<<< a_somjai a_somjai's blog === อ่านเขียนบล็อก อ่านเขียนโลก <<<== a_somjai อ่านเขียนบล็อก a_somjai a_somjai's blog
Group Blog
 
All Blogs
 

รายงาน: ชัยชนะยกแรกของชาวเน็ต (ต่อบรรษัทเทคโนโลยีโทรคมนาคม) ในสงคราม "อิสรภาพบนเน็ต - Net freedom"

updated 2008-04-17

Save the Internet!







เรื่องสืบเนื่อง; (ต้องอ่านเรื่องในบล็อกต่อไปนี้ก่อน ครับ)



ข่าวดีปีใหม่
สำหรับชาวเน็ต


จากการร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมอย่างต่อเนื่องยืดเยื้อของชาวเน็ต (ในอเมริกา) ตลอดปี 2006 (๒๕๔๙)

ผลออกมาว่า ในสนามของพื้นที่ทางกฎหมาย (ในรัฐสภา) แล้ว ชาวเน็ตอเมริกันได้รับชัยชนะ (อันหมายรวมถึง อานิสงส์--ประโยชน์ ก็จะตกสู่ชาวเน็ตทั่วโลกด้วย เพราะใครก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า ประเทศอเมริกา/สังคมอเมริกันเป็นผู้ควบคุม/บริหารจัดการ/มีอิทธิพลต่อโลกอินเตอร์เน็ต มาก--มากกว่าครึ่งหนึ่งของสังคมโลกออนไลน์ส่วนอื่น ๆ )

ดูแผนภูมิเส้นทางการต่อสู้เรื่องนี้----




ที่มา: savetheinternet.com


อ่านรายงานล่าสุด => Net freedom ที่นี้ และก้าวต่อไปของสมรภูมิปี ๒๕๕๐ คือ (ยุทธศาสตร์) การผลักดันให้ อิสรภาพความเท่าเทียมกันบนอินเทอร์เน็ตให้เป็นกฏหมาย - Make Net Neutratlity the Law in 2007! (จะ)ต้องติดตามกันต่อไป




posted by a_somjai on 2006-01-08




 

Create Date : 08 มกราคม 2550    
Last Update : 17 เมษายน 2551 14:00:47 น.
Counter : 592 Pageviews.  

กรณีศึกษา Censoring online: ในกระแส "คลื่นใต้น้ำ" กระทู้การเมือง ห้องราชดำเนิน pantip.com

posted by a_somjai on October 25, 2006 @ 12:50 am

เข้ามาแล้ว
โปรดอ่านรายงานต่อเนื่อง
บนบล็อกนี้ก่อนครับ >>>
อ้างถึง: Internet Filtering in Thailand 2006?: กรณีศึกษาที่ ๑



รายงาน, 2006-09-21 ๒๑ กันยายน ๒๕๔๙ |

(เวปไซต์หลายแห่งต้องหยูดกิจกรรมการสนทนาความคิดทางสังคมการเมืองกัน เช่น ห้องราชดำเนินของ pantip.com ได้ปิดตัวไปชั่วคราวแล้ว ด้วยเหตุผลที่ทางเวปไซต์แจ้งคือ ---

เรียนท่านสมาชิก
ห้องราชดำเนินขอปิดการใช้งานชั่วคราว เนื่องจากไม่สามารถควบคุมดูแลการตั้งกระทู้ได้ ขออภัยในความไม่สะดวก และขอความกรุณาอย่าตั้งกระทู้เกี่ยวกับการเมืองที่ห้องอื่น ๆ ครับ




รายงาน 2006-10-06 ๖ ตุลาคม ๒๕๔๙

ห้องราชดำเนิน ในไซต์พันทิบ เปิดแล้ว

สวัสดีกันอีกครั้งหลังจากต้องพลัดถิ่นไปพบกันในห้องอื่นมาพักใหญ่ ไหนๆ ก็ปิดไปนาน เปิดมาใหม่ขอรณรงค์เรื่องวิธีการแสดงออก โดยรบกวนขอท่านสมาชิกช่วยกันเขียนแบบ เน้นสาระ อย่าเน้นโวหาร และเรื่องที่ท่านเขียนนั้นเรื่องใด เป็นข้อมูลข้อเท็จจริง หรือเป็นความเห็นส่วนตัว หรือเป็นการคาดการณ์ แจ้งให้ผู้อ่านทราบด้วย เพื่อป้องกันความสับสน

และที่สำคัญ ของดเว้นการเขียนในลักษณะต่อไปนี้
1. การต่อว่าด่าทอ คนที่มีความเห็นไม่เหมือนท่านในกระทู้
2. เขียนแบบไร้ประโยชน์ อันได้แก่ เสียดสี ล่อเป้า ก้าวร้าว บิดเบือน ฯลฯ
3. หยิบข้อเขียนของคนอื่นมาตีความทีละคำแบบ หัวหมอ หรือ ศรีธนญชัย
4. ล้ำเส้นไปก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของบุคคลสาธารณะ

ส่วนในเรื่องของแนวทางนั้น ขอให้เวทีนี้ เป็นเวทีของการช่วยกันให้ข้อมูล ให้ความเห็น ตรวจสอบการทำงาน สะท้อนปัญหา สะท้อนความรู้สึกตามที่เป็นจริง และห้ามใช้เวทีนี้ในการนัดชุมนุมใดๆ โดยเด็ดขาด

อนึ่งการหยิบยกสถาบันพระมหากษัตริย์หรือพระราชดำรัสมาอ้างอิง ถือว่าเป็นการกระทำที่อาจเอื้อมและไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง จึงขอห้ามโดยเด็ดขาดเช่นกัน

ทางทีมงานจะพยายามสุดความสามารถ เพื่อทำให้เวทีนี้กลับมาเป็นเวทีที่มีประโยชน์ ในการสะท้อนกระแสสังคมโดยรวมอีกครั้ง และลบภาพการเป็นเวทีชุมนุมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกไปให้ได้

ขอขอบคุณทุกท่าน


ตัวอย่างล่าสุด

แบบนี้เสียดสีครับ

  • การเมือง : "อุ๋ย" สิ้นคิดถึงขนาด ยกเอา Green GDP มาอ้างแล้วหรือ ?


  • แบบนี้ตรงไปตรงมาดีครับ
  • ถ้าคปค.ไม่ทำตามคำขอ(ขู่) ของเมกา(บุช)ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น วานผู้รู้บอกด้วย จะได้เตรียมตัวถูก


  • แบบนี้โดนใจชอบมากครับ
  • ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว..อยากขอให้รัฐบาลใหม่ทำอะไร ว่ามา



  • เปิดวันแรกทักทายกันพอหอมปากหอมคอ .... 18:00 ขอปิด Post นะครับ กลางคืนไม่มีคนเฝ้า ท่านใดเล่นรอบดึกแวะไปเว็บอื่นๆได้ตามอัธยาศัย ... พบกันอีกครั้งพรุ่งนี้ 10:00 ครับ




    ขอตั้งกระทู้แรกในห้องราชดำเนิน
    (//www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4767527/P4767527.html)

    เปิดกระทู้แรกคงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่า ให้เหตุผลว่าทำไมจึงต้องปิด เพราะในกระทู้ที่ถามระหว่างที่พลัดถิ่นไปอาศัย ไร้สังกัด (ห้องไร้สังกัด pantip.com <*a_somjai>) ก็มีถามเข้ามา จึงขอใช้โอกาสที่เปิดกลับมานี้ไขข้อข้องใจแบบตรงไปตรงมา การที่ผมต้องปิดห้องราชดำเนิน เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้

    1. กลัวเว็บถูกปิด
    2. กลัวเป็นที่นัดกันไปตาย
    3. มันไม่ใช่ราชดำเนินที่ควรเป็น

    ข้อแรกเลยกลัวเว็บถูกปิดนั้นคงเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ง่ายที่สุด จากที่เข้าไปรับคำชี้แจงจากกระทรวง ICT ในวันที่ 21 นั้นค่อนข้างชัดเจนว่า ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะต้องมีหน้าที่ดูแลเนื้อหา โดยต้องให้ไม่ปรากฏ การอ้างอิงสถาบันฯ กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองหรือก่อให้เกิดความแตกสามัคคีของคนในชาติ ซึ่งหากไม่สามารถควบคุมได้ ผู้ดูแลเว็บไซต์จะต้องรับผิดชอบ รวมไปถึงผู้ที่เขียนข้อความ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย และจะมีความจำเป็นในการสกัดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ โดยการบล๊อคนั้นไม่สามารถทำเฉพาะที่ห้องราชดำเนินแต่ต้องทำทั้งเว็บไซต์ ดังนั้นการกลัวถูกปิดเว็บพันทิปจึงเป็นเหตุผลข้อที่หนึ่งในการตัดสินใจปิดห้องราชดำเนิน และจัดให้มีการดูแลกระทู้อย่างเข้มงวด เพราะถ้าหากสมาชิกในห้องราชดำเนินเกิดคุมอารมณ์ไม่อยู่จนเป็นเหตุให้กระทรวง ICT ต้องปิดเว็บขึ้นมาจริงๆ จะมีคนอื่นที่ไม่ได้มีความเห็นร่วม แต่กลับต้องได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วยอีกมากมาย

