สัจอธิษฐาน / พลอยชนา
"สัจจะเจ้าเอย ขอตั้งจิตอธิษฐาน
ให้องค์พ่อเป็นพยานอย่างใจหมาย
ลูกจะรักภักดีทุกชาติไป
แม้สิ้นลมหายใจไม่สิ้นรัก"
สัจอธิษฐานที่ตั้งไว้ในอดีตชาติดั่งห่วงโซ่ที่พันธนาการให้ทุกชีวิตต้องว่ายวน
ให้คำสัจจะของตนเอง
อธิิชาไม่คิดฝันเลยว่าการตัดสินใจซื้อกำไรเพชรวงนั้นคือต้นเหตุของปัญหาทั้งปวง
บ่อยครั้งที่ได้ยินเสียงกระซิบเรียกในยามค่ำคืน
...เจ้าหญิงเทราปดีแห่งเมืองมคธ
และหลายครั้งที่ฝันถึงองค์ราชาแห่งอาณาจักรวิจายนครที่ล่มสลาย
เมื่อแรงสัจอธิษฐานกับอาถรรพ์ของกำไลเพชรที่เธอครอบครอง
ดั่งห่วงกรรมที่กำหนดให้เธอต้องกลับไปแก้ไขคำสัจจะของตนเอง ณ ดินแดนที่เธอจากมา
เจ้าไม่ควรตั้งสัจจะผูกมัดตนเองเช่นนั้น
ในยุคที่นิยายรักเกลื่อนแผงอย่างนี้ ยอมรับเหมือนกันว่าการจะเลือกหยิบอ่านสักเล่มไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็มองโลกแง่ดีว่ายังไงก็ต้องมีนิยายดีๆ ให้อ่านบ้างท่ามกลางกระแสนิยายอีโรติกล้นตลาด และถ้าเลือกได้เราก็จะซื้อนิยายที่คนเขียนไม่ได้เป็น big name ด้วยเพราะเราเชื่อว่าหน้าใหม่ก็ต้องการพื้นที่บนโลกวรรณกรรม ดังนั้นการจะหยิบสักเล่มติดมือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเหมือนกัน แต่ก็ยังดีที่นิยายสมัยนี้นั้นมักมีให้ลองชิมลางอ่านเนื้อหาบนอินเทอร์เนท ซึ่งเราว่าปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เรายอมซื้อหนังสือสักเล่ม
สำหรับเล่มนี้ที่ซื้อมานั้นดูเหมือนว่าตัวนิยายจะตีพิมพ์มาสักสามปีก่อนได้ ตอนที่เราไปสอยมานั้นก็เป็นราคาที่ไม่แพงเสียด้วย (คือว่าง่ายๆ ว่าเป็นหนังสือลดราคา ซึ่งเย้ายวนกับเราสุดๆ) ประกอบกับเคยเห็นมาบ้างในอินเทอร์เนทและคิดว่าไม่เสียดายตังค์
พื้นฐานเราเป็นคนชอบนิยายที่แหวกๆ แนวทั่วไปสักหน่อย อย่างเรื่องนี้อ่านชื่อเรื่องกับคำโปรยก็รู้สึกได้ว่าเกี่ยวกับย้อนอดีตระลึกชาติแถบแดนภารตะ ซึ่งก็เป็นแนวที่หาได้ไม่ง่ายนักในจำนวนนิยายย้อนอดีตชาติ ซึ่งก็คิดว่าถ้าคนเขียนมือไม่ถึงนี่อาจจะเป๋ได้เลย แต่เท่าที่อ่านเรื่องนี้ก็บอกได้ว่า...ไม่อาจดูเบาผู้เขียนเรื่องนี้ได้ในเรื่องความตั้งใจในการหาข้อมูลเพื่อขีดเขียน (แม้ว่าการเล่าเรื่องอาจดูแปลกแปร่งไปบ้างในสายตาเราก็ตาม)
