Group Blog
 
All Blogs
 
คุยกันเรื่อง Blog

เมื่อเร็วๆนี้ ผมได้เชิญคุณเก่ง “กติกา สายเสนีย์” แห่ง //www.Keng.com กูรูคนหนึ่งในวงการ Blog ของเมืองไทยมาบรรยายพิเศษเกี่ยวกับ “Blog Marketing” ให้กับนักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรนิเทศศาสตร์การตลาด ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย //gs.utcc.ac.th/mc/

เพราะผมต้องการให้นักศึกษาปริญญาโทในหลักสูตร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักสื่อสารการตลาด นักการตลาด นักประชาสัมพันธ์ คนจัดEvent ฯลฯ รู้จักและเข้าใจธรรมชาติของสื่อใหม่อย่าง Blog รวมทั้งสามารถประยุกต์นำ Blog มาใช้ทำการตลาด

การบรรยายพิเศษครั้งนั้น ต้องถือว่าคุณเก่ง...กติกา เป็นคนเก่งสมชื่อครับ เพราะเขาสามารถปูพื้นให้นักศึกษาปริญญาโทหลายคนที่ไม่เคยรู้จัก Blog สามารถเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของสื่อใหม่ในการทำการตลาด

ผมจึงขออนุญาตหยิบยกบางตอน บางแง่มุมในการบรรยายของคุณเก่งมาเล่า และขยายความต่อ...

คำว่า Blog จัดว่าเป็นคำย่อของ “Web log” หรือ “Weblog” เริ่มใช้ครั้งแรกในปลายปี 1997

คนคิดชื่อนี้คือ John Barger หมายถึง เว็บไซด์ส่วนตัวที่ผู้สร้างหรือที่นิยมเรียกขานกันว่า “Blogger” จัดทำขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆในชีวิตประจำวัน รวมทั้งใช้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทัศนคติ หรือนำเสนอบทความใหม่ๆ

บางคนอาจจะใช้Blogเป็นพื้นที่วิพากษ์วิจารณ์ข่าวสารบ้านเมือง หรือประเด็นทางสังคม หรือประเด็นจิปาถะอื่นๆ

ไล่ตั้งแต่เรื่องหนักๆอย่างปัญหาโลกร้อน จักรวรรดินิยมทางวัฒนธรรม ทฤษฏีสมรู้ร่วมคิด ฯลฯ ไปจนถึงเรื่องเบาๆสบายๆอย่าง การทำอาหาร การแต่งหน้าทาปาก ฯลฯ

เสน่ห์ของ Blog อีกอย่างคือ เปิดโอกาสให้คนอ่าน ผู้เข้ามาเยี่ยมชมBlog สามารถแสดงความคิดเห็นต่อหัวข้อต่างๆของ Blogger

แฟชั่นการเขียนและอ่าน Blog จัดว่าเป็นเทนด์ใหม่ของโลกก็ว่าได้

จากสถิติของ Technorati ซึ่งเป็น Blog Search Engine รวบรวมข้อมูลของ Blog ทั่วโลกระบุว่าทุกวินาทีจะมี Blog เกิดใหม่ 1.4 Blog

แล้วทำไมคนถึงคลั่ง Blog กันทั่วโลกละครับ

ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะ Blog มีคุณสมบัติแตกต่างจากเว็บไซด์อื่นๆที่มีอยู่ดาษดื่นทั่วไปในโลกไซเบอร์ตรงที่มีความเป็นกันเองมากกว่า

กล่าวคือ Blogger สามารถเขียนเรื่องแบบชิลล์ ชิลล์ สบายๆ ไม่เป็นทางการ ไม่เคร่งครัด ซีเรียจเรื่องของภาษาอะไรมากนัก

ส่วนใหญ่ Blog ที่ได้รับความนิยมสูงๆมักจะเป็น Blog เขียนด้วยการใช้ภาษาปาก ภาษาพูด เหมือนการพูดคุยกันแบบผองเพื่อน มากกว่าการเขียนแบบทางการ หรือเป็นงานวิชาการเต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคชวนปวดหัว

Blogger ยอดฮิตส่วนใหญ่จะเขียนเรื่องด้วยประสบการณ์จริงของตนเอง หรือเขียนในเรื่องที่ตัวเองรู้จริง ทำให้คนอ่านได้รับสารประโยชน์ แถมยังได้บันเทิงอารมณ์ เศร้า ซึ้ง ลุ้น ระทึก ร่วมไปกับผู้เขียน

