่อต้นปี Asian Wings หน้าตาตั๋วค่ะ



..เจอคณะคนไทยที่ไปกันเป็นกรุ๊ปด้วย เป็นคณะผู้ว่ามหาสารคาม แต่คณะนั้นเค้านั่งแอร์ Bagan ...หลังจากนั้งรอนานก็ได้ขึ้นเครื่องสักทีค่ะ..



ภายในเครื่องก็โอเคนะค่ะ



อาหารที่เสิร์ฟให้บนเครื่อง เบเกอรี่อร่อยดี ใช้ได้เลยค่ะ


ไม่คิดว่าจะได้ใช้ภาษาจีนในพม่าเลยนะค่ะ แต่ขึ้นเครื่องปุ๊บก็ต้องเคาะสนิทกันทีเดียว ไกด์พม่าที่พาคนไต้หวันเที่ยว พอรู้ว่าคนไทยแต่พูดจีนได้ ชวนคุยแล้วก็บอกว่าท้องเสีย เธอติดยามาหรือเปล่า ปกติคนพม่าชอบยาของพี่ไทยเรามากๆ...^_^ แอบปลื้ม...แต่เสียดายที่ฉันไม่ได้พกยาแก้ท้องเสียไปเลยค่ะ นั่งเม้าส์ซะเพลิน..เครื่องบินก็ตีโค้งซะตัวเอียงไปเลยค่ะ





จอดแบบนิ่มสนิทเลย...เจ้าหน้าที่วิ่งกันมาแล้วค่ะ หน้าตา Asian Wings


เมื่อคืนฝนตกที่ย่างกุ้ง แต่พอก้าวออกจากเครื่องบิน ที่Nyuang oo ปรากฏว่าแดดเปรี้ยงเลยค่ะ


ด้านนอกสนามบิน Nyuang oo ...ค่าแท๊กซี่ดังนี้ค่ะราคามาตราฐาน
ค่ารถจาก Nuang u airport – Nuang u 5000k, Old Bagan 6000k ,New Bagan 7000 k



พักที่นี่ค่ะ NewPark 10 us


ค่าเข้าเมืองที่ Bagan 10 us เห็นบางคนเขาจ่ายกันที่ สนามบินแต่ของฉันมาโดนเก็บที่โรงแรมค่ะ เค้าจะลงทะเบียนขอ Admission Fee No. ก็เลยต้องจ่ายไปค่ะ จะได้เป็นบัตรพลาสติกแข็ง
เก็บของเสร็จ ผีจักรยานก็เข้าสิงทันทีค่ะ จับจักรยานได้ก็ปั่นออกไปตั้งแต่ 8โมงเช้าไปชมเมือง ค่าเช่าจักรยาน 1500 ต่อหนึ่งวัน



ชอบบรรยากาศของเมือง Nyuang oo จังค่ะ ต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง


พระเดินบิณฑบาตร


แสงแดดยามเช้า


ไปเดินเล่นที่ตลาดNyuang oo กันค่ะ









เด็กๆไปโรงเรียนกัน






ปั่นไปชเวซิกอง เป็นวัดแรกที่ก้มลงกราบ...ค่ะ เมฆเยอะเชียวค่ะ ก่อนเข้าวัดก็แวะซื้อดอกไม้ซะหน่อย..เกิดชาติหน้าจะได้สวยงาม เหมือนคนอื่นเค้า



เล่าอดีตก่อน ว่าเมื่อก่อนเป็นพวกBike lover นะค่ะ พอได้ปั่นจักรยานเท่านั้น ก็ปั่นแหลกกกกเลยค่ะ ..แวะเข้าOld Baganค่ะ




ประวัติศาสตร์พม่า คงอ่านมาเยอะแล้วนะค่ะ คงไม่เล่าซ่ำๆหาอ่านได้มากมายเลยค่ะ ในพันทิพ.



