ข้อเคล็ด ( เส้นเอ็นฉีกขาด )
ข้อเคล็ด ( เส้นเอ็นฉีกขาด )
สาเหตุ
ข้อเคล็ดมักเป็นผลจากการหมุนตัวหรือการยืดของข้อมากเกินไป ทำให้เอ็นยึดข้อฉีกขาดได้ เอ็นยึดข้อเป็นเนื้อเยื่อพังผืดที่ยืดหยุ่นได้แต่มีความเหนียวมาก ทำหน้าที่ยึดข้อให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ป้องกันข้อหลุดหรือข้อเคลื่อน
ข้อเคล็ด อาจเกิดได้กับทุก ๆ ข้อ แต่ ข้อเข่า และ ข้อเท้า เป็นข้อที่เสี่ยงต่อการเกิดข้อเคล็ดหรือข้อแพลงมากที่สุด เนื่องจากต้องรับน้ำหนักร่างกายเกือบทั้งหมด และ เป็นข้อที่มีการเคลื่อนไหวมาก
ระดับความรุนแรง
ระดับที่หนึ่ง
เส้นใยของเอ็นยึดข้อถูกเหยียดออกมากเกินไป และ บางเส้นใยอาจฉีกขาด ทำให้เวลากด หรือเวลาเคลื่อนไหวข้อนั้นจะรู้สึกปวดเล็กน้อย แต่จะมีอาการบวมไม่มากหรือไม่มีเลย ผู้ป่วยจะยังสามารถเดินลงน้ำหนัก หรือ ใช้ข้อนั้น ๆ ได้ แต่อาจจะมีอาการปวดบ้างเล็กน้อย ถ้าเอ๊กซเรย์ดูจะพบว่าทุกอย่างปกติ ประมาณ 2-3 วันข้อที่บวมก็จะยุบบวมเหมือนปกติ แต่อาจมีอาการปวดอยู่บ้าง ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ก็จะหายสนิท
ระดับที่สอง
เอ็นยึดข้อมีการฉีกขาดบางส่วน จะมีอาการปวดและกดเจ็บมากพอควร รวมทั้งมีอาการบวมและฟกช้ำมากขึ้น เพราะการฉีกขาดของเส้นโลหิตเล็ก ๆ ทำให้มีเลือดออก ผู้ป่วยอาจจะยังพอเดินได้หรือใช้ข้อนั้น ๆ ได้ แต่จะมีอาการปวดมาก และกว่าจะยุบบวมอาจต้องใช้เวลานานเป็นอาทิตย์ ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนจึงจะหายสนิท
ระดับที่สาม
เอ็นยึดข้อใดข้อหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งเกิดการฉีกขาดจากกันทั้งหมด ทำให้เกิดอาการปวดมาก ข้อบวมและฟกช้ำมาก ไม่สามารถเคลื่อนไหวข้อหรือลงน้ำหนักได้ ข้อจะบวมมากและมักไม่ค่อยยุบบวมเอง
แนวทางการรักษา
ขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บ แต่จะต้องรีบทำการปฐมพยาบาล ซึ่งถือได้ว่าเป็นการรักษาที่สำคัญ คือ
1. หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวบริเวณที่บาดเจ็บ เช่น การใช้ไม้ดาม ใช้ผ้ายืดพัน หรือใช้ไม้เท้า
2. ประคบด้วยความเย็น เช่น ใช้ผ้าหุ้มก้อนน้ำแข็ง ประคบบริเวณที่บาดเจ็บ ความเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัว ช่วยให้เลือดไม่ออกมาก ซึ่งจะช่วยลดการบาดเจ็บ ลดการอักเสบ และลดบวม ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เมื่อเกิดการบาดเจ็บในระยะ 24 - 48 ชั่วโมงแรก ให้ใช้ความเย็น โดยประคบด้วยความเย็นครั้งละไม่เกิน 20 นาที วันละหลาย ๆ ครั้ง
ห้ามใช้ความร้อน เช่น ยาหม่อง หรือครีมนวดที่ทาแล้วร้อน เพราะจะทำให้เลือดออกมาก บวมมากขึ้นได้
ใช้ผ้ายืดพันรอบข้อที่เคล็ด และยกส่วนที่บาดเจ็บให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ไม่คั่งอยู่บริเวณที่บาดเจ็บ ซึ่งจะช่วยลดบวมและลดปวดได้ เช่น ถ้าข้อเท้าแพลง เวลานั่งควรยกเท้าพาดเก้าอี้ ไม่ควรนั่งห้อยเท้า หรือ เวลานอนก็ใช้หมอนรองขาเพื่อยกเท้าให้สูงขึ้น
