All Blog
ร้อยรักปักษา / จันทร์ณภัทร์

ร้อยรักปักษา / จันทร์ณภัทร์

เธอ คือมนุษย์สาวที่มีหัวใจเป็นมณีรัตนภากร อัญมณีล้ำค่าทรงอานุภาพที่เหล่าปักษาออกตามหาและแย่งชิง กวินตราสาวน้อยวัยใสไม่รู้จะรับมือเช่นไร ทายาทแห่งผู้มีปีกสีแดงนามตรัศวินจึงกลายมาเป็นบอดี้การ์ดปกป้อง เขาต้องต่อสู้กับนาคสีรุ้งที่เก็บกักความเจ็บแค้นในอดีตชาติ ห้วงเวลาแห่งอุปสรรคก่อให้สัมพันธ์ลึกซึ้งของครุฑหนุ่มและมนุษย์สาวเกิดขึ้น รอยจูบคราแรกในชีวิตของกวินตราที่เจ้าเวหามอบให้เธอนั้น ทำเอาร่างแบบบางแทบจะหลอมละลายไปกับรสสวาท ณ ตอนนี้หญิงสาวสุขสมใจเกินกว่าจะหาถ้อยคำใดมาพรรณนาได้ หากความรักของพญาครุฑเช่นตรัศวินเปรียบดังสายลม หญิงสาวที่โหยหารักเช่นกวินตราก็พร้อมปล่อยใจล่องลอยไปกับกระแสนั้น หากแม้จะต้องพบเจอกับฤทธาแลมนตราเลวร้ายหนักหนาเพียงใด ขอเพียงให้เธอได้อยู่ใต้ปีกอันอบอุ่นของเขา...ได้ซบแผงอกอันแข็งแกร่ง และขอให้ได้ฟังเสียงหัวใจแห่งสองของเราเต้นพร้อมกัน...เท่านั้นพอ

จริงๆ แล้วเราอ่านเรื่องนี้ก่อนเรื่อง “นาคสวาท” แต่มารีวิวทีหลังเพราะตาม timeline แล้วเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในเรื่องนาคสวาทจบไปแล้ว นั่นคือหลังจากพระ-นางเรื่องนั้นลงเอยอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง พระรองอย่างตรัศวินก็อกหักไปตามระเบียบ แต่มาคราวนี้เขาได้เป็นพระเอกเต็มตัวสักที (แถมไม่มีพระรองที่เด่นพอกันมากวนใจ) คราวนี้เขาสมหวังในรักเสียด้วย เพราะนางเอกของเรื่องนั้นแม้จะมาเกิดเป็นคนธรรมดา แต่เธอมีภูมิหลังเป็นธิดาของพญาครุฑผู้ยิ่งใหญ่บนแดนสวรรค์กันเลยทีเดียว

เรื่องนี้ใช้ฉากเป็นเชียงใหม่ (ย้ายจากอิสานล่างมาสู่แดนล้านนากันเลย) แต่ช่วงอายุตัวละครยังคงเป็นวัยนักศึกษาเหมือนเคย แต่เป็นนักศึกษาปีสุดท้ายแล้วก็เลยดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นหน่อย เรื่องเปิดโดยกวินตราซึ่งถูกตามอาฆาตโดยนาคสีรุ้งโดยที่เธอไม่สาเหตุว่าทำไม (เพราะท่านพ่อผู้เป็นครุฑของเธอในชาติก่อนได้ฆ่าพ่อของนาคสีรุ้ง ฝ่ายนั้นจึงตามล้างแค้นแบบหนังจีน) ซึ่งเพราะนางเอกมีอดีตชาติเป็นครุฑชั้นสูงนี่เองทำให้เธอมีค่ามากพอที่ใครต่อใครจะต้องการตัวเธอนัก เพราะเธอมีหัวใจเป็นมณีรัตนอาภร (ก็แนวๆ ไอเท็มเทพของชาวครุฑนั่นล่ะ) เรียกว่าถ้าฝ่ายตัวร้ายชำแหละอกนางเอกได้ก็จะได้สิ่งล้ำค่าที่ซ่อนในตัวเธอนี้ไป

กวินตราได้พบตรัศวินเพราะว่าเขาได้เข้ามาช่วยเธอตอนที่เธอเกือบถูกนาคสีรุ้งลวงไปทำร้าย เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองพบกันและเกิดเรื่องราวตามมาอีกมากมายเพราะนิยายเรื่องนี้ก็ว่าด้วยการตามล้างแค้นและแก่งแย่งชิงอำนาจ พระเอก-นางเอกนั้นเรียนสถาบันเดียวกันจึงได้พบกันอีกเรื่อยๆ ตรัศวินพยายามจะยื่นมือมาเกี่ยวข้องกับกวินตราแม้ว่าจะมีเพื่อนชายของนางเอกคอยเป็นสุนัขหวงก้าง แต่ฉากเท่ๆ ของพระเอกและฉากหวานๆ แนวหนุ่มจีบสาวก็มีให้เห็นเป็นระยะ ระหว่างนั้นก็มีครุฑตระกูลอื่นโผล่มาปะปนเป็นนักศึกษาร่วมสถาบันและเดินเรื่องอย่างเมามันส์

ถ้าเรื่องก่อนนี้นาคกันเองหักหลังกันเอง นิยายเรื่องนี้ก็มีทั้งการขับเคี่ยวกับกลุ่มนาคสีรุ้งที่ตามจอล้างนางเอก และยังมีการชิงเหลี่ยมหักหลังกันในหมู่ครุฑเช่นกัน และเพราะว่าชีวิตกวินตราตกอยู่ในอันตราย ตรัศวินจึงจำเป็นต้องให้นางเอกไปอยู่บ้านตัวเองเพื่อจะปกป้องได้สะดวก ซึ่งตอนแรกกวินตราก็อิดออดเพราะเป็นสาวเป็นนางจะไปอยู่บ้านฝ่ายชายได้อย่างไร แต่สุดท้ายเมื่อเจอเหตุร้ายอันเหนือธรรมชาติกับเธอบ่อยเข้า เธอก็ยอมอยู่ใต้อารักขาของเขา (เข้าล็อคนะพ่อคุณ)

การเดินเรื่องยังคงเอกลักษณ์ของนักเขียนท่านนี้คือมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเป็นระยะและเดินได้กระชับฉับไว แต่เหตุการณ์ต่างๆ ก็ช่วยเดินเรื่องไปสู่ปมหลักอย่างมีน้ำหนัก และแม้โทนเรื่องจะแฟนตาซีแต่ตัวเหตุการณ์ก็ดูมีน้ำหนักเชื่อถือได้เพราะคนเขียนเองก็คงจะศึกษาแนวตำนานนาค-ครุฑ มามากพอควรเพราะมีการแจกแจงถึงลำดับขั้นและตระกูลต่างๆ ของครุฑไว้ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม (ตรงนี้สปอยล์) เรื่องนี้นั้นค่อนข้างเข้มข้นตรงที่ว่านางเอกถึงกับสูญเสียครอบครัวชาวมนุษย์ไปกับการแก่งแย่งชิงดีเลยทีเดียว แต่หลังการต่อสู้กับบรรดาเหล่าร้ายสุดท้ายพระเอก-นางเอกก็ลงเอยกันได้ด้วยดี และสำหรับเราแล้วตอนจบเป็นอะไรที่คลี่คลายได้สวยงาม

