เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน............................
 
วอร์ดของผม กับไส้กรอกเยอรมันของเขา



ในปีสุดท้ายก่อนผมจะจบการศึกษา ผมได้มีโอกาสไปฝึกงานที่เมืองที่อยู่เหนือที่สุดของแผนที่ประเทศไทย “เชียงราย ”
นอกจากประสปการณ์ดีๆในการเที่ยวเล่นแถวนั้น

ผมมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า “ทิล (Till) ”
เขาเป็นหนุ่มนักศึกษาแพทย์สัญชาติ”เยอรมัน “
ผมจำบทสนทนาวันแรกได้ดี

วันนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ขณะที่ผมกำลังเดินดูคนไข้ในวอร์ด
อ.จ หมอศัลกรรม ได้เดินมาและบอกว่า
“ ฝากดูแล เพื่อนด้วยนะ เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ จากเยอรมัน “
“ครับ”

ผมหันไปเห็นชายหนุ่มร่างยักษ์สูงประมาณ 190 เซนติเมตร ผมสีทอง แม้ความคิดยังไม่ทันแล่นเข้าสมองดี
ก็สามรถจัดชายคนนี้ให้อยู่ในกลุ่ม “ฝรั่ง” ได้ทันที
ผมคิดบทสนทนาซักพัก.........แล้วตัดสินใจยิงออกไป (ไม่ล้ำหน้าน่ะครับ )

ผม “ Hi… Nice to meet u . “
ผมพูดออกไปด้วยสำเนียง เกร็งๆ หัวเราะแหะๆสองที
ผม “My English is not very well “
Till “ ผมก็อู้ คำเมือง บ่จ้าง เหมือนกันครับ “ หนุ่มร่างยักษ์พูดพร้อมส่งยิ้มให้ผม

Till เป็นหนุ่มเยอรมัน 100 % เต็ม เพียงแต่พ่อของ Till นั้นเป็นคนเยอรมัน ที่หลงใหล
ในวัฒนธรรมไทย และ ภาษาบ้านเราอย่างหัวปักหัวปำ จึงมาปักหลักทำวิจัยเกี่ยวกับ
บ้านเราเกือบ 20 ปี และ แน่นอนในห้วงเวลานั้น Till ก็เกิดขึ้นมาพอดี

ผมตอบ Till อย่างขำๆว่า “ผม ก็อู้บ่จ้าง เหมือนกันครับ” ( อยู่มาหกปีแล้ว )

เมื่อไม่มีกำแพงทางภาษา บทสนทนาก็ก้าวไปอีกหนึ่งเสต็ป
ไม่งั้น Till คงคุยกับผมได้แค่ว่า

“มาเมืองไทยครั้งแรกหรอ”
“ชอบอาหารไทยไหม เผ็ดน่ะ”
“ชอบเมืองไทยไหม”
“วันนี้ อากาศดีน่ะ “

ผมมีโอกาสได้คุยกับ Till ในหลายๆแง่มุม ประดุจว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้คุยกับ
คนเยอรมันรู้เรื่องแล้ว ( ซึ่งเป็นไปได้สูง )

แต่.........แท้จริงผมมีความหลังกับ”เยอรมัน” อย่างฝังใจ

ย้อนกับไปสมัยปีหนึ่ง --- พ.ศ 2544
ผมยังอยู่ในชุดนักศึกษา กางเกงสีดำ ใส่ไทด์สีเขียว
ในการเลือกวิชาเลือก ซึ่งมีเพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่ให้โอกาสนักศึกษาแพทย์ได้เลือกสิ่งที่เราชอบ
( หรือ วิชาที่เราอยากได้คะแนน )


ผมโดยส่วนตัวก็ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ และไม่ได้เก่งอะไรเป็นพิเศษ
ผมขออะไรก็ได้ที่ พูดแล้วดู “เท่ ”

วันนั้นผมเลือก ”เยอรมัน” เหตผลที่ผมเลือกมีสองอย่าง
1. รูมเมต ผมมันก็เลือกมันบอกว่า เยอรมันเนี่ย การแพทย์เจริญ อีกหน่อยจะได้ไปเรียนต่อ
2. ผมลองพูดกับเพื่อนสาวๆดูว่า “ ว่าจะเรียน เยอรมัน “ เพื่อนสาวมักหันมามองแล้วบอกว่า “ หู....... “ หรือ “ว้าว.... “

ดังนั้นไม่มีอะไรต้องรีรอแล้ว ผมตัดสินใจมุ่งสู่ดินแดนทางภาษาของเมืองเบียร์ทันที

ครับ.....