นอกจากเนื้อหาและสไตล์การเขียนของ Blog จะโดนใจคนอ่านแล้ว ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยในยุคนี้ทำให้คนธรรมดาสามารถมี Blog ของตัวเองได้อย่างง่ายดายยิ่ง

จำได้ว่า เมื่อก่อนถ้าใครต้องการมีเว็บไซด์ของตนเอง เขาคนนั้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ หรือจำเป็นต้องใช้โปรแกรมบางอย่างเพื่อเขียนเว็บไซด์

แต่ตอนนี้ทุกคนสามารถมี Blog ของตนเองได้ทันที โดยเข้าไปสมัครลงทะเบียนกับผู้ให้บริการพื้นที่ Blog หรือที่เรียกกันว่า “Blog Provider”

เพียงกรอกข้อมูลไม่กี่อย่างก็สามารถมี Blog ของตนเองได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที

ที่สำคัญ บริการดังกล่าวยังฟรีอีกด้วยครับ

แถมตอนนี้ยังมี Blog Provider ให้เลือกมากมาย ทั้งของนอก และของไทย

อย่างของไทย //BlogGang.com กับ //Exteen.com ถือว่าเป็น Blog Provider ระดับพี่เบิ้มของวงการ

เอาละครับ...เมื่อ Blog เป็นนวัตกรรมที่สมัครง่าย สมัครฟรี เขียนแล้วอ่านได้เพลินๆ แถมBlogger บางคนยังใส่รูป ใส่คลิปหนัง ใส่เสียงเพลง ทำเป็นรายการวิทยุ ฯลฯ สารพัดเทคนิคจะสรรสร้าง ทำให้นักการตลาดและนักประชาสัมพันธ์มองเจ้าสื่อใหม่ตัวนี้ตาเป็นมัน

ในหนังสือ “The New Rules of Marketing and PR” ของ David Meerman Scott เขียนไว้ว่า Blog เป็นสื่อใหม่ที่ทำให้เจ้าของสินค้าและบริการ หรือนักการตลาด นักประชาสัมพันธ์สามารถสื่อสารโดยตรงกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสื่อสารมวลชน อย่างหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุเหมือนเช่นในอดีต

พูดง่ายๆคือ ไม่ต้องไปเอาใจนักข่าว เพื่อขอลงข่าวประชาสัมพันธ์
ไม่ต้องไปทุ่มเสียเงินซื้อโฆษณา

เพราะการทำเช่นนั้นอาจเป็นการสื่อสารที่สูญเปล่า เนื่องจากบางทีกลุ่มเป้าหมายของสินค้าและบริการอาจได้รับสารไม่ตรงกับความต้องการของเจ้าของสินค้าและบริการก็ได้

David ยุให้เจ้าของกิจการ นักการตลาดและนักประชาสัมพันธ์ใช้ Blog บอกเล่าเรื่องราวแบบจริงใจ ตรงไปตรงมากับกลุ่มเป้าหมาย ด้วยลีลาเป็นกันเอง แต่ไม่ใช่ลีลาของการโฆษณาชวนเชื่อจนน่าหมั่นไส้

อย่างไรก็ตาม David ไม่ได้ถึงกับเสนอให้ทิ้งสื่อเก่าไปเสียสิ้นเชิง เขาแนะให้ส่งสารชนิดเดียวกันกับกลุ่มเป้าหมายไปถึงสื่อเก่าด้วย

เพราะเขาเชื่อว่า ถ้าประเด็นหรือเรื่องราวที่นักการตลาดต้องการจะพูดคุยกับกลุ่มเป้าหมาย เป็นเรื่องน่าสนใจ มีความแปลกใหม่ เร้าใจ ดีไม่ดี สื่อเก่าอย่างหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อาจจะเอาไปนำเสนอต่อให้ฟรีๆก็ได้

แต่การจะทำให้ประเด็นนั้นๆกลายเป็นประเด็น“นาครสนนทนา” หรือที่นักการตลาดมักจะเรียกว่า “Viral Marketing” ได้มากน้อยเพียงใด ต้องขึ้นอยู่กับขดในสมองของนักการตลาดหรือนักประชาสัมพันธ์นั้นๆ