สำหรับเรา ร้อยรักปักษา อาจเป็นเหมือนภาคต่อของ นาคสวาท ที่เอาพระรองเล่มก่อนมาเป็นพระเอก แต่โดยภาพรวมแล้วเราคิดว่าสองเล่มนี้มีความมันส์ไม่ต่างกัน นาคสวาทนั้นออกจะโดดเด่นในเรื่องการขับเคี่ยวของนาคเพื่อไอเท็มเทพและตัวละครที่มากมายอลังการ (แต่ละตัวไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั้งนั้น) แต่ถ้าในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครแล้ว เรากลับคิดว่า ร้อยรักปักษา ทำได้ดีกว่าซึ่งน่าจะเพราะว่าตัวละครไม่มากมายเหมือนเล่มก่อน และตัวตนของตรัศวินนั้นค่อนข้างชัดเจนกว่าและสุขุมกว่าภุชคินทร์ นิดๆ ด้วย (ซึ่งจริงๆ แล้วนาค-ครุฑ แม้มีสภาพเป็นทิพย์ แต่บรรดานาคหรือครุฑระดับล่างที่ยังมีโมหะสูงอยู่จึงมักรักแรงเกลียดแรง แต่ถ้าชั้นสูงหน่อยก็จะมีอารมณ์ประณีตขึ้น)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่ว่าใครจะชอบนาคหรือชอบครุฑ เพราะสำหรับเราแล้วอ่านแล้วเพลินทั้งสองเล่มค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




Create Date : 03 สิงหาคม 2556
Last Update : 6 สิงหาคม 2556 9:41:24 น.
Counter : 1317 Pageviews.

3 comment
นาคสวาท / จันทร์ณภัทร
 

 

นาคสวาท / จันทร์ณภัทร

 

 

กลิ่นจันทร์...หญิงสาวที่ถูกเลือกให้เป็นผู้นำพามณีนาคสวาทที่สาปสูญ ซึ่งกว่าที่ภุชคินทร์ทายาทแห่งพญานาคจะนำอัญมณีชิ้นนี้กลับคืนสู่ตระกูลได้ ทั้งนาคผู้มีอิทธิฤทธิ์เช่นเขาและหล่อนผู้มีบุญญาต้องต่อสู้กับอุปสรรคทั้งปวง รวมกระทั่งความรักของพญาครุฑที่ต้องการครอบครองมนุษย์เช่นเธอ ทว่ากลิ่นจันทร์ก็รู้ดีว่าใครกันที่ทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอสั่นไหว ใครคนไหนที่ทำให้หญิงสาวหลงใหลนับแต่วินาทีแรกเห็น เวลานี้ความรักของเขาที่มีให้เธอมันสุกงอมพร้อมชมชิม เฉกเช่นเดียวกับความซาบซ่านใจที่รอให้ทั้งสองสัมผัสถึง

 

 

คำโปรยของ สนพ บอกตัวเรื่องคร่าวๆ ว่านี่จะเป็นเรื่องราวระหว่างหญิงสาวชาวมนุษย์และนาคหนุ่ม ซึ่งจะว่าไปพิมพ์นิยมของนิยายแนว paranormal ของไทยนั้นมักจะเป็นตำนานแนวๆ นาค ครุฑ เทพจากสวรรค์ชั้นต่างๆ มาทำให้เป็นพล้อตนิยายให้เห็นเป็นระยะ ซึ่งก็แล้วแต่ว่านักเขียนแต่ละคนทำการบ้านมามากน้อยแค่ไหน

 

ส่วนนิยายเรื่องนี้นั้นเราไม่ขัดหูขัดตาในเรื่องการนำตำนานนาคมาใช้ ทั้งนี้เพราะคนอ่านอย่างเราไม่ได้รู้ลึกซึ้งถึงตำนานเหล่านี้มากเนื่องจากว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับครุฑ-นาค มีมากทั้งแนวฮินดูและพุทธ จึงอ่านแล้วไม่ได้ติดใจอะไรในความสมจริงเกี่ยวกับการอ้างอิงถึงสกุลและสายพันธุ์ต่างๆ ของนาค และคิดว่าคนเขียนอธิบายได้ชัดเจนดีว่านาคมีกี่ประเภทและพวกไหนฤทธิ์หรือศักดิ์มากกว่ากัน (ซึ่งก็คงเหมือนคนเราที่มีหลายชนชั้นทั้งรวยจน)

 

เรื่องเปิดตัวโดยนางเอกซึ่งเป็นมนุษย์คือกลิ่นจันทร์ได้ย้ายมาอยู่ในอำเภอแห่งหนึ่งและไปเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยในตัวอำเภอ ซึ่ง setting ของเรื่องถูกกำหนดให้เป็นจังหวัดหนึ่งในอิสานใต้ ตัวละครหลักโดยมากจึงยังอยู่ในวัยละอ่อนทั้งสิ้น (เพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยไม่กี่ปี) แต่ถึงตัวละครจะวัยรุ่น แต่เนื้อหาเข้มข้นเหมือนเรื่องราวของผู้ใหญ่ จึงทำให้เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นวรรณกรรมผู้ใหญ่มากกว่านิยายวัยรุ่น ส่วนตัวแล้วชอบนิยายที่ใช้ฉากต่างจังหวัดเพราะเราเป็นคน ตจว ก็เลยอินกับฉากต่างจังหวัดเป็นพิเศษเพราะมันสงบและเอื้อต่อการเดินเรื่องแนวลึกลับ

 

            เอ้า...ต่อ กลิ่นจันทร์มาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งปลายหมู่บ้านมีคฤหาสน์ของตระกูลนิลนาคอาศัยอยู่ (อารมณ์ประมาณตระกูลรวยเงียบที่ไม่สุงสิงชาวบ้านแถวนั้น) วันหนึ่งที่กลิ่นจันทร์เกือบจะจมน้ำในบึง เธอก็รอดชีวิตมาได้โดย ภุชคินทร์ ชายหนุ่มที่เรียนสถาบันเดียวกันแต่ดูลึกลับเพราะเขาเป็นคนในตระกูลนิลนาค (แน่นอนว่าพระเอกเป็นนาค) ซึ่งหลังจากกลิ่นจันทร์ปรากฏตัว...ตระกูลของภุชคินทร์ก็เริ่มรับรู้ได้ว่าเธอจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การตามหา มณีนาคสวาท ซึ่งเป็นประมาณไอเท็มสำคัญต่อชาวนาคที่จะให้อานุภาพล้ำเลิศชนิดที่ครุฑก็ต้องยอมสยบ (ไอเท็มเทพชัดๆ)

 

แน่นอนเมื่อมีนาค ย่อมมีครุฑ (ไม่ถูกกันแค่ไหนแต่ต้องเจอกันในนิยายเสมอ) เมื่อเรื่องเดินไปได้สักพักก็มีการเปิดตัวพระรอง (ที่มาดแมนและลึกลับไม่แพ้พระเอก และจะเป็นพระเอกเต็มตัวในนิยายเล่มถัดไปของผู้เขียน) นั่นคือ ตรัศวิน ซึ่งมาจากตระกูลของครุฑและเพิ่งย้ายเข้ามาในถิ่นนี้พร้อมครอบครัวชาวครุฑของเขาเช่นกัน ศึกชิงนางจึงเกิดขึ้น พร้อมๆ กับการไล่ล่าตามหามณีนาคสวาทกันไปยันจบเรื่อง

 

ระหว่างนั้นมี sub-plot เกิดขึ้นมากมายซึ่งโดยมากเป็นเหตุการณ์ว่าด้วยการชิงรักหักสวาทของตัวละครทั้งหลักและรอง หลักๆ ก็คือมีสัญญาณว่านางเอกน่าจะเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้พาไปสู่การค้นหามณีนาคสวาท เหล่านาคก็เลยดึงตัวเธอไว้เต็มที่ ระหว่างนี้ก็มีตัวอิจฉาที่เป็นทั้งนาคสาวที่หลงรักพระเอกคอยจึงดักทำร้ายนางเอก มีทั้งตระกูลนาคอื่นๆ ที่คอยจ้องเสียบจะชิงไอเท็มสำคัญ และการชิงไหวชิงพริบระหว่างตระกูลนาคของพระเอกและตระกูลครุฑของพระรอง มีเรื่องราวหักหลังกันไปมาจนนำไปสู่การคลี่คลายของเรื่องในตอนท้าย (ที่สุดท้ายแล้วตระกูลพระเอกก็ได้ไอเท็มนี้สมใจ)

 

เป็นนิยายที่อ่านได้เพลินดีสำหรับเรา จินตนาการล้ำ ภาษาสละสลวยดี (ไม่ใช่ภาษาวัยรุ่น) แต่ก็ไม่ทิ้งความเท่ของพระเอกที่เปิดตัวได้ลึกลับ บทจะแสดงความรักต่อนางเอกก็ทำแบบไม่มีกั๊ก (แต่ก็ออกแนวเอาแต่ใจนิดๆ) ส่วนนางเอกก็จะเป็นผู้หญิงธรรมดาที่จิตใจงามและอ่อนแอตามประสาความเป็นมนุษย์ (เธอจึงไม่ค่อยมีบทบาทเท่าใดนักนอกจากมีเซนส์ในการนำไปสู่มณีนาคสวาท) เอกลักษณ์ของผู้เขียนท่านนี้ที่เราจำกัดความได้คือ...เดินเรื่องกระชับฉับไว

 

อย่างที่บอกว่าเรื่องเดินกระชับมาก ช่วงท้ายๆ ที่มีเหตุการณ์ต่างๆ ปีนเกลียวนั้นดำเนินเรื่องได้เข้มข้นและฉับไวมากๆ ชนิดที่ว่าอ่านห้ามข้ามบรรทัดกันเลยทีเดียวเพราะทุกประโยคมีการกระทำตัวละครเกิดขึ้นแทบทั้งสิ้น และด้วยความเป็นแฟนตาซีทำให้บางครั้งเราอาจไม่เข้าใจบริบทของเรื่องบ้างว่าทำไมบางสิ่งจึงเกิดขึ้นได้หรือเกิดขึ้นไม่ได้ อีกทั้งตัวละครที่มีเยอะสำหรับความยาวนิยายเล่มเท่านี้ ทำให้คนอ่านที่หน่วยความจำน้อยอย่างเราไม่ค่อยรู้จักตัวละครครบทั้งหมด จำได้เฉพาะตัวละครหลักๆ เท่านั้น (แต่ตัวหลักๆ ก็มีความเป็นตัวเองดี อ่านแล้วมันส์อยู่นะ) ซึ่งจุดนี้ถ้าเป็นคนอ่านคนอื่นที่มีสมาธิในการอ่านอาจไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็เป็นนิยายเกี่ยวกับนาคที่คนเขียนทำการบ้านทั้งในเชิงข้อมูลมาดีพอควร และฝีมือการเขียนนั้นไม่ขัดตาเลย

 

 




Create Date : 03 สิงหาคม 2556
Last Update : 3 สิงหาคม 2556 18:20:36 น.
Counter : 2819 Pageviews.

4 comment
สะดุดรักคุณนักสืบ / ชาครียา
 

สะดุดรักคุณนักสืบ ชาครียา

 

แสงรวี เป็นชื่อต้องห้ามสำหรับคนในครอบครัวสกุลนนทวิทย์ จนกระทั่งครบรอบ 30 ปีการเสียชีวิตของหญิงสาว พลเอกทินกรและภรรยาจึงก่อตั้งมูลนิธิดำเนินงานห้องสมุดหนังสือหายากเพื่อรำลึกถึง แสงรวี นนทวิทย์ บุตรสาวที่ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์และหนีเข้าป่าไปจนเสียชีวิต ภากรได้รับมอบหมายให้เป็นเลขาธิการมูลนิธิ เขาสงสัยตลอดมาว่าแสงรวีผู้เป็นน้า มีประวัติความเป็นมาอย่างไรทุกคนในครอบครัวไม่อยากพูดถึง โดยเฉพาะศศิวาร แม่ของเขาซึ่งเป็นพี่สาวแสงระวี ถึงกับโกรธแค้นที่มีการจัดตั้งมูลนิธินี้ขึ้น ปริศนาไม่ชอบมาพากลในครอบครัวทำให้ภากรตัดสินใจสืบเรื่องนี้ โดยตามรอยจดหมายน้อยที่ทิ้งไว้ในหนังสือเก่าเล่มต่างๆ ในห้องสมุด โดยมีนิกกี้ อาสาสมัครสาวแสนร้ายกาจลงมือเป็นผู้ช่วย ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่า การค้นหาเรื่องราวของน้าสาว จะทำให้เขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเองในที่สุด

 

            ค่อนข้างคุ้นหูกับนามปากา ชาครียา เหมือนว่าเป็นนักเขียนที่มีผลงานออกมาค่อนข้างยาวนานในระดับนึง จำได้ว่าเคยอ่านงานเขียนเรื่อง “กลับบ้านเรานะ รักรออยู่” ของคุณชาครียาเหมือนกันและก็คิดว่าฝีมือเขาดีเสียด้วย จนวันนี้ที่มีนิยายในตลาดมากมายละลานตา การจะหยิบนิยายสักเล่มมาอ่านเลยต้องคิดสักหน่อย แต่สำหรับเรื่องนี้อ่านพล้อตคร่าวๆ แล้วก็คิดว่าน่าสนใจ เพราะหาได้ไม่มากที่จะมีนิยายที่ว่าด้วยหนุ่มสาวยุคแสวงหาจนต้องเข้าป่าไปร่วมขบวนการคอมมิวนิสต์ (เพื่อจะพบความจริงว่าคอมมิวนิสต์ก็ไม่ได้มีความสมบูรณ์เหมือนๆ กับประชาธิปไตยนั่นล่ะ)

 

