ทีนี้หลายคนคงสงสัยว่าแล้วมหาวิทยาลัย (University) นั้นต่างจาก College ตรงไหน
เช่นเคยขอเริ่มจากที่รากศัพธ์ครับ University มาจากรากลาติน "universitas magistrorum et scholarium" แปลเป็นไทยว่า "ชุมชนของนักวิชาการและอาจารย์"
หากมองจากความหมายของคำแล้ว มีหลายแง่มุมที่ College และ University ใช้ร่วมกันนะครับ จากการค้นคว้าเล็กน้อยพบว่า University ถูกใช้มานานกว่าในนามว่า "Universitas" ตั้งแต่สมัยที่กรีกยังรุ่งเรือง ซึ่งก็มักหมายถึง Academy of Plato อันเป็นที่สมาคมพบปะ ถกเถียง วิวาทะ กันในเชิงปรัชญาวิชาการของชาวกรีกในสมัยนั้นอันเป็นคุณลักษณะพื้นฐานที่สำคัญของระบบการศึกษาทางตะวันตกที่มาจนถึงทุกวันนี้ อย่างไรก็ดี Universitas แห่งแรกในโลกคือ มหาวิทยาลัย นาลันทา แห่งอินเดียครับ เกิดขึ้นในยุคสมัยที่พุทธศาสนารุ่งเรือง แต่ก็ถูกทำลายไปพร้อมกับการเสื่อมสลายของศาสนาพุทธในอินเดีย
ขออนุญาติไม่ขยายความต่อเกี่ยวกับคำว่า Academy นะครับ แต่ที่เข้ามาในความคิดผมตอนนี้คือ อีกหน่อยเราอาจจะมี University of Fantasia ในเมืองไทยหรือป่าวก็ไม่ทราบนะครับ ถ้ามีนักศึกษาคงจะต้องสอบผ่านการส่ง SMS ให้คะแนน แถมถ้ามีลูกเจ้าของบริษัทผู้ให้บริการมือถือเข้าเรียน อาจปรากฎข่าวการโกงข้อสอบด้วยวิธีการอ้อนพ่อให้ปรับแต่งผลโหวตเข้าทางพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้...
University and College (Historical Perspective)
(ย่อหน้านี้เป็นการสังเคาะห์ส่วนตัวของผมนะครับ) เมื่อวัฒนธรรมการศึกษาเริ่มแพร่หลาย ผู้คนเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมทางการศึกษามากขึ้น ชุมชนของนักวิชาการเเละอาจารย์จึงเริ่มขยายตัว จากที่ป็นเพียงสถานที่เเลกเปลี่ยนความคิดและถกเถียงเพื่อมุ่งหาปรัชญาที่ลุ่มลึกยิ่งขึ้น สถาบันเหล่านี้จึงจำเป็นต้องมีการ "จัดการ" ที่เป็นระบบมากขึ้น เพื่อเริ่มหันมาทำหน้าที่ "ผลิต" นักเร๊ยนนักศึกษาและสร้างสรรค์งานวิชาการที่จักเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและโลกในภายภาคหน้า ดังนั้นกฎระเบียบของการอยู่ร่วมกันเพื่อนผลิตงานวิชาการและบุคลากรทางการศึกษาจึงต้องเกิดขึ้น คำว่า College จึงสะท้อนถึงพัฒนาการของระบบการศึกษาทางตะวันตกในช่วงก่อนยุคมืด (Medieval Era, 10th-12th Century) ที่มหาวิทยาลัยยุคใหม่แห่งเเรกๆของโลกเกิดขึ้นอย่างมากมายในยุโรป อาทิเช่น University of Magnaura (8th Cen. Byzantium empire, now Turkey), University of Paris (10th Cen. France) and Oxford Universities (11th Cen. UK) etc..