ชีวิตไม่ได้เป็นอย่างในนิยาย และ ความเท่ก็กินไม่ได้
สิ่งที่ผมเก็บเกี่ยบมาในช่วงเวลาหกเดือน คือ ได้มองสาวๆคณะมนุษย์ และ ทักษะการสื่อสารกับคนเยอรมันด้วย ” ภาษามือ ” อย่างมั่นใจมากขึ้น

ผมจบมาด้วย คะแนน D+ เป็นนักศึกษาแพทย์คนเดียวที่ได้คะแนนต่ำที่สุดในวิชาเลือก
และแน่นอนมันเป็นกรณีศึกษาสืบทอดต่อไป

*หลังจากนั้นทุกๆปีเมื่อมีการปฐมนิเทศ ของนักศึกษาแพทย์ ม.ช. จะมีการพูดว่า
“สำหรับน้องที่จะเลือกวิชาเลือก ขอให้เลือกที่เราถนัดจะได้คะแนนดีๆ
อย่าเลือกเพราะอยากเท่ เหมือนพี่คนหนึ่ง........... “

ผมจำได้ว่า วันที่ผมเห็นคะแนนตัวเอง ผมตะโกนบอกฟ้าว่า
ผมจะไม่สุงสิงกับคนเยอรมันอีกเด็ดขาด
ผมเกลียดฮิตเลอร์
ผมจะไม่กินไส้กรอกเยอรมัน (ไม่เกี่ยวกันเลย )

แต่แล้วพระเจ้าก็บรรจงจัด Till มาให้ผม

………………………….

เอาละครับ นอกเรื่องกันมาพอหอมปาก หอมคอ
เข้ากันที่เรื่อง “ วอร์ด ( ward )“


ถ้าใครเคยเข้าไปใน รพ. รัฐบาล จะรู้ว่าสภาพมันไม่ได้ดูดีเหมือน รพ.ในละคร
ครับ...... รพ.รัฐบาล บ้านเรามันไม่สวยงามนัก

วันนั้นตอนเย็นๆ ผมเดินดูวอร์ดกับ Till ผมเห็น Till มองเข้าไปที่ วอร์ดผู้ป่วยรวม
ซึ่งภาพที่เห็นคือ “เตียงเหล็ก” ตั้งเรียงกันอย่างอัดแน่น ประดุจว่าเว้นที่ให้ ซุปเปอร์โมเดล
เท่านั้นเดิน อีกทั้งข้างเตียงจะมีคนกางเปลนอนอยู่ข้างๆ ไม่เว้นแม้แต่ใต้เตียงก็ยังมีคนปูเสือนอน
ซึ่งบางเตียงอาจอัดกันนอนถึงสองคน

Till หันมาบอกผมว่า “ แปลก “
ผมก็ตอบทิลไปว่า “ ยังงี้แหละ เมืองไทยบ้านเรา ยังไม่ได้มีเงินมากพอ ที่จะสามารถปรับปรุง สาธารณูโภคพื้นฐานที่ดีพอ
คนรวยเท่านั้นถึงมีโอกาสเข้าพักในห้องแยกหรูๆ “
ผมตอบไป ใจนึงก็เศร้าใจในประเทศตัวเอง

Till มองผมส่ายหน้าและบอกว่า

“ ที่ผมว่าแปลกคือว่า ผมแปลกใจที่ทำไม คนไข้ที่นี่ มีคนมาเฝ้าเยอะจัง “
“ที่เยอรมัน แม้มีห้องแยกหรูๆ มากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็ปล่อยให้คนไข้อยู่กันเอง “
“...โดยเฉพาะคนแก่ “
“ลูกหลานอาจมาบ้างครั้งคราว แต่พอเย็นๆก็กลับ ส่วนใหญ่ยกให้เป็นหน้าที่พยาบาล “
“ผมว่าบรรยากาศอย่างนี้มัน น่ารัก และ อบอุ่นดีจัง “


มุมปากทั้งสองของผมยกตัวขึ้นเล็กๆ และ หัวใจที่พองโตขึ้นหน่อยๆ




บางอย่าง เงิน อาจ ซื้อไม่ได้




ด้วยรักและเคารพ

:->m’26

* Ward : a large room in a hospital for the accommodation of several patients





Create Date : 25 สิงหาคม 2550
Last Update : 25 สิงหาคม 2550 21:03:30 น. 54 comments
Counter : 1085 Pageviews.  
 
 
 
 
Till น่ารักมาก
และเรื่องที่เขียนนี้ก็น่ารักดี

ตอนที่อ่านนี้เพลง C'estci bon มันดังขึ้นมาพอดี
อ่านเรื่องเยอระมัน แต่มีเพลงฝรังเศสประกอบ
เสียงลิซ่า เท่ดีเนอะ

รูปประกอบด้านบนคลาสสิคดีจัง
 
 

โดย: grappa IP: 58.9.185.130 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:6:39:14 น.  

 
 
 

ภาพๆหนึ่งอาจมีมุม ที่คนมองเห็นต่างกันนะคะ
ภาพใต้สิ่งที่เรามองอย่างสลดหดหู่ใจ
อาจมีอีกด้านที่คนอื่น มองในมุมที่กลับกันได้
อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ทำให้เห็นว่า
ถึงจะคับที่ แต่ก็มีพื้นที่กว้างในใจ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นอยู่




 
 

โดย: มาริอา วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:11:50:04 น.  

 
 
 
มิตรถาพเกิดขึ้นทุกที

 
 

โดย: ชายกลาง IP: 58.8.118.151 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:14:31:32 น.  