..อย่างที่บอกว่าไม่ได้คิดจะได้ใช้ภาษาจีนเลยในเมืองพม่า แต่ปรากฏว่าได้พูดภาษาจีนทุกวันเลยค่ะ เพราะเจอคนจีนไปเที่ยวพม่าเยอะมาก แล้วก็ลุยกันสุดๆ นั่งรถบัสกันตลอดทริปเลย


...ทริปพม่าเรียกว่า เดินกันจนหนังเท้าด้านเลยค่ะ..เพราะถอดรองเท้าทั้งวัน






พอดีทานมังสวิรัตินะค่ะ พอเห็นร้านที่เป็นVegetarian ปุ๊บก็จอดจักรยานทันทีเลย สดุดชื่อมากๆๆ Be Kind to Animal...มันโดนเลยค่ะ^O^



จองรถประจำตำแหน่งก่อน ^O^


เป็นคนทานง่ายนะค่ะ สั่งข้าวผัดผัก กับน้ำปั่น แต่ปรากฏว่า ข้าวผัดเค้ามันมากกกก พอเห็นปุ๊บก็บอกว่าทำไมมันจัง พนักงานเค้าน่ารักมากบอกว่าจะไปผัดให้ใหม่..เราก็เลยบอกว่างั้นขอเปลี่ยนเมนูเลยดีกว่าค่ะ เป็นส้มตำพม่า กับข้าวสวยค่ะ.


ร้าน The Moon อยู่หน้าปากทางเข้าวัดนี้ค่ะ Ananda Temple


...เจอฝรั่งเค้าบอกว่า พม่า นะ Smile มากกว่าเมืองไทยอีกอ่ะ..โดนไปเต็มๆ





..Bupaya.


...ปั่นมาถึงBupaya ริมแม่น้ำอิรวะดี..ร้อนมากๆ แดดแรง






..Dhamma yan gyi วัดธรรมะยางจี อยู่ห่างจากเขตตัวเมืองเก่าไปทางทิศ ตอ.เฉียงใต้ประมาณ 2 กม. เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุด ฝีมือการก่อสร้างก็ประณีตที่สุดในพุกาม



จักรยานคู่กายที่ พุกาม..


..ตอนแรกพม่าเค้าถามว่ามาจากประเทศอะไร ..ปั่นมาตลอดทางมีแต่คนทักว่าเป็นเกาหลีบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง จีนบ้าง ก็เลยตอบว่ามาจากจีน..หนุ่มพม่าก็เลยพูดจีนใส่ แล้วบอกชี้ทางให้ปีนขึ้นไปชมวิว..




…ปีนกันมาหลายเจดีย์ จนเมื่อยไปหมดเลย


..โน่นไง ชเวซานดอร์..




ปั่นออกจากธรรมะยางจี..ตอนนี้ร้อนมากๆ เพราะต้องเข้าไปไกล ตอนเช้านัดกับ รถม้าไว้บ่าย3 ว่าจะปั่นกลับไปนั่งรถมา มาชมพระอาทิตย์ตกปรากฏว่า เหนื้อยมาก คิดว่าปั่นกลับไปแล้วคงไม่อยากจะมาอีก
แถมไม่รู้จะไปไหน พึงจะ บ่ายสองกว่าๆ เลยนั่งจุ่มปุ๊ก คุยกับเดินที่หน้า shwe san daw รอพระอาทิตย์ตก..





..star cola..หมดแล้วแดดยังร้อน ก็เลยปีนขี้นShwesandaw ด้านทิศตะวันออก ตรงข้ามกับแดด



..นี่ใชไหมที่เค้าเรียกว่า ทุ่งเจดีย์..



อนันดา..มองจาก ชเวซานดอร์


นั่งสมาธิอยู่หน้าธรรมมะยางจี เป็นชั่วโมง..มุมนี้ลมพัดเย็นสบายมากๆๆ


นั่งไปนั่งมาคิดว่า ถ้าพระอาทิตย์ตกแล้วมืด จะกลับยังไง เส้นทางก็ยังไม่รู้ ลุยปั่นมาตั้งแต่ลงเครื่อง ก็เลยรีบปั่นกลับ
ปั่นมา ก็ถามทางเค้ามาเรื่อย ถึงที่Nyuang oo ก็มืดแล้ว กลับถึงที่พักอาบน้ำออกมาหาข้าวทาน เจอหนุ่มจีนสองคนที่เจอกันที่วัดไหน..(สักแห่ง)ก็เลยทานข้าวด้วยกัน สั่งผัดหมี่แบบมังสวิรัติ ปรากฏว่ามื้อนี้ทานข้าวกันแบบโรแมนติดท่ามกลางแสงเทียน เพราะไฟดับทั้งเมือง..
กลับถึงที่พัก จองรถม้าพรุ่งนี้เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น อยากนั่งรถม้าดูบ้างเค้าคิด 3000 จ๊าด..ก็เลยได้วิวแบบนี้