    ข้อที่สองกลัวนัดกันไปตาย อันนี้เป็นความกลัวส่วนตัวของผม ไม่ต้องให้ใครมาบอก เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่าระยะหลังๆ คนที่เขียนในราชดำเนินเป็นฝ่ายทักษิณ ดังนั้นในช่วงต้นของการเปลี่ยนแปลง หลายๆท่านที่ยังทำใจไม่ได้ คงหนีไม่พ้นนัดกันเคลื่อนไหว ซึ่งผมมองว่ามันไม่มีข้อดีเลย หากแต่ยิ่งทำให้เกิดการกระเพื่อมที่ทำให้ประเทศเสียหายมากขึ้นไปอีก ทั้งที่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว ขนาดของการเคลื่อนไหวที่มีผลระดับที่ให้นายกทักษิณของท่านได้กลับมาได้นั้น อย่างย่อมๆ ก็ระดับสงครามกลางเมือง การเคลื่อนไหวต่ำกว่านั้นก็เป็นเพียงความเสียหายต่อชาติที่สูญเปล่าเท่านั้นเอง อันนี้ถ้าตั้งสติให้ดีทุกท่านคงประเมินได้ แต่ในเวลาที่อารมณ์อยู่เหนือสติ ผมเกรงว่าจะเกิดสิ่งที่ไม่ควรเกิด

    ข้อที่สาม บอร์ดราชดำเนิน ไม่ใช่ราชดำเนินที่ควรเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังๆ เวลาไปไหนมาไหน มีแต่คนบ่นว่า ทำไมเดี๋ยวนี้กระทู้ในราชดำเนินมีแต่เชียร์ทักษิณ เว็บพันทิปถูกไทยรักไทยซื้อไปแล้วหรือเปล่า เว็บพันทิปยังเป็นกลางอยู่จริงหรือ ฯลฯ ซึ่งตรงนี้สภาพ ที่ปรากฏออกไปก็ทำให้เราเองก็พูดไม่ออก เถียงไม่ได้ แม้จะมีสมาชิกจำนวนหนึ่งพยายามช่วยกันถ่วงดุลย์ความเห็นเพื่อให้มีความเป็นกลาง แต่ก็หนีไม่พ้นภาษิตน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ และยังพบมีการด่าว่าเสียๆหายๆกับผู้ที่มีความเห็นในทางตรงข้าม ซึ่งผมถือเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ นอกจากนั้นลักษณะการเขียนแบบที่ไม่มีประโยชน์ อันได้แก่ เสียดสี ล่อเป้า ก้าวร้าว บิดเบือน สุมไฟ ศรีธนญชัย ฯลฯ ก็มีปรากฏอยู่มากมาย จนทำท่าว่าจะกลายเป็นวัฒนธรรมของเวทีไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอายมากสำหรับผมคนที่ต้องรับผิดชอบเวทีแห่งนี้ สรุปแล้วต้องยอมรับว่าห้องราชดำเนินก่อนที่จะถูกปิดไป ไม่ได้มีอะไรเหลือให้เสียดายนัก เพราะคุณค่าของมันได้ถูกทำลายไปก่อนนั้นนานแล้ว

    การเปิดกลับขึ้นมาครั้งนี้ หลักใหญ่คือการพยายามคืนคุณค่าให้กับห้องราชดำเนินอีกครั้ง ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ยังเป็นคำถามอยู่

    จากคุณ : PANTIP.COM - [ 5 ต.ค. 49 15:01:06 ]





    กำลังนี้ เป็นรายงานในกระแส
    รายงาน 2006-10-25 ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๙

    รายงานข่าว จาก "รัฐบาล" และ "คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)"

  • เนชั่นทันข่าว ประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2549



  • "อารีย์"เร่งทำความเข้าใจปชช.สยบคลื่นใต้น้ำ

    "09:55 น. นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การแก้ไขปัญหากระแสต่อต้านและความเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่ภาคกลาง อีสาน และภาคเหนือ ที่ได้รับรายงานจากกระทรวงกลาโหม ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้เร่งทำความเข้าใจกับประชาชนและเร่งชี้แจงเพื่อปรับทัศนคติกับประชาชนเสียใหม่

    "ด้านนายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในเบื้องต้นการแก้ไขปัญหาคลื่นใต้น้ำทางกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้ฝ่ายปกครองในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ทำความเข้าใจกับประชาชน เนื่องจากเกรงว่าประชาชนอาจได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด ซึ่งอาจเกิดความเข้าใจผิดได้"



    10:40 น. คมช.ขู่คลื่นใต้น้ำอาจเลิกผ่อนปรนห้ามชุมนุมการเมืองเกิน 5 คน

    "10:40 น. พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาคลื่นใต้น้ำ และการออกมาเรียกร้องของกลุ่มต่าง ๆ ภายหลังมีการผ่อนปรนประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 7 โดยให้ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนได้ว่า เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เพราะทุกสังคมมีคนหลายรูปแบบ มีความสนใจ และมีผลประโยชน์หลายอย่าง ทั้งนี้ ประเทศไทยกว้างใหญ่ไพศาล จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ต้องระมัดระวังในส่วนที่จะมากระทบต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของชาติ

    "เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีการผ่อนปรนอะไรเกิดขึ้น เขาถึงต้องค่อย ๆ ผ่อน ไม่ได้ปล่อยไปเลยทีเดียว แต่ถ้าผ่อนแล้วหนักไปก็อาจจะหยุดผ่อน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกอย่างน่าจะควบคุมได้ สมาชิก คมช. กล่าว"




  • ห้องราชดำเนิน - pantip.com/cafe/rajdumnern/
  • 25 ตุลาคม 2549

    "เรียนท่านสมาชิก

    "เราสนับสนุนให้มีการแสดงความคิดเห็น ในกรอบของการแสดงออกอย่างสุภาพแบบปัญญาชน แต่ไม่สนับสนุนให้มีการนัดชุมนุมเคลื่อนไหว ท่านใดพยายามโพสต์ข้อความ หรือยุยงให้มีการนัดชุมนุม หากทางเราตรวจพบ คงต้องขออนุญาตระงับสมาชิกไปก่อน

    "ท่านใดที่คิดว่าเห็นด้วยกับการนัดชุมนุม ถามใจตัวเองให้ชัดๆนะครับ ว่าต้องการต่อต้านเผด็จการ หรือ รักคุณทักษิณต้องการคุณทักษิณกลับมา และ กรุณาคิดต่อสักนิดว่า หากคุณชนะ ทางออกที่เป็นไปได้สำหรับประเทศไทยเพื่อรองรับชัยชนะของคุณเป็นอย่างไร คุณจะให้ประเทศเดินต่อได้ด้วยวิธีไหน ถ้าคุณคิดแล้วมั่นใจแล้ว ก็เชิญครับ ชีวิตเป็นของคุณ แต่ก็กรุณาไปนัดกันที่อื่น เพราะชีวิตผมก็เป็นของผมเหมือนกัน ไม่อยากให้ตัวเองรู้สึกว่ามีบาปติดตัวไปชั่วชีวิต

    "ขอขอบคุณทุกท่าน"




  • กระทู้ห้องราชดำเนิน หมายเลข P4821521:
    ถ้าไม่กล้าต่อสู้กับความจริง ก็ปิดบอร์ดไปเหอะ

    ถ้าไม่กล้าต่อสู้กับความจริง ก็ปิดบอร์ดไปเหอะ

    "ถ้าไม่กล้าต่อสู้กับความจริง ก็ปิดบอร์ดไปเหอะ
    ประชาธิปไตยคืออะไร ถ้าปิดกั้นกันอย่างนี้
    คงได้มีเฮกันบ้าง

    "[แก้ไข] ไม่ได้จงใจว่า WM แต่ว่าผู้ที่บังคับ WM
    ให้กระทำการเช่นนี้ เมื่อก่อนบ้านเมือง แบ่งเป็น 2ฝ่าย
    แต่สามารถแสดงออกได้เต็มที่ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่"

    แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 49 10:39:18

    จากคุณ : aumhicaru - [ 25 ต.ค. 49 09:17:55 A:203.144.229.194 X: ]





    updated: October 26, 2006 | ๒๖ ตุลาคม 2549 @ 23:00

  • pantip.com/โต๊ะราชดำเนิน


  • "เรียนท่านสมาชิก [26/10/49]

    มาย้ำจุดยืนเดิมว่า เรายินดีเป็นอย่างยิ่ง ในการเปิดให้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรี ด้วยการแสดงออกอย่างปัญญาชน จากทุกขั้วความคิด

    ส่วนการใช้พื้นที่ในการนัดชุมนุมเคลื่อนไหวนั้น เดิมผมค่อนข้างเป็นห่วง แต่จากข้อเขียนของคุณ นรธามังช่อ

    [คุณอาจจะรู้สึกผิด ถ้าชุมชนแห่งนี้ จะเป็นเหมือนชนวนซึ่งจะนำพาไปสู่ความสูญเสียของชีวิตและผู้คน แต่ขอให้คิดดูอีกด้านหนึ่ง ทุกผู้นามที่นี่ล้วนมีความคิดและวิจารณญาณ ผมเองก็ไม่ต้องการให้วันนั้นมันต้องเกิด แต่ถ้ามันเกิด แปลว่าทุกคนได้ "เลือกแล้ว" คือ การเคารพในการตัดสินใจของแต่ละบุคคล]

    ยอมรับว่าเป็นข้อเขียนที่กระตุกความคิดผมได้ดีทีเดียว แม้ยังไม่สบายใจนักแต่ผมก็เข้าใจดีขึ้น

    อีกเรื่องที่อยากยืนยันคือ ประเด็นที่หลายๆท่านเป็นห่วงการถูกลบข้อความที่มีความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกับ WM เรื่องนี้ของยืนยันด้วยเกียรติ์ว่าไม่มีวันเกิดขึ้น แม้ว่า WM เองก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ความคิด ความเห็น ย่อมมีได้เช่นเดียวกับคนทั่วไป แต่ในการทำงาน ผมและเพื่อนร่วมงานทุกคนสามารถควบคุมความตระหนักในหน้าที่ให้อยู่เหนือความเห็นส่วนตัวได้ไม่ยาก ตรงนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ซึ่งหลักฐานก็คงเห็นได้จากกระทู้มากมายที่แสดงอยู่ด้านล่าง

