เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน............................
 
สงสัยไม่สุด ว่าด้วยเรื่อง "king's college "



หายไปนานทีเดียวครับ !!!!

เรื่องของเรื่องก็คือใน รพ.ที่ผมอยู่มีหมอฝึกหัดทั้งหมด 11 คนครับ
ในสัปดาห์นี้ได้มีการรับปริญญาเกิดขึ้นทำให้หมอทั้ง 6 คนต้องออกจากโรงพยาบาลไป และเพื่อนหมออีก 2 คนนั้นได้คะแนนโหวตสูงสุดได้ลงไปท่องเที่ยวในสามจังหวัดชายแดน(ดังที่ผมเคยได้รับโปรโมชั่นนี้มาแล้ว)
ดังนั้นจึงเหลือนักล่าฝันในรอบสุดท้ายเพียง 3 คน
และผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ

นั่นหมายความว่าเวรใน รพ. ทั้งหมดที่เคยหาร 11 บัดนี้มาหาร 3 แทนครับ
และเป็นที่มาของการหายตัวจากไปอย่างเงียบๆในสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้เพื่อนๆทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าผมคิดสั้น
หลังจากการไป”ตัดผม”พลาดมา ผมก็ขอมาขีดเขียนอะไรไว้ซักหน่อยให้ระลึกถึงกันครับ

...................................................


วันนี้เป็นอีกวันที่ผมอยู่เวร
วันนี้เป็นวันที่คนไข้น้อยเอาเรื่อง ซึ่งผมคิดว่าอาจเกิดจากการที่ นัท V1 ได้เป็น the winner หรืออาจเป็นเพราะเครื่องบินตกที่ภูเก็ตก็เป็นได้

แน่นอนเมื่อมีเวลาว่าง ผมมักคิดฟุ้งซ่านเสมอ วันนี้ห้วงความคิดของผมได้ไปหยุดลงที่
" ปัญหาคาใจ " อยู่หนึ่งอย่าง

คนเราทุกคนล้วนมีปัญหาคาใจ ไม่รู้ว่าทำไม
สำหรับตัวผม ผมเดาว่าเป็นเพราะผมเป็นคนไม่ค่อยกล้าถาม
ซึ่งถ้าจะมาโทษตัวเองอย่างเดียวคงไม่ดีนัก (ผมไม่ใช่พระเอก ) ดังนั้นผมจึงขอเหมารวมว่าเพราะผมเป็น
"เด็กไทย"
เด็กไทยเป็นเด็กที่ไม่ค่อยถาม จริงไหมครับ ?
จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ที่แน่ๆตัวผมเองก็นับครั้งได้เลยที่เคยถามอะไรในช่วงท้ายชั่วโมง


"เอาละ ใครมีคำถามหรือสงสัยอะไรไหม ? “



หลังสิ้นเสียงนี้ จะมีความ "สงัด" เหมือนกับว่าเวลาทั้งห้องหยุดนิ่ง
ราวกับว่าอากาศในห้องไม่มีการเคลื่อนไหว ดั่งว่าลมหายใจถูกกลั้นไว้ (แน่นอนลมทางก้นก็เช่นกัน )

แต่แล้วเมื่อประโยคต่อมา

"โอเค งั้นวันนี้พอแค่นี้ "

จากนั้นทุกอย่างจะคืนสู่ปกติ อากาศมีการเคลื่อนไหว เวลาได้หมุนเดินตามที่มันจะเป็น
และลมจากทุกรูทวารก็เดินทางออกมาอย่างสันติอีกครั้ง

ตอนแรกผมคิดว่ามันคงเกิดแค่ใน รร.ที่ผมเรียนอยู่ แต่เปล่าเลย
ในมหาลัย ในการประชุมต่างๆ ก็หาชมบรรยากาศแบบนี้ได้ไม่ยากนัก



เอาละครับกลับมาที่ปัญหาคาใจของผมอีกครั้ง ปัญหานี้มันมาโจ๊ะในหัวผมที่คำว่า


"King's college"


มันเป็นปัญหาทีมีในหัวตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งถ้าให้เดาผมว่าเราๆทุกคนคงได้ยินคำนี้พร้อมๆกับ
ได้รู้จักซุปไก่สกัดยี่ห้อหนึ่ง.... ที่วิจัยโดยสถาบันนี้

ทีนี้ผมก็ดันจำได้อีกว่า ครั้งหนึ่งที่ชีวืตเคยไปสูดอากาศเมืองนอกเมืองนา ผมเคยไปยืนอยู่ที่
หน้า King's college และผมก็ถามเพื่อนคนไทยข้างๆว่าอยากไปดูห้องทดลอง อยากรู้ว่าเขาทดลองซุปไก่ยี่ห้อนั้นกันอย่างไร แต่ผมจำได้ว่ามีคนบอกผมว่า

"เห้ย มันคือหอพัก "

ผมทำหน้างงๆ จากนั้นก็มีเสียงมากระแทกโสตหูอีกครั้งว่า

" college มันคือ หอพัก "

ทำให้ผมต้องหยุดการอยากรู้อยากเห็นครั้งนั้นไว้ เพื่อรักษาฟอร์มไว้ก่อน (เสียวฟัน ฟันไม่เสียว )

วันถัดมา
ผมจำได้ว่าผมเลยฝ่ากฎเด็กไทยไปถามครูฝรั่งว่า

ผม " Excuse me .......... " จำได้คร่าวๆว่าแปลว่าไอ้คอลเลจนี่มันคืออะไรครับ
ฝรั่งใจ " ................. " ไม่ใช่จำไม่ค่อยได้ครับ แต่ตอนนั้นฟังไม่รู้เรื่อง
ผม "...... "

แม้ผมจะขับวิญญานผีเด็กไทยไปแล้ว หนึ่งรอบ แต่มันก็เข้าสิงผมอีกจนได้
วันนั้นผมไม่ได้ถามต่อ

ผมยิ้มตอบแห้งๆ แล้วบอกว่า " Great "
ซึ่งถ้ามาคิดดูแล้วถ้าไอ้ครูฝรั่งหนุ่มมันดันพูดมาว่า "ไปเลี้ยงแกะบนเขาด้วยกันไหม " ผมคงซวยไม่เบา

อย่างไรก็ตามผมก็เลิกสนใจเรื่องนี้เอาไปดื้อๆ
และหาเหตุผลว่า "สงสัยเขาทดลองกันในหอ" มาใส่ในหัวไว้แบบขอไปที
และแล้วสมองผมก็เลิกสนใจซุปไก่ไปอย่างเงียบๆ


จนถึงวันนี้

ผมกลับมาเปิด dictionary longman ดูพบว่า

college - a place where students study afer they leave school หรือ a part of university



สรุปว่ามันก็เหมือนกับว่ามันเป็นวิทยาลัยใช่ไหมครับ……..



ขอเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ช่วยตอบปัญหาคาใจผมหน่อยครับ
ผมจะได้รู้ว่า พี่โต๋ พี่นาวินต้า พี่เจ ไม่ได้โกหก ผม

ด้วยรักและเคารพ

:->m'26





Create Date : 21 กันยายน 2550
Last Update : 21 กันยายน 2550 17:30:14 น. 36 comments
Counter : 2279 Pageviews.  
 
 
 
 
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ AF
 
 

โดย: ชายกลาง IP: 203.155.74.131 วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:17:01:55 น.  

 
 
 
ขอบคุนที่แวะไปเยี่ยมชมนะคะคุณหมอสุดร้าย
comment คุนหมอน่าสนใจมากเลย ไม่ทราบไปตรวจนักโทษที่ไหนหรือ หวังว่าเราคงมีโอกาสได้สอบถามเพิ่มเติมนะ น่าสนใจมากๆเลยอ่ะค่ะ
 
 

โดย: lukbasketball IP: 125.25.102.106 วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:18:24:03 น.  

 
 
 
อืม เป็นนิสัยคนไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ

สมัยเรียนเวลาอาจารย์ถามว่าสงสัยอะไรหรือเปล่า ทุกคนก็จะเงียบกันหมด

แต่เห็นแอบไปถามนอกรอบกัน

เคยสันนิษฐานไว้ 4 อย่าง คือ

1.เขิน ไม่กล้าพูดเสียงดังต่อหน้าสาธารณชน (ทั้งที่ก็เป็นเพื่อนกันแท้ๆ)

2.กลัวจะเป็นการโชว์เต๊ง(ว่าโง่)

3.กลัวไอ้ที่จะถามอาจารย์จะเอาไปออกสอบ เดี๋ยวประชาชนคนอื่นมันได้ยินด้วย (คิดได้ไงเนี่ย)
ต้องไปแอบงุบงิบถามทีหลัง สองต่อสอง

4.ไม่สงสัยอาจารย์อธิบายดี ไม่ก็มันเก่งกันทุกคน

แต่อิชั้นไม่อยู่ใน 4 ข้อนี้แน่นอน เพราะไม่ค่อยเข้าเรียน 5555 (ยังกล้าพูด)
 
 

โดย: @opal@ วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:18:47:36 น.  

 
 
 
lukbasketball-- พี่ๆนักโทษเขามาตรวจที่ รพ. ครับ



ชายกลาง---ผมก็ยังงๆครับว่ามันเกี่ยวกันได้อย่างไร




 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:18:49:40 น.  

 
 
 
เมื่อกี้ไปแอบอ่านหน้าเก่าๆมาน่ะค่ะ

เลยเข้ามาขออนุญาต add blog น้องหมอไว้น่ะค่ะ

แล้วจะแวะมาเยี่ยมชมอีกเน้อคะ

 
 

โดย: @opal@ วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:19:08:34 น.  

 
 
 
แอ๊ก ไม่กินซุปไก่ ไม่ยู้ฮ่ะคุณหมอ
 
 

โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:19:18:59 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ

หลงๆมาตามลิงค์จากblogคนอื่นน่ะค่ะ เพราะว่าสะดุดกับชื่อ "เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน"

ทำไมหรอคะ??

ว่าแต่ว่าเรื่องที่หยิบมาเขียนก็น่าสนใจนะว่าจริงๆแล้วพี่โต๋นี่หลอกกันอยู่รึเปล่า


ขออนุญาตadd blog นะคะ อ่านเพลินๆดี
 
 

โดย: madam IP: 203.113.40.10 วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:19:24:29 น.  

 
 
 
เอ อ้อมเกิดไม่ทัน
รึว่าไม่ได้ทันสังเกตนะนี่

หุ หุ พี่ตั้มเป็นหนุ่มนักล่าฝันไปแล้ว
 
 

โดย: verdancy วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:19:29:36 น.  

 
 
 
อืม..ตอบคำถามก่อน..

คิงส์ คอลเลจ นั้น เป็นวิทยาลัยส่วนหนึ่ง(ในอีกมาก)ที่อยุ่ในสังกัดของ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ คับ
ส่วนในรูปที่คุณหมอเอามาโชว์นั้นคือ King’s College Chapel หรือ โบสถ์นั่นเองคับ ส่วนตึกขาวๆเหลืองๆที่บังด้านข้างโบสถ์อยู่คือ The Gibbs’ Building คับ(อันนี้ผมก็ไม่รู้ว่ามีความสำคัญอย่างไร)
ตามนั้นนะคับ..เท่าที่หาได้และใช้ความสามารถอันน้อยนิดเดาๆเอาจากวิคิพีเดีย(ผิดถูกประการใดขออภัย..ออกตัวไว้ก่อนเลย แหะๆ โบ้ยความผิดไปที่คุณหมอละกัน ดันอยากรู้ไรก็ไม่รู้ ย้ากยาก)

ดีจัง ผมก็อยากไปมั่งอ่ะUK คงสวยน่าดู..

มีแอบกัดหนังหุบเขาหลังหักด้วยนะ..อิอิ แล้วถ้าตอนนี้ฝรั่งมาชวนไปเลี้ยงแกะบนเขาคุณหมอจะฟังรู้เรื่องแล้วยังนี่?
55+ ขำๆนะค้าบ..

บ๊ายบายคับ
 
 

โดย: P_Poy วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:0:35:01 น.  

 
 
 
แหะๆ เพิ่มเติมนิดหน่อย..