 
 
 
มาส่งเสียง "หู...."
"ว้าว...." ให้พี่หมอค่ะ

คุงคูอ้อมกลับมาแล้วค่ะ
อาการดีขึ้น(แต่ยังไม่หายขาด)

สิ้นสุดการทดลองสอนแล้วค่ะ
คราวนี้คูอ้อมคงคิดถึงลิงน้อย

ป.ล.
อัพบล็อกแล้วคร่า
 
 

โดย: verdancy วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:18:19:32 น.  

 
 
 
แต่มาเฝ้าเยอะๆก็ไม่ไหวนะครับ
บางทีคนไข้คนนึง ญาติมาทั้งกุรุส ปูเสื่อนอนมันข้างเตียงและใต้เตียงนั่นล่ะ แล้วผมจะเดินเข้าไปยังไงล่ะเนี่ย
 
 

โดย: jonykeano วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:18:46:45 น.  

 
 
 
ผมว่าญาติมาให้กำลังใจกับคนป่วยครับ

เห็นว่าคนไข้ที่มีกำลังใจดีจะมีเปอร์เซนต์recoverได้ดีกว่าใช่ไหมครับ

เเล้วหมอได้รู้ออะไรจาก Till อีกครับ
 
 

โดย: CM_Guy IP: 57.73.7.74 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:7:59:28 น.  

 
 
 
มีหลายๆอย่างที่ผมได้มีโอกาสเรียนรู้จาก Till ครับ
ไว้จะเล่าสู่กันฟัง ในโอกาสหน้า ครับ

 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:8:35:21 น.  

 
 
 
ครับ คนไข้ ที่มีญาติมาเยี่ยมเยอะ คนมาเฝ้าบ่อยๆ

จะหายเร็วกว่าชัดเจนครับ

 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:8:37:50 น.  

 
 
 
+ กร๊ากกก ... พอดีผมโหลดหน้านี้มาไว้ตั้งแต่เช้า แล้วอ่านสลับกับหน้าอื่น พร้อมๆ กับทำงานไปด้วย ... ปรากฎว่าผมพักครึ่งช่วง "ไส้กรอก" กับช่วง "วอร์ด" (คือไม่ได้อ่านต่อกัน เพราะเห็นว่ามันไม่ต่อกัน) ... พออ่านถึงตอนจบผมเลยงงว่า "เอ๊! ... แล้วไส้กรอกมันอยู่ตรงไหนกันฟระ?!?" จนต้องย้อนกลับไปอ่านเรื่องบนใหม่อีกรอบ เพราะเลือนหายไปจากความทรงจำระยะสั้นเรียบร้อยแล้วอ่ะครับ เหอะๆ

+ หมอตั้มเหมือนผมเลยครับ มีประสบการณ์การเรียนภาษาต่างประเทศ (ไม่นับอังกฤษ) 1 ปี ตอนเรียนมหาลัย ... จริงๆ แล้วที่ ม. ผมเค้าก็มีอังกฤษให้ลงนะครับ แต่สมัยนั้น ลาด'บุง ยังมีเครือข่ายจากญี่ปุ่นอุปถัมภ์ค้ำพุงอยู่ เค้าก็เลยมีการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่นด้วย ... ผมได้เรียนแต่ฮิราคานะ กับคาตาคานะ (คันจิ ต้องเรียนต่ออีกปี) แค่ 2 เทอม ตอนนั้นก็ฟังพูดอ่านเขียน ประโยคง่ายๆ พอได้อยู่ ... แต่ตอนนี้คืนจารย์ไปเกือบหมดแว้ว เหลืออยู่ไม่กี่คำเองอ่า แหะๆ
+ แรงบันดาลใจของผมในการเลือกเรียนญี่ปุ่น ก็ไม่มีไรมากหรอกครับ ... แค่รู้สึกว่าไหนๆ ก็เรียนอังกฤษมาตั้งหลายปีแล้ว ลองเรียนอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ดูหน่อยก็คงดีไม่ใช่น้อยแก่ชีวิต (แล้วพอแก่ตัวลง ผมก็ได้ไปลงเรียนรัสเซียมา 1 คอร์ส และตั้งใจว่าอยากเรียนสเปนอีกซักภาษา - แต่พูดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแทบไม่ได้ซักกะอย่าง เหอๆๆ)
+ เค้าว่ากันว่าเซนส์ทางภาษาเนี่ย แต่ละคนจะมีไม่เท่ากัน คุณหมอตั้มอาจจะมีเซ้นส์ดีในการเป็นหมอ แต่เรื่องภาษาก็อาจไม่ดีได้มังครับ