นั่งรถม้าไม่นาน ม้าชื่อ ออสก้า แต่ไม่รู้ว่าคนบังคับม้าพาไปดูที่ไหน ตอนไปถึงคนเฝ้าไม่ยอมให้ขึ่น เราก็ฟังไม่ออก จะเดินขึ้นไปอย่างเดียว เลยเจอลุงพม่าวี้ดแตก..คนขับม้าเลยปีนตามขึ้นมาบอกว่า เจดีย์นี้เค้ากำลังทำอยู่ยังไม่เสร็จ อย่าเดินไปเดินมา กลัวเราจะไปทำให้งานซ่อมเขาเสียหาย ...เราก็เลยต้องนั่งอยู่เฉยๆ แล้วก็มีเพียงเราคนเดียวจริงๆ - - ' ถามเค้าบอกว่าเธอพาฉันมาถูกที่หรือเปล่าเนี๊ยะ..



...เล่าต่อนะค่ะ พอนั่งรถม้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จ ขากลับก็เลยให้คนม้าส่งแค่หน้าปากทางเข้าโรงแรม แล้วก็เดินไปเที่ยวตลาดยองชเวอีกค่ะ
..พุกามเป็นเมืองเล็กๆ ที่น่ารัก ชอบบรรยากาศในเมือง ผู้คนที่ยังดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย เดินไปที่ไหนก็มีแต่คน ทัก " มิงกาลาปา" ตลอด ^O^
....ถนนสายหลักมีแค่สองสายเองค่ะ มีแค่ตอนเข้าไปใน Old Bagan ค่อยมีเส้นทางแยกเข้าตามเจดีย์ต่างๆ ปั่นจักรยานไปก็จะมี หนุ่มพม่ามาทักทายตลอดเวลา คือเค้าอยากจะพาไปปั่นนะค่ะ หารายได้ในการเป็นไกด์ บางคนก็จะเสนอขายภาพวาด ของที่ระลึก แต่ถ้าเราบอกว่าไม่เป็นไร คนพม่าก็จะไม่ค่อยตื้อดีไปอย่างค่ะ..



...หลายคนบอกว่า ถ้ามีเวลาสองวันในBagan ให้แวะไปเที่ยวที่ Mt.Popa แต่ฉันหาคนแชร์ค่ารถไม่ได้ ..แถมยังอินกับทุ่งเจดีย์ หลังจากเดินตลาดเสร็จ แวะไปไหว้ชเวซิกองอีกรอบ นั่งสมาธิอีกแล้ว..เช้านี้ท้องฟ้าเปิดเชียวค่ะ





กลับไปทานมื้อเช้า แล้วก็นอนพัก เพราะแดดแรงมาก เมื่อวานด้วยความที่ไม่ได้ปั่นจักรยานมานาน..พอได้ปั่นก็ลืมทุกอย่าง ไม่ได้ป้องกันแดดเลย วันนี้ผิวเลยไหม้ซะ..
เที่ยงกว่าตื่นมามองออกไปเห็นมีท้องฟ้ามีเมฆมาก ก็เลยเอาจักรยานออกไปปั่นต่อ..ปั่นไป Manuha ..พระอึดอัด


...ปั่นจากยองอู เลยไปถึง New Bagan .. ระยะทางประมาณ 20 กว่ากิโล หิวข้าวก็เลยปั่นไปหาร้านกิน ..ไปเจอร้านนี้ค่ะ บรรยากาศเริ่ดมาก ริมแม่น้ำอิรวดี


...อาหารของคนทานผักค่ะ..








...ก่อนจะปั่นไปนั่งดู Min Min กับ Lin Lin นั่งวาดภาพที่หน้า กุบยางจีค่ะ ชอบมากๆ ใครแวะมาชวนอุดหนุนน้องๆเค้าหน่อยนะค่ะ คุ้มค่าค่ะ



ลาพุกาม..ไปด้วยภาพนี้แล้วกันค่ะ พระอาทิตย์ยังคงไม่ทันตก แต่ฉันก็ต้องรีบปั่นกลับแล้วค่ะ ..เพราะหนุ่มอาข่า กับสาวพม่าสองคน ที่เจอกันบน ชเวซานดอร์ เขาไม่ยอมรอกลับด้วยกัน ก็เลยต้องปั่นกลับคนเดียว..
กระทู้หน้าจะนั่งรถบัสไปมัณฑะเลย์ค่ะ


















Create Date : 11 กันยายน 2554
Last Update : 18 พฤษภาคม 2555 16:00:45 น.
Counter : 3326 Pageviews.