            นิยายเรื่องนี้ช่วงครึ่งแรกของเรื่องก็เป็นดังเรื่องย่อที่เห็น พระเอก “ภากร” ออกจะครบสูตรคือชาติตระกูลดี ทำงานปั่นหุ้นปั่นเงินรวยระดับหมื่นล้าน เลยเห็นเงินเป็นทางแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง แต่...แต่เขาก็มิใช่พระเอกแนวแบดบอยตามกระแสตลาดทั่วไปเพราะเป็นพระเอกที่ออกจะไว้ตัวตามประสาลูกคนมีอันจะกิน และเป็นโรคภูมิแพ้ขั้นรุนแรงด้วย (ดังนั้นมิใช่พระเอกประเภทนักธุรกิจโคตรรวยแล้วตบจูบๆ ลากนางเอกไปทำเมีย สบายใจได้)

 

ส่วนนางเอกดูจะเป็นอะไรที่ตรงข้ามกันสิ้นเชิงเพราะเธอปรากฏตัวมาแบบไม่มีที่มาที่ไป ร่าเริงมองโลกแง่ดี การพูดจาก็บ่งบอกได้ว่าเธอมีสมองมิใช่เล่น เธอเป็นเหมือนทุกสิ่งที่แหวกกฎเกณฑ์ชีวิตของภากร สิ่งที่เราชอบคือการเปรียบเทียบของเธอที่ว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่ “ถูกจัดวาง” และคำอธิบายเกี่ยวกับเส้นโค้งแห่งความสุข ที่ว่าจำนวนเงินที่จะสร้างความสุขให้คนแต่ละระดับนั้นต่างกัน คนหิวโหยได้แค่สิบบาทก็พออิ่มแล้ว แต่ถ้าเศรษฐีก็ต้องการมากกว่านั้นจึงจะเรียกว่าสุข

 

            เรียกได้ว่าเขาอยู่แต่ในโลกที่เป็นระเบียบและปิดตัว แต่นางเอกก้าวเข้ามาพาเขาไปสู่โลกใบใหม่ (เสมือนเขาอยู่ในโลกทุนนิยมสุดโต่ง แต่เธอมาจากโลกของอุดมการณ์เพื่อมวลชน) พระเอกจึงชักเขวด้วยความน่ารักและมองโลกแง่ดีของนางเอก เป็นใครเราว่าก็ต้องหลงรักนางเอกประเภทนี้ล่ะ เพราะเธอไม่งี่เง่า

 

            เรียกได้ว่าการเดินเรื่องในช่วงครึ่งแรกค่อนข้างน่าสนใจสำหรับเรา เพราะมีการเอ่ยถึงหนังสือแนวปลุกใจนักปฏิวัติหลายเล่ม และแน่นอนว่ามีการเอ่ยถึง เช เกวาร่า เจ้าพ่อนักปฏิวัติที่ไม่เคยตาย (แต่เป็นอมตะอยู่ท้ายรถสิบล้อ) ตามประสาเรื่องราวของคนยุคหนึ่งซึ่งมีพลังในการขับเคลื่อนสังคมให้เป็นไปตามที่พวกเขาหวัง ตัวละครคือนางเอกและเพื่อนชายของเธอชื่อนาธานพยายามพาตัวภากรไปพบ “น้าทอแสง” ซึ่งเป็นคนที่ค่อยๆ ทำให้ตัวพระเอกได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตที่มากกว่าการอยู่ในกรอบเหล่านั้น

 

            ส่วนตัวแล้วคิดว่าตัวพล้อต การเดินเรื่อง ทำได้กระชับ ฉับไว น่าสนใจตรงที่การไขหาความลับของครอบครัวพระเอกที่ตอนแรกเกี่ยวข้องกับอุดมการณ์ของคุณน้าผู้หายสาบสูญ แต่ก็เคลือบไปด้วยเรื่องชิงรักหักสวาทในครอบครัวที่ขมวดปมไปเฉลยพรวดเดียวในช่วงท้าย (ไม่สามารถสปอยล์ได้เพราะเกรงจะเสียอรรถรส และอีกอย่างคนเขียนเขาทำไว้หักมุมไปมาแบบให้สาใจกันข้างนึงไปเลย)

 

            แต่ส่วนตัวแล้วสิ่งที่ไม่ชินเลยคือตัวร้ายที่ใส่มาในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นศศิวาร ที่ ”รับบท” แม่ของพระเอก กับ “ว่าที่คู่แต่งงาน” ของพระเอกที่แว้ดเหมือนนางร้ายช่องเจ็ดพอกัน สงสัยเป็นเพราะพักหลังเราไม่ค่อยดูทีวีเท่าไหร่ พอมาอ่านนิยายที่มีตัวละครอาละวาดเหมือนคนโรคจิตก็เลยงงๆ ว่า... เว่อร์ไปรึเปล่าคะคู้ณกับกิริยาอาการขนาดนั้น

 

            อีกอย่างหนึ่งการคลี่คลายปมตอนท้าย... ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นการเปิดเผย sub-plot ที่เยอะไปสักหน่อย คือมันก็เหนือคาดหมายก็จริงแต่ก็อดคิดอีกทีไม่ได้ว่า...อะไรจะทำให้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนั้นคะพี่น้อง... ซึ่งก็ทำให้การแสดงอารมณ์ตัวละครในช่วงท้ายค่อนข้างแกว่งไปมา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แม้เรื่องจะจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ก็เล่นเอาคนอ่านเหนื่อยตามไปเหมือนกัน แต่ถ้าถามว่าสนุกมั้ย คุ้มมั้ย ก็บอกได้ว่าคุ้ม เพราะคงหาไม่ได้ง่ายๆ นิยายที่คนเขียนจะหยิบยกเรื่องราวยุคหนุ่มสาววัยแสวงหาและเอามาเล่นกับหนุ่มสาวในยุคโลกาภิวัตน์นี้ได้อย่างเหมาะเจาะและน่าสนใจ

 

            ประเด็นนิดเดียวที่ค้างในใจเราคือ อุดมการณ์เพื่อมวลชนนั้นมันก็ฟังดูสวยงามจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นคำว่า จิตอาสา ก็เป็นสิ่งที่บอกได้ยากว่าจำเป็นหรือไม่จะต้องไปออกค่ายอาสาให้ได้จึงจะมีจิตอาสา เพราะส่วนตัวแล้วสมัยเรียนก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการไปออกค่ายอาสาเท่าไหร่ แต่อยากบอกว่าคนไม่เคยไปออกค่ายอาสาไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีจิตอาสา เพราะจิตอาสาสำหรับเรานั้น “มันอยู่ที่ใจ” และแสดงออกได้หลายทาง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




Create Date : 27 กรกฎาคม 2556
Last Update : 27 กรกฎาคม 2556 15:21:12 น.
Counter : 2724 Pageviews.