ไอนิสัยขี้กลัว ไม่กล้าถามนี่ผมก็เป็นด้วยคนนึงหละ พ่อกับแม่ชอบว่าประจำเลย แล้วก็จะสำทับอีกทีด้วยว่า "หัดปากไวไอดังซะมั่งเหอะ" จ๋อยเลย

อีกอย่างตอนเด็กๆแม่ชอบบังคับผมกับพี่กินซุปไก่มากๆๆๆๆ ซึ่งผมรับไม่ได้จิงๆ แต่แม่ก็จะบังคับให้กินๆๆไม่หมดไม่ต้องเข้านอน จนพี่ชายผมต้องช่วยผมกินด้วยอ่ะ มันไม่ไหวจริงๆ ขอโทษนะคับแบบกลิ่นมันเหมือนไข่เน่าอ่ะ รับไม่ด้ายยย
 
 

โดย: P_Poy วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:0:38:50 น.  

 
 
 
ตอนเด็กๆผมก็ไม่เคยกินซุปไก่ครับ มันเหม็นจริงๆครับ

แต่พอโตมาผมมักกินในคราวที่อ่านหนังสือสอยไม่ทันครับ
ไม่รู้ว่ามันไปช่วยได้ตรงไหน ทำหยั่งกับว่ากินแล้ว
สมองโตเข้ามาบึบบับ

แต่หลังจากที่ลองแล้ว ผลที่ได้คือ

หลับสบายครับ

 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:0:51:35 น.  

 
 
 
ขอบคุณนะค่ะที่ไปเยี่ยมที่บล๊อคไปอีกนะค่ะ
 
 

โดย: จูหน่านพ วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:9:33:09 น.  

 
 
 
โห....อยู่เวรหนักจริงจริงด้วยแหละ
มิ้มก็อยู่เวรวันเว้นวันค้า
แต่มีตัวช่วยหลายคน ไม่ค่อยหนักมากนัก

ส่วนเรื่องซุปไก่คงตอบมิได้
เพราะอ่อนแอภาษาอังกฤษเหมียนกันค้า
 
 

โดย: มิกิโกะ วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:11:58:23 น.  

 
 
 
อืมม์
มุก เอ๊ย มุขหมอยังแพรวพราวเหมือนเดิม คริคริ
แม้นงานยุ่งก็ยังปล่อยหมัดให้ผู้ชมมึนตึ้บเล่นๆ

คิงส์คอลเลจ เค้าเฉลยไปซะละ มะหนุกเลย...คริคริ
คนไข้โรคปอดบวมเยอะไหมล่ะ ตอนเนี้ยอ่ะ
 
 

โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:16:39:16 น.  

 
 
 
มาช่วยพี่หมอไปบ้านค่ะ
 
 

โดย: verdancy วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:18:50:00 น.  

 
 
 
แวะมาเยี่ยม
ไม่ค่อยชัวร์ แต่เคยได้ยินว่าเป็นวิทยาลัยทางการแพทย์ไม่ใช่หรือครับ คุณหมอ
 
 

โดย: คนขับช้า วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:20:03:52 น.  

 
 
 
ปัญหาคาใจไม่มีค่ะ มีแต่หนี้ค่ะตอนนี้
 
 

โดย: จูหน่านพ วันที่: 23 กันยายน 2550 เวลา:14:41:42 น.  

 
 
 
แอบมาแอดค่ะ
 
 

โดย: sweet sacrifice วันที่: 23 กันยายน 2550 เวลา:22:25:19 น.  

 
 
 
ดีคับ "พี่หมอ"
(เรียกดักไว้ก่อนละกัน ผมจะได้ดูอ่อนหน่อย แหะๆ)

ตัวพี ข้างหน้าชื่อ ไม่ได้จะสื่อว่าเป็น พี่ หรืออะไรแต่อย่างใดหรอกคับ..
พอดีจะใช้ชื่อ poy เฉยๆมันดูโหวงๆ เลยเอาตัว พี ที่อยู่หน้าชื่อมาเติมหนะคับ เลยเป็น
p_poy แหะๆ
ส่วนชื่อผมก็ ปอย เฉยๆคับ พี่ปอยมันดูแก่ๆจังปีนี้ผมเพิ่ง16เอง
55++
บะบายคับ
 
 

โดย: P_Poy วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:0:38:03 น.  

 
 
 
ถ้าน้องอายุ 16 พี่ก็มั่นใจว่าต้องเรียกตัวเองว่าเป็น" พี่ " แน่ๆ ไม่เป็นไรครับห่างกันนิดเดียวเอง
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:7:47:35 น.  

 
 
 


..


เจอแล้วคนคอเดียวกัน
เข้ามาในบล๊อกก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยของลิซ่าเลยค่ะ

ทิว่านะ ..
เรื่องไม่กล้าถามเนี่ยมันเป็นนิสัยของคนไทยไปแล้วอ่ะ
เคยไปสัมนาที่นึง
วิทยากรเค้าถามว่า
ท่านใดมีข้อสงสัยไรมั้ยครับ ??

เงียบฉี่ .. (แล้วทำไมต้องฉี่ด้วยเน๊อะ)

หลังความเงียบ
วิทยากรบอกว่า
งั้นไม่มีใครถาม ผมถามนะครับ
แล้วเค้าก็ถามเลยว่า
ได้อะไรจากการสัมนาครั้งนี้
แล้วจะเอาไปใช้อย่างไร
เท่านั้นแหละค่ะ
มีแต่คนหน้าตาตื่น ไม่รู้จะตอบยังไง
ก็วนเข้าสู่ความกลัวคำถามเหมือนเดิม

ยาวไปแล้ว
แค่นี้ดีกว่า
ทำยังกะเป็นบล๊อกของตัวเองเลยอ่ะ 555


เพลงเพราะ .. มาก ..


..


ปล. คุณหมอกลัวแดดเหรอคะ ??


 
 

โดย: ทิ .. (Ka - Ti ) วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:9:48:48 น.  

 
 
 
+ อุๆ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา น้องหมอ (เริ่มเปลี่ยนสรรพนาม ) ขึ้นไปกุงเต้บเหรอคับเนี่ย? กลับบ่อยเหมือนกันนะครับ ... แล้วงานที่เอ็มโพเรียมเนี่ย ไปเพราะตั้งใจว่าจะไปอยู่แล้ว หรือเพราะไม่มีไรทำแล้วเลยไปอ่ะครับ?
... พี่ไม่รู้นะว่ามันร้อนรึเปล่า ... แต่ตอนพี่ไปถึง พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแว้ว จนถึงกับถ่ายรูปตัวแมง เอ๊ย สัตว์ป่าที่กรงด้านนอกห้างไม่ได้อ่ะครับ (เพราะเค้าห้ามใช้แฟลช) ... แล้วสรุปว่าประทับใจกับงานรึเปล่าเอ่ยครับ?