12 comment
Hong kong ...จะเดินกันไปถึงไหน ...^O^


....สืบเนื่องจากความคิดอันซุกซน....ที่อยากประลองพลังความเร็วกับชาวโลกดูสักหน บนสนามประลองของAir asia ที่จัดสนามให้ช่วงชิง... ตั๋วราคา 0 บาท อยู่เพียงปีละครั้ง...เวลาผ่านไปนานหลายเดือน จนเกือบลืมไปซะแล้วว่าได้ตั๋วมาครอบครองกับเขาอยู่หนึ่งใบ..จนกระทั่งได้รับ Sms..ข้อความเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน...

....หลังจากนั้นก็กลายเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ เดินเข้าเดินออก ที่ห้องดาวเคราะห์น้อยสีฟ้า (Blue Planet) และที่ บ้านแฟนพันธุ์แท้ของฮ่องกง เป็นว่าเล่น จนตาลายมึนพอได้ที่..ได้เอกสารมาอีกเป็นบึกใหญ่ พออุ่นใจได้ว่าจะสามารถเดินไป เดินมาเล่นๆเย็นๆใจบนเกาะอย่างสบายบรื้ออๆๆ
...วันที่ 3 มิย 2010 ... บรรยากาศที่สุวรรณภูมิดูเงียบซะ.... ใจหาย พนักงานสาวสวยของที่เคาน์เตอร์เช็คอินถามว่ามีสัมภาระอะไรไหม
“ไม่โหลดค่ะ”
“ขอชั่งหน่อยนะคะ เพราะต้องไม่เกิน 7 กก ถ้าเกินเข้าไปด้านในต้องโดนปรับนะคะ”
พอยกขึ้นชั่งปุ๊บ พนักงานหันมาถามเสียงสูงว่า “พี่แน่ใจนะคะว่าพี่ไปต่างประเทศ..4 กก...เนี๊ยะ!!~”
เดินเข้าไปในเคบินใหม่กิ๊กเลย ดูเหมือนกับตันจะสร้างบรรยากาศภายในเครื่องบินให้คล้ายกับหมอกควันที่ลอยอยู่กลางกรุง...เอ่..หมอกหรือควันกันแน่นะ?...ที่ลอยกระจายเป็นย่อมๆ อยู่กลางกรุงพึ่งจะจางหายไปนะค่ะ...
น้องที่นั่งติดกันหันมาถาม “พี่ๆ มันมากไปหรือเปล่าเนี๊ยะ” นั่งมองหน้ากันไปมา….ท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างปลอดโปร่งใสกริ๊ก แต่บินไปสักพักก็เจออากาศแปรปรวนเครื่องบินสั่นครึกครักๆ เป็นระยะๆ ...แต่กัปตันก็พาเครื่องพาไปถึงสนามบินChek lep kok ตรงเวลาพอดี
สนามบินฮ่องกงใหญ่โตอลังการ ถึงขนาดต้องนั่งรถไฟฟ้าออกมาที่ส่วนตรวจคนเข้าเมืองคิดดูเอาเอง... ผู้โดยสารที่รอเข้าเมือง เข้าแถวยาวเป็นงูเลื้อยเลย โชคดีที่โทรศัพท์ไปถามพนักงานแอร์เอเชียก่อน บอกให้พิมพ์ตั๋วออกมาด้วยจะใช้ตอนเข้าเมือง ไม่งั้นมีสิทธิ์โดนไม่ให้เข้าเมืองแหง๋เลย..
ลากกระเป๋าออกมาก็มาเดินซื้อตั๋วปลาหมึก Octopus ใส่เงินไป 100 เหรียญ บวกค่ามัดจำบัตรอีก 50 เหรียญ แอบงกซะอีก ไม่นั่งแอร์พอร์ตเอ็กเพรสรู้สึกแพงอย่างไม่สมเหตุสมผล เดินออกมารอรถบัสเข้าเมือง เดินออกทางขวาอย่างมั่นใจ..แหมก็มีป้ายบอกตลอดทางนี่น่า มาเข้าแถวรอรถบัสCity Flyer สายA21 เพราะว่าจะไปลงที่แถว Mongkok แปะบัตรไปหนึ่งครั้งเหลือเงินในบัตร 77 เหรียญ
ข้อมูลบอกว่าลงป้ายที่หก แต่เอาเข้าจริงๆ นับไม่ถูกค่ะ ต้องดูป้ายเอา แล้วก็ถามคนขับด้วย ลงจากรถสี่ทุ่มกว่าแล้ว เดินฝ่าฝูงคนและควันบุหรี่ เดินไปที่ตึกซินเซียร์ ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 4 หาเกสเฮาส์ที่จองไว้ ชื่อHo Mongkok ที่พักที่ฮ่องกงแพงจับใจจริงๆ ห้องเล็กเท่ารูหนูคืนละ 200 เหรียญ
...เก็บกระเป๋าเสร็จออกมาเดินสำรวจราตรีที่เลดี้มาร์เกตทันทีโดยมิรอช้า...แวะชิมพายไข่แสนอร่อยก่อนเดินกลับห้องนอน...

…สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากวันเผาบ้านเผาเมือง ...

…โล่ง แทบจะหานักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เจอ...

..มื้อแรกที่ฮ่องกง..โจ๊กร้อน ..

..ปาท่องโก๋ห่อด้วยก๋วยเตี๋ยว อร่อย..


...Mongkok- Pengchau Island –Mui wo – Tai o- NgongPing – Disneyland – Mongkok
...เช้าวันแรกที่ฮ่องกง...เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลย เสียงรถจากข้างนอกดังกรอกหูทั้งคืนเลย ออกจากที่พักตั้งแต่ 6 โมงกว่าๆ อาหารเช้าที่ฮ่องกงมื้อแรกเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากโจ๊ก เดินผ่านร้านใกล้ๆที่พัก สั่งโจ๊ก กับปาท่องโก๋ห่อเส้นก๋วยเตี๋ยวจิ้มซีอิ๋วรสหวาน รสชาติโจ๊กอร่อยแต่เสียดายไม่มีลูกชิ้นหมูสับลูกยักษ์เหมือนที่จิมซาโจ่ย แต่ชอบปาท่องโก๋อร่อยมากๆ อาหารที่ฮ่องกงแพงเอาการเหมือน สองอย่าง31 เหรียญ (เหรียญละ4.23) ร้อยกว่าบาท
มีเวลา4 วันเต็มๆ กะว่าจะเดินเล่น อย่างสบายใจแบบไม่เร่งรีบ ตามข้อมูลแนะนำให้เที่ยวเป็นเกาะ เป็นโซนๆไปจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาให้เสียเวลาเสียตังค์ค่ารถด้วย วันแรกคิดว่าจะไปไหว้พระใหญ่ที่เกาะลันเตาก่อนดีกว่า แต่ถ้านั่งรถไฟฟ้าไปมันก็ดูธรรมดาไปสักหน่อย ขอย้อนเส้นทางชาวบ้านสักหน่อยว่าจะลองนั่งเรือข้ามฝากดู แล้วต่อเรือเฟอรี่ไปลงเกาะลันเตาที่ Mui wo แล้วเลยไปเที่ยว หมู่บ้านประมงTai o
พอดีมีเพื่อนฝากซื้อกังป๋วย แล้วค่อยหารถนั่งต่อไป พระใหญ่ จากนั้นนั่งกระเช้าNgong Ping ลงมาที่ Tungchung ต่อไปดิสนี่แลนด์ เป็นเส้นทางที่ร่างคราวๆ...
ว่าแล้วก็เดินไปตั้งต้นที่ถนนนาธาน รอที่ป้ายเห็นรถเมลสาย 2 เขียนว่าไปท่าเรือสตาร์เฟอรี่ ก็เลยวิ่งขึ้นรถไป แตะบัตรOctopus หนึ่งที นั่งชมวิวไปถึงท่าเรือ จากนั้นนั่งเรือข้ามฝากไปที่เกาะฮ่องกง แล้วเดินไปที่ท่าเรือที่ 5 เพื่อที่จะนั่งเรือไปที่มุยโว (Mui wo) ที่อยู่ที่เกาะLantau ขึ้นไปนั่งบนเรืออย่างสบายใจ โดยมิได้เอะใจเลยค่ะ ว่าขึ้นเรือผิด เดินขึ้นฝั่งไปเห็นป้ายบอกว่า “Peng chau”..หลงทางตั้งแต่เช้าวันแรกเลยคะ^O^ ดูในแผนที่ปรากฏว่าเป็นเกาะเล็กๆซึ่งอยู่ระหว่างเกาะฮ่องกง กับ เกาะลันเตา เดินไปดูที่ป้ายปรากฏว่ามีเรือวิ่งต่อไปที่ Mui wo ออกตอน10:30ระหว่างรอเวลาเรือที่จะนั่งต่อไป Mui wo แวะไหว้เจ้าแม่กวนอิม เลยเดินเที่ยวเล่นที่ตลาดแถวๆท่าเรือ