(จุดเริ่มต้นของคำตอบของคุณหมอเริ่มจากตรงนี้นะครับ) หลักฐานที่ชัดเจนก็คือในมหาวิทยาลัยเหล่านี้ โดยเฉพาะ Oxford ภายในมหาวิทยาลัยจึงประกอบไปด้วย College ต่างๆมากมาย ปัจจุบันประกอบไปด้วย 39 Colleges โดย College ที่เก่าแก่ที่สุดคือ Merton and Balliol Colleges ครับ อย่างไรก็ดีธรรมปฏิบัติของมหาวิทยาลัยระบบนี้ที่ยึดถือตลอดมาคือ College คือที่อยู่อาศัย เป็นสังคม เป็นบ้าน และเป็นตัวตนของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้นๆ กล่าวคือแต่ล่ะ College จะมีระบบการปกครอง ดูแลสมาชิกทั้งด้านที่พักอาศัย อาหารการกิน ห้องสมุด ห้องสันทนาการ ฯลฯ "เพื่อดูแลและสงเสริมนักเรียน อาจารย์ นักวิจัย และเจ้าหน้าที่ ให้พร้อมในการทำหน้าที่ของตยในมหาวิทยาลัย" กล่าวคือเพื่อให้นักเรียนไปเรียนและสอบไล่ให้ได้ดีที่สุด ร่วมถึงกิจกรรมพิเศษต่างๆของทางมหาวิทยาลัย อาจารย์และเจ้าหน้าที่ก็มีสุขภาพกายใจที่สมบูรณ์พร้อมที่จะไปสอนหนังสือหรือทำงานวิจัยหรือหน้าที่ของตนในมหาวิทยาลัยได้อย่างเต็มที่
โดยสรุปก็คือ College เป็นเหมือน "บ้าน" ไม่มีอำนาจในการจัดสอบ จัดสอบ หรือมอบปริญญาบัตร หากแต่เป็นที่เพาะบ่มบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกระดับของมหาวิทยาลัยให้เพียบพร้อมที่จะทำหน้าที่ของตนอย่างสูงสุด การจะสมัครมหาวิทยาลัยจึงต้องสมัครทั้งกับตัวมหาวิทยาลัยเอง และต้องสมัคร College ด้วย หากมิได้รับการตอบรับจากทั้งสองหน่วยงาน ก็ถือว่าไม่ผ่านการคัดเลือกครับ มหาวิทยาลัยในลักษณะนี้เรียกว่า Collegiate University ระบบการบริหารเช่นนี้เป็นหลักการกระแสหลักของระบบการศึกษาขั้นสูงของยุโรปมายาวนาน แต่ในปัจจุบันในประเทศอังกฤษเหลือเพียง Oxford, Cambridge, Durham, St Andrew และ ,มหาวิทยาลัยผม London ครับ
คุณลักษณะของ College ข้างต้นนี้คล้ายคลึงกับ Hogwarts School of Witchcraft and Wizardry ซึ่งประกอบไปด้วย Houses ทั้ง 4 อย่าง Gryffindor, Hufflepuff, Ravenclaw and Slytherin ครับ
ครับเพื่อนใจดีผม ทำดอกเตอร์ที่ University of London ครับ สมัยก่อนผมนั่งเรียนภาษาอังกริดข้างๆมันครับ งูๆปลาๆด้วยกัน สมัยนี้ผมยังเป้นงูๆปลาๆอยู่ แต่มัน ไปเป้นผู้ช่วย อ.จ ที่นู้นแล้วครับ
สืบเนื่องจากตอนที่เเล้วเราจบลงด้วย โรงเรียนของ Harry Potter แต่จากการอ่านมาจนเล่มที่เจ็ดแล้วยังไม่พบว่า Harry ดื่มซุปไก่เเต่อย่างใด เห็นดื่มแต่ Polyjuice ยิ่งเล่มสุดท้ายยิ่งดื่มบ่อยมากครับ ยิ่งคิดว่ามันทำมาจากหนังงู Boomslang แล้วขอผ่านล่ะครับ กับมาคุยกันต่อในโลกมักเกิลดีก่า
3. Cambridge University
หลังจากที่ Oxford University เปิดสอนมาได้ราว 2-3 ร้อยปี ได้เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นภายในมหาวิทยาลัยครับ กลุ่มนักวิชาการในมหาวิทยาลัยเกิดมีเรื่องบาดหมางกับชาวบ้านท้องถิ่นอย่างหาข้อยุติิได้ กลุ่มนักวิชาการจำนวนมากส่วนนั้นจึงได้พากันย้ายถิ่นฐานออกจาก Oxford มาตั้งรกรากเเละสถาปนามหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของประเทศอังกฤษบริเวณแม่นำ้ Cam ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองและมหาวิทยาลัย Cambridge University มีโครงสร้างทุกอย่างแทบจะเหมือนกับ Oxford ทั้งหมด ประกอบไปด้วย 31 Colleges โดยมี King's College เป็นหนึ่งใน College ที่เก่าแกและมีชื่อ มหาวิทยาลัยทั้งสอง (ชาวอังกฤษมักเรียกรวมกันว่า "Oxbridge" หากได้ยินโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเป็นมหาลัยอื่นนะครับ) ได้เป็นแม่พิมพ์ผลิตผู้นำ นักคิดในแทบทุกแขนงที่มีอิธิพลเป็นอย่างมาต่อโลกในยุคปัจจุบันมาตลอดประวัติศาสตร์เกือบ 1000 ปี ของทั้งสองมหาวิทยาลัย
