ความชั่ว ... ใครสร้าง ??? เราบอกกันว่า " พระเจ้าสร้างทุกสิ่ง " นักวิทยศาสตร์ชื่อดังคนหนึ่งบอกว่า "จริงหรือ" ถ้าพระเจ้าสร้างทุกสิ่ง เหตุการณ์ต่างๆในหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง คนฆ่ากัน คนขมขื่น ปล้น สงคราม ถ้าพระองค์สร้างทุกสิ่ง พระองค์จะทรงสร้าง ความชั่วร้าย ขึ้นมาทำไม เด็กหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นถาม "อาจารย์ ครับ อาจารย์ คิดว่าเราสร้างความมืดได้ไหมครับ" "อาจารย์ ครับ อาจารย์สร้างความเย็นได้ไหมครับ" จริงๆเราสร้างความมืดไม่ได้ครับ เราเพียงนำความสว่า่งออกไป เราสร้างความเย็นไม่ได้ครับ เราเพียงแต่นำความร้อนออกไป เช่นเดียวกัน เราสร้างความชั่วร้ายไม่ได้ครับ แต่มันคือการที่เรานำความดีออกไป โลกกำลังแย่ลงทุกวัน เพราะคนกำลังเอาพระเจ้าออกจากชีวิตมากขึ้นทุกวันๆ เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อ ไอสไตน์ ..................................... เรื่องเล่าสั้นๆเป็น ส่วนหนึ่งของการเทศน์ของ อ.หมอ ภากร ที่คริสตจักรแห่งความสุขเมื่อ วันอาทืตย์ที่ผ่านมา ใครสนใจฟังตัวเต็ม ก็ตามลิงค์ข้างล่างครับ //www.churchofjoy.net/1370 วันนี้สั้นๆครับ พระเจ้าอวยพรครับ :->m'26   Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552     4 comment Last Update : 12 พฤศจิกายน 2552 20:36:30 น.     Counter : 778 Pageviews.   Share Tweet

money talking "ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะว่าจะชังนายข้างหนึ่ง และจะรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และจะดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านจะปฏิบัติพระเจ้าและปฎิบัติเงินทองพร้อมกันไม่ได้ " มท 6-24 ผมอ่านพระคัมภีร์ข้อนี้จบด้วยการสงสัย ว่า เอ....ถ้าอย่างนั้นแล้ว เราควรจะเอายังไงกับการหาเงินในชีวิตนี้ดี จะหาให้เยอะ เป็นคนหน้าเงิน อันนี้มันก็ดูแหม่งๆอย่างไรอยู่ จะทำงานไม่เอาเงิน กินอุดมการ์ณ ไม่สนใจเงินทอง ดูเหมือนกับโรแมนติกดี แต่เอาจริงๆแล้ว คนรอบตัวเราจะมีความสุขไหม และ เราจะสามารถทำอะไรหรือช่วยใครได้จริงๆหรือเปล่า ถ้าเรายังเอาตัวเองไม่รอด ???? "ถ้าเป็น คริสเตียนแล้ว จริงๆเราควรมีมุมมองเกี่ยวกับการหาเงิน แบบไหน " เป็นคำถามที่ผมถามอาจารย์ ธงชัย ในสัปดาห์เรียนพระคัมภีร์ที่ผ่านมา อาจารย์ได้ยกตัวอย่างคำพูดของเศรษฐีคริสเตียนคนหนึ่งมาตอบสั้นๆว่า "จงหาเงินให้มากที่สุด เท่าที่จะหาได้ จงให้เงินออกไปมากที่สุด เท่าที่จะให้ได้ จงทำดีให้มากที่สุด