3.ถ้าปวด อาจรับประทานยาพาราเซตตามอล ซึ่งเป็นยาที่ได้ผลดีและค่อนข้างปลอดภัยแต่ไม่ควรใช้ในผู้ที่เป็นโรคตับ ส่วนยาแก้ปวดลดการอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ มักมีผลข้างเคียงโดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคกระเพาะ จึงควรใช้ตาม คำแนะนำของแพทย์ และอาจต้องรับประทานร่วมกับยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
4.เมื่อพ้นระยะ 24-72 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการบาดเจ็บ) ในระยะนี้ให้ประคบด้วยความร้อน เพื่อทำให้เลือดที่คั่งอยู่ถูกดูดซึมได้เร็วขึ้น เช่น กระเป๋าไฟฟ้า ถุงร้อน อัลตร้าซาวด์ ครีม โลชั่น น้ำมัน สเปรย์ เป็นต้น
โดยทั่วไป ข้อเคล็ดระดับที่ 1 และ 2 อาการจะดีขึ้นหรือหายไป ภายใน 1-2 อาทิตย์ แต่ถ้าหลังจาก 2 อาทิตย์แล้วยังมีอาการปวด หรือ บวม ก็ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นการบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าที่คิดไว้ก็ได้
ในกรณีที่เห็นว่าน่าจะเป็นข้อเคล็ดชนิดรุนแรง ( ปวดมาก บวมมาก ) หลังจากประคบด้วยน้ำแข็งแล้วให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะ ถ้ารักษาช้าเกินไปหรือได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดอาการ ข้อบวม ปวดข้อเรื้อรัง และ รู้สึกว่าข้อไม่มั่นคง (ข้อหลวม)
จะเริ่มออกกำลังได้เมื่อไร
ควรบริหารข้อและกล้ามเนื้อที่ไม่บาดเจ็บบ่อย ๆ โดยไม่ให้ข้อที่บาดเจ็บเคลื่อนไหว เช่น การบาดเจ็บที่ข้อเท้า ก็ให้บริหารกล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อนิ้วเท้า ขยับเคลื่อนไหวข้อเข่าและข้อนิ้วเท้า
เมื่อพ้นระยะอักเสบ (ประมาณ 1-2 อาทิตย์ ) จะต้องป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการพักนานเกินไป เช่นกล้ามเนื้อลีบ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ข้อติดแข็ง เป็นต้น จึงต้องออกกำลังและเคลื่อนไหวบริเวณข้อที่บาดเจ็บให้มากขึ้น
ข้อควรระวัง คือต้องทำในระดับที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปจนเกิดการบาดเจ็บซ้ำอีก ค่อย ๆ ทำ และเริ่มเบา ๆ ก่อน โดยให้ใช้ความรู้สึกเจ็บเป็นตัวกำหนด ถ้ารู้สึกเจ็บมากก็แสดงว่าทำมากหรือรุนแรงเกินไป ก็ให้ทำน้อยลง
ข้อแนะนำเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้แข็งแรง
โดยทั่วไปเส้นเอ็นที่ฉีกขาด จะเริ่มติดใช้เวลาประมาณ 4-6 อาทิตย์ แต่จะติดสนิทเหมือนเดิม ( หายสนิท ) ต้องใช้เวลา 4-6 เดือน ถ้าการบาดเจ็บรุนแรงก็อาจจะต้องใช้เวลานานมากขึ้น
ในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังจากได้รับบาดเจ็บ จะต้องพยายามฟื้นฟูร่างกายให้คืนสู่สภาพปกติ แต่ต้องจำไว้ว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจร้อน ซึ่งก็มีแนวทางทั่ว ๆ ไปคือ
1. เริ่มออกกำลังเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เช่น ใช้การถ่วงน้ำหนัก และค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักให้มากขึ้น