    แล้วอะไรที่ถูกลบ ? หลายท่านอาจจะตั้งคำถาม ... ในที่นี้ขอชี้แจงว่าข้อความที่ถูกลบออกไป จะเป็นการเขียนที่ล้ำจากเส้นที่เราขอ ข้อใดข้อหนึ่งใน 7 ข้อทั้งสิ้น โดยมักจะล้ำเส้นเรื่อง การใช้สมญานามเรียกบุคคลแทนการใช้ชื่อจริงบ้าง มีการก้าวร้าวบ้าง ฯลฯ ซึ่งกระแสก็จะมาไม่เหมือนกันในแต่ละวัน อย่างเมื่อวานนี้ คำยอดฮิตน่าจะเป็น "ไอ้เจ๊กขบถ" และเริ่มมีการตอบโต้แบบก้าวร้าวกันบ้าง เช่นใช้ มรึงอย่างนั้น มรึงอย่างนี้ หรือ การว่าคนที่มีความเห็นตรงข้ามเช่น ว่าๆๆๆ แล้วก็ลงท้ายด้วย "มีสมองเข้าใจได้เพียงแค่นี้ก็ไป...." เป็นต้น ทั้งนี้ผมก็ได้แจ้งทีมงานไว้แล้วว่า ถ้าพอมีเวลาทำได้ ลบแล้วให้ช่วยแจ้งในกระทู้ ไว้ด้วยว่าลบเพราะอะไร ท่านที่ถูกลบจะได้ไม่เข้าใจผิดไปว่า ถูกลบเพราะความเห็นไม่ตรง และผู้อ่านท่านอื่นจะได้ทราบแนวทางไปด้วยพร้อมๆกัน แต่ก็ต้องออกตัวไว้ก่อนว่าคงแจ้งไม่ได้ทุกข้อความด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา

    ที่เราทำตรงนี้ดูๆมันก็อาจจะดูจู้จี้ไปหน่อย แต่ทั้งนี้โดยเชื่อว่าเพื่อพื้นที่ในการแสดงออกโดยเสรีอย่างปัญญาชนน่าจะเป็นอะไรที่มีคุณค่าคุ้มกับการเหนื่อยยากอยู่บ้าง
    ขอขอบคุณทุกท่าน"



  • กระทู้ห้องราชดำเนิน หมายเลข: P4824280 เมื่อพันทิพ..ยินดีให้กลับมา..???
  • คนอุบล (26 ต.ค. 49 12:34)

    เมื่อพันทิพ..ยินดีให้กลับมา..???

    ขอบคุณ พันทิพ ที่เอาข้อความแสลงใจอออกไปแล้ว....

    เพราะทำให้ผมสะดวกใจที่จะเข้ามาร่วมแจมเหมือนแต่ก่อน....

    การเมืองเป็นเรื่องเกี่ยวกับทุกคน (แม้ว่าบางคนจะบอกว่าไม่มีผลมากกับชีวิตประจำวัน)...แต่หากเราเข้าใจและเรียนรู้ให้ถ่องแท้ การเมืองก็จะทำให้ประเทศก้าวหน้ามั่นคง...

    พันทิพน่าจะภูมิใจว่า รดน.แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้การเมืองของเยาวชนไทยอย่างดี(ดีกว่าในห้องเรียนบางห้องด้วยซ้ำ).....

    ขอให้กำลังใจ ทีมงานพันทิพ(หากประสบปัญหาที่เกียวกับ รดน)......

    ด้วยจิตคารวะ..


    จากคุณ : คนอุบล - [ 26 ต.ค. 49 04:27:47 ]








     

    Create Date : 25 ตุลาคม 2549    
    Last Update : 27 ตุลาคม 2549 0:06:06 น.
    Counter : 989 Pageviews.  

    Internet Filtering in Thailand 2006?: กรณีศึกษาที่ ๑

    จากการศึกษาของสถาบัน The OpenNet Initiative (ONI *>> //www[dot]opennetinitiative.net << เมื่อพิมพ์ address ให้แก้ไข [dot] เป็นเครื่องหมาย .) เมื่อปี 2004 พบว่า --รัฐ/ประเทศที่ควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตภายใต้อำนาจปกครองของตนมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การควบคุมไม่ให้ประชากรเน็ดในประเทศตนเข้าถึงเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตที่(รัฐ/สังคมเก่า)ไม่พึงประสงค์ ล้วนแล้วแต่อ้างข้อสนับสนุนการให้อำนาจรัฐกระทำได้อย่างเต็มกำลังและข้ออ้างเหล่านั้นมีคุณสมบัติโน้มน้าวให้สังคมเห็นคล้อยตามด้วยทั้งสิ้น เป็นต้นว่า –

    "เพื่อปกป้องลิขสิทธิทางปัญญา"

    "เพื่อคุ้มครองความสงบสุขของชาติ"

    "เพื่อรักษาไว้ชึ่ง(ปทัสฐานและค่านิยมหรือคุณค่าอันดีงามตาม)ประเพณีวัฒนธรรมและศาสนา"

    และ "เพื่อปัองกันเด็ก/เยาวชนจากสื่อลามกอนาจารและการถูกเอารัดเอาเปรียบ"


    - รัฐโดยหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะจัดทำ แผนปฏิบัติการเพื่อการกลั่นกรองอย่างกว้างขวางและแผนปฏิบัติการเฝ้าจับตามองถูกจัดให้เข้าที่เข้าทาง(อย่างมีระบบ เพื่อควบคุมสิ่งที่เห็นว่าผิด/ไม่ดี )

    - การเฝ้าสังเกตูการณ์นั้นมุ่งไปที่ประชากรชาวเน็ตผู้กระทำผิดกฎหมายผ่านสื่อทุกประเภท การควบคุมอินเทอร์เน็ตของรัฐ/ประเทศต่าง ๆ โดยวิธีการดังกล่าวจะปรากฎให้เห็นได้มากทั้งในหมู่ประเทศที่ใช้ระบบการปกครองแบบไม่ใช่ประชาธิปไตย ( non-democratic regimes) และประเทศประชาธิปไตย (democratic countries ....โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำปฏิบัติการ) ต่างก็พยายามเข้าควบคุมดูแลอินเทอร์เน็ตให้เข้าที่เข้าทางอย่างเป็นทางการ สร้างกฏระเบียบอย่างเป็นทางการเพื่อใช้ควบคุมผลการกระทำบนอินเทอร์เน็ตโดยความคาดหมายให้สื่อมีวุฒิภาวะ (the medium matures)

    อย่างไรก็ดี การกลั่นกรองและการเฝ้าจับตามองอย่างเอาจริงเอาจังเป็นมลภาวะที่บั่นทอนเสรีภาพ ความเป็นส่วนตัว/สิทธิส่วนบุคคลของพลเมือง และเป็นการหยุดยั้งพัฒนาการการติดต่อสื่อสารของชาวโลก (stifle global communications)



    ในปี ค.ศ. 2005 (๒๕๔๘) มีรายงานจากที่ประชุม The World Summit on the Information Society ระบุให้ประเทศที่เป็น "ศัตรูทั้งหลายของอินเทอร์เน็ด" “enemies of the Internet” ไว้จำนวนสิบห้าประเทศ (เรียงตามลำดับอักษร) ได้แก่ Belarus, Burma, China, Cuba, Iran, Libya, The Maldives, Nepal, North Korea, Saudi Arabia, Syria, Tunisia, Turkmenistan, Uzbekistan, Vietnam.

    และ "ประเทศที่ต้องจับตามอง" "countries to watch" อีกกลุ่มหนึ่ง (หนึ่งในนั้นคือ ประเทศไทยของเราเอง) (เรียงตามลำดับอักษร)ดังนี้ Bahrain, Egypt, European Union, Kazakhstan, Malaysia, Singapore, South Korea, Thailand, United States, Zimbabwe.

    BLOG AROUND THE BLOG ได้ติดตามรายงานการควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างเช่นพม่า หรือ เมียนม่าร์ (Burma = Myanmar) มานำเสนอไว้แล้ว พม่าได้มีการจำกัดการใช้อินเทอร์เน็ตโดยการควบคุมดูแลการออนไลน์ของพลเมืองตนอย่างเข้มงวด ในระดับขั้นที่เรียกได้ว่าเป็น "สังคมเผด็จการออนไลน์" มากที่สุดในโลกทีเดียว

    และกรณีประเทศจีนที่มีการกลั่นกรองอินเทอร์เน็ตอย่างเข้มข้นไม่น้อยหน้าพม่านั้น BLOG AROUND THE BLOG ก็ได้นำเสนอไว้อย่างเต่อเนื่องในชุด โลกอินเทอร์เน็ต เมืองจีน (006/01) ไปจนถึง ...ตอนที่ (006/06)...