ให้กับคนที่มากที่สุด ในหลายที่ ที่สุด เท่าที่จะทำได้ " เงิน เป็น นายที่เลว แต่ เป็นทาสที่ ดี อย่าเอาเงินเป็นจุดหมาย เพราะมันต่ำเกินไป ถ้าเราสามารถหาเงินได้เยอะ แล้วมาช่วยคนได้เยอะ ก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าอวยพร ถ้าเราหาเงินได้เยอะ แต่ไม่มีเวลาไปช่วยใครเลย (เพราะวันสาระวนเกี่ยวกับการหาเงิน ) ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร สู้ไม่ต้องหาเงินได้เยอะ แต่ได้ช่วยคนอื่นได้พอสมควรน่าจะดีกว่า ผมฟังแล้วก็นึกภาพตามหลายๆอย่าง เศรษฐีที่มีอันจะกิน แต่ไม่เคยแบ่งผู้ใดเลย เศรษฐีที่มีอันจะกิน กินอิ่มแต่เพียงพอดี ( ไม่ลงพุง ) และแบ่งให้เพื่อนบ้านได้กินด้วย คนชนชั้นกลางหาเช้ากินค่ำ บ่นกรุนด่า ชีวิต แต่ไม่ได้ช่วยใครเลย คนชนชั้นกลาง ทำงานไป ช่วยเหลือสังคมไปตามอัตภาพ คนจนผู้บ่นด่าชีวิต และนอนรอความหวัง คนจนผู้แบ่งข้าวในจานให้เพื่อนผู้หิวโหยข้างๆ ผมนึกถึงคำพ่อสอนสมัยเด็กๆ "จน รวย ไม่สำคัญ ขอให้เป็นคนดี " (เป็นคำขวัญวัน ศิษย์ ลูก ที่ผมส่งให้ อาจารย์ตอน ป.4 ) ขอให้เฮงๆกันทุกคนน่ะครับ พระเจ้าอวยพรครับ :->M'26   Create Date : 23 สิงหาคม 2552     8 comment Last Update : 23 สิงหาคม 2552 23:56:28 น.     Counter : 506 Pageviews.   Share Tweet

" Merry chirst mas " ประมาณ 3 ปีก่อนในวันที่ 25 ธ.ค ผมกำลังนั่งอยู่ที่บ้านของ อ.จ หมอท่านหนึ่ง รอบๆตัวมีคนมากมายมานั่งร้องเพลงกัน ใช้แล้วครับนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้มาร่วมงาน Christmas ผมมางานนี้เพราะตกปากรับคำเพื่อนสาวคนสนิทไป ผมจึงต้องมาตกอยู่ในวงล้อมของกลุ่มคนที่ เอะอะ อะไรก็พูดว่า “พระเจ้า” ให้ตายสิ น่ากลัวชะมัด นี่มันองค์การช็อคเกอร์ดีๆนี่เอง นั่งอยู่ได้ซักพักหนึ่งไม่นานก็มีเด็กคนหนึ่งหันมาถามผมว่า “รู้ไหมวันคริสต์มาสคือวันอะไร” ผมนั่งนิ่ง เหงื่อตกผุดที่หน้าผาก ( และแก้มก้นเล็กน้อย ) ผม คิด คิด คิด และก็คิด ที่ผมนึกออกมีเพียงคุณลุงซานต้าที่ไม่เคยแจกของขวํญผม กวาง ต้นคริสต์มาสกับไฟแว้บๆ เพลงจิงเกอเบล ( ทุกวันนี้ผมยังร้องได้แค่ท่อนฮุก ) เมื่อบรรยากาศมันดำเนินมาถึงเวลาที่ควรจะต้องพูดอะไรซักอย่าง เหมือนกับเวลาหมดเวลาสอบแล้วเราต้องเขียนอะไรก็ได้ลงในช่องที่ยังว่างอยู่ ( ทั้งๆที่รู้ว่ายังไงคงไม่ได้คะแนนแน่นอน) ผมตอบออกไปว่า “ วันเกิดคุณลุงซานต้าครับ “ นั่นเป็นการเติมคำลงในช่องว่างของผมในวันนั้น ...ถึงบรรทัดนี้ผมคิดว่า ผมสามารถแบ่งท่านผู้อ่านออกได้เป็นสามกลุ่มด้วยกัน 1.กลุ่มที่คิดในใจว่า “ บ้า ตอบไปได้อย่างไรนิ “ 2.