10 comment
ข้ามฝั่งฝัน / ปางบุญ

 

ข้ามฝั่งฝัน โดย ปางบุญ

          แรงปรารถนา อวิชชา ราคะ ดึงจิตผูกพันข้ามภพชาติไม่จบสิ้น

         

          ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงสนใจอยากอ่านเล่มนี้ทั้งที่มันก็พิมพ์มาหลายปีแล้วและดูเหมือนจะหมดสต้อคกับ สนพ ไปแล้ว อาจด้วยเพราะเป็นนิยายเกี่ยวกับธรรมะ ป่าเขาลำเนาไพร ภพชาติ เราจึงสนใจจะหาอ่าน อีกทั้งหน้าปกนั้นดูสวยแบบลึกลับดี (ซึ่งก็เป็นผลงานของ วิธีทำ ทีมออกแบบปกที่ขึ้นชื่อ) ซึ่งก็เป็นเรื่องบังเอิญที่การเข้าไปเดินเล่นที่จตุจักรครั้งล่าสุดทำให้เราไปสะดุดตากับเล่มนี้ที่ร้านหนังสือมือสอง จึงไม่ลังเลจะหยิบติดมือกลับมา

 

            และด้านล่างนี้เป็นเรื่องย่อที่เราสรุปเอง (spoil ครั้งใหญ่ กรุณาข้ามไปหากไม่ต้องการเสียอรรถรส)

 

            เรื่องเปิดด้วยความฝันเกี่ยวกับดอกรังของ “ปราณ” หนุ่มวัยยี่สิบสี่ปี บุตรชายแพทย์หญิงผู้มีฐานะในกรุงเทพ เขาฝันเห็นป่าแห่งหนึ่งและสุดท้ายมีงูตัวหนึ่งมุ่งทำร้ายเขา ฉับพลันเมื่อตื่นขึ้นปรากฏว่าในมือเขามีดอกไม้ชนิดหนึ่งติดมาจากความฝันด้วย เขาวิ่งไปพบนักวิชาการด้านป่าไม้ “สิระสา” ซึ่งอธิบายเขาได้ว่าเป็นดอกรัง พบได้ทั่วไปตามป่านี่เอง เมื่อเล่าให้แพทย์หญิง วสุลี มารดาของเขา เธอก็หวนนึกถึงสมัยอดีตที่เป็นนักศึกษาหลบหนีเข้าป่า (ช่วงคอมมิวนิสต์) และที่นั่นเองที่เธอกับ ปริตร เคยอยู่ในป่าด้วยกันจนเธอตั้งท้องปราณ ซึ่งเธอไม่เคยเล่าให้ลูกฟังว่าพ่อของเขาคือใครเพราะปริตรเสียชีวิตในป่าไปแล้ว

 

          ปรานตามสิระสาไปที่ป่าแห่งหนึ่งในภาคอิสาน ได้พบกับ “ปันนา” ลูกสาวแม่เลี้ยง “อันยา” ซึ่งมีบ้านในป่าแถบนั้น ตอนที่ปันนาพาเขาไปพบมารดาตนเองนั้น “อันยา” รู้สึกผูกพันแปลกๆ กับชายหนุ่มคนนี้ เพราะเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนนั้นเธอเป็นคนท้องถิ่นนี้ที่เข้าร่วมกับกลุ่มเคลื่อนไหวในป่า เธอได้พบกับปริตรซึ่งตกจากเครื่องบินเล็ก เมื่อชายหนุ่มกับหญิงสาวพบกันกลางป่า (แถมท่าทางจะเคยผูกพันทางกายกันมาเมื่อชาติก่อน) จึงเกิดสปาร์คกันอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้บาดตา “ฝ่าสาง” พ่อม่ายลูกติดชาวป่าที่หลงรักอันยามาตลอด

 

แต่สุดท้ายในครั้งนั้น ปริตร ก็เสียชีวิตเนื่องจากถูกงูจงอางสีขาวกัด อันยาพยายามช่วยเหลือในขณะที่ ฝ่าสาง ซึ่งเป็นต้นเหตุให้งูกัดก็ไม่ยื่นมือมาช่วย ปริตรจึงเสียชีวิตในอ้อมอกอันยา และทันทีที่จิตดับ เขาก็ไปสนธิในครรภ์ของวสุลี (นั่นคือ พ่อมาเกิดเป็นลูกของตัวเอง) และในขณะเดียวกันอันยาก็ตั้งท้องลูกกับเขาเช่นกัน เธอให้กำเนิดลูกสาวคือปันนา

 

          ในระหว่างที่ปราณพยายามสืบหาอดีต เขาก็สร้างความหวั่นไหวให้สิระสาบ้าง ปันนาบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ คนที่เขารู้สึกผูกพันที่สุดกลับเป็น “อันยา” หญิงวัยแม่ที่เคยผูกพันกันในชาติก่อน อันยาเองแม้เป็นหญิงวัยกลางคนที่หันหน้าเข้าหาธรรมะมานานแล้ว แต่เมื่อได้พบปราณอีกครั้งแรงราคะที่เคยมีต่อกันก็กลับคืนมา แม้ทั้งคู่จะไปที่ถ้ำเพื่อค้นหาอดีต พบครูบาผู้หยั่งรู้เพื่อฝึกจิต แต่...เมื่อได้พบกันในสถานที่ซึ่งเคยร่วมเสพสมกันมาก็กลายเป็นความพลั้งเผลอจนได้

 

          ทั้งนี้ ช่วงกลางเรื่องมีตัวละครสำคัญคือ ครูบาซึ่งเป็นภิกษุประจำในป่าแถบนั้น ท่านระลึกชาติได้ว่าตัวท่านเองก็เคยเป็นคู่ร่วมสังวาสกับอันยาเมื่อหลายภพหลายชาติก่อน และทราบว่าที่อันยาเจอแต่เรื่องทุกข์ในความรักชาตินี้เพราะกรรมได้ผูกนางไว้กับหลายดวงจิต ครั้งนี้การจองเวรอยู่ในรูปแบบของงู งูจึงได้ฆ่าปริตรเมื่อครั้งก่อน เพราะมันจ้องรอเวลานี้อยู่แล้ว และงูตนนั้นที่อันยาได้ฆ่ามันกับมือก็ได้มาเกิดเป็นลูกสาวของนางคือปันนา ซึ่งกรรมก็ดันมาลิขิตให้ลูกกับแม่ต้องหลงรักผู้ชายคนเดียวกัน

 

          ที่พระสงฆ์รูปนี้มาจำพรรษาแถบนี้ก็เพราะกรรมผูกพัน การได้พบอันยาซึ่งเคยเป็นคู่สังวาสกันมาหลายชาติทำให้ท่านเคยหวั่นไหวบ้าง แต่ก็ใช้ความเด็ดขาดต่อสู้จนหลุดพ้นจากห้วงราคะนี้ได้ในที่สุด เมื่อหลุดพ้นแล้วท่านก็ปักหลักอยู่ที่วัดและก็ได้คอยช่วยเหลือตัวละครอื่นซึ่งยังไม่พ้นห้วงแห่งนี้เท่าที่จะช่วยได้เท่านั้น เพราะท่านพิจารณาแล้วกรรมของอันยามากเกินจะช่วยได้ทั้งหมด (อันนี้สะท้อนแนวหินยานที่การหลุดพ้นเป็นเรื่องของคนๆ เดียว ต่างจากมหายานที่จะต้องพากันไปเยอะๆ จึงว่ากันว่ามหายานนั้นใจกว้างและเข้าใจง่ายกว่าหินยาน แต่ในทางปฏิบัติแล้วหินยานจะมุ่งตรงกว่าและเป็นการไปเดี่ยวๆ มากกว่าจะไปรวมหมู่)

 