4. University of London: Freedom for education
อย่างไรก็ดี เมื่อชนชั้นกลางเริ่มมีจำนวนและบทบาทมากขึ้นในสังคมอังกฤษ ทั้งสองมหาวิทยาลัยจึงถูกโจมตีเรื่องการกีดกันการศึกษาให้จำกัดอยู่เเต่เพียงขุนนาง และผู้มีชาติตระกูลบางกลุ่มในสังคม การศึกษาที่เป็นดั่งนำ้ที่มีไว้เพื่อดับกระหายความใคร่รู้จึงถูกเรียกร้องให้ไหลรินลงมาสู่ชนชั้นกลางและชยชั้นกรรมาชีพ ที่แม้เลือกเกิดไม่ได้เเต่ก็ต้องการจะเลือกกำหนดชีวิตและอนาคตของตนและวงศตระกูล แรงพลักดันทางสังคมดังกล่าวจึงก่อให้เกิดการจัดตั้ง University of London ในกรุงลอนดอนขึ้น เมื่อ คศ 1836 ซึ่งเปิดรับนักศึกษาจากทุกระดับ ไม่ว่ายากดีมีจน จะเป็นชายหรือหญิงก็มีสิทธิเรียนเท่าเทียมกันไม่มีการแบ่งแยก ปรากฏการณ์เช่นนี้คล้ายกับการเกิดมหาวิทยาลัยเลือดเหลืองแดงขึ้นในประเทศไทยนั่นเอง
โครงสร้างของ University of London แม้จะเป็น Colligiate University หากแต่มีความแตกต่างไปจาก Oxbridge อย่างชัดเจนอันสืบเนื่องมาจากเป้าหมายในการก่อตั้งที่ต้องการจะผลิตการศึกษาในระดับกว้าง ทั้งในด้านปริมาณ และความครอบคลุมสาขาต่างๆ ดังนั้นทั้ง 19 Colleges ภายใน UOL จึงมีอำนาจปกครองตัวเองในระดับหนึ่ง เป็นทั้งที่พักอาศัยและยังเป็นที่สอน และที่สอบไล่ของนักศึกษาของตนเองอย่างเป็นเอกเทศจากกันและกัน แต่นักศึกษาจากแต่ล่ะ College สามารถเรียนข้าม College และใช้ทรัพยากรทางการเรียนต่างๆร่วมกันได้อย่างเสรี แต่อำนาจในการมอบปริญญาบัตร และการบริหารในระดับสูงจะยังคงเป็นของ UOL ดังนั้นจึงเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาที่แต่ล่ะ College ของ UOL จะไม่เปิดคอร์สที่ซำ้ซ้อน หรือแข่งขันกันเอง หากแต่จะพยายามเป็นเลิศในความถนัดของตนนั่นเอง มหาวิทยาลัยที่มีระบคล้ายคลึงกันที่ผมเข้าใจคือ University of California
Colleges สำคัญๆของ UOL คือ University College of London, Imperial College London, London School of Economics and Political Science, King's College, Royal Holloway College, Queen Mary, Birkbeck College และ SOAS
5. King's College, Cambridge University and King's College, University of London
ท่านผู้อ่านบางท่านอาจพบว่าผมเอ่ยถึง King's College มาสองหน ถูกครับ ในอังกฤษมี King's College 2 ที่ แห่งเเรก เป็น College ใน Cambridge ที่มิได้มีการเรียนการสอน แห่งที่สองเป็น College ที่มีการเรียนการสอนและการวิจัย ใน University of London ครับ และ King's college แห่ง London นี่ล่ะครับ คือสถาบันที่ติดหูคนไทยมาช้านาน เพราะโฆษณา ซุปไก่สกัดกล่องสีเขียวนี่เอง
ส่วน King's College ที่ บริษัทซุปไก่กล่าวอ้างในคำโฆษณานั้นคือ King's College แห่ง UOL ครับคุณหมอ ไม่ต้องห่วงครับ เพราะแค่ google King College ดูจะพบว่ามี 9 สถาบันการศึกษาใช้ชื่อนี้อยู่ครับ
เป็น web ของ School of Biomedical & Health Science, Nutritional Science Department น่าเสียดายที่เขาไปได้แสดงรายนามผู้สนับสนุนงบวิจัยย้อนหลังไปนานพอที่จะสืบสาวราวเรื่องไปถึง การทดลองเรื่อซุปไก่ที่มีชื่อครั้งนั้นได้ เอาไว้ว่างๆผมจะลองเข้าไปถามเขาดูนะครับ ว่าซุปไก่ขวดเขียวดีจริงป่าว หรือ ซุปดำหรือซุปใสดีกว่ากันอะไรงี้