+ หุๆ หาร 11 เหลือหาร 3 ... งั้นงานก็หนักขึ้นประมาณ 4 เท่า! มิน่าล่ะครับ ถึงหายหน้าหายตาไปพักหย่าย ... แต่สัปดาห์นี้ก็คงดีขึ้นแล้วมั้งครับ เพราะพวกหมอที่ไปรับปริญญาก็น่าจะกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนเดิมแล้วนี่นา
... เอ อย่างงี้แสดงว่าหมอทุกคนที่ ร.พ. นี้ ต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้รับคะแนนโหวตสูงสุด เป็น AF ที่โชคดีกันทุกคนเลยจิคับเนี่ย? เหอๆๆ

+ ชอบวิธีที่น้องหมอบรรยายถึงตอนที่อาจารย์ตั้งคำถามนะครับ ช่างเห็นภาพได้ใจเลยเจงๆ 555 ... มันเป็น ณ เสี้ยววินาทีที่โลกทั้งใบ (ของห้องๆ นั้น) ได้หยุดหมุนไปชั่วขณะ

+ เรื่อง "ไม่กล้าถาม" มันเป็นวัฒนธรรมประจำชาติของนักเรียนไทยเจงๆ ครับ ... อาจเป็นเพราะนิสัย ขี้เกรงใจ (ไม่อยากรบกวนครู), รักสงบ (ไม่อยากให้มีประเด็นโต้เถียง), ชอบสบาย (กรูจะเปลืองเซลล์สมองคิดคำถามทำไมฟระ!). กลัวการเสียหน้า (ถ้าถามคำถามโง่วๆ ที่คนอื่นรู้คำตอบอยู่แล้วออกไป), ไม่รู้จะถามอะไร (เพราะมัวแต่คุยกันหรือไม่ก็หลับอยู่) ฯลฯ
... ตอนเดะๆ พี่ก็ไม่กล้าด้วยแหละนะ แล้วพอหลังจากเริ่มมีโอกาสไปเปิดหูเปิดตา พอกลับมาก็เลยรับนิสัยจากเด็กแถวนั้นมาด้วย ... คือถ้ามีปัญหาคาใจ พี่ก็จะถามครูหรือวิทยากรในห้องไปเลย (แต่บางทีก็ไม่ได้ถาม ต้องดูจังหวะเหมือนกันอ่ะครับ)

+ ประเด็น King's collage อันคาใจน้องหมอ ... คุณน้องพี่ปอย เอ๊ย P_Poy ได้มาเฉลยไว้แล้น ดังนั้นคงต้องขอข้ามไป (แต่เด็กยุคใหม่โชคดีนะครับที่ "นึกอะไรไม่ออก บอกน้องกุ๊ก (Google) กะน้องวิกกี้ (Wikipedia)" ... สมัยพี่ยังเด็กนี่หาเครื่องมืออะไรจ๊าบๆ แบบนี้ไม่ได้เลยอ่ะครับ )
... แหม แต่ถ้า king's collage เป็นหอพัก ... คงมีแต่ระดับปริ๊นซ์วิลเลี่ยม ปริ๊นซ์แฮรี่ (ที่ไม่ใช่ พ็อตเตอร์) มาพักมังครับนั่น หุๆ

+ ซุปไก่นี่ ถ้าเป็นซุปน้ำใสใส่ไก่เป็นน่องๆ แล้วก็ผักต้ม แบบนั้นพี่ก็ไม่โปรดเหมือนกันครับ ... แต่ถ้าเป็นครีมซุปข้นเนี่ย ของโปรดเลยอ่า แต่ครึมซุปไก่จะอยู่อันดับบ๊วยๆ (เหมือนมันจะไม่เข้ากัน) ... ถ้าพี่ชอบมากๆ ก็ซุปข้าวโพด กับซุปเห็ดแชมปิญองอ่ะครับ อ่าหย่อย ... ส่วนซุปน้ำใส ชอบหม่ำซุปหอมใหญ่อ่ะครับ (ยังเคืองอยู่เลยเนี่ย ซิซเลอร์ชอบถอดเมนูนี้ออกจากโซนสลัดซะเรื่อยเลย)

+ กร๊ากกกก 555 ดีนะครับที่น้องหมอไม่ได้ชื่อเล่นชื่อ "แจ๊ค" ... (และครูฝรั่งนั่น ก็คงไม่ได้ชื่อ Ennis!)

+ อุๆ ถ้าน้องหมอ(อายุ)ห่างน้อง P_Poy นิดเดียว ... พี่ก็คงห่างน้องหมอนิดเดียวเหมือนกันอ่ะครับ เหอะๆๆ
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:14:09:48 น.  

 
 
 
Ka - Ti --- เขียนยาวๆนี่ดีครับ ผมชอบอ่าน
ลิซ่า โอโนะ นี่เด็ดจริงครับ

บลูยอชท์ --- มันเป็น "น้อยนิด มหาศาล" ไหมครับ พี่วิน



ป.ล ผมไม่กลัวแดดเท่าไหร่ครับ ผิวผมจัดอยู่ในระดับ เข้มกำลังดี ( ที่เข้มนี่บางคนบอก ส่วนที่กำลังดี นี่ผมคิดเอง )
แต่มาอยู่ภาคใต้นี่ดูเป้นคนขาวขึ้นมาทันทีครับ

ส่วนว่าทำไมไม่เล่นบอลตอนกลางวัน ต้องเก็บไว้คิดเอาเล่นๆครับ

 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:15:51:53 น.  

 
 
 
^
^
โห ... แค่ประโยคเดียวของน้องหมอตั้ม ... ทำเอาพี่เสียว(หัวใจ)วูบ อาจถึงแก่ชีวิตได้เลยนะครับเนี่ย 555
... พี่ก็แค่เรียนเร็วไปนิด จบเร็วไปหน่อย ทำงานมานานเกินไป ... บวกลบคูณหารแว้ว ไม่น่าจะ 'มหาศาล' เกินกว่า ๑๐ ปีได้อ่ะครับ เหอะๆๆ
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:21:15:49 น.  

 
 
 
เนื่องจากผมมีเพื่อนหนุ่มใจดีเรียนอยู่ที่ลอนดอนเขาได้แวะเข้ามาตอบคำถามให้ ผมจึงขอนำคำตอบของเพื่อนผมมาแบ่งปันครับ


........................................................................................