กลุ่มที่คิดในใจว่า “ อ่าว แล้วไม่ใช่หรอ “ 3.กลุ่มที่ไม่ได้คิดอะไรในใจเลย ผมขอค้างคำตอบไว้ก่อนน่ะครับ ....................ง 3 ปีถัดมาซึ่งคือเมื่อวานนี้ ซึ่งวันนี้นั้นผมได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์การช็อคเกอร์ไปแล้ว บังเอิญผมได้คุยกับคุณหมอรุ่นพี่ท่านหนึ่ง คุยไปคุยมาก็ได้ทราบบ้านของคุณหมอท่านนี้เป็นคริสเตียน แต่ท่านได้บอกกับผมว่าตั้งแต่ออกจากบ้านมาเรียนมหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้ไปโบสถ์ และไม่ได้สนใจเรื่องพระเจ้าอะไรนี่เท่าไหร่แล้ว ท่านบอกว่าทุกวันนี้อะไรก็ดีทั้งนั้น พุทธ คริสต์ อิสลาม (ใครไม่เอาสงครามขอให้ยกมือขึ้น !! ) อันไหนใครว่าดีผมก็ทำตามหมด ผมว่าศาสนาไหนก็สอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกัน จากนั้นท่านก็ถามผมว่า “ ผมถามจริงๆเถอะ มีคำถามหนึ่งที่ผมเคยถามเพื่อนคริสเตียนคนหนึ่งแล้วมันก็ตอบไม่ได้ ผมถามหน่อยซิว่า “พระเจ้าสร้างทุกอย่างใช่ไหม “ ผมพยักหน้าหยึกหงัก “งั้นพระเจ้าก็คงต้องรู้ทุกอย่าง ด้วยสิ “ ผมพยักหน้าหงึกหงักอีกครั้ง “แต่ทำไมพระเจ้าสร้างอดัมกับอีฟมา แต่อดัมกับอีฟก็ทำบาป ผิดต่อพระเจ้า ถ้ารู้ก่อนทำไมให้เกิดขึ้น “ ผมยังไม่ทันได้เผยอปาก ปล่อยเสียงอะไรออกไป คุณหมอรุ่นพี่ผมก็ขอตัวไปทำธุระเสียก่อน ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน วันนั้นผมพึ่งเข้าองค์การช็อกเกอร์ได้ใหม่ๆ คำถามนี้เป็นคำถามเดียวกันที่ผมได้ถามอาจารย์ที่โบสถ์ วันนั้นผมถามว่า ถ้าพระเจ้ารู้ว่าสร้างอาดัม กับอีฟ มาแล้วต้องเป็นอย่างนี้ จะสร้างมาทำไม วันนั้นอาจารย์ตอบผมว่า เปรียบเทียบได้ง่ายๆว่า พระเจ้าก็เหมือนกับพ่อแม่เรานี่แหละ ท่านก็อยากมีลูก แต่ท่านก็ไม่รู้หรอกว่าลูกๆจะเติบโตขึ้นไปเป็นอย่างไรบ้าง บางคนอาจเป็นเด็กดีเชื่อฟัง บางคนไม่เชื่อฟัง บางคนลืมพ่อแม่ และบ้างหนีหายออกจากบ้านไป พ่อแม่ ก็ได้แต่ดูแล มอบสิ่งที่ดีที่สุด ทำโทษเมื่อลูกทำผิด และวันใดที่ลูกหายไปพ่อแม่ก็พยายามตามหาให้ลูกกลับมา เอาหละถัดมา เด็กใหม่ในองค์การช็อกเกอร์อย่างผมก็ยังงงอยู่ว่า เรื่องราวทั้งหมดก็ดูเหมือนแต่มี "พระเจ้า พระเจ้า และพระเจ้า ! " แล้วคนหนุ่มเครางาม กางแขนสองข้าง ที่ทุกคนเรียกขานกันทั้งเมืองว่า “เยซู” ท่านนี้คือใคร ย้อนกลับไปเมื่อหลายๆปีก่อน ( หลายปีเอามากๆ ) หลังจากที่อดัมและเอวา ได้ทำบาปครั้งแรก ได้มีพงศ์พันธุ์ออกไปมากกมาย มนุษย์เราก็ได้ทำบาปกันมากขึ้นๆเรื่อยๆ จนเรากับพระเจ้าได้ขาดออกจากกัน มนุษย์ไม่มีทางกลับหาพระเจ้าได้อีกแล้ว