    “จิงจิง” (ชาย) เป็น ตำรวจตระเวณเวปไซต์ของเมืองจีน


    และประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ติดหนึ่งในสิบห้าของ "ศัตรูทั้งหลายของอินเทอร์เน็ต - enemies of the Internet” คือ การบอกเล่าถึงผลการวิจัยของ The OpenNet Initiative (ONI)*เรื่อง Internet Censorship in Vietnam (“Internet Filtering in Vietnam: 2005-2006”) มาขยายสู่กัน ไว้ ที่นี่, ที่นี่, และ ที่นี่


    “ชาชา” (หญิง) เป็น ตำรวจตระเวณเวปไซต์ของเมืองจีน
    – คำ “จิงชา” ในภาษาจีนหมายถึงตำรวจ


    คราวนี้, ในช่วงเวลานี้ (จากวันที่ 19 กัยยายน 2849 / September 19, 2009) มีกรณีศึกษาที่น่าสนใจจาก "ประเทศที่ต้องจับตามอง" "countries to watch" ที่รู้จักในชื่อว่า Thailand (หวังว่าพวกเรา bloggers ชาวไทยคงคุ้น ๆ หูกันบ้างดอกนะ)

    กรณีที่มีผลต่อสื่อกระแสหลัก (MSM --- Mainstream Media)

    ประกาศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 10

    เรื่อง ขอความร่วมมือในการเสนอข่าว


    ตามที่ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ยึดอำนาจการปกครองไว้เรียบร้อยแล้ว นั้น

    เพื่อให้เกิดความสามัคคีภายในชาติอันจะเป็นรากฐานในการแก้ไขวิกฤติ และฟื้นฟูประเทศชาติให้ลุล่วงไปได้ด้วยเร็ว คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

    จึงขอความร่วมมือร่วมใจ มายังสื่อมวลชนทุกสำนัก ทุกประเภท ทุกแขนง ตลอดจนผู้ประกอบการสื่อมวลชนทุกราย และสื่อมวลชนทุกคน

    ได้โปรดร่วมกันเสนอข่าวสาร ตามความเป็นจริง และเป็นไปในทางสร้างสรรค์เพื่อฟื้นฟูความสามัคคีภายในชาติ ทำให้ประเทศชาติกลับสู่ความสงบสุขโดยเร็วที่สุด

    ประเทศชาติของเราได้บอบช้ำ เพราะความแตกแยก แตกความสามัคคีมากพอแล้ว จึงจำเป็นที่พี่น้องประชาชนชาวไทย ทุกคน จะได้ร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูชาติบ้านเมือง ฟื้นฟูความสามัคคี นำความสงบสุขกลับคืนประเทศชาติ ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเร็วที่สุด

    คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความหวังอย่างแรงกล้าที่จะได้รับความร่วมมือจากทุกท่านอย่างพร้อมเพียงกัน

    จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้


    ประกาศ ณ วันที่ 20 กันยายน พุทธศักราช 2549





    กรณีที่มีผลต่อประชากรสื่อ หรือสื่อส่วนบุคคล (Citizens Media)

    คำสั่ง คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ 5/2549

    เรื่อง ให้กระทรวงเทคโนโลยสารสนเทศ และการสื่อสารควบคุมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ

    ตามที่ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ทำการยึดอำนาจการปกครองแล้วนั้น จึงให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ดำเนินการควบคุมยับยั้งสกัดกั้น และทำลายการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ในระบบสารสนเทศ ผ่านระบบเครือข่ายการสื่อสารทั้งปวง ที่มีบทความข้อความ คำพูดหรืออื่นใด อันอาจจะส่งผลกระทบต่อการปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

    ตามที่ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มีประกาศในเบื้องต้นแล้ว

    สั่ง ณ วันที่ 20 กันยายน พุทธศักราช 2549

    ลงชื่อพล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน
    หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข








    (เวปไซต์หลายแห่งต้องหยูดกิจกรรมการสนทนาความคิดทางสังคมการเมืองกัน เช่น ห้องราชดำเนินของ pantip.com ได้ปิดตัวไปชั่วคราวแล้ว ด้วยเหตุผลที่ทางเวปไซต์แจ้งคือ ---

    เรียนท่านสมาชิก
    ห้องราชดำเนินขอปิดการใช้งานชั่วคราว เนื่องจากไม่สามารถควบคุมดูแลการตั้งกระทู้ได้ ขออภัยในความไม่สะดวก และขอความกรุณาอย่าตั้งกระทู้เกี่ยวกับการเมืองที่ห้องอื่น ๆ ครับ


    blog around the blog ก็เลยอยากรู้, หรือว่า อยากมีประสพการณ์ตรง, เหมือนกันว่า blog ที่ post ให้อ่านกันอยู่นี้ จะถูก block กีดกัน ขัดขวางการเข้าถึง หรือว่าถูกลบออกไปจากโลกอินเตอร์เน็ตโดยอำนาจรัฐ, หรือไม่?)

    ชุมชน bloggang.com ได้ขึ้นข้อความเตือนสมาชิกในหน้าหัวเรื่องรวมประจำวันที่ 21 กันยายน 2549 ว่า--

    เนื่องจากขณะนี้ประเทศอยู่ภายใต้กฏอัยการศึก และได้มีคำสั่งของคณะปฏิรูปฯ ให้กระทรวง ICT ควบคุมเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตออกมาแล้ว ดังนั้นขอให้ทุกท่านงดการเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองโดยเด็ดขาด เพราะหากท่านสามารถเขียนได้ท้ายที่สุดแล้ว ICT ก็จะ block เว็บอยู่ดี จึงเรียนมาเพื่อทราบ



    *ข้อมูลการเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย -- อ่าน

    - CENSORING THE INTERNET IN THAILAND by Jeffrey Race ที่-- //www.camblab.com/nugget/block/block_01.htm

    - Internet Filtering in Thailand ที่ -- //ice.citizenlab.org/?p=122

    - Website censorship in Thailand >> //2bangkok.com/blocked.shtml

    - รายการ Google Groups สำหรับ internet filtering in thailand


    - //www.bangkokpost.com/News/28Jun2005_opin34.php

    - //www.thaivisa.com/index.php?514&backPID=514&tt_news=434

    - //www.thaivisa.com/index.php?514&backPID=10&tt_news=523


    **Posted by a_somjai on 2006-09-21 @ 1.44 am. | ชีวิตในโลกออนไลน์, เซ็นเซอร์, อินเตอร์เน็ต, global, communications, block, Internet, Censor, Censorship, Mainstream, Citizens, Media, Thailand, Coup.



    2006-09-22 @ 8.45 pm

    ◊ ประกาศ (ฉบับที่ 1) ปิดบอร์ดชั่วคราว
    Posted by prachatai on September 22nd, 2006

    ประกาศประชาไท ฉบับที่ 1 จำต้องปิดเวบบอร์ดชั่วคราว เวลา 18.00-20.00 น.



    //www.nationchannel.com/

    Webboard
    ขอภัยครับ!!
    เนื่องด้วยในขณะนี้ เวปบอร์ดของเนชั่นแชนแนล งดให้บริการชั่วคราว น่ะครับ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ทางเราจะแจ้ง ให้ทุกท่านทราบ โดยด่วนครับ.
    ขอบคุณครับ







    UPDATED 2006-10-06

    ห้องราชดำเนิน ในไซต์พันทิบ เปิดแล้ว

    สวัสดีกันอีกครั้งหลังจากต้องพลัดถิ่นไปพบกันในห้องอื่นมาพักใหญ่ ไหนๆ ก็ปิดไปนาน เปิดมาใหม่ขอรณรงค์เรื่องวิธีการแสดงออก โดยรบกวนขอท่านสมาชิกช่วยกันเขียนแบบ เน้นสาระ อย่าเน้นโวหาร และเรื่องที่ท่านเขียนนั้นเรื่องใด เป็นข้อมูลข้อเท็จจริง หรือเป็นความเห็นส่วนตัว หรือเป็นการคาดการณ์ แจ้งให้ผู้อ่านทราบด้วย เพื่อป้องกันความสับสน
    และที่สำคัญ ของดเว้นการเขียนในลักษณะต่อไปนี้
    1. การต่อว่าด่าทอ คนที่มีความเห็นไม่เหมือนท่านในกระทู้
    2. เขียนแบบไร้ประโยชน์ อันได้แก่ เสียดสี ล่อเป้า ก้าวร้าว บิดเบือน ฯลฯ
    3. หยิบข้อเขียนของคนอื่นมาตีความทีละคำแบบ หัวหมอ หรือ ศรีธนญชัย
    4. ล้ำเส้นไปก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของบุคคลสาธารณะ

    ส่วนในเรื่องของแนวทางนั้น ขอให้เวทีนี้ เป็นเวทีของการช่วยกันให้ข้อมูล ให้ความเห็น ตรวจสอบการทำงาน สะท้อนปัญหา สะท้อนความรู้สึกตามที่เป็นจริง และห้ามใช้เวทีนี้ในการนัดชุมนุมใดๆ โดยเด็ดขาด

    อนึ่งการหยิบยกสถาบันพระมหากษัตริย์หรือพระราชดำรัสมาอ้างอิง ถือว่าเป็นการกระทำที่อาจเอื้อมและไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง จึงขอห้ามโดยเด็ดขาดเช่นกัน

    ทางทีมงานจะพยายามสุดความสามารถ เพื่อทำให้เวทีนี้กลับมาเป็นเวทีที่มีประโยชน์ ในการสะท้อนกระแสสังคมโดยรวมอีกครั้ง และลบภาพการเป็นเวทีชุมนุมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกไปให้ได้

    ขอขอบคุณทุกท่าน


    ตัวอย่างล่าสุด

    แบบนี้เสียดสีครับ

  • การเมือง : "อุ๋ย" สิ้นคิดถึงขนาด ยกเอา Green GDP มาอ้างแล้วหรือ ?