..นั่งรถเมล..


..ต่อเรือข้ามฝาก ไปที่ เกาะฮ่องกง..




..นั้นไงล่ะฝั่งอ่องกง..



..เรื่อลำนี้จะใหญ่ไปไหน..


…เดินขึ้นเรือมา ..งง..ที่ไหนเนี๊ยะ เจอป้ายนี้..


…ระหว่างรอเวลาก็เดินเล่น..แวะไหว้พระ^^


..ถ่ายรูปนี้เสร็จมีหนุ่ม เดินมาสกิดให้ดูป้าย “ No Photo”


…บรรยากาศแถวๆท่าเรือ .. “Peng chau”



ถึ่งMui wo ขึ้นจากท่าเรือก็จะเจอท่ารถ เลยตรงนี้สามารถนั่งรถบัสต่อไปที่ต่างๆได้ ถ้าจะไป Polin Monaesry หรือNgong Ping ก็นั่งสาย 2 แต่ว่าจะไปแวะที่หมู่บ้านประมงTai o ก่อนเพราะอยากจะนั่งรถชมวิวรอบๆเกาะลันเตาด้วย ก็เลยนั่งสาย 1
พนักงานขับรถอารมณ์ดีทักทายผู้โดยสารไปตลอดทาง เส้นทางสวยงามคะต้นไม้เขียวขจีเชียว นั่งประมาณ 30 นาที ถึง หมู่บ้านประมง Tai O เดินเล่นในหมู่บ้านชมบรรยากาศรอบๆ แล้วก็ช็อปปิ้งแวะซื้อกังป๋วยไว้ใช้ต้มน้ำซุป
นั่งรถต่อจาก Tai O ขึ้นไปที่ Ngong Ping ใช้เวลาไม่นาน จำได้ว่าเสียค่ารถ 6-7 เหรียญ จากนั้นเดินขึ้นบันไดไปไหว้พระใหญ่ ค่าเข้าชมฟรี ยกเว้นแต่จะทานอาหารเจที่วัด คิดคนละ 60 เหรียญ เดินขึ้นบันไดไปไหว้พระกันคะ...วิวสวยงามมากๆเลย
..นั่งเรือต่อไป Mui wo..


…ถึงล่ะ.Mui wo..


..เดินขึ้นจากท่าเรือก็เจอ ท่ารถเลยจ้า...จะไปไหนกันดี..


…ขึ้นไปนั่งรถบัสกันเถอะ..ที่ฮ่องกง ห้ามดื่มน้ำ แต่ทานอาหารบนรถน้า....


…วิวระหว่างทางไป หมู่บ้านประมง Tai o..





…ถึงซะที Tai o..







..ได้ของฝากแล้ว เดินทางกันต่อค่ะ..นั่งรถต่อไปไหว้พระใหญ่โปลินกันค่ะ..

…ถึงแล้วจ้า Polin Monasery..

…มาเริ่มออกกำลังกายกันเลยค่ะ...

…ศรัธทาอยู่ที่กำลังขา...^O^





…เห็นกระเช้า Ngong Ping ไกลๆๆ...