          เรื่องจะขมวดปมอย่างไรขี้เกียจใส่รายละเอียด แต่เอาเป็นว่าช่วงท้ายปราณเริ่มเข้าฌานและเริ่มเห็นหรือได้ยินอดีตบ้าง (แต่พักหลังเขาดูเพ้อมากกว่าอะไร) แต่ถึงอย่างนั้นปราณและอันยาก็ยังตัดสายสวาทกันไม่ขาด (ยังคงเสพสังวาสกันที่ถ้ำซึ่งเป็นที่ฝังศพปริตร) เมื่อปราณได้พบกับร่างของตนเองในชาติก่อนที่ถูกฝังกลางป่าเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาฝันเห็นภาพป่าดอกรัง เพราะมันเป็นที่สุดท้ายที่เขาเคยทอดกายลงนอน

 

          แต่สุดท้ายปราณก็ถูกยิงตายจากน้ำมือของลูกชายฝ่าสาง เขาตายในอ้อมอกของอันยาอีกครั้ง และวาระจิตสุดท้ายที่เขาเฝ้าอยู่แต่กับอันยา...ได้สร้างภพชาติใหม่ให้เขาเรียบร้อย นั่นคือบุตรชายที่ปราณกับอันยามีด้วยกันชื่อ ปุญญา พวกเขาวนเวียน...พบเจอ...จองเวร...พันผูก...ในวัฏจักรแห่งนี้ไม่จบสิ้น

 

            ความจริงเรื่องราวมีรายละเอียดเยอะกว่านี้มาก (ยังงงว่าคนเขียนบีบอัดเรื่องให้ความยาวเท่านี้ได้อย่างไร เก่งจัง) และเนื่องจากเป็นนิยายธรรมะ จึงไม่ใช่นิยายที่ว่าด้วยความรักหนุ่มสาวที่มีพระเอกนางเอกเป็นสรณะ (และเท่าที่อ่านก็จะไม่มีใครที่เรียกได้ว่าพระเอกนางเอกเลย ยกเว้น “พระสงฆ์” รูปนึงที่น่าจะเป็นตัวเอกของเรื่อง) ดังนั้นเรื่องที่เปิดด้วยการพบกันของ “สิระสา” กับ “ปราณ” ก็กลายเป็นว่าเมื่อเรื่องเดินไป สิระสาก็ถูกปล่อยให้เป็นเพียงตัวประกอบ ซึ่งแม้แต่ปราณเองก็เป็นตัวประกอบในความคิดเราเพราะเขาเป็นตัวละครที่ล่องลอยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง แม้เขาจะเข้าฌานและเริ่มรับรู้อะไรแปลกๆ ได้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากราคะและวนเวียนต่อไป

 

            ไม่มีข้อติเรื่องภาษาและการเล่าเพราะดูเหมือนคนเขียนจะมืออาชีพเอาการอยู่แล้ว การเล่าตัดบทไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน การตัดฉากอาจเป็นการเล่าย้อนอดีตในช่วงเวลาไหนก็ได้ (ต้องตั้งสมาธิดีๆ) ตัวละครหลากหลายมีส่วนในการเล่าเรื่องเกือบจะเท่าๆ กัน setting ของเรื่องเป็นป่าแทบจะทั้งเรื่อง ทำให้คุมโทนเรื่องที่ออกแนวลึกลับได้ดี แม้จะว่าด้วยยุคนักศึกษาหนีเข้าป่าไปร่วมกับคอมมิวนิสต์แต่ก็ไม่เน้นการเมืองเพราะเรื่องนี้เน้นธรรมะมากกว่า ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้สับสนอลหม่านก็คือ ราคะ ที่ผูกจิตแต่ละดวงให้ร้อยเรียงเกี่ยวกันเป็นภพชาติ ซึ่งตลอดเวลาที่อ่านจะรู้สึกได้เลยว่าคนเขียนมุ่งตรงเรื่องนี้อย่างตั้งใจ

 

ส่วนตัวคิดว่าเล่มนี้ต่างไปจากนิยายแนวย้อนภพชาติทั่วไปที่แค่ย้อนไปชาติสองชาติแล้วก็ตัวละครเดิมๆ มาเจอกัน อโหสิต่อกัน แต่เล่มนี้ลงลึกไปถึง “เหตุ” ที่ทำให้ตัวละครเฝ้าวนก่อกรรมต่อกันเรื่อย มีคำอธิบายด้านจิตวิญญาณอย่างละเอียด โดยเฉพาะบทบาทของครูบาที่เพิ่งมาปรากฏช่วงกลางเล่ม เพราะพอท่านออกฉากแล้วดูเหมือนคนเขียนจะอุทิศเนื้อที่ให้ท่านได้อธิบายเรื่องราวให้กระจ่าง เพราะเป็นตัวละครที่มีญาณหยั่งรู้อดีต จึงรู้ได้ว่าใครเคยเกี่ยวข้องกันอย่างไรมาบ้าง (แม้จะมีบางรายละเอียดที่เรายังสงสัยว่าปริตรหรือปราณนั้นเกี่ยวข้องกับอันยาในชาติก่อนๆ อย่างไร แต่ก็คิดว่าคงเคยเป็นคู่เสพสมกันมา ทั้งเขาและอันยาจึงมีจิตปฏิพัทธ์กันรุนแรง)

 

            อันยาน่าจะเคยเป็นผู้หญิง (หรือสัตว์ใดๆ ก็ตามที่เป็นเพศเมีย) มาหลายชาติและได้ผูกกรรมร่วมสังวาสมากับหลายฝ่าย ตัวละครบางตัวจึงผูกกรรมกับเธอมาในลักษณะต่างๆ กัน ส่วนตัวละครอื่นก็มีบางตัวค่อยๆ เข้าใจในธรรมะ (อย่างวสุลี แม่ของปราณซึ่งหันมาปฏิบัติในช่วงท้ายและทำใจได้กับการตายของปราณ) หรือไม่ก็เป็นไปในแบบของตนเช่นสิระสาที่ถอดใจเกี่ยวกับปราณ ปันนาที่ฟูมฟายตอนเริ่มจับได้ว่าปราณรักแม่ตนเอง

 

ฝ่ายอันยาเองหลังผ่านพบความรักความใคร่และเจ็บปวดมาหลายครั้ง ทำให้สุดท้ายเธอยังเริ่มรู้สึกว่า... เมื่อไหร่หนอ...นางจะพ้นจากบ่วงของกามและกรรม (นั่นสิ ปริตรคนรักแรกมาเจอกันอีกทีด้วยวัยคราวลูก และสุดท้ายเธอยังมีลูกชายกับเขาซึ่งก็น่าจะเป็นเขากลับชาติมาเกิดอีก โห...ไม่จบสิ้น)

 

            เรียกได้ว่านิยายเรื่องนี้กะเทาะเปลือกของ “กามราคะ” ไว้ชัดเจนที่สุดว่ามันทำให้ทุกสิ่งในวัฏฏะนี้ต้องวนเวียนว่าย แม้อันยาจะหันหน้าปฏิบัติธรรมและปราณเองก็เข้าฌานเป็น แต่เมื่อความต้องการบังตาทั้งสองก็ร่วมเสพสมและผูกพันกันจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมอีกรอบ ตัวละครเดียวที่หลุดพ้นห้วงดังกล่าวคือครูบาที่คอยดูเรื่องราวต่างๆ อยู่เงียบๆ แม้ท่านจะยื่นมือช่วยอย่างที่สุด แต่ก็ทำไม่ได้เหนือกรรมแต่ละคน

 