+ เค้าว่ากันว่าไม่ชอบ หรือตั้งใจจะไม่เอาสิ่งไหน ... สวรรค์ (หรือนรก) ก็มักจะจัดสิ่งนั้นมาให้นี่ครับ เหอๆๆ (แต่เคสหมอ Till คงเป็นสวรรค์กระมัง)
+ อย่างงี้ คุณหมอทิว (Till) ก็กลายเป็น หมอหน้าเยอรมัน แต่หัวใจไทยเต็มร้อยเลยจิคับเนี่ย ... แถมยังจิตใจดีอีกต่างหาก คนไข้สาวๆ กรี๊ดกันแย่เยย เหอะๆ
+ วัฒนธรรมเรื่องครอบครัว ของบ้านเราดี (อบอุ่น) กว่าบ้านเค้าจริงๆ แหละครับ ... ตอนผมไปอยู่กับแฟมิลี่ที่ NZ มาครึ่งปี ก็พอสัมผัสได้ตรงจุดนี้ ... เพราะลูกที่โตบรรลุนิติภาวะแล้ว จะไม่อยู่ร่วมบ้านกับพ่อแม่ตัวเอง จะออกไปสร้างบ้านใหม่อยู่ทันที แล้วค่อยมารวมครอบครัวกันจริงๆ ตอนช่วงคริสต์มาสอ่ะครับผม
+ หมอ Till เป็นฝรั่ง (หัวใจไทย) ที่มีมุมมองน่ารักดีนะครับ ... ถ้าคนส่วนใหญ่มองโลกแบบเค้าก็คงจะดีไม่ใช่น้อย โลกจะได้ดูน่าอยู่มากขึ้นอ่า
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:12:57:25 น.  

 
 
 
เคยมีประสบการณ์การเรียนภาษาที่สามเหมือนกันค่ะ เลือกเรียนภาษาญี่ปุ่น ด้วยว่าตอนนั้นคลั่งไคล้การ์ตูนญี่ปุ่น ผ่านไปสามเดือน บอกกับตัวเองว่ารอให้เค้าแปลให้อ่านก็ได้ฟร่ะ

ทุกวันนี้มาอยู่เซี่ยงไฮ้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนภาษาจีน เศร้าอีกแล้วครับท่าน

ชอบคุณหมอทิวจัง น่ารักดี แถมฮู้คำเมืองด้วย น่ารักมากๆเลย ที่นี่เจอฝรั่งหลายคนที่พูดภาษาไทยได้เก่ง รู้สึกปลื้มค่ะ อารมณ์เดียวกับคุณหมอที่ได้รับคำตอบจากคุณหมอทิวนั้นแหละค่ะ

ฝรั่งบางชาติเค้าไม่ค่อยให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวจริงๆค่ะ
แต่เป็นบางชาติเท่านั้นนะคะ แต่บางชาติเค้าก็ค่อนข้างใกล้ชิดกับครอบครัว ถึงจะเรียนจบแล้วแยกไปอยู่บ้านส่วนตัว ก็ติดต่อไปมาหาสู่พ่อแม่เสมอ แต่เค้าไม่มีวัฒนธรรมครอบครัวใหญ่แบบบ้านเรา ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกันแต่ญาติสนิทๆเท่านั้น เวลาพ่อแม่แก่บางคนเค้าก็จะพาพ่อแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรา ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นความต้องการของพ่อแม่เอง เพราะอยู่ใกล้หมอมากกว่า ไม่ต้องรบกวนลูก ให้ลูกคอยเป็นห่วง จนเสียการเสียงาน เวลาคิดถึงก็มาเยี่ยม อาจจะดูเหินห่างกว่าครอบครัวไทย แต่มันเป็นความเคยชินของเค้า มันอาจจะเป็นที่เราแสดงออกถึงความรักต่างกันกระมังคะ

คนไทย เรียนจบทำงานแล้วต้องส่งเงินให้พ่อแม่เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณ
ฝรั่ง(บางชาติ) เรียนจบแล้วต้องเร่งสร้างฐานะ เพื่อเวลามีครอบครัวมีลูก
คนไทย คิดว่าฝรั่งช่างเห็นแก่ตัวจัง ไม่ห่วงพ่อแม่
ฝรั่ง(บางชาติ) คิดว่าพ่อแม่คนไทยช่างเห็นแก่ตัวจัง ไม่ห่วงลูก

สงสัยต้องโทษความห่างของระยะทาง วัฒนธรรม ระบบจารีต และ โลกาภิวัตน์ มั้งคะ ที่ทำให้เราต่างกัน

ง่ะ โม้ยาวไปหน่อย ขอโทษนะคะ

รักษาสุขภาพคนอื่นแล้วอย่าลืมรักษาสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ
 
 

โดย: พื้นที่สีเขียว วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:15:56:52 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ...

อ่านไปก็ขำดีเหมือนกันแฮ่ะ...ต้องค่อยๆอ่าน กลัวจะอ่านกระโดดแล้วจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่..ฮิๆฮ่าๆ
 
 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:16:25:35 น.  

 
 
 
ไม่รู้ รู้แต่ว่าใส้กรอกเยอรมันอร่อย
 
 

โดย: ชายกลาง IP: 203.155.74.131 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:17:59:44 น.  

 
 
 
แวะมาทักทายก่อนนอนค่ะ
 
 

โดย: annie (annie_martian ) วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:1:36:50 น.  