สัจอธิษฐาน เล่าเรื่องราวการล่มสลายของอาณาจักรในอินเดียที่พ่ายต่อกองทัพอิสลาม พุทธศาสนาโดนทำลาย องค์ราชาปฐฤวีราชแห่งวิจายนครสิ้นพระชนม์ในที่รบ ราชินีของพระองค์คือเจ้าหญิงเทราปตีเลือกเข้าพิธีสตีเพื่อตามผู้เป็นที่รักแทนการตกเป็นชายาของฝ่ายรุกราน จำเนียรกาลผ่านไป เรื่องราวก็มาเริ่มต้นที่ประเทศไทยเมื่อ อธิชา ได้ซื้อกำไลจากร้านของเก่าซึ่งเป็นของแท้มาจากชมพูทวีปและเริ่มรับรู้ถึงความทรงจำอันแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับเธอ (แน่นอน เธอคือ เทราปตี กลับชาติมาเกิด)
อธิชาเป็นนางเอกที่ครบเครื่องคนหนึ่ง คือเธอสวย บ้านรวย เธอมีมันสมองเพราะเป็นอาจารย์สอนวิชาอารยธรรมกับความเชื่อทางศาสนาในมหาวิทยาลัยเอกชน (ก็เป็นกิจการของครอบครัวเธอ) เมื่อเกิดเรื่องแปลกๆ เธอจึงวิ่งไปหาเพื่อนรักชื่อ จิดาภา ซึ่งมีอาชีพเป็นคนทรงเจ้า (นี่ก็แปลกดีเนอะ)
รายละเอียดของเรื่องนั้นไม่ขอสปอยล์ แต่เค้าโครงก็คืออธิชากับองค์ราชาปฐฤวีราชได้ตั้งสัจจะต่อกันว่าจะครองคู่กันไปตลอด แต่ก็เพราะสัจจะนั้นทำให้เธอต้องบินไปอินเดียเพื่อยุติพันธะนั้นเพื่อปลดปล่อยเขา และเอาเพชรโกอินูที่บังเอิญได้มาไปคืนเจ้าของ ซึ่งการเล่าเรื่องของนิยายเรื่องนี้ก็ใส่เรื่องราวข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มาอย่างไม่อั้น โดยเริ่มต้นจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของอินเดีย โดยเฉพาะคำสาปของเพชรโกอินู (อาถรรพ์แรง) ที่ตกทอดมายังอธิชา มีการเอ่ยถึงเหตุการณ์นองเลือดที่นาลันทา วิหารพุทธที่ถูกกองทัพเปอร์เซียรุกรานและฆ่าฟันพระสงฆ์และผู้คนไปมากมาย และการเดินทางไปอินเดียซึ่งผู้เขียนใส่รายละเอียดไว้มากมายชนิดเหมือนไปเห็นมาแล้วจริงๆ
ดังนั้นในเรื่องข้อมูลแล้วเรายอมรับว่าคนเขียนเรื่องนี้ค้นคว้าข้อมูลและเรื่องราวมาค่อนข้างดี และไม่ใช่แค่ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ แต่คนเขียนดูจริงจังเรื่องจิตวิญญาณด้วย ที่ต้องนับถือคนเขียนคือการอธิบายแนวคิดเรื่องจิตเกิดดับที่ไม่ได้ดาษๆ เช่นนิยายข้ามภพทั่วไปที่แค่ตัวละครนี้เคยเกิดเป็นคนนี้ พอตายก็กลับชาติมาเกิดเป็นคนนี้ แต่นิยายเรื่องนี้ได้อธิบายไว้ว่า จิตมีเกิดมีดับทุกขณะอยู่แล้ว จิตที่มาเกิดใหม่จะเป็นของเดิมก็ไม่ใช่ จะเป็นจิตใหม่ก็ไม่ใช่ ซึ่งก็เป็นหลักการแนวพุทธที่เราเพิ่งได้รับทราบมาเช่นกัน (แต่ตอนเด็กๆ ก็จะคิดว่าจิตนี้จิตเดียวเที่ยวไปทั่วภพ แต่จริงๆ ไม่ใช่ จิตเกิดและดับทุกขณะต่างหาก)