            กามราคะ ทำให้จิตหมุนวนเวียนว่ายไม่จบสิ้น แต่หากตรองดูดีๆ แล้วไม่ว่าจะมหาบุรุษหรือทุรชนในโลกนี้นั้นต่างก็เกิดมาจากการปฏิสนธิทั้งสิ้น (ไม่นับโอปปาติกะ นั่นผุดมาเกิด) ดังนั้นราคะนั้นเป็นได้ทั้งอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่สุดในการยุติภพชาติ แต่ในขณะเดียวกันหากปราศจากมัน วัฏฏะนี้ก็จะไม่หมุนวนให้เราเห็นความไม่จีรัง กามราคะมีหน้าที่ “ดึง” ให้ทุกดวงจิตต้องวนเวียนกลับมา และแน่นอนว่ามันต้องมี “หน้าที่” สร้างความเย้ายวนอย่างที่สุดอย่างที่จะไม่มีสัตว์โลกชนิดใดต้านทานได้เลย นรชนทั่วไปที่ยังไม่อาจต้านทานมันได้ การเกิดดับและผูกกรรมจะยังคงหมุนวนต่อไปตราบนั้น

 

            ยกเว้นผู้คิดจะ “ข้ามฝั่ง” ให้พ้นจากวัฏฏะนี้เท่านั้นที่จะต้องต่อสู้กับมันอย่างกล้าหาญและยุติทุกอย่างลงเพียงเท่านั้น

 

 




Create Date : 14 กรกฎาคม 2556
Last Update : 14 กรกฎาคม 2556 9:43:40 น.
Counter : 1607 Pageviews.

5 comment
สะพานสายรุ้ง / นางรำยอดรัก / อุบายแค้นแผนรัก

  เอาล่ะคราวนี้ขอแบบกระชับฉับไว รวบมันสามเล่มในคราวเดียวเลยก็แล้วกัน (ไม่พูดพล่ามทำเพลงล่ะ)

สะพายสายรุ้ง
พริบพันดาว สนพ. แสงดาว

ถึงจะปวดร้าวกับอดีตที่ขมขื่น แต่ พักตรา ก็ยังศัทธาในรัก และเชื่อมั่นว่าต้องมีชายในอุดมคติรอเธออยู่ ณ ปลายสะพานสายรุ้ง
หลังจากเลิกรากับคนรักมานานหัวใจของ ภีม ก็ยังไม่มีหญิงใดเข้ามาครอบครอง ไม่ใช่เพราะปิดกั้น หากเพียงแต่เขายังไม่พบเธอคนนั้น
เหมือนเบื้องบนจะรับรู้ถึงการค้นหากันและกันของสองดวงใจจึงปูทางให้เขากับเธอได้เดินทางมาพบกันด้วยหนังสือเล่มหนึ่ง

อันนี้เป็นรักแนวผู้ใหญ่ ในเมื่อหนังสือที่ทำให้พระเอก-นางเอก เจอกันคือ The Bridges of Madison County ซึ่งเท่าที่รู้เป็นรักซ่อนเร้นระหว่างพระ-นางที่รักแสนรัก..แต่ผิดต่อศีลธรรม ส่วนพระเอก-นางเอก ในเรื่องนี้นั้น.. ก็ไม่เห็นว่าจะผิดศีลธรรมกันเท่าไหร่ แต่ดูๆ แล้วต่างเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวกันทั้งคู่มากกว่า

นางเอกท่าทางเป็นพวกอารมณ์ศิลป์ เธอสวย เธอแต่งงานแล้ว เธอทำงานด้านขีดเขียน แต่สามี (เก่า) กลับไม่ค่อยเข้าใจเธอเท่าไหร่ สุดท้ายก็ต้องหย่าร้างกันเพราะเขาไปมีผู้หญิงใหม่ ซึ่งนางเอกเราก็ดูจะไม่เสียใจมาก (ก็ผู้ชายมันห่วยเนอะ จะเสียดายทำไม) เพราะอย่างไรเสียเธอก็เชื่อว่า รักแท้มีจริง สักวันจะได้พบรักแท้ ซึ่งก็ได้มาพบกับพระเอกแบบบังเอิญผ่านหนังสือเล่มดังกล่าว พร้อมกันนั้นก็ผ่านเรื่องราวมากมายกว่าจะมาพบกันอีกทีในตอนจบ

การเขียนของผู้เขียนเรียกได้ว่าไม่มีอะไรสะดุดเพราะมันเรียบลื่นแบบมืออาชีพในความคิดเรา จะมีก็แต่ประเด็นความรักของตัวละครที่ทำให้งงเล็กน้อย เพราะตอนแรกเปิดตัวพระเอกมาแบบท้อปฟอร์ม มาดแมนแอนด์แฮนซั่ม แถมรวยอีกต่างหาก แต่พอเรื่องเดินไปอีกสักหน่อยเปิดตัวพระรองซึ่งเป็นผู้ชายแนวตรงๆ ก็ทำให้เรื่องเขวนิดๆ (แนวซีรีย์เกาหลีนะ พระรองดูแมนกว่าพระเอก) แถมยังมีตัวอิจฉาที่แอบชอบพระเอก..แต่สุดท้ายเจ้าหล่อนก็เป็นมะเร็งตายโดยที่นางเอกไม่ต้องทำอะไร (แต่คุณเธอก็อุตส่าห์ทำตัวนางเอกหลีกทางให้นางอิจฉาได้มีเวลากับพระเอกก่อนตายนะ) รู้สึกไปเองรึเปล่าก็ไม่รู้ว่าโทนเรื่องมันเกาหลีจัง

กับอีกอย่าง.. เราว่าพระเอกเรื่องนี้มีบทบาทแค่หัวกับท้ายเรื่อง คือโผล่มาตอนต้นให้นางเอกได้ปลื้มว่านี่ล่ะ รักแท้ของฉัน แล้วก็ห่างกันไปในช่วงครึ่งเล่ม ปล่อยนางเอกไปร่วมหัวจมท้ายกับพระรองตั้งหลายบท สุดท้ายเธอก็ย้อนกลับมารักพระเอกด้วยเหตุผลว่า "ยังไงก็คือรักแท้" ซึ่งก็ดีใจกับนางเอกด้วย (แต่ไม่ว่าจะเลือกใคร พระเอกและพระรองก็ดูดีพอกันล่ะ ไม่มีต้องเสียดาย)

โดยรวมสำหรับเราแล้วพระเอกเรื่องนี้ตัวตนดูเบาๆ ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนเขาเป็นชายหนุ่มหล่อรวยผู้เพียบพร้อมและรอรักกับนางเอกตอนจบอย่างเดียว และถึงในเรื่องจะบอกว่าเขารวย แต่อ่านแบบรวบๆ จะไม่รู้เลยว่าเขาทำมาหากินอะไร นอกจากว่ามีบริษัท(น่าจะของครอบครัว) ในขณะที่พระรองนั้นมีบุคลิกที่ชัดเจนกว่า และมีอาชีพที่มองเห็นได้ชัดเจนกว่าด้วย