นอกจาก Blog จะสามารถนำมาใช้สื่อสารโดยตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และสร้างกระแสแบบ Viral Marketing แล้ว ด้วยโปรแกรมของ Blog เปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมสามารถแสดงความคิดเห็นได้ นักการตลาดหัวเสธบางคนจึงใช้ Blog เป็นเครื่องมือรับฟังความคิดเห็นของผู้บริโภค หรือทดสอบผลิตภัณฑ์

โดยนักการตลาดจะเชื้อเชิญ ยั่วยุ หลอกล่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาเขียนเล่าประสบการณ์ของตนเองเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของตน

เมื่อได้ความคิดเห็นมาแล้วพวกเขาสามารถนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนเองได้อย่างไม่ต้องลงทุนอะไรเลย

แถมหลายๆความคิดเห็น หรือหลายๆประสบการณ์ยังเหมือนกับโฆษณาชั้นดีให้กับสินค้าและบริการนั้นๆ เพราะเป็นโฆษณาที่เกิดจากประสบการณ์จริง

นักการตลาดบางคนยังใช้ประโยชน์จากการสื่อสาร 2 ทางเช่นนี้ สร้างชุมชนให้กับสินค้าหรือบริการของตนเองได้อีกด้วย

ครับ...นี่เป็นเพียงอิทธิพลบางส่วนของ Blog ที่ส่งผลสะเทือนให้กับแวดวงการตลาด แต่ที่จริง Blog ยังมีผลสะเทือนถึงแวดวงการเมือง และสังคมอีกหลายอย่าง เอาไว้ค่อยมาคุยกันต่อนะครับ

ว่าแต่...อ่านถึงตรงนี้ คุณสนใจจะมี Blog เองหรือยัง

.....................................................................................................
บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Thaicoon ฉบับที่เดือน มีนาคม 2551





Create Date : 27 มีนาคม 2551
Last Update : 27 มีนาคม 2551 10:13:47 น. 5 comments
Counter : 377 Pageviews.

 
ไม่ทันคิดเลยค่ะว่าบล๊อกสามารถนำมาเป็นสื่อโฆษณาได้ด้วย

บล๊อกขายสินค้า ยังเคยเห็นบ้างนะคะ
ยังไงถ้าเจอบล๊อกที่เป็นสื่อโฆษณานำมาบอกกันบ้างก็ดีค่ะ
จะขอเข้าไปดูวิธีการนำเสนอ เพื่อเป็นความรู้ด้วยคนค่ะ


โดย: อำแดงสนุก วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:11:06:42 น.  

 
ผมคนหนึ่งที่ยกอาจารย์เป็น blogger ในดวงใจ อิอิ... อย่าเคลิ้ม ครับ อย่าเพิ่งเคลิ้ม


โดย: friendlymitt IP: 58.147.56.134 วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:13:51:04 น.  

 
ไม่เคลิ้มครับ...แค่ตาลอย...หวิวๆ


โดย: สายน้ำกับสายเมฆ วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:16:56:20 น.  

 
อาการแบบนี้ แถวบ้านเรียกว่ากะลังเคลิ้มได้ที่ครับ
......

เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า blog เป็นอะไรที่ไร้สาระ หาประ
โยชน์อะไรไม่ได้ แต่พอเข้ามาบ่อยเข้าความคิดชักเปลี่ยน
แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่ามันดียังไง ขอบคุณอาจารย์ครับที่มา
ช่วยเปิดประเด็นความคิดดีๆ... อย่างน้อยก็เอาไปโม้ต่อ
ได้ เหอ เหอ


โดย: friendlymitt IP: 58.147.56.134 วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:12:55:17 น.  

 
แวะมาเยี่ยมครับ
มาอ่านบทความดีๆ ที่ไม่เคยรู้เลยว่ามีครับ

ทางมหาวิทยาลัยน่าจะรวบรวม Blog ที่อาจารย์ทุกท่านเขียน
มารวมเป็นเว็บๆ หนึ่ง

ผมว่าจะได้เว็บ KM ที่น่าสนใจมากๆ ครับ



โดย: หนุ่ย (Nui-Saran ) วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:2:39:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายน้ำกับสายเมฆ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Locations of visitors to this page

Tracked by Histats.com
Friends' blogs
[Add สายน้ำกับสายเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.