  • แบบนี้ตรงไปตรงมาดีครับ
  • ถ้าคปค.ไม่ทำตามคำขอ(ขู่) ของเมกา(บุช)ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น วานผู้รู้บอกด้วย จะได้เตรียมตัวถูก


  • แบบนี้โดนใจชอบมากครับ
  • ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว..อยากขอให้รัฐบาลใหม่ทำอะไร ว่ามา



  • เปิดวันแรกทักทายกันพอหอมปากหอมคอ .... 18:00 ขอปิด Post นะครับ กลางคืนไม่มีคนเฝ้า ท่านใดเล่นรอบดึกแวะไปเว็บอื่นๆได้ตามอัธยาศัย ... พบกันอีกครั้งพรุ่งนี้ 10:00 ครับ

    ขอตั้งกระทู้แรกในห้องราชดำเนิน
    (//www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4767527/P4767527.html)

    เปิดกระทู้แรกคงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่า ให้เหตุผลว่าทำไมจึงต้องปิด เพราะในกระทู้ที่ถามระหว่างที่พลัดถิ่นไปอาศัย
    ไร้สังกัดก็มีถามเข้ามา จึงขอใช้โอกาสที่เปิดกลับมานี้ไขข้อข้องใจแบบตรงไปตรงมา การที่ผมต้องปิดห้องราชดำเนิน เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้

    1. กลัวเว็บถูกปิด
    2. กลัวเป็นที่นัดกันไปตาย
    3. มันไม่ใช่ราชดำเนินที่ควรเป็น

    ข้อแรกเลยกลัวเว็บถูกปิดนั้นคงเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ง่ายที่สุด จากที่เข้าไปรับคำชี้แจงจากกระทรวง ICT ในวันที่ 21 นั้นค่อนข้างชัดเจนว่า ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะต้องมีหน้าที่ดูแลเนื้อหา โดยต้องให้ไม่ปรากฏ การอ้างอิงสถาบันฯ กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองหรือก่อให้เกิดความแตกสามัคคีของคนในชาติ ซึ่งหากไม่สามารถควบคุมได้ ผู้ดูแลเว็บไซต์จะต้องรับผิดชอบ รวมไปถึงผู้ที่เขียนข้อความ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย และจะมีความจำเป็นในการสกัดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ โดยการบล๊อคนั้นไม่สามารถทำเฉพาะที่ห้องราชดำเนินแต่ต้องทำทั้งเว็บไซต์ ดังนั้นการกลัวถูกปิดเว็บพันทิปจึงเป็นเหตุผลข้อที่หนึ่งในการตัดสินใจปิดห้องราชดำเนิน และจัดให้มีการดูแลกระทู้อย่างเข้มงวด เพราะถ้าหากสมาชิกในห้องราชดำเนินเกิดคุมอารมณ์ไม่อยู่จนเป็นเหตุให้กระทรวง ICT ต้องปิดเว็บขึ้นมาจริงๆ จะมีคนอื่นที่ไม่ได้มีความเห็นร่วม แต่กลับต้องได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วยอีกมากมาย

    ข้อที่สองกลัวนัดกันไปตาย อันนี้เป็นความกลัวส่วนตัวของผม ไม่ต้องให้ใครมาบอก เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่าระยะหลังๆ คนที่เขียนในราชดำเนินเป็นฝ่ายทักษิณ ดังนั้นในช่วงต้นของการเปลี่ยนแปลง หลายๆท่านที่ยังทำใจไม่ได้ คงหนีไม่พ้นนัดกันเคลื่อนไหว ซึ่งผมมองว่ามันไม่มีข้อดีเลย หากแต่ยิ่งทำให้เกิดการกระเพื่อมที่ทำให้ประเทศเสียหายมากขึ้นไปอีก ทั้งที่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว ขนาดของการเคลื่อนไหวที่มีผลระดับที่ให้นายกทักษิณของท่านได้กลับมาได้นั้น อย่างย่อมๆ ก็ระดับสงครามกลางเมือง การเคลื่อนไหวต่ำกว่านั้นก็เป็นเพียงความเสียหายต่อชาติที่สูญเปล่าเท่านั้นเอง อันนี้ถ้าตั้งสติให้ดีทุกท่านคงประเมินได้ แต่ในเวลาที่อารมณ์อยู่เหนือสติ ผมเกรงว่าจะเกิดสิ่งที่ไม่ควรเกิด

    ข้อที่สาม บอร์ดราชดำเนิน ไม่ใช่ราชดำเนินที่ควรเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังๆ เวลาไปไหนมาไหน มีแต่คนบ่นว่า ทำไมเดี๋ยวนี้กระทู้ในราชดำเนินมีแต่เชียร์ทักษิณ เว็บพันทิปถูกไทยรักไทยซื้อไปแล้วหรือเปล่า เว็บพันทิปยังเป็นกลางอยู่จริงหรือ ฯลฯ ซึ่งตรงนี้สภาพ ที่ปรากฏออกไปก็ทำให้เราเองก็พูดไม่ออก เถียงไม่ได้ แม้จะมีสมาชิกจำนวนหนึ่งพยายามช่วยกันถ่วงดุลย์ความเห็นเพื่อให้มีความเป็นกลาง แต่ก็หนีไม่พ้นภาษิตน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ และยังพบมีการด่าว่าเสียๆหายๆกับผู้ที่มีความเห็นในทางตรงข้าม ซึ่งผมถือเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ นอกจากนั้นลักษณะการเขียนแบบที่ไม่มีประโยชน์ อันได้แก่ เสียดสี ล่อเป้า ก้าวร้าว บิดเบือน สุมไฟ ศรีธนญชัย ฯลฯ ก็มีปรากฏอยู่มากมาย จนทำท่าว่าจะกลายเป็นวัฒนธรรมของเวทีไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอายมากสำหรับผมคนที่ต้องรับผิดชอบเวทีแห่งนี้ สรุปแล้วต้องยอมรับว่าห้องราชดำเนินก่อนที่จะถูกปิดไป ไม่ได้มีอะไรเหลือให้เสียดายนัก เพราะคุณค่าของมันได้ถูกทำลายไปก่อนนั้นนานแล้ว

    การเปิดกลับขึ้นมาครั้งนี้ หลักใหญ่คือการพยายามคืนคุณค่าให้กับห้องราชดำเนินอีกครั้ง ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ยังเป็นคำถามอยู่

    จากคุณ : PANTIP.COM - [ 5 ต.ค. 49 15:01:06 ]




    Updated: 16 ตุลาคม 2549

    1 .ข้อความเตือนเรื่องการโพสต์ข้อความทางการเมือง ที่ไม่สอดคล้องกับคำสัง คปค. ในหน้ารวม Bloggang.com ก็ถูกยก(เลิก)นำออกไปแล้ว -- ตรวจสอบเมื่อ -- 16 ตุลาคม 2549 เวลา 11.30 น.

    2. ข่าวด่วน! เว็บไซต์ 19sep.org ถูกไอซีทีสั่งปิดแล้ว!!! [ <<ยกย้ายข้อความไป ท้ายข้อเขียนบล็อกนี้>> ]








    Thailand Imposes Media and Internet Speech Restrictions in Wake of Coup
    Posted in Locations, National Filtering, Thailand by ONI-Asia on September 22nd, 2006
    OpenNet Initiative Blog
    Investigating state-based Internet filtering.

    *>> //www[dot]opennetinitiative.net/blog/?p=102 << (เมื่อพิมพ์ address ให้แก้ไข [dot] เป็นเครื่องหมาย .)

    QUOTE---

    The military junta that deposed controversial Thai Prime Minister Thaksin Shinawatra earlier this week has revoked all laws in the country and issued its own vague media restrictions requiring all media outlets to self-censor. Media are required to report only “positive” news and to refrain from reporting information that would “disturb the peace”–that is, news that portrays Thaksin or his allies in a positive light, or criticizes the junta, is illegal. “We want to give the media full freedom, but at this point as the situation is not normal yet, we have to seek media cooperation,'’ Surasant Kongsiri, the junta’s assistant spokesman said. “At this stage we are receiving very good cooperation from all. Please write positively.'’ On September 19, the military leaders interrupted television and radio broadcasts for several hours, and there were reports of soldiers “guarding” newsrooms.

    Websites in Thailand are also under scrutiny, with at least one local English-language blog–19Sep–ordered to shut down for running content contrary to the new government guidelines for media and speech. Attempting to access the blog now leads to an error page. The Southeast Asian Press Alliance (SEAPA) is reporting on its blog that hundreds of community radio stations have been shut down and self-censorship is increasing across the board as the media situation in Thailand “deteriorates”.


    ---END QUOTE






    สรุปกรณีศึกษาต่อเนื่อง

    1. กรณีเวปไซต์ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน (ในกระแสถึง 26 ต.ค. 49) อ่านที่>>> Protect Free Speech Online!: ขอเรียกร้อง "อำนาจรัฐ" ให้เปิดเวปไซต์ "ม. เที่ยงคืน" posted by a_somjai, Last Update : 25 ตุลาคม 2549
    และ
    รายงาน : เว็บ ม.เที่ยงคืนเปิดแล้ว ชี้มีการ ‘จัดการงานนอกสั่ง’ จึงถูกปิดเว็บ ที่ ประชาไท 26/10/2549






    อ่านรายงานโดยตรงของ ม. เที่ยงคืน>>> การต่อสู้เพื่อให้ความจริงพูดได้ กรณีการบล็อคเว็บไซต์ ม.เที่ยงคืน (รายงานประชาชนฉบับที่ ๑, รายงานฯ ฉบับที่ ๒, ฉบับที่ ๓, ฉบับที่ ๔)
    <<<<

    2. กรณีเวปบรอดกระทู้การเมือง ห้อง/โต๊ะราชดำเนิน pantip.com>> อ่านต่อที่ กรณีศึกษา Censoring online: ในกระแส "คลื่นใต้น้ำ" กระทู้การเมือง ห้องราชดำเนิน pantip.com posted by a_somjai on October 25, 2006


    3. กรณีเวปไซต์ www.19sep.net (กลุ่มเคลื่อนไหวต้านการรัฐประหาร 19 กัยยา 49) อ่านที่บล็อกนี้ จากช่วง Updated: 16 ตุลาคม 2549 ย้ายข้อความยกมา >>>


    ข่าวด่วน! เว็บไซต์ 19sep.org ถูกไอซีทีสั่งปิดแล้ว!!!