 
 
 
บลูยอชท์ -- ตอนที่หมอ Till อยู่ที่นู้นนี่เป็นที่นิยมของพี่ๆพยาบาลมากครับ

พื้นที่สีเขียว-- ภาษาญี่ปุ่นผมก็เคยได้กล้อมแกล้มเรียนเหมือนกันครับ สุดท้ายก็ใช้ประโยชน์ได้แค่สั่งอาหารญี่ปุ่นเท่านั้นเอง

อยู่เซี่ยงไห้หรือครับ อย่างนี้ภาษาจีนก็สบายบรือแน่เลยครับ

ชายกลาง-- อร่อยจริงครับ


อ้อมแอ้ม --- สวัสดีครับ

annie -- ขอบคุณครับ

 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:8:17:19 น.  

 
 
 
ญาติพี่น้องรักกันเหนียวแน่น เป็นความภูมิใจของวัฒนธรรมไทย

อยากให้รักกันแบบนี้ในระดับประเทศด้วยจัง


เอ... อย่างนี้ คุณหมอก็คงจะไม่ใช่แฟนทีมชาติเยอรมนีสินะครับ
 
 

โดย: คนทับแก้ว วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:10:56:50 น.  

 
 
 
ผมเป็นแฟนทีม กสิกร ครับ

 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:13:26:42 น.  

 
 
 
โอ้ คูณเป็นหมอหรือนักเขียนกันเนี่ย
เขียนเล่าเรื่องดีจัง ค่ะ
มีหักมุมทุกที ประทับใจค่ะ
 
 

โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:19:12:08 น.  

 
 
 
สวัสดีคะคุณหมอ

คุณหมอ เขียนเรื่องเก่งเหมือนเป็นนักเขียน

นี่เป็นักเขียนปลอมตัวมาเป็นหมอ

หรือว่าเป็นคุณหมอที่ปลอมตัวมาเป็นนักเขียนคะ

 
 

โดย: เป็นกำลังใจให้คุณ วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:21:30:29 น.  

 
 
 
ภาษาจีนยังไม่กระดิกเลยค่ะ
พอบอกแท๊กซี่เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ตรงไป ได้ ก็บุญโขแล้วค่ะ
โฮะๆๆๆ
เห็นหลายเสียงว่าคุณหมอน่าจะเป็นนักเขียนเนี้ย เห็นด้วยอย่างยิ่งเลย

้เป็นนักเขียนปลอมมาสิบราชกาลลับอะป่าวเนี้ย
 
 

โดย: พื้นที่สีเขียว วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:9:25:58 น.  

 
 
 
+ แค่แว้บมาบอกคุณหมอตั้มว่า ผมเพิ่งอัพบล็อกใหม่มะวานตอนย่ำค่ำ ... คราวนี้เป็นเรื่อง 'หนัง' ด้วยแหละ (นานๆ จะเขียนในบล็อกตัวเองซะที เพราะไปเขียนในบล็อกชาวบ้าน คงจะยาวไป) ... ว่างๆ อัญเชิญไปอ่านนะครับผม
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:10:58:22 น.  

 
 
 
โรงพยาบาลมิ้มก็เคยมีนักศึกษาฝรั่งมาเหมือนกันค่ะ
แล้วนศพ. ที่เก่ง english อย่างเราก็จะชะแว้บหนีตลอด

วิชาเลือกเหรอคะ มิ้มเลือกจิตวิทยา กะ จริยธรรม ค้า
ได้ A ด้วยน้าค้า แต่ถ้าเลือก เยอรมัน คงม่ายรอดเหมือนกาน

ตอนนี้เป็นไงบ้างคะ
คิดถึงสามจังหวัดชายแดนอยู่รื้อเปล่า
มิ้มใส่ทิวป์คล่องแล้ว ดีใจจังเล้ย
 
 

โดย: มิกิโกะ วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:16:09:18 น.  

 
 
 
ยิปซีสีน้ำเงิน
เป็นกำลังใจให้คุณ
พื้นที่สีเขียว ------------------- รู้แล้วต้องเหยียบไว้น่ะครับจริงๆแล้ว ผมปลอมตัวมาทำงานใต้เสื้อสีขาว เพื่อหาวัตถุดิบไปเขียน นิยาย เรื่องใหม่

บลูยอชท์ --- ตอนแรกผมก็นึกว่า บล็อก "ผมอยู่ข้างหลังคุณ "
คือของคุณ บลูยอชท์ ซะอีกครับ รู้สึกว่าจะเป็นหนังที่ผมหาดูแถวนี้ไม่ได้เลยครับ

มิกิโกะ --- ใส่ทิวป์ได้นี่ถือว่าจบหลักสูตรแล้วครับ อันนั้นเป็นท่าไม้ตายเลยครับ




 
 

โดย: k (kanapo ) วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:8:32:53 น.  