เพราะไม่มีใครซักคนที่บริสุทธิ์แท้ แต่พระเจ้า ก็ไม่ได้ทอดทิ้งพวกเรา พระองค์จึงได้ประทานพระบุตรของพระองค์ซึ่งมีชื่อว่าพระเยซูลงมาบนโลกเพื่อตายไถ่บาปพวกเรา พูดง่ายๆคือ รวมเอาความผิดบาปทั้งหมด เหมาจ่ายงวดเดียว ผู้ที่เชื่อในพระเยซูก็เหมือนกับได้ร่วมไถ่ความผิดบาปไปด้วยกัน ( ฟังดูง่ายอย่างประหลาด แต่แท้จริงก็มีแค่นั้นจริง ๆ ) “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรองค์นั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ “ ยอห์น 3:16 ครับและวันที่พระเจ้าได้ส่งพระเยซูลงมาให้โลกมนุษย์ก็คือวันนี้แหละครับ วันที่ 25 ธ.ค วันนี้ .....เราถึงได้เฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ วันนี้......เราถึงได้มอบของขวัญให้แก่กัน เพราะพระเจ้าได้มอบของขวัญที่วิเศษสุดมาให้แก่พวกเรา สุขสันต์วันคริสต์มาส และ ขอพระเจ้าอวยพรครับ :->m’26 Silent Night - Connie Talbot   Create Date : 25 ธันวาคม 2551     39 comment Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2552 20:32:54 น.     Counter : 811 Pageviews.   Share Tweet

จดหมายฉบับแรกถึง ผ.อ ว่าด้วยเรื่อง พันธมิตร ASTV และ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ครั้งหนึ่งในชั้นเรียนพระคัมภีร์มีคนยกคำถามขึ้นมาว่า “ในการที่เราเป็นคริสเตียนนั้น เราควรจะวางตัวทางการเมืองอย่างไร ? “ เพราะดูๆแล้วการเมืองขณะนี้ดูจะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความโกรธ และความเกลียดชัง แต่จะให้ไม่ยุ่งกับการเมืองเลยก็คงไม่ได้ เพราะเราก็เป็นคนไทย ถ้าประชาชนทำตัวไม่สนใจการเมือง ปล่อยปะละเลย (ไปดูข่าวกอสซิป คลิปหลุด ) ประเทศชาติก็คงไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ ผมเองก็เออออเห็นด้วยเหมือนกัน ว่าทุกวันนี้การแสดงจุดยืนทางการเมืองลำบากยิ่งนัก สังคมรอบข้างล้วนกดดันให้เรา “เลือกข้าง” “ใส่สีแดง หรือ ใส่สีเหลือง” “ตรวจตำรวจ หรือ ไม่ตรวจตำรวจ “ ดูๆแล้วไม่ว่าเลือกทางไหนก็หนักใจไม่แพ้กัน..... แต่คำตอบของอาจารย์ในวันนั้นชัดเจนมาก อาจารย์บอกว่า “เราต้องเลือกข้าง !! “ “เราต้องเลือกข้างพระเจ้า “ โว้ว ผมฟังแล้วดูหัวรุนแรงพิกล เหมือนกับเราเป็นพวกคลั่งลัทธิอย่างไรอย่างนั้น ( ให้ผมติดระเบิดพลีชีพเลยไหมนิ ) แต่เมื่อฟังคำอธิบายต่อมา ผมก็เข้าใจในบัดดล “การที่เลือกข้างหมายถึงว่า ไม่ว่าฝ่ายใดทำอะไรก็ตามเราต้องมีจุดยืน ถ้าสิ่งใดที่กระทำแล้วเห็นว่าเป็นไปตามคำสอนของพระคัมภีร์ ( พระเจ้า ) เราก็เห็นด้วยกับสิ่งนั้น ถ้าสิ่งไหนไม่ เราก็ต้องกล้ายืนหยัดที่จะไม่เอา “ พอมาถึงข้อนี้ผมก็อมยิ้มทันที เพราะจริงๆแล้วสิ่งสำคัญที่พระเจ้าสอนมีอยู่ 2 ข้อเอง 1.จงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ 2.จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง “ และพวกท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน และ ธรรมบัญญัติทีสองคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติอื่นที่ใหญ่กว่าธรรมบัญญัติทั้งสองนี้ไม่มี “ มาระโก 12:30-31 ....สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดคงเป็น “ความรัก” หากขาดสิ่งนี้แล้วคงไม่มีอะไรที่จะดำเนินไปได้ในทางที่มันควรจะเป็น เราไม่สามารถ ดับความเกลียดด้วยความเกลียด เราไม่สามารถ ดับความแค้น ด้วยการแก้แค้น เราไม่สามารถ จัดการความมืด ด้วยความมืด คงมีแต่ความรัก การให้อภัยเท่านั้น ที่จะขับเคลื่อนให้โลกนี้เคลื่อนต่อไปได้ ในทางที่ควรจะเป็น ทางที่สวยงาม ทางที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทางที่ละมุนไปด้วยความรัก หวังว่าอีกไม่นานเราคงจะได้ร่วมทางนี้ด้วยกันครับทุกท่าน พระเจ้าอวยพรครับ :->m’26 ป.ล ขณะนี้ทาง รพ.มีนโยบายเปิด “ผู้หญิงถึงผู้หญิง” ยืนพื้นครับ พี่น้อง   Create Date : 22 ตุลาคม 2551     26 comment Last Update : 22 ตุลาคม 2551 18:14:20 น.     Counter : 594 Pageviews.   Share Tweet

Not- thing useless 20.00 น : น้ำบนฝักบัว ไหลหลั่งกระทบพื้นกระเบื้องเปาะ แปะ หนุ่มหน้าตี๋ สถาพเปลือยกาย ก้าวเดินผ่านสายน้ำ การได้อาบน้ำในวันเหนื่อยๆ ไม่บอกก็รู้ว่ามันเป็นความสุขขนาดไหน หลังจากนั้นการขัดถูก็ได้เริ่มต้นขึ้น 20.05 น. “ กริ๊งๆ “ เสียงโทรศัพย์ในห้องนอนดังขึ้น วันนี้เป็นวันที่ผมอยู่เวร ใน รพ.ชุมชนนั้น ส่วนใหญ่แล้วหมอเวรมักอาศัยอยู่บ้านพัก ในเขต รพ. คนไข้ส่วนใหญ่ถ้าไม่ฉุกเฉินมากนักพยาบาลจะเป็นผู้ตรวจ ส่วนคนไข้หนัก หรือ ฉุกเฉิน พยาบาลจะตามแพทย์เวรไปตรวจ (ส่วนตำรวจผมก็ตรวจน่ะครับ ) หลายๆท่านคงไม่ต่างกัน เวลากำลังเริ่มอาบน้ำแล้วมีใครโทรมานี่ มันช่างขัดใจจอร์จจริงๆ ยิ่งถ้าเพิ่งกำลังเริ่มสระผม แต่... อย่างว่าชีวิตคนไข้ต้องมาก่อน 20.06 น. หนุ่มหน้าตี๋เดินล่อนจ้อนมาเปิดประตูห้องน้ำ ( ทำไมศัพย์ดูลามกพิกล ) กรึ๊กๆ ผมขยับลูกบิดครั้งแรก กรึ๊กๆ ๆๆ ผมขยับลูกบิดต่อกันอีกสองครั้ง กรึ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เหงื่อหนุ่มตี๋ผุดออกทุกอณูรูขุมขน และรูทวารทั้งหมด ( เหงื่ออย่างเดียว) ไม่ต้องเป็นหมอลักษณ์ก็ฟันธงได้ว่า .. ประตูเสีย !! ชิบ xxx แล้วครับ ผมเป็นแพทย์เวรคนเดียววันนี้ เพื่อนๆร่วม รพ. ก็ออกไปเที่ยวนอกเมืองกันหมด หมายความว่าวันนี้คนไข้กว่า 40,000 ชีวิตในอำเภอนี้ฝากความหวังไว้กับผมคนเดียว ผม ผู้ซึ่งล้อนจ้อน ถูกขังในห้องน้ำ ไม่มีแม้แต่ผ้าเช็ดตัว รอบๆบ้านก็เป็นทุ่งนา และสวนยาง 20.10 น. โทรศัพย์ดังขึ้นอีกครั้ง ผมลนลานมากขึ้น แต่ก็มองเห็นว่าที่ลูกบิดประตูที่เสียนั้น มันมีร่องอยู่ข้างๆ ที่พอจะแหย่อะไรเข้าไปได้ ผมลองทั้ง แปรงสีฟัน ที่โกนหนวด เข้าไปแหย่ดู ก็พบว่ามันใหญ่เกินไป 20.13 น. โทรศัพย์มือถือผมดังขึ้น ความคิดของผมตะเหลิดไปไกล ถ้าเกิดว่าคนไข้คนนี้เป็นคนไข้หนัก แล้วเสียชีวิต พรุ่งนี้ข่าวไทยรัฐจะลงว่าอย่างไร “ ฉาว แพทย์เปลือยกายอาบน้ำเพลิน เมินคนไข้ “ คุณสรยุทร์อาจพูดว่า “เอาละครับ สำหรับกางเกงในเรื่องเล่าเช้านี้ ขอเพียงท่านตอบว่า หมอตี๋ล่อนจ้อนชื่ออะไร “ พันธมิตรอาจปลุกเล้า “หมอตี๋ ออกไป “ ถึงเวลานี้ ผมจึงหลับตาอธิฐานขอพระเจ้าช่วยลูกด้วย จากนั้นผมเดินไปมารอบๆห้องน้ำ และผมก็พบกับ ก้านเหล็กยาวๆแท่งหนึ่งตั้งอยู่ที่มุมห้อง ผมหยิบมันมาสอดเข้าไปในช่องลูกบิด กริ๊ก.... ประตูเปิดออกได้ เรื่องทีตลกคือ ไอ้เหล็กแท่งนี้มันตั้งอยู่ในห้องน้ำนี้นานแล้ว ตั้งแต่ผมย้ายเข้ามาอยู่เมื่อ 6 เดือนก่อน มันก็ตกอยู่บนพื้น แต่ผมก็กลัวว่ามันอาจเป็นส่วนประกอบของอะไรซักอย่าง จึงซุกๆไว้ในมุมห้องน้ำก่อน จากนั้นทุกๆครั้งที่ผมทำความสะอาดห้องน้ำก็จะต้องเจอไอ้เหล็กแท่งนี้ทุกครั้ง และก็ยังหาหน้าที่ให้มันไม่ได้ซักที จึงวางๆไว้อย่างไม่ได้สนใจ และวันนี้มันได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสำคัญที่สุด มองดูแล้วผมคิดเล่นๆว่าเหมือนกับคนเราที่เกิดมา บางทีรู้สึกว่าอยู่มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นว่าตัวเองมีประโยชน์อะไรกับใครเลย อยู่ไปใครก็ไม่รัก ทำอะไรก็ไม่เก่ง ผมมีความเชื่อจริงจังอย่างหนึ่งว่า พระเจ้าไม่เคยสร้างอะไรมั่วๆ ส่งๆ ทุกๆสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมีความหมาย ไม่ว่าคุณ ไม่ว่าผม ไม่ว่าใคร หรือไม่ว่า เหล็กเรียวยาวแท่งไหนๆ พระเจ้าอวยพรครับ :->m’26 20.15 น หนุ่มตี๋ออกมารับโทรศัพย์ (ท่อนล่างไม่เปลือย ) “ คนไข้เป็นอะไรครับ “ ( เสียงหอบเหนื่อย ) ปลายสายเป็นเสียงหวานจากพยาบาลสาว “อ๋อ คนไข้มึนหัว อยากได้ยาฉีดซักเข็มนะค่ะ หมอ “   Create Date : 13 ตุลาคม 2551     31 comment Last Update : 14 ตุลาคม 2551 16:14:39 น.     Counter : 831 Pageviews.   Share Tweet