    ประชาไท - วันนี้ (22 กันยายน 2549) เมื่อเวลาประมาณ 1.00 น. เวบไซต์ 19sep.org ได้ถูกกระทรวงไอซีทีสั่งปิดแล้ว

    นายสมบัติ งามบุญอนงค์ ผู้จดทะเบียนเวบไซต์ดังกล่าว กล่าวว่า เวบไซต์ 19sep ถูกสั่งปิด หลังจากมีการเรียกประชุมของกระทรวงไอซีทีตามประกาศฉบับที่ 5 เมื่อบ่ายวานนี้

    นายสมบัติกล่าวว่า(อ้าง)ว่า ข้อความจากผู้ให้บริการปรากฏว่า

    ทาง issp ได้รับแจ้งด่วนจากกระทรวง ICT ให้ทำการ ปิด web 19sep.org ซึ่งมีข้อความขัดกับประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น ทาง issp จึงได้ทำการ block ip ดังกล่าวไว้

    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    เอก จันทร์จักรวาล



    ทั้งนี้ เว็บไซต์ดังกล่าว เริ่มเปิดใช้เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2549 มีพื้นที่หลักคือเวบบอร์ดแสดงความคิดเห็น นับจากเปิดใช้มาจนก่อนถูกสั่งปิดนั้น มีผู้ตั้งกระทู้แสดงความคิดเห็นแล้วมากกว่า 100 กระทู้ ซึ่งล้วนมาจากจุดยืนที่หลากหลาย รวมสถิติผู้เข้าชมประมาณ 5,000 คน และตลอดเวลามีเว็บมาสเตอร์คอยดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้มีข้อความที่หมิ่นประมาทหรือละเมิดสิทธิ แต่ก็ได้ถูกสั่งปิดไปเรียบร้อยแล้ว

    เข้าไม่ได้อีกครั้งหนึ่ง //www.19sep.net


    ประชาไท – 15 ต.ค. 2549 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ //www.19sep.net ซึ่งเปิดให้บริการเว็บบอร์ด ไม่สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 16.00น. ของวันที่ 14 ต.ค. เป็นต้นมา โดยในขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ตาม ประชาไทอยู่ระหว่างติดต่อขอสัมภาษณ์นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้จดทะเบียน //www.19sep.net ต่อไป

    อนึ่ง ก่อนหน้านี้ //www.19sep.org ซึ่งนายสมบัติ งามบุญอนงค์ ได้จดทะเบียนไว้ ได้ถูกสั่งปิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน โดยนายสมบัติได้รับข้อความจากผู้ให้บริการปรากฏว่า “ทาง issp ได้รับแจ้งด่วนจากกระทรวง ICT ให้ทำการ ปิด web 19sep.org ซึ่งมีข้อความขัดกับประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น ทาง issp จึงได้ทำการ block ip ดังกล่าวไว้”


    ◊ ปิดทุก ISP ในเมืองไทย เหตุเข้า //www.19sep.net ไม่ได้ Posted by prachatai on October 16th, 2006


    ประชาไท – 15 ต.ค. 2549 นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ //www.19sep.net ซึ่งตนเป็นผู้จดทะเบียนไม่สามารถเข้าถึงได้ ว่า เว็บไซต์ของเขาถูกปิดเมื่อวาน (14ต.ค.) เวลา 16.00น. โดยจากการตรวจสอบทางเทคนิคพบว่า เป็นการบล็อกโดเมน ปิดทุก ISP ในเมืองไทย ทำให้ไม่สามารถเข้าใช้ได้ เนื่องจากได้ย้ายเซิร์ฟเวอร์มาจากสหรัฐฯ แล้ว >>


    นายสมบัติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการเตือน หรือการติดต่อจากหน่วยงานไหนเลยว่าทำไมจึงต้องปิดเว็บ ทั้งนี้ จะไม่ย้ายไปไหนแล้ว จะสู้ต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (16ต.ค.) จะสอบถามไปยังกระทรวงไอซีทีถึงเหตุผลในการปิด หากยังไม่ได้คำตอบก็จะสอบถามต่อไปยังผู้ให้บริการ ISP 18 แห่งในประเทศ อย่างไรก็ตาม หากได้รับคำตอบว่า ปิดเว็บเพราะเราทำผิดกฎหมายก็จะไปสู้กันที่ศาลปกครองนายสมบัติ เล่าว่า หลังจากเว็บไซต์แรก คือ //www.19sep.org ถูกปิดและได้จดทะเบียนใหม่ในชื่อ //www.19sep.net ก็ถูกปิดอีกเช่นกัน โดยได้โทรศัพท์ไปที่กระทรวงไอซีที เมื่อแจ้งชื่อนามสกุลของตัวเอง ทางกระทรวงไอซีทีก็พูดขึ้นว่า “บก.ลายจุดเหรอ” นั่นแสดงว่า เขามอนิเตอร์เราอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม กระทรวงไอซีทีได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำการปิดเว็บแต่อย่างใด
    ต่อมาได้สอบถามไปที่ ISP ซึ่งทุกเจ้าต่างปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไร สุดท้าย เมื่อแจ้งไปว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดี ทาง ISP จึงติดต่อมาว่า ได้ตรวจสอบทางเทคนิคและแก้ไขให้แล้ว โดยบอกว่า ที่เข้าไม่ได้เพราะมีการ bypass proxy



    updated: November 13, 2006
    กิจกรรมรูปธรรมที่มีผู้ดำเนินการเพื่อต้านการเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตในเมืองไทย (อันเนื่องมาจากกรณีที่เกิดขึ้นจริงในช่วงของรายงานที่ผ่านมา) >>>>>>>>>

    >>>>>
    จับมือตั้ง ‘กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย’ เรียกร้องหยุดปิดกั้นการแสดงความเห็น รายงานของ ประชาไท

    ประชาไท – 12 พ.ย. 2549 นักวิชาการ สื่อมวลชน สื่อสิ่งพิมพ์ เจ้าของธุรกิจและผู้่ปกครอง อาทิ คปส. มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้ร่วมกันจัดตั้ง ‘กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย’ (Freedom Against Censorship Thailand -FACT) เพื่อเรียกร้องให้ยุติการเซ็นเซอร์อย่างสิ้นเชิงในไทย โดยจะแถลงข่าวและจัดเวทีสาธารณะในวันที่ 15 พ.ย. เวลา 13.30น. ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว จากนั้น เวลา 17.00น. จะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตึกปปง. เพื่อนำเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

    โดยระบุว่า “ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 หลังจากที่รัฐบาลได้เริ่มการเซ็นเซอร์ทางอินเตอร์เน็ต มีเว็บไซต์มากกว่า 35,000 เว็บไซต์ถูกบล็อก โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้บล็อกเว็บไซต์กว่า 2,500 เว็บไซต์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำการบล็อกอีก 32,500 เว็บไซต์ และยังมีเว็บไซต์อีกจำนวนมากที่ไม่สามารถรู้ได้จากการบล็อกของการสื่อสารแห่งประเทศไทย เนื่องจากไม่มีกฎหมายไทยฉบับใดที่อนุญาตให้สามารถทำการบล็อกอินเตอร์เน็ต การกระทำเหล่านี้จึงทำในลักษณะเชิงที่เป็นความลับ

    จริงๆ แล้วรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2540 ได้รับรองเสรีภาพในการติดต่อสื่อสาร ทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ให้ทุนวิจัยแก่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เพื่อที่จะทำการศึกษาหากฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ ที่สามารถรองรับการใช้อำนาจอันขัดต่อหลักกฎหมายที่รัฐธรรมนูญรองรับ รัฐบาลได้ปกปิดวาระซ้อนเร้นโดยอ้างการปิดเว็บไซต์ลามก ซึ่งเป็นเว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่ถูกบล็อก

    อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ที่ถูกบล็อกอย่างน้อยร้อยละ 11 เกี่ยวข้องกับการวิพากษ์วิจารณ์อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทยของเขา รวมถึงเรื่องมาตรการของรัฐที่เกี่ยวกับปัญหาภาคใต้และเรื่องรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน

    ทั้งนี้ เพื่อปิดรายชื่อเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกเป็นความลับ หน่วยงานของรัฐบาลไทยจึงไม่ยอมเปิดเผยเกณฑ์ที่ใช้ในการบล็อกเว็บไซต์ หรือบอกว่าบุคคลใดมีอำนาจในการตัดสิน อีกทั้งยังไม่อธิบายหรือให้คำจำกัดความคำว่า "มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ"

    การไร้ซึ่งความโปร่งใสต่อสาธารณะถือว่าเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของรัฐ พ.ศ. 2540 ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ยังได้ทำการบล็อกกระดานแสดงความคิดเห็นที่มีความเห็นและความเห็นตอบจากสาธารณะแสดงอยู่ ไม่ว่ากระดานแสดงความคิดเห็นเหล่านั้นจะมีการตรวจสอบเบื้องต้นหรือไม่ก็ตาม เช่น ประชาไท พันธุ์ทิพย์ และ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน

    โดยทางมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้นำเรื่องนี้สู่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว เฉกเช่นเดียวกับการนำเรื่องสู่ศาลปกครอง โดยทางศาลปกครองได้ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวโดยให้ทำการปลดการบล็อกเว็บไซต์ดังกล่าวก่อนในช่วงขณะที่คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาขั้นสุดท้ายของศาล

    ทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารยังได้ทำการบล็อก Anonymous proxy server ที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในไทยใช้ในการเข้าสู่เว็บไซต์ที่ถูกบล็อก ทางกระทรวงฯยังร้องขอต่อ Google Thailand และ Google USA ให้ทำการบล็อกการเข้าชม Cached web page ในไทยที่ทำให้สามารถเข้าชมหน้าของเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกไว้ เช่นเดียวกับกรณีการบล็อกการค้นหาโดยการใช้คำที่สำคัญ (Keyword)

    วิธีการทั้งสองวิธีนี้เป็นวิธีการที่ใช้ในการที่จะปราบปรามการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2549 เว็บไซต์ของ BBC1, BBC2, CNN, Yahoo News, Seattle Post-Intelligencer, The Age, Amazon.com, Amazon UK และ Yale University Press ที่มีบทความเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ และทักษิณ ต่างถูกบล็อกโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

    การบล็อกเว็บไซต์ หรือแท้ที่จริงแล้วคือ การเซ็นเซอร์เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยปกติแล้วเป็นวิธีการที่รัฐบาลที่รู้สึกไม่มั่นคงจนต้องพยายามที่จะครอบงำและควบคุมประชาชนของตน โดยปกติการเซ็นเซอร์จะใช้กับความคิดเห็นที่รัฐบาลเห็นว่าเป็นการต่อต้านและไม่เหมาะสมสมควร หรือก็อาจจะส่งผลต่อฐานอำนาจของตน ดังที่ใช้กันในประเทศพม่าหรือจีนหรือเกาหลีเหนือ หรือแม้แต่ในสหรัฐอเมริกา

    แต่ในรูปแบบของพระราชบัญญัติรักชาติ (PATRIOT Act) ประเทศไทยไม่ใช่พม่าหรือจีนหรือเกาหลีเหนือ (อย่างน้อยก็ในขณะนี้) บางทีคำพูดของอองซานซูจีที่เคยกล่าวไว้น่าจะเหมาะสมที่สุดในการอธิบายสถานการณ์นี้

    "เราไม่มีสิ่งใดที่ต้องกลัว เว้นแต่ตัวความกลัวเอง" ("We have nothing to fear but fear itself.")

    มีการประเมินแล้วว่ามีเว็บไซต์ในโลกมากกว่าสองพันล้านเว็บไซต์ ซึ่งในนี้มีเว็บไซต์ภาพลามกอย่างต่ำกว่าสิบล้านเว็บไซต์ แต่การที่จะบล็อกเว็บไซต์นับล้านนั้นอยู่ในความสามารถที่จะทำได้ของรัฐบาลไทยหรือ และค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลที่จะต้องใช้ในการนี้มันคุ้มค่าจริงๆหรือ หรือว่านี่เป็นแค่การสร้างกระแสเพื่อกลบเกลื่อนวาระซ่อนเร้นอันชั่วร้ายของรัฐบาลต่างหาก

    การเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตส่งผลกระทบต่อการศึกษาวิจัย การแข่งขันทางธุรกิจ เสรีภาพสื่อ และการศึกษาของแต่ละครอบครัว และยังรวมถึงสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานอื่นๆ เราประเมินพบว่าอย่างน้อยร้อยละ 40 ของบัณฑิตไทยจะไม่สามารถพัฒนาความคิดได้อย่างสมบูรณ์เต็มที่ ส่งผลกระทบต่อการทำวิทยานิพนธ์และรายงานทางวิชาการเพราะผลจากการบล็อกเว็บไซต์

    นี่หมายความว่าบัณฑิตของไทยจะไม่สามารถที่จะไปแข่งขันกับบัณฑิตในต่างประเทศ เราควรที่จะรับรู้ว่าประเทศของเรานั้น ห้องสมุดขาดแคลนเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในต่างจังหวัด สำหรับหลายคนนั้นอินเตอร์เน็ตเป็นหนทางเดียวสำหรับการค้นหาข้อมูลและข่าวสาร

    อินเตอร์เน็ตในปัจจุบันเป็นที่เดียวที่ความเห็นต่างๆนั้นเท่าเทียมกัน เป็นกลาง และปราศจากผลประโยชน์เชิงธุรกิจ จึงเป็นการสมควรแล้วหรือที่จะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมาตัดสินว่าความคิดเห็นไหนไม่สมควรเพื่อประโยชน์ของพวกเขา ดังนั้น เราจึงไม่เชื่อว่าอินเตอร์เน็ตนั้นสมควรที่จะถูกควบคุม ตรวจสอบ หรือถูกจัดการในทุกรูปแบบ

    ทางกลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทยเป็นภาคีของกลุ่มสนับสนุนเสรีภาพบนอินเตอร์เน็ตของโลก (Global Internet Liberty Campaign (GILC) และได้รับแถลงการณ์สนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศมากกว่า 70 องค์กรซึ่งรวมถึงมูลนิธิ Electronic Frontier Foundation (EFF) ที่เว็บไซต์ของมูลนิธิเองก็ถูกบล็อกโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ขณะนี้โลกกำลังจับตามองประเทศไทยอยู่ การเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควร น่าขยะแขยง และผิดกฎหมายในประเทศไทยอันเป็นรัฐประชาธิปไตย”
    <<<<<<




     

    Create Date : 21 กันยายน 2549    
    Last Update : 13 พฤศจิกายน 2549 13:23:39 น.
    Counter : 1273 Pageviews.  

    การเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตในเวียตนาม (3)

    posted by a_somjai | 2006-08-13 @ 9:19 Am. | ชีวิตในโลกออนไลน์



    วันนี้ขอแนะนำ China's Big Bro and Sis ชายหญิงคู่หนึ่ง
    มีชื่อน่ารัก ๆ ว่า "จิงจิง - JIngjing " และ "ชาชา - Chacha"
    - เขาและหล่อนเป็นตำรวจอินเทอร์เน็ต
    - ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ให้เป็นเพื่อนซี้ชาวจีนของคุณครับ!





    นี่ไม่ใช่เรื่องตลกแต่อย่างใด, ขอบอก!
    ตัวการ์ตูนบนเวปชื่อว่า “จิงจิง” กับ “ชาชา” นี้ เป็นถึง ต.ว.ซ. (ตำรวจตระเวณเวปไซต์ – คำ “จิงชา” ในภาษาจีนหมายถึงตำรวจ) มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศจีนทางตอนใต้ของเมือง Shenzhen. (ข้อมูลจาก //rconversation.blogs.com/ เมื่อ January 17, 2006)

    [อันว่าเมือง Shenzhen (ภาษาจีน: 深圳; พินยิน) เป็นจังหวัดหนึ่งในมณฑลกว้างตุ้งอยู่ทางตอนใต้ของจีน, ด้านติดต่อกับฮ่องกง, Shenzhen เป็นเมืองทองแห่งการลงทุนของต่างชาติ เขตปกครองนี้จึงเติบโต อย่างรวดเร็วในทุก ๆ ด้าน –ข้อมูลจาก wikipedia.org]

    BLOG AROUND THE BLOG เคยเขียนถึง โลกอินเทอร์เน็ตเมืองจีนไว้แล้ว ( อ่านที่นี่ และ/หรือ ...ที่นี่.. ) จุดใหญ่ใจความก็คือ …

    " จากการเปรียบเทียบกับแรงผลักดันเพื่อการเดียวกันนี้ในประเทศอื่น ๆ อำนาจรัฐบาลจีนได้มีการกลั่นกรองเนื้อหาที่ประชาชนจะเข้าถึงบนอินเทอร์เน็ต (โดยการอ่านและเขียน เป็นต้น) ด้วยแรงผลักดันแข็งกล้าซับซ้อนมากเท่าที่มันจะมีขึ้นได้ในโลกนี้

    อำนาจในการกลั่นกรองของรัฐจีนเป็นสิ่งที่แผ่ครอบคลุม ซับซ้อน และมีประสิทธิภาพ เพราะว่ามันประกอบไปด้วยอำนาจตามกฎหมายหลากหลายระดับ และหลากหลายเทคนิคในการควบคุม

    อำนาจการกลั่นกรองของรัฐจีนเกี่ยวข้องกับหน่ายงานของรัฐเป็นจำนวนมาก และเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านสาธารณะรวมทั้งหน่ายงานด้านบุคคลเป็นจำนวนหลายพันหน่วยงาน

    ระบบแห่งอำนาจรัฐและหน่วยงานอันซับซ้อนหลากหลายดังกล่าวเหล่านั้น จะดำเนินการเซ็นเซอร์เนื้อหาที่ส่งออกไปจากแหล่งสื่อสารต่าง ๆ (เช่น ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ และการสื่อสารในอินเทอร์เน็ต เป็นต้น) ด้วยวิธีการที่ซับซ้อนมาก

    งานการกลั่นกรองอันซับซ้อนของรัฐบาลจีนดังกล่าวนี้ ครอบคลุมไปถึง Web pages, Web logs, on-line discussion forums, university bulletin board systems, และ e-mail messages อีกด้วย พูดสั้น ๆ ก็คือ งานตรวจสอบเซ็นเซอร์ช่องทางการเข้าถึงเนื้อหาที่อ่อนไหวมีขอบเขตกว้างขวางมาก

    งานกลั่นกรองข่าวสารบนอินเทอร์เน็ตของรัฐบาลจีนครอบคลุมเนื้อหาทุกเรื่อง ตั้งแต่ภาพโป๊ลามก (pornography) ไปจนถึงเรื่องแก่นสารทางศาสนา ทัศนคติหรือความคิดเห็นทางการเมืองที่ตรงข้ามกับรัฐ

    ดังนั้นพลเมืองจีนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในเมืองจีนจะพบว่าตนเองถูก blocked อย่างถี่ถ้วน เมื่อใครก็ตามพยายามเข้าไปสู่เวปไชต์ซึ่งบรรจุเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ อิสระภาพแห่งรัฐของคนไต้หวันและคนทิเบต (Taiwanese and Tibetan independence), กลุ่มความเชื่อทางศาสนาฟาลุนกง และ ดาไลลามะ, สิ่งที่เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมที่จัตุรัส เทียนอันเหมิน, พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล, หรือ ขบวนการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์รูปแบบต่าง ๆ"


    (การเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ดในประเทศจีนอ่าน Internet Flitering in China in 2004 - 2005: A Country Study ลิงค์ ไปที่ //www.(dot)opennetinitiative.net/studies/china/ --เมื่อพิมพ์คำสั่งให้ลบ (dot) ทิ้งไป)





    คราวนี้ก็เข้าเรื่องได้แล้ว…..
    เวียตนามก็เหมือนกับจีน
    เวียตนามใช้มาตรการและวิธีการปฏิบัติหลาย ๆ ด้านเข้าไปควบคุมอินเทอร์เน็ต ทั้งการประยุกต์ใช้การควบคุมทางเทคนิค, ทางกฎหมาย, และทางการศึกษา เพื่อจำกัดการใช้และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เวียตนามจึงกำลังตกอยู่ในช่วงการจัดการกลั่นกรองแบบครอบจักรวาล ด้วยการวิ่งวุ่นอยู่กับการประทับตราสิ่งยิบย่อยไปทั่ว

    --- ข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่คือ เวียตนามเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าการจงใจเข้าไป blocking เนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตให้เกิดผลได้แล้ว จะเป็นการปกป้องประเทศให้อยู่รอดปลอดภัยจากสิ่งที่ประเทศต่อต้าน หรือ จากเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างเปิดเผย, ความพยายามเพื่อการกลั่นกรองจำนวนมากก็คือการมุ่งไปที่ การบล็อคไซต์ที่มีเนื้อหาอ่อนไหวด้านการเมืองและศาสนาที่จะทำให้การปกครองประเทศด้วยระบบการเมืองพรรคเดียวอ่อนแอลง


    กุญแจที่ค้นพบ – Key finding ของคณะวิจัย OpenNet Initiative (ONI)

    การแอบทดสอบ primary ISP providers สองแห่ง คือ FPT และ VNPT, (พบว่า) การกลั่นกรองเนื้อหาด้านการเมืองที่อ่อนไหว, รวมทั้งเนื้อหาที่คาบเกี่ยวกับการเมืองฝ่ายตรงข้าม, ขบวนการส่งเสริมประชาธิปไตย, และ สิทธิมนุษยชน ล้วนมีเปอร์เซ็นการกลั่นกรองสูง

     เวียตนามพุ่งเป้าการ blocking เข้าไปยังไซต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเรื่องที่ปลุกเร้า(ยุยง)ให้ต่อต้านแนวความคิด/ทฤษฎีการเมืองของรัฐ เช่น พวกหัวรุนแรงในการต่อต้านรัฐ, การเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตย, หรือ กิจกรรมหรือประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนในเวียตนามที่ถกเถียงกันอยู่ในสภาสหรัฐอเมริกา

     เกือบจะทุกกรณี, ไซต์ในภาษาเวียตนามจะถูก blocked มากกว่าไซต์ภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศส

     เวียตนามได้ผ่านกลุ่มกฎหมายที่ระบุว่าการใช้อินเทอร์เน็ตในทางไม่เห็นด้วยกับรัฐ หรือ บั่นทอนความมั่นคงของชาติ, ของเศรษฐกิจ, หรือของสังคม เหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นความผิด (อาชญากรรม - crime) ด้วยวิธีการตักเตือนอย่างเป็นทางการ หรือ การจับเข้าคุก(อย่างถูกกฎหมาย)เป็นผลให้ขอบเขตของการใช้ ได้ มีข้อมูลข่าวสารบนอินเทอร์เน็ตลดน้อยถอยลง

     เวียตนามไม่อนุญาต(ห้าม - ban)ให้ใช้เครื่องมือ(อำนวยความสะดวกเพื่อ)ผ่านการกลั่นกรอง, ไม่อนุญาตให้มีการช่วยผู้อื่นทำเช่นนั้น, และ ห้ามขาดการเข้าถึง ISPs ต่างประเทศผ่านการโทรศัพท์ (direct dial-up). ผู้ใช้เฉพาะส่วนบุคคลหรือว่าผู้ใช้แบบ on-line services ต้องจดทะเบียนมีใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ


    (ข้อมูลจาก //www.(dot)opennet.net/studies/vietnam/ONI_Vietnam_Country_Study.pdf เมื่อพิมพ์คำสั่งให้ลบ (dot) ทิ้งไป ---ท่านที่สนใจรายงานฉบับจริงก็ตามลิงค์ไปกันได้เลย)




    จบแล้ว

    อ่านเรื่องต่อเนื่อง




     

    Create Date : 13 สิงหาคม 2549    
    Last Update : 14 สิงหาคม 2549 3:30:06 น.
    Counter : 1959 Pageviews.  

    การเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตในเวียตนาม (2)

    posted by a_somjai | 2006-08-11 @ 13:11 pm. | ชีวิตในโลกออนไลน์



    คณะวิจัยจากหลายมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทั้งในอังกฤษและอเมริกา ที่ทำงานวิจัยเรื่อง การเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ต - Internet Censorship ร่วมกันในนาม OpenNet Initiative (ONI) ได้เสนอรายงานการศึกษาพบว่าในเวียตนามได้มีการเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2006 นี้เอง ONI ได้เผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการ (คือตรวจสอบอย่างเป็นระบบระเบียบวิธีดีแล้วและเชื่อถือได้) ชื่อเรื่องว่า “Internet Filtering in Vietnam: 2005-2006”

    พูดแบบชาวบ้านก็คือ ONI เสนอผลการศึกษาระดับความเข้มข้นและการขยายขอบเขต “การควบคุมสิ่งแวดล้อมด้านข่าวสารในการดำเนินชีวิตของพลเมือง โดยรัฐบาลเวียตนาม” นั้นเอง เอกสารการศึกษานี้พูดครอบคลุมถึง websites, blogs, email, และ online discussion forums.

    ภาพลายเส้นที่ได้จากแหล่งข้อมูลด้านเทคนิค, ด้านกฎหมาย และด้านการเมือง ในการศึกษาวิจัยของ ONI นี้พบว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งเวียตนาม (Socialist Republic of Vietnam หรือ SRV) ตื่นตัวกับการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ต โดยเล็งเป้าการกลั่นกรองบนไซต์อย่างเข้มงวดกวดขันเพื่อให้(ประชากรเน็ต)อยู่ในกรอบของระบบการปกครองประเทศแบบพรรคการเมืองเดียว อาจกล่าวว่ายิ่งนับวัน ความซับซ้อนหลากหลาย(อย่างก้าวหน้า)ด้านเทคนิคและประสิทธิภาพการกลั่นกรองของรัฐก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นและขอบเขตก็ขยายตัวออกไปทุกที

    (ยังมีต่อ)




     ตัวอย่างข้อมูลภาพรวมของเวียตนาม
    (ข้อมูลภาพรวมทุกด้านของประเทศเวียตนาม…อ่านที่นี่)*


    ธงชาติเวียตนาม

    แผนที่ประเทศเวียตนาม



    เวียตนาม - Vietnam
    ที่ตั้ง : Southeastern Asia, เขตแดนอ่าวไทย, อ่าวตังเกี๋ย, และทะเลจีนใต้, ติดต่อแผ่นดินจีน, ลาว, และเขมร
    พื้นที่: ทั้งหมด: 329,560 ตารางกิโลเมตร | แผ่นดิน: 325,360 ตร.กม. | ท้องน้ำ : 4,200 ตร.กม.
    ประชากร: 84,402,966 (ข้อมูลเมื่อกรกฎาคม 2006)

    ชื่อประเทศ:
    ชื่อเต็มทางการ: Socialist Republic of Vietnam |
    ชื่อสั้นทางการ: Vietnam
    ชื่อเต็มภาษาถิ่น: Cong Hoa Xa Hoi Chu Nghia Viet Nam |
    ชื่อสั้นภาษาถิ่น: Viet Nam
    ชื่ออักษรย่อ: SRV |
    โค๊ดอินเทอร์เน็ตของประเทศ: .vn

    ประเภทการปกครอง: รัฐคอมมิวนิสต์ - Communist state
    เมืองหลวง: ฮานอย - Hanoi
    เขตการปกครอง: 59 จังหวัด และ 5 หน่วยปกครองท้องถิ่น/เทศบาล

    การสื่อสาร - Communications
    โทรศัพท์พื้นฐานใช้งาน: 10,124,900 (2004)
    โทรศัพท์เคลื่อนที่/มือถือ: 4.96 ล้าน (2004)
    ระบบโทรศัพท์:
    ประเมินค่าทั่วไป: เวียตนามกำลังเร่งขยายโครงสร้างพื้นฐานระบบโทรศัพท์ แต่ก็ยังตามหลังประเทศเพื่อนบ้านที่พัฒนาความทันสมัยมากกว่า
    พื้นฐาน: ทุกจังหวัดส่ง-รับด้วยระบบดิจิตอลเชื่อมต่อผ่านฮานอย, ดานัง และโฮจิมินซิตี้ (ไซง่อน) โดยสายเคเบิ้ลใยแก้ว หรือ เครือข่ายถ่ายทอดสัญญาณวิทยุไมโครเวฟ; การใช้งานสายหลักได้มีเพิ่มขึ้นอย่างมาก, การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
    ระหว่างประเทศ: รหัสประเทศ - 84; สถานีดาวเทียมภาคพื้นดิน - 2 Intersputnik (เขตมหาสมุทรอินเดีย)

    สถานีวิทยุกระจายเสียง: AM 65, FM 7, คลื่นสั้น 29 (1999)
    สถานีวิทยุโทรทัศน์: 6 (พ่วงทีวีระดับจังหวัดอีก 61 สถานี) (2006)

    Internet country code: .vn
    Internet hosts: 3,611 (2005)
    ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต: 5.87 ล้าน (2005)





    อ่านเรื่องต่อเนื่อง




     

    Create Date : 11 สิงหาคม 2549    
    Last Update : 13 สิงหาคม 2549 16:08:42 น.
    Counter : 942 Pageviews.  

    1  2  3  4  5  6  7  8  9  

    a_somjai
    Location :
    เชียงใหม่ Thailand

    [Profile ทั้งหมด]

    ฝากข้อความหลังไมค์
    Rss Feed
    Smember
    ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




    Friends' blogs
    [Add a_somjai's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.