 
 
 
+ อะเจี๊ยกกก ... อย่าเอาผมไปเปรียบมวยกับคุณหมอ จขบ. "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" เลยครับ ... รายนั้นเค้าเก่ง เขียนดี ข้อมูลแม่น และดูหนังมากกว่าผมเยอะ จนถึงขั้นเป็นคอลัมนิสต์ขาประจำในนิตยสารหนังกับออกพ็อกเก็ตบุ๊คเป็นของตัวเองไปแว้ว ... อ้ายผมมันก็แค่กระจิบกระจอกเองอ่ะครับ แหะๆ

+ อ้าว ... หมอตั้มอ่านแล้ว ไม่ลงชื่อไว้ด้วยอ่ะครับ ผมนึกว่ายังไม่ได้อ่านซะอีกอ่า ... หนังที่ผมเขียนถึง คงหาแผ่นแถวๆ ใต้ยากเอาการอยู่ครับ คงต้องขึ้นมาช็อปที่กุงเต้บโน่นแหละคับผม

+ ทำงาน (รักษาคนไข้) อย่างมีความสุข สำหรับวันใกล้วันหยุดที่เงินเดือนกำลังจะออกนะครับ อิๆ
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:9:58:29 น.  

 
 
 
ลป. ลืมแซว ... เพิ่งเห็นหมอตั้มลงชื่อแบบไม่ใช่ 'เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน' เป็นครั้งแรก ... เห็นแล้วนึกถึงการ์ตูน ด็อกเตอร์ K. เลยอ่ะครับ
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:10:04:07 น.  

 
 
 
ผมก็เรียนหมอ เพราะอ่าน การ์ตูน เรื่องนั้นแหละครับ

 
 

โดย: k IP: 125.24.141.212 วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:12:54:43 น.  

 
 
 
อูยย ซึ้งจังอ่ะหมอ ( อ่านชื่อเรื่องแล้วคิดไปได้หลายอย่าง)

ไส้กรอกเมืองเบียร์หร่อยอยู่นะ เพิ่งไปกินมา (อย่าคิดลึก)


 
 

โดย: lbkb IP: 61.90.134.42 วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:13:48:02 น.  

 
 
 
ม.พ.ก.ม.พ.
ย่อมาจาก (มาเพื่อแก้เม้นพี่)

"ครูอ้อมฮอตจริงครับ"
ไม่จริ๊ง ไม่จริงเลยค่ะ
ไม่ค่อยมีใครแลเหลียว


 
 

โดย: verdancy วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:15:12:10 น.  

 
 
 
อ่านแล้วหนุกดี เขียนเรื่อยๆนะ จะมาตามอ่าน

ดูเป็นคุงหมออารมณ์ดีอีกคนหนึ่ง
 
 

โดย: cilladevi IP: 58.8.20.171 วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:16:02:03 น.  

 
 
 
คนตะวันออกมักจะไม่ค่อยผูกพันกันในครอบครัวเท่ากับคนตะวันออกหรอกครับ
สังคมคนตะวันออกเป็นครอบครัวใหญ่
แต่สังคมคนตะวันตกเป็นครอบครัวย่อยน่ะ
ดูสิ แยกตัวไปอยู่คนเดียวตั้งแต่อายุ 18
ผมว่านี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งมั้งครับ

//www.lekvikrom.in.th/
 
 

โดย: Chris IP: 202.28.1.178 วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:17:12:17 น.  

 
 
 
55+ พี่หมอนน่าจะรวมพวกญี่ปุ่นไปด้วยน๊ะ....(นิดเพิ่งพรีเซนงานมามีเเขกจากญี่ปุ่นมาฟังด้วยยย555+อยากบอกว่าภาษาอังกฤษสำเนียงเค้าสุดยอด) ฟังเเล้วจะหนาววว เยสะ..
 
 

โดย: skd_By_obf วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:17:53:40 น.  

 
 
 
ไม่อับเลยหมอ

มาหลายวันแล้ว
 
 

โดย: ชายกลาง IP: 58.10.146.221 วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:19:24:33 น.  

 
 
 
+ อะเจี๊ยกกก (อีกที) จริงดิฮับ คุณหมอตั้ม (Dr.K) การ์ตูนนี่มันมีอิทธิพลต่อชีวิตของเดะๆ จริงๆ เนอะครับ ... แล้วคุณหมอก็เหมือนผมเลย ตอนเล็กๆ ผมชอบอ่าน City Hunter มาก แล้วก็เลยลามกแบบซาเอบะ เรียว ......... เอ๊ย ม่ายช่าย แหะๆ

... จริงๆ แล้วที่ผมกลายเป็นวิดวะย่ำต๊อกอยู่จนทุกวันนี้ การอ่านโดราเอมอนเยอะๆ ก็มีอิทธิพล และมีส่วนในการตัดสินใจเหมือนกันอ่ะครับ ... แบบว่าผมอยากสร้างของวิเศษในเป๋าโดราเอมอนได้ง่า เหอะๆๆ
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:19:28:17 น.  

 
 
 
อ่านเพลินเลย ขอบคุณค่ะที่เขียนเรื่องดีๆอย่างนี้
 
 

โดย: Aisha วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:22:19:50 น.  

 
 
 
มาอ่านค่ะ แหะๆ

จะพยายามสู้ค่ะ รู้สึกว่างานนี้แปลกๆ เหมือนกัน เหอๆ ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรเรื่องงานนะคะ



ถ้าเกิดได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็ไปคุยกันนะ
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:22:45:51 น.  