เรียนคุณหมอขี้สงสัยที่เคารพ

ผมก็เคยสงสัยคำโฆษณาของพี่ต้าเขาเหมือนกันว่าสถาบันนั้นต้องเชี่ยวชาญด้านซุปไก่มากทีเดียว แต่เสียดายที่ลืมถามพี่เขาเรื่องนี้ตรงๆ ตอนไปปรึกษาเขาเรื่องเรียนต่อ ความ "คาใจ" เกี่ยวกับซุปขวดเขียวๆขวดนี้จึงติดอยู่กับผมมาจนถึงตอนมาเรียนที่อังกฤษนี้ ในประการสำคัญผมไม่ลืมที่จะพกซุบไก่สกัดตรานี้มาด้วยสองถึงสามโหล กะว่าเมื่อได้โอกาสไปที่สถาบันนี้จะถามเขาตรงๆว่ามันดีจริงป่าว เพราะผมก็เป็นแฟนตัวยงของมันมานานพอดู

ก่อนจะออกทะเลไปจากคำถามหลักๆของคุณหมอขอดึงตัวเองเข้ามาตอบคำถามคุณหมอสักนิดนึง ยังไงขอโอกาสผมได้ปูพื้นให้นิดนึงเป็นอาหารสมองแบบไม่ต้องดื่มนะครับ

College คืออะไร?

ว่ากันตามรากศัพธ์แล้ว con- = "together" + leg- = "law" or lego = "I choose"
เมื่อรวมกันจึงได้ความว่า "กลุ่มคนที่รวมอยู่ด้วยกัน ภายใต้กฎระเบียบเดียวกัน"

แต่หากจะว่ากันภาษาชาวบ้านเเล้วก็เปรียบได้กลับ วิทยาลัย ของบ้านเรา แต่มิใช่วิทยาเขต (campus) นะครับ

ทีนี้หลายคนคงสงสัยว่าแล้วมหาวิทยาลัย (University) นั้นต่างจาก College ตรงไหน

เช่นเคยขอเริ่มจากที่รากศัพธ์ครับ University มาจากรากลาติน "universitas magistrorum et scholarium"
แปลเป็นไทยว่า "ชุมชนของนักวิชาการและอาจารย์"

หากมองจากความหมายของคำแล้ว มีหลายแง่มุมที่ College และ University ใช้ร่วมกันนะครับ จากการค้นคว้าเล็กน้อยพบว่า University ถูกใช้มานานกว่าในนามว่า "Universitas" ตั้งแต่สมัยที่กรีกยังรุ่งเรือง ซึ่งก็มักหมายถึง Academy of Plato อันเป็นที่สมาคมพบปะ ถกเถียง วิวาทะ กันในเชิงปรัชญาวิชาการของชาวกรีกในสมัยนั้นอันเป็นคุณลักษณะพื้นฐานที่สำคัญของระบบการศึกษาทางตะวันตกที่มาจนถึงทุกวันนี้ อย่างไรก็ดี Universitas แห่งแรกในโลกคือ มหาวิทยาลัย นาลันทา แห่งอินเดียครับ เกิดขึ้นในยุคสมัยที่พุทธศาสนารุ่งเรือง แต่ก็ถูกทำลายไปพร้อมกับการเสื่อมสลายของศาสนาพุทธในอินเดีย

ขออนุญาติไม่ขยายความต่อเกี่ยวกับคำว่า Academy นะครับ แต่ที่เข้ามาในความคิดผมตอนนี้คือ อีกหน่อยเราอาจจะมี University of Fantasia ในเมืองไทยหรือป่าวก็ไม่ทราบนะครับ ถ้ามีนักศึกษาคงจะต้องสอบผ่านการส่ง SMS ให้คะแนน แถมถ้ามีลูกเจ้าของบริษัทผู้ให้บริการมือถือเข้าเรียน อาจปรากฎข่าวการโกงข้อสอบด้วยวิธีการอ้อนพ่อให้ปรับแต่งผลโหวตเข้าทางพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้...

University and College (Historical Perspective)

(ย่อหน้านี้เป็นการสังเคาะห์ส่วนตัวของผมนะครับ)
เมื่อวัฒนธรรมการศึกษาเริ่มแพร่หลาย ผู้คนเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมทางการศึกษามากขึ้น ชุมชนของนักวิชาการเเละอาจารย์จึงเริ่มขยายตัว จากที่ป็นเพียงสถานที่เเลกเปลี่ยนความคิดและถกเถียงเพื่อมุ่งหาปรัชญาที่ลุ่มลึกยิ่งขึ้น สถาบันเหล่านี้จึงจำเป็นต้องมีการ "จัดการ" ที่เป็นระบบมากขึ้น เพื่อเริ่มหันมาทำหน้าที่ "ผลิต" นักเร๊ยนนักศึกษาและสร้างสรรค์งานวิชาการที่จักเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและโลกในภายภาคหน้า ดังนั้นกฎระเบียบของการอยู่ร่วมกันเพื่อนผลิตงานวิชาการและบุคลากรทางการศึกษาจึงต้องเกิดขึ้น คำว่า College จึงสะท้อนถึงพัฒนาการของระบบการศึกษาทางตะวันตกในช่วงก่อนยุคมืด (Medieval Era, 10th-12th Century) ที่มหาวิทยาลัยยุคใหม่แห่งเเรกๆของโลกเกิดขึ้นอย่างมากมายในยุโรป อาทิเช่น University of Magnaura (8th Cen. Byzantium empire, now Turkey), University of Paris (10th Cen. France) and Oxford Universities (11th Cen. UK) etc..