แต่ถึงอย่างนั้น ข้อมูลที่สมจริงก็อาจเป็นจุดแปลกแปร่งสำหรับคนอ่านอย่างเราด้วยเพราะบ่อยครั้งที่ตัวละครจะอธิบายเรื่องราวเป็นหน้าๆ หรือเรื่องราวบางอย่างเอ่ยไปแล้วก็เอามาเอ่ยซ้ำอีกเป็นหน้าในตอนหลัง (เช่นฉากล่มสลายของเมืองที่ฉายซ้ำบ่อย ฉากเล่าที่มาเพชรโกอินูที่ยาวเฟื้อยและเอ่ยซ้ำอีก) อีกประการด้วยความที่เกี่ยวกับอดีตชาติจึงต้องมีการระลึกชาติ ซึ่งเล่มนี้ก็จะย้อนอดีตเป็นระยะๆ ซึ่งเหตุการณ์อดีตก็ดูจะไม่ต่อเนื่อง จึงลำดับเวลาและความเข้าใจเกี่ยวกับอดีตลำบากนิดๆ แต่โดยรวมก็เข้าใจอยู่ดีว่าอดีตนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ไม่แน่ใจว่ารูปเล่มนี้มีการตัดฉากอะไรออกรึเปล่าเพราะบางช่วงรู้สึกมีส่วนขาดๆ เช่นบทแรกๆ ที่เปิดตัวนางเอกของเรื่องนั้นจู่ๆ เธอก็โผล่ขึ้นมาเลย (ดูจากเลขหน้าก็ไม่ได้เลขหน้าขาดไป) ซึ่งเท่าที่เสิร์ชอ่านตามเวบคนเขียนน่าจะเขียนไว้ยาวกว่านี้ แต่อาจถูกตัดในขั้นตอนการพิมพ์ด้วยความยาวของตัวเรื่อง
อ้อ ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีอีกคู่คือจิดาภาเพื่อนของอธิชา กับพี่ชายของอธิชาซึ่งเหมือนมี something wrong ต่อกันและดูหมางเมินกันตลอดเล่ม แต่เท่าที่ไปเปิดๆ อ่านในเวบดูเหมือนสองคนนี้จะลงเอยแบบพลิกความคาดหมายคอนิยายรัก
อย่างไรก็เราตามยังไม่อาจรีวิวนิยายนี้ได้เต็มที่นักเพราะเล่มที่เราอ่านเล่มนี้ก็ยังไม่จบเรื่อง (น่าจะยังไม่ถึงครึ่งของพล้อตคนเขียนด้วยซ้ำ) อ่านจนจบเล่มแล้วก็รู้ว่าปมยังไม่ถูกคลี่คลายเลยเพราะอธิชากับจิดาภาเพิ่งไปถึงอินเดียเอง แต่ดูเหมือนคนเขียนจะแจ้งไว้ว่าเล่มสองถูกระงับการพิมพ์ (ด้วยปัญหาอะไรก็แล้วแต่ เห็นใจนะ) ก็เลยต้องค้างคาไว้ก่อน แต่ด้วยความที่นิยายยุคนี้มีให้อ่านทางอินเทอร์เนทแทบทั้งนั้น ถ้าต้องการอ่านถึงตอนจบของเรื่องก็เข้าเวปได้
จากการติดตามอ่าน อย่างน้อยเราก็ยอมรับความสามารถของคนเขียนที่เขียนเรื่องราวยิ่งใหญ่ขนาดนี้ออกมาได้ สิ่งที่ต้องยกนิ้วให้คือความตั้งใจดี...ถึงขั้นดีมาก ที่จะถ่ายถอดประวัติศาสตร์ในยุคสมัยนั้นโดยผูกเข้ากับเรื่องราวเพชรอาถรรพ์และตำนานรักหลายเส้าที่ดำเนินมาถึงปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ยังรู้สึกติดขัดบ้างคือการถ่ายทอดเรื่องราวที่บางครั้งขาดๆ หรือลอยๆ ไปบ้าง และบางครั้งก็จะเอ่ยซ้ำเหตุการณ์บ่อยๆ อย่างไรก็ตามเราชอบเรื่องแนวคิดแง่พุทธที่คนเขียนใส่มา (แม้บางครั้งจะเยอะเป็นหน้าๆ) เพราะมันบ่งบอกว่าคนเขียนมีแง่มุมในการดำเนินชีวิตไม่น้อยทีเดียว