 
 
 
ถ้ามาขออนุญาต Tag เนี้ยจะเป็นการรบกวนรึป่าวคะ
ขออนุญาตน๊าาคะ
 
 

โดย: พื้นที่สีเขียว วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:6:35:42 น.  

 
 
 


ไส้กรอกเยอรมันนี่ หย่อยนะค่ะ

เจอคุณฝรั่งทิล คุณหมอเปลี่ยนทัศนะหรือเปล่าค่ะ
 
 

โดย: samelaa (samelaa ) วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:7:56:54 น.  

 
 
 
lbkb คิดลึกนะครับ

verdancy --

cilladevi--- ตอนถูกตามตอนตี สาม อารมณ์ผมก็ไม่ดีนักครับ

Chris--- แต่ดูจากบ้านเราแล้ว โดยเฉพาะในเมืองกรุง ก็เป็นครอบครัวเดียวกันไปซะหมดแล้ว โดยส่วนตัวผมชอบบรรยากาศครอบครัวขยายครับ แม้จะมากความ แต่ก็อบอุ่นีดีครับ

skd_By_obf -- คนญี่ป่นแกมีสำเนียงที่ร้ายกาจครับ
ตอนไปกิน mcdornal ถามต้องนานกว่าจะเข้าใจว่าเขาเรียกว่า "แมค คุ โด นะ รึ โตะ "



 
 

โดย: k (kanapo ) วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:16:18:24 น.  

 
 
 
ชายกลาง --- อยู่เวรถี่ยิบ ครับ

บลูยอชท์ --- ถ้าเด็กไปอ่านชินจัง ผมคงอยากเป้น "ช้างน้อย"

Aisha --ขอบคุณครับ

สาวไกด์ใจซื่อ -- ครับ ผมก็หวังว่าจะมีโอกาสได้อ่าน

พื้นที่สีเขียว -- แล้วจะรีบตอบให้โดยเร็วครับ

samelaa-- ตั้งแต่ผมเจอหมอทิล ผมก็เริ่มมองผู้ชาย (เย้ยยย )

 
 

โดย: k (kanapo ) วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:16:21:40 น.  

 
 
 
ทำไมผมพิมพ์ชื่อไม่ได้ละครับเนี่ย

มันขึ้นว่า k ตลอดเลยครับ

ช่วยด้วย
 
 

โดย: k (kanapo ) วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:16:22:58 น.  

 
 
 
อื่ม กลับมุมมองกัน ก็โอเคไปอีกแบบ
ปล. สาวโอเคคับหมอ เสาร์นี้ก็ไปสอนอีกที สงสัยคราวก่อนนักศึกษาไม่เข้าใจ -*- เป็นเสาร์สุดท้ายที่ไปสอนละหละครับ
 
 

โดย: jate IP: 58.8.137.34 วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:21:27:14 น.  

 
 
 
คุณหมอชื่อกลายเป็นตัว k ไปแล้ว
เคยไปฝึกงานที่ศิริราชมาค่ะ ดีที่ได้ไปอยู่ที่แผนกผู้ป่วยเด็กๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆค่ะ เช้าๆก็ไปเปลี่ยนผ้าปูเตียงกับปลอกหมอน กลางวันก็นั่งพับผ้าเช็ดมือ ส่วนเวลาที่เหลือก็เล่นกับเด็กๆ (วาดรูประบายสีอะไรไปตามเรื่องราว) สนุกดีค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลง

เคยอยากเรียนภาษาเยอรมันเหมือนกันค่ะ เพราะที่นั่นเรียนฟรีแล้วก็มีชื่อด้านวิศวะ แต่ตอนนี้ขอเอาภาษาอังกฤษให้รอดก่อนดีกว่าค่ะ
 
 

โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:22:26:27 น.  

 
 
 
 
 

โดย: สาวอิตาลี วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:14:37:06 น.  

 
 
 
มาชวนพี่หมอไปดูเด็ก ๆ (ตัวแสบ)
ของคูอ้อมค่ะ
 
 

โดย: verdancy วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:21:30:16 น.  

 
 
 
อ่านถึงย่อหน้าสุดท้ายแล้วยิ้มเลยค่ะคุณหมอ
เพราะแบบนี้แหละที่ทำให้คนไทยต่างกับฝรั่งนะคะ


ป.ล. ถึงตอนนี้ก็ยังแปลกใจในสำนวนง่ายๆแต่เฮฮาของคุณหมออยู่เลยนะ
ถ้าไม่บอกว่าเป็นหมอ นี่ไม่รู้เลยจริงๆนะคะ
 
 

โดย: กระต่ายลงพุง วันที่: 2 กันยายน 2550 เวลา:17:47:09 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากนะคะ ดีใจจัง ที่คุณหมออุตส่าห์เจียดเวลาให้

ไม่ต้องรีบนะคะ ตามสบาย

รอได้เสมอ

คิดว่ามีสาระ และฮาแน่นอน อิอิ

ทำไมเหลือแค่เค อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ต้องรอผู้รู้
 
 

โดย: พื้นที่สีเขียว วันที่: 2 กันยายน 2550 เวลา:23:44:31 น.  