(จุดเริ่มต้นของคำตอบของคุณหมอเริ่มจากตรงนี้นะครับ)
หลักฐานที่ชัดเจนก็คือในมหาวิทยาลัยเหล่านี้ โดยเฉพาะ Oxford ภายในมหาวิทยาลัยจึงประกอบไปด้วย College ต่างๆมากมาย ปัจจุบันประกอบไปด้วย 39 Colleges โดย College ที่เก่าแก่ที่สุดคือ Merton and Balliol Colleges ครับ
อย่างไรก็ดีธรรมปฏิบัติของมหาวิทยาลัยระบบนี้ที่ยึดถือตลอดมาคือ College คือที่อยู่อาศัย เป็นสังคม เป็นบ้าน และเป็นตัวตนของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้นๆ กล่าวคือแต่ล่ะ College จะมีระบบการปกครอง ดูแลสมาชิกทั้งด้านที่พักอาศัย อาหารการกิน ห้องสมุด ห้องสันทนาการ ฯลฯ "เพื่อดูแลและสงเสริมนักเรียน อาจารย์ นักวิจัย และเจ้าหน้าที่ ให้พร้อมในการทำหน้าที่ของตยในมหาวิทยาลัย" กล่าวคือเพื่อให้นักเรียนไปเรียนและสอบไล่ให้ได้ดีที่สุด ร่วมถึงกิจกรรมพิเศษต่างๆของทางมหาวิทยาลัย อาจารย์และเจ้าหน้าที่ก็มีสุขภาพกายใจที่สมบูรณ์พร้อมที่จะไปสอนหนังสือหรือทำงานวิจัยหรือหน้าที่ของตนในมหาวิทยาลัยได้อย่างเต็มที่

โดยสรุปก็คือ College เป็นเหมือน "บ้าน" ไม่มีอำนาจในการจัดสอบ จัดสอบ หรือมอบปริญญาบัตร หากแต่เป็นที่เพาะบ่มบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกระดับของมหาวิทยาลัยให้เพียบพร้อมที่จะทำหน้าที่ของตนอย่างสูงสุด การจะสมัครมหาวิทยาลัยจึงต้องสมัครทั้งกับตัวมหาวิทยาลัยเอง และต้องสมัคร College ด้วย หากมิได้รับการตอบรับจากทั้งสองหน่วยงาน ก็ถือว่าไม่ผ่านการคัดเลือกครับ มหาวิทยาลัยในลักษณะนี้เรียกว่า Collegiate University ระบบการบริหารเช่นนี้เป็นหลักการกระแสหลักของระบบการศึกษาขั้นสูงของยุโรปมายาวนาน แต่ในปัจจุบันในประเทศอังกฤษเหลือเพียง Oxford, Cambridge, Durham, St Andrew และ ,มหาวิทยาลัยผม London ครับ

คุณลักษณะของ College ข้างต้นนี้คล้ายคลึงกับ Hogwarts School of Witchcraft and Wizardry ซึ่งประกอบไปด้วย Houses ทั้ง 4 อย่าง Gryffindor, Hufflepuff, Ravenclaw and Slytherin ครับ

ที่นี้เราจะเข้ามาสู่ส่วนหลักของความคาใจแล้วนะครับคุณหมอ

แต่ว่าผมขอเวลาอีกสักวันสองวันนะกลับมาเขียนให้จบนะครับ อู้งานมานานแล้ว ทิ้งหัวข้อมที่ผมตั้งใจจะครอบคลุมเอาไว้ให้ดูไปพลางๆก่อน อดใจรอสักนิดนึงนะครับ

ขออภัยที่เขียดมายืดเยื้อ

=>University of London

=>King's College, Cambridge and King's College, London

=>Was there a Chicken Soup Research at KCL?

=>Conclusion


....................................................................................


ในตอนสุดท้ายเพื่อนหนุ่มใจดีของผมคนนี้ต้องการบอกว่า

ไอ้เมืองที่ผมไป และรูปที่ผมถ่ายมันคือ King's colleage ที่เมือง Cambrige แต่ไอ้ที่เขาทดลองกันมันคือ King's college
ของ London

หรือโดยรวมแล้วคือ ผมปล่อยไก่ไปยกเล้าของ CP เลยทีเดียว



 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:23:57:39 น.  

 
 
 
ขอขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับคำอวยพรคะ... น้อยมากเลยคะที่จะได้คำอวยพรจากผู้ชายเนี่ย.... ขอขอบคุณมากๆ นะคะ อยากเก็บความรักของเราไว้ตลอดไปเช่นกันคะ

ยังไงอย่าทำงานหนักมากนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ แต่ทำไมถึงไม่เตะบอลตอนกลางวัน.... อ่านชื่อตอนแรกคิดว่าต้องเป็นเด็กแน่เลย.... แต่จบแล้วเป็นหมอด้วย... เลยยิ่งสงสัย... ชื่อนี้ได้แต่ใดมา....

เราไม่รู้เรื่อง "king's college " แต่เราชอบดื่มซุปไก่.... ไม่ได้เกี่ยวเลย แต่พอเห็นชื่อแล้วนึกถึงซุปไก่เลยคะ....
 
 

โดย: noot (thangthai_ladypink ) วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:8:30:47 น.  

 
 
 
+ หุๆ "เพื่อนใจดี ณ ลันดั้น" ของน้องหมอตั้มนี่ นักวิชาการสุดๆ เลยอ่ะครับ (สงกะสัยจะไปทำด็อกฯ อยู่แหงมเยย) ... แต่ก็ดีครับ อ่านแล้วได้ฟามรู้เพิ่มอีกเพียบเลยอ่า

+ ตอนแรกกะจะแซวอยู่เหมือนกันว่าคุณสมบัติของ 'บ้าน' ที่อธิบายมา มันช่างเหมือนพวกบ้านกริฟฟินดอร์, บ้านสลีธิริน ในแฮรี่ พ็อตเตอร์ซะเหลือเกิน ... แต่ในที่สุดก็มีการเอ่ยถึงในตอนท้ายจริงๆ (เจ๊ เจเค เธอก็คงเขียนข้อมูลมาจากระบบการศึกษาจริงๆ ในอังกฤษนั่นแหละเนอะครับ )
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:10:38:09 น.  

 
 
 
ครับเพื่อนใจดีผม ทำดอกเตอร์ที่ University of London ครับ สมัยก่อนผมนั่งเรียนภาษาอังกริดข้างๆมันครับ
งูๆปลาๆด้วยกัน สมัยนี้ผมยังเป้นงูๆปลาๆอยู่ แต่มัน
ไปเป้นผู้ช่วย อ.จ ที่นู้นแล้วครับ

เมื่อวานเพื่อนผมได้มาตอบตอนต่อไปแล้วครับ

---------------------------------------------------------------------------------

...ปฏิบัติการซุปไก่ ตอนที่ 2...

