1. มัจฉาจมวารี: ปลาเห็นแล้วลืมว่ายน้ำ (ทำให้จม) - นางไซซี
ไซซี (Xi Shi, 沉鱼, 西施) มีชีวิตอยู่ช่วง ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ในสมัยชุนชิว ได้ฉายาว่า "มัจฉาจมวารี" (沉鱼)
เมื่อไซซีทำกลศึก ให้อ๋องที่เป็นศัตรูคู่แค้นของแผ่นดินบ้านเกิดเธอหลงเสน่ห์นั้น เธอไปทำเป็นนั่งซักผ้าอยู่ริมธารตรงที่อ๋ององค์นั้นจะผ่านมา และเมื่อท่านอ๋องเสด็จขี่ม้าผ่านมาเห็นความงามของเธอ ก็หลงใหลในเสน่ห์ของเธอสมดังอุบาย พอเข้าวังไปได้แล้วเธอก็ไปดำเนินกลต่อจนอ๋ององค์นั้นเสียบ้านเสียเมืองไปเลย เล่ากันว่าเมื่อไซซีนั่งซักผ้าริมธารนั้น ปลาที่ว่ายน้ำมาเห็นเธอก็ตะลึง ลืมว่ายน้ำจมต๋อมไปเลย
| |
2. ปักษีตกนภา: นกเห็นแล้วก็ลืมบิน (ทำให้ตกจากฟ้า) - หวัง เจาจวิน
หวังเจาจวิน (Wang Zhaojun) มีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ได้ฉายาว่า "ปักษีตกนภา" (落雁)
หวังเจาจวินเป็นหญิงงามที่มีกรรม ถูกส่งออกนอกประเทศจีน ไปเป็นบรรณาการแก่ข่านของชนเผ่านอกอารยธรรมจีนเพื่อสงบศึก แต่เธอก็ได้เสียสละตัวเองเพื่อสร้างสันติภาพในระหว่างจีนกับเผ่าหู (ทำนองเผ่ามองโกล) เมื่อเดินทางขึ้นเหนือออกนอกกำแพงเมืองจีน ไปรับภารกิจคือไปเป็นนางบำเรอข่านเผ่าหูนั้น อากาศกำลังหนาวจัด เธอสวมผ้าขนสัตว์หนามีผ้าคลุมผมป้องกันความเย็น มือถือผีผาหรือเครื่องสายจีนอย่างหนึ่ง (ซึ่งเป็นภาพของเธอในสายตาศิลปินจีนมาจนเดี๋ยวนี้) ปรากฏว่านกที่บินอยู่บนอากาศ เห็นเธอก็ถึงกับลืมบิน เลยหล่นลงมาเพราะมัวแต่ชมเธอ
| |
| | 3. จันทร์หลบโฉมสุดา: ดวงจันทร์เห็นแล้วต้องดับแสงตัวเอง - เตียวเสียน
เตียวเสี้ยน (Diao Chan) มีชีวิตอยู่ในยุคสามก๊ก ได้ฉายาว่า "จันทร์หลบโฉมสุดา" (闭月)
เตียวเสีี้ยนในสามก๊ก ศิลปินมักวาดเป็นรูปกำลังจุดธูปเทียนบูชาพระจันทร์ และมีเกร็ดหรือตำนานชาวบ้าน (นอกหนังสือสามก๊ก) เล่าต่อๆ กันมาว่า เมื่ออองอุ้นมหาอำมาตย์ตงฉินผู้ซื่อต่อแผ่นดิน ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของเตียวเสียน วางแผนจะกำจัดกังฉินเสี้ยนหนามแผ่นดินคือตั๋งโต๊ะผู้กำเริบตั้งตนเองเป็นมหาอุปราช โดยจะใช้เสน่ห์เตียวเสียนยั่วให้ตั๋งโต๊ะผิดใจกับลิโป้ อัศวินคู่ใจตั๋งโต๊ะนั้น อองอุ้นแกล้งเชิญตั๋งโต๊ะกับลิโป้มากินเลี้ยงแล้วก็บอกว่าตนมีลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง มีหน้าตาสวยงามมาก ลือกันว่าสวยกว่าจันทรเทวีฉางเอ๋อ จนจันทร์เจ้าละอายในความงามผ่องพิสุทธิ์้ของนางจนต้องรีบเร้นกายเข้าหลบในหมู่เมฆทันที ทั้ง 2 กังฉินนั่นไม่รู้กลก็ตื่นเต้นอยากเห็น อองอุ้นก็แกล้งถ่วงเวลาไว้ ที่จริงอองอุ้นรู้ว่าคืนนั้นจะมีจันทรุปราคา พอใกล้เวลาจันทรคราสก็ให้เชิญเตียวเสียนออกมา ทันใดนั้นพระจันทร์ก็สิ้นแสงหมดรัศมี ตั๋งโต๊และลิโป้จึงตื่นเต้นมาก ว่าเตียวเสียนเป็นหญิงงามเย้ยจันทร์จริงๆ เตียวเสียนก็จุดธูปกระทำคารวะต่อเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ เชิญให้ออกมา จันทร์ก็สว่างดังเดิม ต่อจากนั้นทั้งสองคนก็หลงใหลเสน่ห์เตียวเสียนจนโงหัวไม่ขึ้น จนถึงกับฆ่าฟันกันเองตามกลของอองอุ้นที่วางไว้
| |
4. มวลผกาละอายนาง: ดอกไม้ยังต้องหุบดอกหนี - หยางกุ้ยเฟย
หยางกุ้ยเฟย (Yang Guifei) มีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์ถัง ได้ฉายาว่า "มวลผกาละอายนาง" (羞花)
หยางกุ้ยเฟย หรือพระสนมเอกหยาง ชื่อเดิมว่าหยางยวี่หวน ในสมัยราชวงศ์ถัง ศิลปินมักวาดเป็นสองรูป คือตอนกำลังเมาเหล้าเริงระบำ หรือตอนกำลังอาบน้ำร้อน เธอได้ชื่อว่ามีรูปโฉมงามมาก สุดยอดความงามของหยางกุ้ยเฟย เมื่อนงคราญผู้มีความงามจนล่มชาติบ้านเมืองผู้นี้ทรงบวรวิภูษิตเสด็จลงประพาสอุทยาน แม้โบตั๋นซึ่งเป็นราชินีแห่งบุปผชาติ ได้เห็นความงามของนางเข้า ถึงกับหุบกลีบซบดอกลง เพราะมิอาจประชันขันแข่งกับนางได้ ไม่กล้าแย้มบานประชันความงามกับเธอเลย แต่เรื่องของสนมหยางจบเศร้ากว่าคนอื่นๆ ที่จริงนางงามคนอื่นอีก 3 คนก็ไม่ใช่ว่าจะมีความสุข ทุกคนต้องสละความงามของตนเพื่อแลกกับผลทางการเมืองทั้งนั้น แต่ก็ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรสตรี สละตนเพื่อแผ่นดิน แต่หยางกุ้ยเฟยได้รับคำประณามว่า ความงามของเธอก่อผลสะเทือนทางการเมือง จนพระเจ้าถังเสวียนจงต้องสูญราชบัลลังก์ แพ้ข้าศึก และมติมหาชนประณามเธอ จนขุนทหารราชวงศ์ถังบีบบังคับให้เธอต้องผูกคอตาย เพราะหาว่าเธอเป็นต้นเหตุความพินาศของบ้านเมือง...
| |