2. ออกกำลังเพื่อเพิ่มความทนทานควบคู่ไปด้วยซึ่งทำได้โดยใช้น้ำหนักต้านที่เบาๆ (หนักประมาณ 20-40% ของน้ำหนัก ที่สามารถยกได้มากที่สุด ) แต่ต้องยกติดต่อกันหลายๆครั้ง
3. เพิ่มความทนทานให้ระบบหัวใจ หลอดเลือด และปอด โดยการออกกำลังแบบแอโรบิก ประมาณ 30 นาที/วัน
4. ออกกำลังเคลื่อนไหวข้อที่บาดเจ็บ ให้มากขึ้น แต่จะต้องค่อย ๆ เพิ่มอย่างช้า ๆ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ข้อนั้นเกิดบาดเจ็บซ้ำขึ้นอีก ซึ่งคงต้องปรึกษากับแพทย์เพื่อแนะนำการบริหารสำหรับข้อแต่ละข้อโดยเฉพาะ
5. ก่อนที่จะเล่นกีฬาจะต้องรู้สึกว่าข้อปกติ ไม่มีอาการปวด บวม หรือ เสียวในข้อ และควรใช้ผ้ายืดรัดบริเวณข้อ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของข้อด้วย
ถ้ามีข้อสงสัยกรุณาปรึกษากับแพทย์ หรือ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ที่รักษาท่านอีกครั้ง
.
..................... ตะคริว ( muscle cramps ) //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=22-08-2008&group=6&gblog=20 บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=21-06-2008&group=6&gblog=16 การยืดเส้นแบบประหยัด .... โดยม.ร.ว. ธันยโสภาคย์ เกษมสันต์ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=6&gblog=27 ข้อเท้าเคล็ด //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=21-06-2008&group=6&gblog=15 เส้นเอ็น เข่า ฉีกขาด .... knee ligament sprain /injury //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=24-07-2009&group=6&gblog=31 หมอนรองกระดูกเข่าฉีกขาด [ meniscus , เมนิคัส ] //www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-07-2009&group=6&gblog=30
Create Date : 18 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 8 มิถุนายน 2558 13:26:43 น. |
|
1 comments
|
Counter : 13743 Pageviews. |
|
|
|
บาดเจ็บจากการวิ่ง....ตอนที่ 1 .... โดย ศ.นพ. ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=6&gblog=22
บาดเจ็บจากการวิ่ง....ตอนที่ 2 เจ็บเข่า.... โดย ศ.นพ. ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=6&gblog=23
บาดเจ็บจากการวิ่ง....ตอนที่ 3 เจ็บขา.... โดย ศ.นพ. ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=6&gblog=24
บาดเจ็บจากการวิ่ง....ตอนที่ 4 เจ็บเท้า.... โดย ศ.นพ. ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=6&gblog=25
วิ่งอย่างไร ไม่ให้ ปวดเข่า ..... โดย อ.นพ.จักรกริช กล้าผจญ์
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=6&gblog=26
ตะคริว ( muscle cramps )
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=22-08-2008&group=6&gblog=20
บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=21-06-2008&group=6&gblog=16
การยืดเส้นแบบประหยัด .... โดย ม.ร.ว. ธันยโสภาคย์ เกษมสันต์
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-02-2009&group=6&gblog=27