หลังจากปั่นงานมาหลายวันกะว่าต้องขึ้นเขียงวันพุธนี้ แต่ซุปติดงานเลยขอเลื่อนเป็นสัปดาห์หน้า ผมจึงขอติดบอร์ดขออู้มานั่งเขียนเพิ่มอย่างที่สัญญากันไว้ครับ

สืบเนื่องจากตอนที่เเล้วเราจบลงด้วย โรงเรียนของ Harry Potter แต่จากการอ่านมาจนเล่มที่เจ็ดแล้วยังไม่พบว่า Harry ดื่มซุปไก่เเต่อย่างใด เห็นดื่มแต่ Polyjuice ยิ่งเล่มสุดท้ายยิ่งดื่มบ่อยมากครับ ยิ่งคิดว่ามันทำมาจากหนังงู Boomslang แล้วขอผ่านล่ะครับ กับมาคุยกันต่อในโลกมักเกิลดีก่า

3. Cambridge University

หลังจากที่ Oxford University เปิดสอนมาได้ราว 2-3 ร้อยปี ได้เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นภายในมหาวิทยาลัยครับ กลุ่มนักวิชาการในมหาวิทยาลัยเกิดมีเรื่องบาดหมางกับชาวบ้านท้องถิ่นอย่างหาข้อยุติิได้ กลุ่มนักวิชาการจำนวนมากส่วนนั้นจึงได้พากันย้ายถิ่นฐานออกจาก Oxford มาตั้งรกรากเเละสถาปนามหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของประเทศอังกฤษบริเวณแม่นำ้ Cam ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองและมหาวิทยาลัย Cambridge University มีโครงสร้างทุกอย่างแทบจะเหมือนกับ Oxford ทั้งหมด ประกอบไปด้วย 31 Colleges โดยมี King's College เป็นหนึ่งใน College ที่เก่าแกและมีชื่อ มหาวิทยาลัยทั้งสอง (ชาวอังกฤษมักเรียกรวมกันว่า "Oxbridge" หากได้ยินโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเป็นมหาลัยอื่นนะครับ) ได้เป็นแม่พิมพ์ผลิตผู้นำ นักคิดในแทบทุกแขนงที่มีอิธิพลเป็นอย่างมาต่อโลกในยุคปัจจุบันมาตลอดประวัติศาสตร์เกือบ 1000 ปี ของทั้งสองมหาวิทยาลัย

4. University of London: Freedom for education

อย่างไรก็ดี เมื่อชนชั้นกลางเริ่มมีจำนวนและบทบาทมากขึ้นในสังคมอังกฤษ ทั้งสองมหาวิทยาลัยจึงถูกโจมตีเรื่องการกีดกันการศึกษาให้จำกัดอยู่เเต่เพียงขุนนาง และผู้มีชาติตระกูลบางกลุ่มในสังคม การศึกษาที่เป็นดั่งนำ้ที่มีไว้เพื่อดับกระหายความใคร่รู้จึงถูกเรียกร้องให้ไหลรินลงมาสู่ชนชั้นกลางและชยชั้นกรรมาชีพ ที่แม้เลือกเกิดไม่ได้เเต่ก็ต้องการจะเลือกกำหนดชีวิตและอนาคตของตนและวงศตระกูล แรงพลักดันทางสังคมดังกล่าวจึงก่อให้เกิดการจัดตั้ง University of London ในกรุงลอนดอนขึ้น เมื่อ คศ 1836 ซึ่งเปิดรับนักศึกษาจากทุกระดับ ไม่ว่ายากดีมีจน จะเป็นชายหรือหญิงก็มีสิทธิเรียนเท่าเทียมกันไม่มีการแบ่งแยก ปรากฏการณ์เช่นนี้คล้ายกับการเกิดมหาวิทยาลัยเลือดเหลืองแดงขึ้นในประเทศไทยนั่นเอง

โครงสร้างของ University of London แม้จะเป็น Colligiate University หากแต่มีความแตกต่างไปจาก Oxbridge อย่างชัดเจนอันสืบเนื่องมาจากเป้าหมายในการก่อตั้งที่ต้องการจะผลิตการศึกษาในระดับกว้าง ทั้งในด้านปริมาณ และความครอบคลุมสาขาต่างๆ ดังนั้นทั้ง 19 Colleges ภายใน UOL จึงมีอำนาจปกครองตัวเองในระดับหนึ่ง เป็นทั้งที่พักอาศัยและยังเป็นที่สอน และที่สอบไล่ของนักศึกษาของตนเองอย่างเป็นเอกเทศจากกันและกัน แต่นักศึกษาจากแต่ล่ะ College สามารถเรียนข้าม College และใช้ทรัพยากรทางการเรียนต่างๆร่วมกันได้อย่างเสรี แต่อำนาจในการมอบปริญญาบัตร และการบริหารในระดับสูงจะยังคงเป็นของ UOL ดังนั้นจึงเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาที่แต่ล่ะ College ของ UOL จะไม่เปิดคอร์สที่ซำ้ซ้อน หรือแข่งขันกันเอง หากแต่จะพยายามเป็นเลิศในความถนัดของตนนั่นเอง มหาวิทยาลัยที่มีระบคล้ายคลึงกันที่ผมเข้าใจคือ University of California

Colleges สำคัญๆของ UOL คือ University College of London, Imperial College London, London School of Economics and Political Science, King's College, Royal Holloway College, Queen Mary, Birkbeck College และ SOAS

5. King's College, Cambridge University and King's College, University of London

ท่านผู้อ่านบางท่านอาจพบว่าผมเอ่ยถึง King's College มาสองหน ถูกครับ ในอังกฤษมี King's College 2 ที่ แห่งเเรก เป็น College ใน Cambridge ที่มิได้มีการเรียนการสอน แห่งที่สองเป็น College ที่มีการเรียนการสอนและการวิจัย ใน University of London ครับ และ King's college แห่ง London นี่ล่ะครับ คือสถาบันที่ติดหูคนไทยมาช้านาน เพราะโฆษณา ซุปไก่สกัดกล่องสีเขียวนี่เอง

ดังนั้นคำตอบที่คุณหมอได้ยินตอนที่มาอังกฤษว่า King's College นั้นเป็น "หอพัก" ก็เป็นคำตอบที่ถูกครับและผม ผมเชื่อว่าคุณหมอคงไปอยู่ที่ Cambridge จึงได้คำตอบเช่นนั้น รูปถ่ายที่คุณหมอแนบมาให้ชมกันก็คือสนามของ King's College แห่งมหาวิทยาลัย Cambridge อาคารทางซ้ายนั้นเป็น Chapel ที่มีชื่อเสียงมากครับ หากไม่นับการมา Punting ในแม่นำ้ Cam แล้ว มา Cambridge ถ้าไม่มาถ่ายรูปคู่กับที่นี่ หรือไม่ส่งโปสการ์ดรูปนี้กลับบ้าน ระวังเพื่อนๆจะไม่เชื่อว่ามาถึงจริงนะครับ

ส่วน King's College ที่ บริษัทซุปไก่กล่าวอ้างในคำโฆษณานั้นคือ King's College แห่ง UOL ครับคุณหมอ ไม่ต้องห่วงครับ เพราะแค่ google King College ดูจะพบว่ามี 9 สถาบันการศึกษาใช้ชื่อนี้อยู่ครับ


6. เคยมีการทดสอบและวิจัยเกี่ยวกับ ซุปไก่ ใน KCL จริงหรือ?