บ่ายแล้ว เดินลงมาเห็นร้านขายขนมเจเดินเข้าไปดู น่าอร่อยทั้งนั้นเลยค่ะ เลือกมา 3 ชิ้น 10 เหรียญ เป็นขนมโมจิที่ตัวแป้งนุ่มมากๆเลย ไส้ก็เนียนละเอียดยิบ รสชาติไม่หวานมาก อร่อยค่ะ หม่ำไปสามชิ้นสามรสอิ่มเลย ;)
เดินเข้าไปในหมู่บ้านวัฒนธรรมNgong Ping มีร้านขายของที่ระลึกต่างๆ แล้วก็เดินไปนั่ง กระเช้าลงจากNgong Ping วันนี้อากาศขมุกขมัว

…หิ้วแล้วหาอะไรลองท้องกันก่อน...

…ได้ขนมโมจิ มาสามลูก ...อิ่มแล้ว^O^




…ไปตีตั๋ว นั่งกระเช้าลงกันดีกว่าค่ะ

…กระเช้ายาวววว ได้อีก...
บรรยากาศโดยรอบมีแต่หมอก นั่งกระเช้ามาลงที่Tung chung แวะเดินห้าง City Gate Outlet เดินไปเดินมาไม่มีอะไรก็เลย เดินออกมานั่งรถไฟฟ้าใต้ดินต่อไปที่ สถานี Sunny Bay เพื่อที่จะต่อไป Disney Land
ถึงดิสนี่แลนด์บ่าย 3 โมงครึ่ง กะว่าจะไปถ่ายรูปด้านหน้าไว้เป็นที่ระลึกแล้วกลับ เพราะค่าตั๋วแพงเหลือเกิน 350 เหรียญ ปราฏกว่าเดินเข้าไปได้ยินเสียงเพลงแล้วมันมีความสุขจัง เลยต้องยอมควักระเป๋าซื้อตั๋ว เดินเข้าไปตอน 4 โมงเย็น ...
มีเวลา 4 ชั่วโมงในดีสนี่แลนด์ ก็เลยรีบเดินทำเวลา ไหนๆเสียตังค์เข้ามาแล้วก็ต้องเล่นเครื่องเล่นให้คุ้ม เครื่องเล่นแต่ละอย่างคิวก็ยาวววว แต่เครื่องเล่นที่น่าตื่นเต้นที่สุดยกให้ Space Moutain ไปเลยเพราะน้ำตาไหลออกมาเลย ;)
แต่ละอย่างน่ารักทั้งนั้นเลย เข้าไปดีสนี่แลนด์แล้วอยากย้อนเวลากลับไปเป็นนั่งคะ...ที่ประทับใจอีกอย่างก็โรงภาพยนตร์สามมิติคะ...
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเริ่มมืด ทุกคนมานั่งรวมกันอยู่หน้าปราสาทเทพนิยาย...เวลา 2 ทุ่มตรง ก็ถึงเวลาจุดพลุสวยงามอลังการ เดินกลับออกมานั่งรถไฟฟ้ากลับคิดว่าคงจะต้องรอนาน ปรากฏว่า
ไม่ต้องนานอย่างที่คิด นั่งมาลงที่ Lai King แล้วต่อกับที่Mongkok 3 ทุ่มเดินซื้อน้ำมะม่วงใส่เจลลี่ว่านหางจรเข้ มาชิม แก้วละ 20 เหรียญ อร่อยอิ่มท้อง ยังมีแรงเดินต่อที่แถว Lady Market อีก




…นั่งรถไปเที่ยว Disney Land กันดีกว่า...





…เข้าไปก็เจอขบวนพาเหรดพอดีเลย...


…ร้านเค็กในดีสนี่แลนด์...


…จะเล่นอะไรดี..


…เข้าSmall world ดีกว่า..








...ท้องฟ้าเริ่มมืด ปิดท้ายด้วยม้าหมุน^O^…


…ก่อนออกมานั่งชมไฟ ที่หน้าปราสาท ...ผู้คนล้นหลาม..


…สีสรร ดีสนี่แลนด์ ยามค่ำคืน..



…ถ่ายรูปกลางคืนนี้มันยากชะมัดเล้ย..ลาไปภาพนี้เลยแล้วกันน้า...ขอบคุณที่ติดตามฟังข้าพเจ้าโม้..^O^

















Create Date : 16 สิงหาคม 2553
Last Update : 16 สิงหาคม 2553 12:26:19 น.
Counter : 1510 Pageviews.

26 comment
Vietnam trip


Hanoi, Vietnam ,2007




















































Create Date : 31 พฤษภาคม 2551
Last Update : 22 มีนาคม 2552 20:25:56 น.
Counter : 903 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  

never the last
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]