นางรำยอดรัก
ฟ้าปลายฝน สนพ.พิมพ์คำ

กังสดาล นักศึกษาสาวจากวิทยาลัยนาฏศิลป์ ได้ไปแสดงนาฏศิลป์ไทยที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ท่วงท่าลีลาอ่อนช้อยขณะร่ายรำทำให้ ฉัตรชนก ลูกชายเจ้าของโรงแรมหลงเสน่ห์นางรำสวผู้นี้ทันที ชายหนุ่มผู้มีใจรักความเป็นไทยจึงพยายามใกล้ชิดหญิงสาว แต่ประสบการณ์ภายในครอบครัวสมัยเด็กทำให้เจ้าหล่อนปิดกั้นหัวใจ ไม่ได้ไยดีเขาเลยแม้แต่น้อย ทว่า...ในเมื่อทั้งเขาและเธอต่างก็มีเจตนารมณ์เดียวกัน คือต้องการอนุรักษ์และสืบสานศิลปะและวัฒนธรรมไทย นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ชายหนุ่มจะได้พิสูจน์ความจริงใจของตน และใช้ปณิธานอันมั่นคงทำลายกำแพงในใจเธอเสีย เพื่อที่เธอจะได้มาเป็นนางรำในใจเขาตลอดไป

จากโครงเรื่องคร่าวๆ ก็บอกได้ว่านิยายเรื่องนี้เน้นความเป็นไทย (แน่นอนเพราะว่าด้วยศิลปะรำไทย) เคยเห็นแว้บๆ ในเด็กดีนี่เองแต่ว่าไม่ได้ตามอ่าน แต่ก็ได้ยินเสียงร่ำลือว่าน่าอ่าน จึงต้องขอลองสักครั้ง และก็คิดว่าเป็นนิยายที่ใช้ได้เล่มหนึ่ง

ถึงตอนแรกจะคิดว่าการเปิดตัวของตัวละคร โดยเฉพาะฝ่ายนางเอก..ไม่ค่อยทำให้เธอเด่นนักเพราะมีเพื่อนสาวเธอหลายคนออกในฉากแรกๆ แต่เมื่อรู้ชื่อว่านางเอกชื่อกังสดาลก็ค่อยแยกออกว่าเออ..นี่นางเอกนะ แต่เมื่อเรื่องเดินไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่ามีเรื่องราวน่ารักระหว่างพระเอก-นางเอก ดังที่คนทั่วไปเขาฟินจริงๆ แต่จะว่าไปพระเอกนี่ก็เป็นผู้ชายที่ไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ว่าจะยังเหลือผู้ชายที่หล่อ-รวย-แสนดี-ให้เกียรติ นางเอกขนาดนี้ (เรียกได้ว่าแหวกขนบนิยายพระเอกแนวซาตานที่เกลื่อนแผง) ซึ่งมองในแง่ดีก็คิดว่าดี เพราะนิยายที่พระเอกเลวนั้นเรายังนึกสงสัยเลยว่านางเอกมันตาบอดหรือจิตใจพิการรึไงฟะไปรักมันได้ แต่กับพระเอกเรื่องนี้.. อืม.. ดีแบบไม่น่าเชื่อว่าจะมี ประมาณนั้น

ดังที่บอกว่าเป็นนิยายพระเอก-นางเอกรักกันแบบจุ๋งจิ๋ง มีปมให้ลุ้นบ้าง จึงถือได้ว่าอ่านได้ลื่นไม่สะดุด แต่ก็อดรู้สึกนิดๆ ไม่ได้ว่าแม้นี่จะเขียนให้เป็นนิยายในยุคปัจจุบันก็จริง แต่บางครั้งกลับอดรู้สึกไม่ได้ว่านี่เป็นนิยายย้อนยุคนิดๆ... สงสัยจะเพราะบุคลิกและทัศนคติตัวละครที่ออกแนวอนุรักษ์ความเป็นไทย

อุบายแค้นแผนรัก
ศิลาพันธ์ สนพ ละมุน

เมื่อเธอและเขาโคจรมาเจอกัน เรื่องปวดหัวถึงขั้นเป็นไมเกรนจึงเริ่มขึ้น แต่ในความวุ่นวายโลกแตกปวดแสบปวดร้อน ความรักบางๆกำลังก่อตัวขึ้น กว่าจะรู้สึกตัวก็เกือบจะเกลียดขี้หน้ากันไปแล้ว แบบนี้จะต้องไม่ปล่อยให้หลุดมือไป เพราะเราทั้งสองคนมันช่างสมกันราวใบตำแยกับหมามุ่ยเสียเหลือเกินแผนรักเบื้องหลังอุบายแค้นของแม่สาวนักเขียนมือทองและพ่อพระเอกหนุ่มสุดหล่อจึงเริ่มขึ้น.

เรื่องนี้คิดว่าชื่อเรื่องกับตัวเรื่องไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่ตัวพล้อตก็น่าสนใจว่านางเอกตั้งใจจะเป็นนักเขียน และเธอตั้งใจจะเขียนแต่นิยายน้ำดีด้วยนะ เพราะเปิดฉากแรกมาเธอโดน สนพ แห่งนึงปฏิเสธงานเนื่องจากคงไม่เข้าทางตลาดเขา คุณเธอก็เหวี่ยงใส่ (แวร้งงงง) แล้วก็ไปมุเขียนนิยายขายเอง ตั้งสนพ เอง (อ้าว รวยขนาดตั้ง สนพ ได้เองแล้วไปง้อคนอื่นเค้าทำไมหนอ แอบสงสัย) แล้วก็ดวงเฮงเพราะนิยายเธอเอาไปทำละครฮิตติดลมบน ส่งผลให้นามปากกาคุณเธอดังระเบิด

ส่วนพระเอกก็เป็นดาราหนุ่มที่มารับบทเล่นละครที่นางเอกเขียน เกี่ยวข้องกันเพราะนางเอกปลอมเป็นเด็กในกองแล้วก็ไปพัวพันกุ๋งกิ๋งกับพระเอก จนตอนท้ายเธอเปิดเผยตัวว่าเธอนี่ล่ะคนเขียนนิยายที่เอาไปทำละครดัง จบแฮปปี้กับพระเอก ประมาณนั้น

ตัวพล้อตบางครั้งออกแนวเกินจริงไปบ้าง เช่นว่านางเอกดังมากๆๆๆ จากการเขียนนิยายป้อนสถานีโทรทัศน์เพื่อทำละคร (ทั้งที่ความจริงบทละครจะดีบางทีขึ้นกับฝีมือคนเขียนบทมากกว่า) หรือตอนที่เธอเปิดเผยตัวแล้วเอ่ยกระทบกระเทียบ สนพ ที่เคยปฏิเสธงานของเธอแบบดูแคลน ซึ่งเธอก็ออกมาเย้ยแนวๆ ว่า 'เป็นไงล่ะปล่อยเพชรเม็ดงามหลุดจากมือ ตอนนี้ฉันได้ดีกว่าที่หล่อนคิดแล้วย่ะ' (ซึ่งออกแนวแค้นฝังหุ่นนะคะตัวเธอ)  แต่อย่างน้อยคนเขียนก็ได้สร้างงานเขียนที่ไม่เหมือนใครดี ชอบในระดับนึงนะ





Create Date : 13 กรกฎาคม 2556
Last Update : 13 กรกฎาคม 2556 20:43:50 น.
Counter : 1364 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  

ณ พิชา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



I think, therefore, I am