ผมได้ลองทำการบ้านเล็กน้อยเพื่อตอบคำถามนี้ KCL มีชื่อเสียงในหลากหลายสาขาวิชามากครับ โดยเฉพาะทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ ผมพยายามสืบค้นเข้าไปในเวบไซต์ของ KCL พบว่ามีอยู่หนึงหน่วยงานที่ค่อนข้างเข้าเค้ามากว่านักวิจัยแถวนั้นอาจเคยดื่มซุปไก่สกัดกล่องสีเขียวมาแล้ว ผมว่าคุณหมอน่าจะเข้าใจศัพท์แสงทางด้านนี้ดีกว่าผมนะครับ ลองไปดูเพิ่มเติมได้ที่ //www.kcl.ac.uk/schools/biohealth/research/nutritional/

เป็น web ของ School of Biomedical & Health Science, Nutritional Science Department น่าเสียดายที่เขาไปได้แสดงรายนามผู้สนับสนุนงบวิจัยย้อนหลังไปนานพอที่จะสืบสาวราวเรื่องไปถึง การทดลองเรื่อซุปไก่ที่มีชื่อครั้งนั้นได้ เอาไว้ว่างๆผมจะลองเข้าไปถามเขาดูนะครับ ว่าซุปไก่ขวดเขียวดีจริงป่าว หรือ ซุปดำหรือซุปใสดีกว่ากันอะไรงี้

หวังว่าคุณหมอคงจำได้ความกระจ่างขึ้นนะครับ หากมีความคืบหน้าเช่นไรผมจะมารายงานต่อไปครับ


-------------------------------------------------------------------------


ขอบคุณ คุณไก่เช่นเดียวกันครับ
หวังว่าคงเป้นประโยชน์ ต่อเพื่อนๆไม่มากก็น้อยครับ


 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:18:03:16 น.  

 
 
 
คุณหมอคะ blog คุณหมอขาสุดยอดไปเลยค่ะ เป็นมิตรรักแฟนเพลงมานานแล้วแหละ แต่ว่าเขินๆ ไม่กล้าคอมเมนต์ วันนี้เผอิญรวบรวมความกล้า ออกปากออกเสียงบ้าง เอาไว้น้องแบดฯ มีเวลาว่างจะเข้ามาอ่านเรื่อยๆ นะคะ
 
 

โดย: Twilight Badminton Girl IP: 58.9.152.116 วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:20:03:50 น.  

 
 
 
ที่ไม่กล้าถาม เพราะกลัวโดนเพื่อนทั้งห้องรุมประชาทัณฑ์
"ถามทำมาย พวกกรูอยากกลับบ๊าน..." แหะๆ ขำๆครับ :]
 
 

โดย: นายหมูตุ้ย IP: 203.146.63.182 วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:22:49:10 น.  

 
 
 
Twilight Badminton Girl ---- เขินครับ

นายหมูตุ้ย --- บางทีผมก็เคยแอบคิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ ยิ่งเวลาปวดท้อง... นีในหัวคิดอย่างเดียวเลย ว่า "จะสงสัยอะไรกันนักหนาครับพี่น้อง "
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:0:32:29 น.  

 
 
 
555+

ว่างๆแวะไปเยี่ยมเยียนได้นะครับ //naiimootui.wordpress.com
 
 

โดย: นายหมูตุ้ย IP: 125.24.148.226 วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:12:17:48 น.  

 
 
 
//fonn24.blogspot.com/ เอาบล๊อกเพื่อนสาวมาฝากค่ะ อิๆๆๆๆๆๆๆ (มันยังไม่รู้ว่าเราแอบบมา promote)เนื้อหาดีมีสาระค่ะ )
 
 

โดย: lukbasketball IP: 125.25.89.121 วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:15:41:56 น.  

 
 
 

โอ้โห เป็นบล้อกที่ยาวมากค่ะ อ่านตั้งนานกว่าจะจบ แต่ก็สนุกดีค่ะ อ่านแล้วก็หัวเราะได้ คุณหมอเขียนสนุกดี

ได้รู้ที่มา ของ King's College ที่คุ้นหูมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ก็ยังเด็กอยู่นะค้า แหะๆ

แล้วก็ตอนเรียน ม ปลาย จนกระทั่ง มหาลัย ก็ดูเหมือนจะยังมีความเงียบ แบบนี้อยู่ค่ะ didi ว่า
1 เข้าใจหมดเลย ไม่มีไรจะถาม
2 ไม่มีไรจะถาม เพราะไม่เห็นรู้เรื่องเลย

ถ้ามีใครกล้าที่จะถามขึ้นมาคนนึง สายตาทุกคู่ก็จะไปจับที่คนนั้น โอ้โห เกิดเลยค่า...หุๆ
แต่ว่าก็แล้วแต่นะคะ นึกถึงคลาสที่ didi เรียนอยู่เพื่อนร่วมคลาสก็กล้าถามกันดีค่ะ พอได้ถามแล้วกลับกลายเป็นว่านุกดีออกค่ะ

แล้วไว้วันหลังเข้ามาอ่านอีกนะค้า คุณหมอ"เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน"

 
 

โดย: didi (Alittlepanda ) วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:1:25:33 น.  

 
 
 
แล้วตกลงไอ้ซุปไก่นี่มัน ...
 
 

โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 1 สิงหาคม 2551 เวลา:0:20:37 น.  

 
 
 
สรุปว่า ซุปไก่ นี่


ถ้าเป็นแฟนคลับหนูดี ก็ควรกินครับ

 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:22:37:52 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

kanapo
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน

@boydontkick
[Add kanapo's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com