 
 
 
ก็คนละวัฒนธรรม ย่อมมีมุมมองต่างกันออกไป

ว่าแต่เล่าเรื่องได้สนุกดีค่ะ
 
 

โดย: cottonbook วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:11:11:50 น.  

 
 
 


ขอบคุณสำหรับคำติชม ครับ
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:16:13:08 น.  

 
 
 
^
^
เอิ๊กๆ ... ดร.เค กลับมาไม่เตะบอล ได้อีกแว้วนี่คับ

+ กร๊ากกก 555 ... อยากเป็นช้างน้อย - -"
+ พี่กำลังคีย์บล็อกหน้าใหม่อยู่ครับ ... กรุ๊ปหนังเหมือนเดิม แต่คราวนี้อิงประวัติศาสตร์ด้วยแหละ คาดว่ากลางๆ อาทิตย์คงได้โพสต์อ่ะครับผม (พอดี มันมี 'ข้อเท็จจริง' ด้วย เลยต้องเสิร์ชหาข้อมูลเยอะหน่อย ไม่อยากเขียนอะไรที่ปล่อยไก่ทั้งเล้าอ่ะครับ เหอๆๆ )
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:18:21:50 น.  

 
 
 
ชอบภาพแรกมากเลยค่ะ ดูคลาสสิคดี

เล่าเรื่องน่ารักน่าอ่านมากเลยค่ะ

ภาษาเยอรมันเคยเรียนนิดหน่อยตอนเด็กเหมือนกัน ตอนนี้อยากกลับมาเรียนต่อ ส่วนนึงอาจจะเพราะอยากเท่ก็เป็นได้ :D

มีเพื่อนคนนึง (เคย)เป็นนร.แพทย์ คนออสเตรียหน่ะค่ะ แล้วเขาอยากมาฝึกงานที่เชียงใหม่ แต่ว่าไปๆมาๆเขาไม่ได้ เพื่อนเขาที่เป็นเยอรมันได้ไปแทน อ่านเรื่องนี้ทำให้คิดถึงเขาเลยนะนี่
 
 

โดย: DropAtearInMyWineGlass วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:19:28:54 น.  

 
 
 
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมบลอกนะค่ะ

มีประสบการณ์ เรียนภาษาที่3เหมือนกัน เพราะมีเชื้อจีน จะว่าเต็มร้อยก็ได้ เลยลงภาษาจีนซะ ตอนเด็กๆก็เคยเรียนเหมือนกัน แต่คืน เหล่าซือไปหมด เลยได้ C อีกตัวมาช่วยฉุดเกรด
 
 

โดย: ก้าวไปตามใจฝัน วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:16:38:14 น.  

 
 
 
เราก็ได้อยู่กับ Till เหมือนกัน
ward ศัลย์ ต่อจากคุณตั้ม

Till เป็นชาวเยอรมัน หัวใจ "เมือง"ของจริง
เรา : "Till พูดภาษาเมือง (หมายถึงพืนเมืองเหนือ)ได้หรอ"
Till : "อู้ได้ผ้อง" (=พูดได้บ้าง)
เรา :"....(อึ้งค่ะอึ้ง)...."
แหม..จะไม่ให้อึ้งยังไงล่ะค่ะ
ขนาดพูดคำสร้อยได้เนี่ย ไม่เรียกว่าได้บ้างแล้วล่ะค่ะ

nice มาก น่ารักมากจริงๆ

กลุ่มเรามีจำนวนคนน้อยที่ไปฝึกงาน
เหมือนพระเจ้ายังมีพระเมตตา ส่งTill มาหารเวรด้วย

วันที่ Till อยู่เวร..Till โดนพยาบาลโทรตามบ่อยๆ
วันที่Till ไม่อยู่เวร..Tillก็ยังโดนโทรตาม - -'

พี่พยาบาลบอกว่า..
อยากได้ยินเสียงหมอTill !

สงสารจับใจ!
แต่ไม่เคยได้ยิน Till บ่นซักที
 
 

โดย: NoNoChan IP: 118.172.50.8 วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:14:51:33 น.  

 
 
 
ผมว่า till อาจแอบบ่นเป็นภาษาเยอรมันครับ

 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:0:35:23 น.  

 
 
 

มาตามอ่านค่ะ...ขำพมากมาย อ่านให้เพื่อนที่ Office ฟังด้วยเนี่ย..

แล้วตอนนี หมอ Till อยู่โรงพยาบาลไรล่ะคะเนี่ย

สงสัยๆๆๆ ทำไมพยาบาล บอกอยากได้ยินเสียง 555
 
 

โดย: Tlex IP: 203.144.139.229 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:13:43 น.  

 
 
 
คุณหมอ till ทำงานอยู่ที่ รพ. ไฮเดนเบริก ครับ

พึ่งจบปีนี้
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน IP: 61.7.219.60 วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:00:54 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

kanapo
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน

@boydontkick
[Add kanapo's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com