สรุปว่าจับได้แต่ผู้ต้องหากับเงิน...???ก็สมควร
.
แล้วการดักฟัง ....ศาลรับฟังด้วยหรือ..สงสัย???

The answer to your question: "แล้วการดักฟัง ....ศาลรับฟังด้วยหรือ..สงสัย??? " is yes, exactly. According to the law governing the nacrotics, the state can employ this method for certain period but subjected to the court permission and control.

ขออนุญาตงงได้ใหมคะ

แล้วในบันทึกการจับกุม เค้าแจ้งข้อหาอะไรคะ

(แต่ไม่มีของกลาง ??? )

แล้วอย่างนี้เค้าไม่ฟ้องกลับหรอคะ

เรื่องการฟ้องกลับนี้ เป็นสิทธิของบุคคลที่คิดว่าตนเองถูกกระทบสิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือความจริง คนที่ถูกฟ้องแล้วศาลยกฟ้อง ก็ไม่ได้แปลว่า ไม่ได้กระทำความผิดจริง แต่ความจริงการถูกยกฟ้อง อาจจะเป็นเพราะพยานหลักฐานไม่พอจะพิสูจน์ว่า "กระทำผิดโดยปราศจากสงสัยตามสมควร" ดังนั้น แม้จะมีการฟ้องกลับ โดยมาตรฐานเดียวกัน ในคดีอาญานั้น หากประสงค์จะฟ้องกลับ ก็จะต้องพิสูจน์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีเจตนากลั่นแกล้ง หรือ มีเจตนาทุจริต ซึ่งภาระการพิสูจน์ ย่อมอยู่กับผู้ฟ้องคดี

ในกรณีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานด้วยความสุจริต ตามหลัก Good Faith แล้ว ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เพราะผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย ย่อมได้รับความความคุ้มครองโดยอำนาจแห่งกฎหมาย ตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย เมื่อพบการกระทำผิด หรือมีข้อมูลว่าผู้ต้องหากระทำความผิด ย่อมมีหน้าที่ต้องสืบสวนขยายผล นำไปสู่การจับกุม ส่วนจะลงโทษผู้ต้องหาได้เพียงใดนั้น เป็นปัญหาดุลพินิจของศาล เพราะเรื่องเดียวกัน ผู้พิพากษาคนหนึ่ง อาจจะคิดอย่างหนึ่ง แต่ผู้พิพากษาอีกคนหนึ่ง อาจจะคิดอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็มีเยอะแยะที่ศาลพิพากษากลับไปกลับมา หรือมีความเห็นแย้งติดสำนวนไว้

ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมาแล้ว บนพื้นฐานของความสุจริต ไม่ได้มุ่งกลั่นแกล้งใคร หรือ ไม่ได้มีเจตนาทุจริต ย่อมไม่ต้องกลัวการถูกฟ้องกลับ เพราะกฎหมายย่อมคุ้มครองผู้รักษากฎหมาย กรณีที่ถูกฟ้องกลับ รัฐย่อมเข้าไปช่วยเหลือ จัดหาทนายแก้ต่างให้ ซึ่งปกติ พนักงานอัยการจะเข้าไปช่วยเหลือ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติร้องขอ และกรณีที่ถูกฟ้องเพราะปฏิบัติการตามหน้าที่ ตำรวจคนนั้น ก็ไม่ต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ไม่ถูกงดขั้นเงินเดือน ฯลฯ เพราะหากลงโทษตำรวจเพราะปฏิบัติการตามหน้าที่แล้ว สังคมนั่นแหละที่จะเดือดร้อนจากมิจฉาชีพ

การที่ศาลยกฟ้องนั้นมีด้วยกันหลายกรณี ส่วนกรณีที่เกี่ยวกับความผิดยาเสพติดในฐานจำหน่าย แล้วไม่ได้สายลัยมาเบิกความศาลอาจจะยกฟ้องก็ได้ หรือในกรณีที่ไม่ได้สายลับมาเบิกความศาลก็สามารถรงได้ ถ้าพยานหลักฐานอื่น ๆ ของโจทก์รับฟังได้อย่างปราศจากข้องสงสัยว่า จำเลยกระทำความผิดหรือไม่ ต้องดูเป็นรายกรณีไป มิใช่ว่า ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในฐานจำหน่าย ศาลจะยกฟ้องทุกกรณีที่ไม่ได้สายลับมาเบิกความในชั้นพิจารณา

แน่นอนครับ ศาลยกฟ้องได้ แต่จะต้องมีมาตรฐานในการยกฟ้อง และเหตุผลที่ฟังแล้วดูมีน้ำหนัก สิ่งที่ผมต้องการสื่อให้เห็นคือ การอ้างเหตุผลว่า พนักงานอัยการโจทก์ ไม่นำสายลับมาสืบด้วย เป็นการอ้างเหตุผลที่ขัดต่อหลักธรรมชาติของการมีสายลับอย่างมาก ไม่ควรอ้างอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากจะไม่มีลักษณะที่ฟังได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลแล้ว ยังมองให้เห็นว่า ศาลไม่เข้าใจอะไรเลยเกี่ยวกับสายลับ

สุดท้ายที่ผมต้องการสื่อ คือ วิธีการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจและพนักงานสอบสวน จะต้องทำการรวบรวมพยานหลักฐานให้หนักแน่น ตั้งแต่พฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุ ข้อมูลที่ได้จากการสืบสวน ประวัติผู้ต้องสงสัย ตลอดจนการนำวิธีการรวบรวมพยานหลักฐานแบบใหม่ ๆ ไปใช้เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมาอีก