<<< a_somjai a_somjai's blog === อ่านเขียนบล็อก อ่านเขียนโลก <<<== a_somjai อ่านเขียนบล็อก a_somjai a_somjai's blog
Group Blog
 
All Blogs
 
ความน่าเขื่อถือของข่าวสาร ความจริง ความดี ความงาม จากสื่อต่าง ๆ ในโลกปัจจุบัน

ต้องขออภัยท่านที่เข้ามาอ่านข้อเขียนนี้ เพื่อ...แบบว่า...เอาความแบบผ่าน ๆ ด่วน ๆ ง่าย ๆ เพราะข้าพเจ้าผู้เขียนขอเรียนไว้ก่อนเลยว่า ...ไม่ต้องอ่านต่อแล้ว คลิกออกไป...หรือว่าปิดหน้าเว็บบล้อกนี้ได้เลยครับ


ส่วนท่านที่สนใจจริง ๆ ก็ตามมาดูอะไรสั้น ๆ แต่ว่า...เป็นเรื่องใหญ่และยาวยืด

ข้าพเจ้าเคยเขียนเรื่อง สื่อกระแสหลัก MSM (mainstream media) vs. Blogs (Citizens media หรือ netizens media) ไว้แล้ว (คลิกตามไปได้แลย) ในส่วน comments มีข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้หลายเรื่อง ที่สำคัญเกี่ยวข้องกับหัวข้อวันนี้คือ เรื่อง อำนาจของความเชื่อ/การให้ความเชื่อถือ The Power of Trust ของผู้เสพสื่อต่อผู้ผลิตสื่อ/ผู้เสนอข่าว หากสนใจรายละเอียดก็ลองตามไปอ่านต้นทางกันดู ขอนำมาลงไว้พอเป็นแนวทางดังนี้ ==>>ข้อมูลเมื่อ May 2006 ได้แก่
We Media, Whose Media? , WeMedia: the real question , more listening & dialogue, less lecturing?, Blogging a conference I’m not even attending…, WeMedia, WhereMedia? , We Media, และอื่น ๆ อีกมากมาย

[เพิ่มเติม 2008-04-17; freepress เรื่อง Don't Trust the Media จาก Petoskey News-Review, March 12, 2008 By Christina Rohn]

สรุปก็คือ ในโลกยุคดิจิตอล หรือ โลกอินเตอร์เน็ท โลกออนไลน์ โลกไซเบอร์สเปซ นี้ ลักษณะการสื่อสารแบบสถาบันให้ข่าวเช่น รัฐบาล และสื่อมวลชนต่าง ๆ นั้น หาใข่ "we talk, you listen" (ฉัน-ราชการหรือสื่อ พูด, ส่วนพวกคุณ-ราษฎร ผู้รับสาร ฟัง ...แล้วพวกสูก็เขื่อกูเสียดี ๆ ) อีกต่อไปแล้ว

กำลังนี้คือเรื่องของ การจราจลในกรุงลาซา เขตปกครองธิเบต ประเทศจีน ที่ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปึก 2008 นั้นเอง ไม่มีใครเชื่อใครแล้ว แม้แต่ข่าวจากสื่อมวลชนตะวันตก (Western media) อย่าง CNN หรือว่าข่าวสารจากฝ่าย รัฐบาลจีน เองก็ตาม

บรรยายสรุป ด้วยให้ดู VDO นี้ก็แล้วกัน

Riot in Tibet: True face of western media

about this VDO: This video reveals how western media make fake reporting about riot in Tibet by modifying and misjudging pictures purposely. (Added: March 19, 2008)

Rebecca MacKinnon (a media studies professor at the University of Hong Kong) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเมืองจีน โดยเฉพาะเรื่องสิทธิ เสรีภาพของประชาชนจีน และการสื่อสารบนอินเตอร์เน็ตในเมืองจีน เขียนไว้ที่บล็อกเธอเมื่อ March 26, 2008 (Anti-CNN and the Tibet information war) ว่า....
" conclusion: that in the end you shouldn't trust any information source - Western or Chinese, professional or amateur, digital or analog - until and unless they have earned your trust." (แหล่งข่าวสารข้อมูลนะหรือ - ที่สุดแล้วคุณจะเชื่อถือใครไม่ได้เลย ยกเว้นพวกเขาจะได้ทำให้คุณเชื่อถือข่าวสารและการนำเสนอข่าวสารของพวกเขาแล้ว ด้วยวิจารณญาณของตัวคุณเอง)


ที่ไปที่มา หากใครยังไม่ทราบ แล้วอยากทราบก็ตามไปอ่านกันเอาเอง จากที่ทำลิงค์ไว้ข้างต้น

หรือ ตามไปอ่านแหล่งข้อมูลเกี่ยวข้องต่าง ๆ ที่นี่ - Washington Post , ...(และแหล่งอื่น ๆ เดี๋ยวจะไปค้นมาลงไว้ เพิ่มเติม)


ไม่รู้ว่า "สื่อมวลชนบ้านเรา อ่านข่าวนี้แล้ว จะรู้ศึกรู้ษา...กันบ้างหรือเปล่า" (สึก - สา น่ะเขียนถูกแล้ว ก็หมายความตามที่ว่า...รู้จัก ศึก - ษา กันบ้างอะเปล่านั้นแหละ)




posted by a_somjai's blog a_somjai on Wednesday, March 26, 2008 @ 04:42 AM.







Create Date : 26 มีนาคม 2551
Last Update : 17 เมษายน 2551 13:27:23 น. 3 comments
Counter : 1100 Pageviews.

 
ความเห็นนี้ น่าสนใจ ให้ขบคิดไปได้มาก

"Anyway, my view is that the March 14 Lhasa disturbance occurred because of the following factors.

First, "resisting the oppressive rule" is one factor.

Secondly, the long-term mobilization by the elite is another factor.

Thirdly, the natural ethnic bigotry of humans is another factor.

Fourthly, the process of modernization had been uneven.

You people have focused completely on the first factor and you ignored the other three factors. This is basically where we disagree. I feel that all four factors are important. I feel that the same framework can be used to analyse the "anti-Japanese sentiments" among the Chinese (obviously, the relative contributions by the four factors would be different). You can say that I do not emphasize the first factor enough on Tibet.

So I will repeat myself -- I think that the the government policy to "disallow media coverage," "to forbid the worshipping of the Dalai Lama" and "to ban peaceful assembly" are stupid and reactionary, and the government bears an inexcusable responsibility for the intensification of the conflict. After the disturbance, the government's diplomatic awkwardness and the reification of their thinking were unbearable to watch.

But at the same time, I still feel that it is extremely dangerous to equate extreme nationalist sentiments with the demand for freedom and democracy, especially when state and religion are regarded as one.

The enemy of your enemy is not necessarily your friend."

ที่มา: zonaeuropa.com " The Enemy of My Enemy " By Drunkpiano. April 5, 2008. [in translation]

ต้นความคิดเห็น เขาว่า...
"I thought that the key to the affair is not the "tree" that is the "CNN military vehicle photo" (frankly, I thought that the details about that issue are arguable). Rather, the key is the "forest" in which many western media obviously went blind in their Tibet reporting."


โดย: a_somjai วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:1:33:38 น.  

 
โดนครับ!


โดย: เซียงหยาง (xiangyang ) วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:10:32 น.  

 
10 ตุลาคม 2551
ความก้าวหน้าของ สื่อพลเมืองชาวเน็ต กรณีประเทศไทย
อ่านกระทู้กระดานเวบบอร์ดประชาไท>>>>>ขอบคุณและขอบคุณทุกท่าน ครับ เป็นอีกครั้งที่นักรบไซเบอร์ ได้ช่วยให้ “เผด็จการฝ่อ เผด็จศึกไม่สำเร็จ”
โพสต์โดย : อ่างขาง ID # 728766 - โพสต์เมื่อ : 2008-10-10 19:33:05


ข้อความของเจ้าของกระทู้:

เกมนี้อ่านกันขาด ตั้งแต่ จำลองคิดจะออกมาให้โดนจับ

ในขณะที่มุกฝ่ายเผด็จการในทำเนียบฯ ที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการประท้วง กำลังจะฝ่อลง
จำลองประกาศชัดเจนที่จะออกไปนอกทำเนียบ เพื่อให้ถูกจับและไม่ยอมประกันตัว เหตุอันเนื่องมาจากนาย ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำม็อบคนหนึ่ง ถูกจับไปก่อนหน้านี้
เพราะถือว่า ท่านนายกสมชาย ที่เข้าไปคารวะป๋าถึงบ้านพัก ได้กระทำการอย่างอหังการเหยียบจมูก ผู้ที่อยู่เบื้อหลังม็อบ อย่างรุ่นแรง ที่บังอาจจับคนของตนไปได้
ดังนั้นจึงประกาศสงครามรบขั้นเด็ดขาดจึงเกิดขึ้นภายใต้คำขวัญ “ไม่ชนะไม่เลิก” รัฐบาลต้องออกไปสถานเดียวเท่านั้น

ในค่ำคืนนั้น
เหล่านักรบไซเบอร์ทั้งหลายก็ประโคมข่าวกันทุกเว็บไซด์ ว่า นี่คือแผนการที่ม็อบจะระดมพลออกมาอีกครั้ง
หยิบสิ่งละอันพันละน้อยที่เป็นความคิดเห็นของคนที่อยู่ในแวดวงนี้ออกมาโพสท์กัน เช่นคำพูดของ พล.อ.พัลลภ คำพูดของเสธฯแดง และเรื่องราวเก่าๆในอดีตที่เคยเกิดขึ้น พร้อมวิเคราะห์ไปในแนวทางเดียวกัน “จำลองกำลังพาคนมาตาย” อีกแล้ว

ทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่นักรบไซเบอร์ ได้รายงานออกไป ในเว็บไซด์ต่างๆ
สถานการณ์พัฒนาไปเร็วมาก เงินไหลมาเทมาสู่ม็อบ เพราะมองเห็นช่องทางการชนะขึ้นมาแล้ว นักรบต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคใต้เดินทางกันเข้ากรุงเทพฯเหมือนกระแสน้ำไหล เมื่อเงินถูกส่งมาถึง

เย็นวันที่ 6ตุลาคม 2551 นั้นเอง นักรบสวมกระโปงบวกกับนักรบใบกระท่อม ก็เคลื่อนพลมาปิดสภาผู้แทนราษฎรทันที โดยการนำของนายพลท่านหนึ่งของกองทัพไทย ด้วยวางกลศึกด้วยชีวิตของมนุษย์เป็นเดิมพัน ข่าวออกทุกชั่วโมง เป็นทีตระหนกของเราฝ่ายประชาธิปไตย

นักรบไซเบอร์ ยิ่งทวีความรุนแรงในการเสนอข่าว ทุกเว็บไซด์เนืองแน่นไปด้วยผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิง ด่าทอผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำในครั้งนี้

ส่วนของผู้ปฏิบัติงานและรัฐบาลไม่ทราบว่าตัดสินใจอย่างไร แผนที่ฝ่ายม็อบวางไว้ก็ได้บัลลุผลที่พวกเขาสมประสงค์ทุกประการ คือมีคนเจ็บ คนเสียชีวิต และพิการ เกลื่อนถนนไปหมด ทั้งสองฝั่ง
เมื่อ มีการประทะกันและต่อสู้กันขึ้นหลายละลอก ระหว่างเจ้าหน้าที่กับนักรบของม็อบพันธมิตร ในวันรุ่งขึ้นตั้งแต่ เช้าจรดเย็น

เหมือนชัยชนะกำลังคืบคลานมาสู่ม็อบและผู้นำม็อบ
เมื่อ ฝ่ายค้านในสภาฯ สว.ลากตั้ง ออกมาเล่นบทประณามรัฐบาลในทันที สื่อทุกสื่อประโคมข่าวอย่างเมามัน ถึงการกระทำอันป่าเถื่อน ครั้งนี้ องค์กรต่างๆ นักวิชาการ ที่ดูเหมือนว่าได้เตรียมร่างแถลงการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว รีบลุกลี้ลุกลนออกมาแถลงการณ์ในทันที “รัฐบาลต้องรับผิดชอบด้วยการยุบสภาฯ”
ผู้นำม็อบเอง เมื่อเห็นว่ามีคนตาย ดั่งใจหวัง อดใจไม่อยู่ ขึ้นสารภาพกับผู้ร่วมชุมนุม ในทันที “ไม่เกิน6โมงเย็นวันนี้ เราได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน รัฐบาลต้องยุบสภา”

แต่..เหตุการณ์เหล่านั้นก็ถูกนักรบไซเบอร์ หักล้างโดยสิ้นเชิง
เมื่อมีการนำภาพในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เข้ามาโพสท์แสดงกันไปทั่วทุกเว็บไซด์ พร้องส่งลิงค์กันไปให้เห็นทุกช่องทาง บางคนก็มีข้อมูลมาบรรยาย บางคนอัดวีดีโอจากทีวีมาจับผิดกัน และนำภาพที่จับผิดกันได้ ออกมาเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง

ภาพจึงปรากฏออกสู่ธารณะอย่างรวดเร็ว จนถึงขนาดบนเวทีพันธมิตรเองยังต้องเอาข้อมูลในเว็บไซด์เหล่านี้ออกมาแก้ตัว ว่าไม่เป็นความจริงหรือเอามาอธิบายภาพกันเลย นาทีต่อนาที ชั่วโมงต่อชั่วโมง

การรบจึงยังไม่ยุติ กลายเป็นสงครามปากและน้ำลาย เข้ามาแทนที่ ใครทำ ใครผิด นี่คือข้อกังขาใหม่

“การเมืองใหม่” ที่ได้เตรียมสถาปนาโดยแกนนำพันธมิตรฯและแนวร่วมบางส่วนในกองทัพ จึงยังไม่เกิดขึ้น โมเดลที่ผู้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ยืนยันว่าได้จัดเตรียมคณะผู้บริหารบ้านเมืองไว้แล้วจึงมิอาจปรากฏให้เป็นจริงได้ เพราะปัจจัยที่ชนะจริงๆอย่างเด็ดขาดของม็อบพันธมิตรก็คือ ทหาร

-และพลันที่ฝุ่นจางลง ก็ปรากฏร่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยืนเคียงข้างท่านนายกสมชาย
-และสิ่งที่ถูกแอบอ้างว่าเบื้องสูงอยู่ฝ่ายตนของม็อบ ก็ได้ถูกออกมาปฏิเสธฯอย่างตรงไปตรงมาเป็นครั้งแรก โดยที่ไม่ต้องแปล

สองเหตุผลนี้ คือความพ่ายแพ้อีกครั้งของม็อบ ที่ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไรแล้ว

ผมไม่ทราบว่า ทำไม มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ ทหารไม่กล้าออกมาช่วยม็อบพันธมิตรอย่างออกหน้าออกตาในวันนั้นถ้าได้ดูเอเอสทีวี จะเห็นการโห่ร้องต้อนรับทหาร การสรรเสริญเยินยอ ท่านผู้บัญชาการทหารบก อย่างออกหน้าออกตาในวันนั้น ทั้งที่บนเวทีม็อบก็ประกาศอย่างชัดเจน “ทหารอยู่ข้างเราครับพ่อแม่พี่น้อง”

ลึกๆผมแอบคิดไม่ได้ว่า ชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตยในครั้งนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากพวกเราอีกเช่นเคย ที่ไม่มีสื่อที่ไหนเผยแพร่ออกไปได้
สื่อที่ออกไป ทำให้ใครบางคนได้เห็น ให้ทหารให้เห็น และให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจจริงๆได้เห็น และตัดสินใจระงับการ ช่วยเหลือม็อบในครั้งนี้ในที่สุด

ขอบคุณและขอบคุณทุกท่าน ครับ เป็นอีกครั้งที่นักรบไซเบอร์ ได้ช่วยให้ “เผด็จการฝ่อ เผด็จศึกไม่สำเร็จ”

ผมปรบมือให้คุณและเพื่อนๆ เราปรบมือให้เรา เพราะเราก็มีกันอยู่แค่นี้ครับ ให้กำลังใจกันเท่าที่ทำได้


-------------------------------




โดย: a_somjai วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:22:14:15 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

a_somjai
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add a_somjai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.