ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

คำไทย..ใช้ให้ถูก วิกฤตกาล - วิกฤติกาล



คำไทย.ใช้ให้เป็น



สัปดาห์นี้ผมยกคำเจ้าปัญหาที่มีผู้มักใช้ผิดมาให้ดูถึง ๔ คำด้วยกัน หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าคำทั้งหมดนั้นสะกดต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซ้ำยังมีเสียงอ่านที่คล้ายคลึงกัน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีผู้ใช้สับสนกันมาก ทั้งในแง่การออกเสียง และการนำไปใช้ในประโยค

"วิกฤต" หรือ "วิกฤติ" อ่านว่า [วิ-กริด] หมายถึง อยู่ในขั้นล่อแหลมต่ออันตราย เช่น การเมืองอยู่ในขั้นวิกฤติ มักใช่แก่เวลาหรือเหตุการณ์อยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ เช่น มุมวิกฤติ, จุดวิกฤติ คำนี้สามารถเขียนได้ สองแบบ คือแบบมีสระอิบน ต.เต่า และแบบไม่มี

ส่วนคำว่า ."วิกฤตการณ์ หรือ "วิกฤติ-การณ์" อ่านว่า [วิ-กริด-ตะ-กาน] และ [วิ-กริด-ติ-กาน] ตามลำดับ หมายถึง เหตุการณ์ที่อยู่ในขั้นอันตราย เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อถึงขั้นแตกหัก เช่น การปฏิวัติรัฐประหารถือเป็นวิกฤติการณ์ทางการเมือง เป็นต้น

ในขณะที่คำว่า "วิกฤตกาล" หรือ "วิกฤติกาล" อ่านว่า [วิ-กริด-ตะ-กาน] และ
[วิ-กริด-ติ-กาน] ตามลำดับเช่นเดียวกัน แต่หมายถึง เวลาอันวิกฤติ เช่น ในช่วงวิกฤติกาลข้าวของมักมีราคาแพงและหาซื้อยาก เป็นต้น


หลักการง่ายๆ ที่จะแยกแยะการใช้ "วิ-กฤตการณ์" กับ "วิกฤตกาล" ก็คือคำว่า "การณ์" และ "กาล" นั่นเองครับ


"การณ์" นั้นหมายถึงเหตุการณ์หรือเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้น "วิกฤตการณ์" จึงใช้ กับเหตุการณ์ หรือสถาน-การณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น


ส่วนคำว่า "กาล" หมายถึงเวลา ดังนั้น "วิกฤตกาล" จึงใช้กับช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นครับ

จะใช้คำไหนก็ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้พูดว่าต้องการสื่อถึงตัวสถานการณ์หรือช่วงเวลา เมื่อทราบหลักการอ่านและการใช้ดังนี้แล้ว ก็ขอให้ท่านผู้อ่านเลือกใช้คำให้ถูกต้องและเหมาะสมด้วยครับ





 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 8:59:55 น.
Counter : 2343 Pageviews.  

เรื่องน่ากลุ้มของผู้หญิง




ไปดูกันสิคะ ว่าผู้หญิงอย่างเรามีเรื่องให้ต้องร้อนใจกันขนาดไหน

1. มีแฟนหลายคน = => วันทอง, กากี มีแฟนคนเดียว = => หาได้ก็บุญแล้ว ไม่มีแฟน = => สมน้ำหน้า...ไม่สวยแล้วหยิ่งอีก

2. เห็นผู้ชายแล้วเดินเข้าไปจีบ = => ก๋ากั่น เห็นผู้ชายแล้วมองตาม = => ออกนอกหน้าเชียวนะยะ

3. มีแฟนแก่กว่า = => สงสัยมีเสี่ยเลี้ยง มีแฟนอ่อนกว่า = => ไก่แก่แม่ปลาช่อน มีแฟนอายุเท่ากัน = => แม้แต่เพื่อนยังไม่เว้นเลย คิดดูๆ

4. มีแฟนแล้ว ตกเย็นไปกินข้าวกับแฟน = => แหม! คุมแจเชียวนะ มีแฟนแล้ว ตกเย็นไปกินข้าวกับเพื่อน = => เค้าไม่ว่างล่ะสิ มีแฟนแล้ว ตกเย็นกลับบ้านคนเดียว = => สงสัยเค้าไปกับหญิงอื่น

5. ชอบนัดเจอกับเพื่อนสนิทผู้หญิง = => จับกลุ่มนินทา ชอบนัดเจอกับเพื่อนสนิทผู้ชาย = => หวังจับเค้ามาเป็นแฟน แผนสูงนะเธอ ชอบนัดเจอกับเพื่อนสนิทชายหญิง = => อันนี้ได้ทั้งเม้าท์ ได้ทั้งแฟน

6. ให้แฟนจูงมือตอนกลางวัน = => Present เหลือเกิน ให้แฟนจูงมือตอนเย็นๆ = => กลัวใครไม่รู้หรือไง ให้แฟนจูงมือตอนกลางคืน = => ให้ท่าจริงๆ

7. เดินนำแฟนเข้าห้าง = => แสดง Power เดินเข้าห้างให้แฟนเดินเข้าก่อน = => วิ่งตามไม่ทันล่ะสิ เดินเข้าห้างเปิดประตูแล้วให้แฟนเดินเข้าไปก่อน = => เอาใจกันอย่างนี้ สงสัยกลัวถูกทิ้ง

8. เป็นหัวหน้าครอบครัว = => สิทธิสตรีแก่กล้า แบบว่า...ข้าก็ทำได้ มีอะไรต้องปรึกษาแฟน = => ก็มือเท้าเค้าหนักออกอย่างนั้น ให้แฟนเป็นหัวหน้าครอบครัว = => แม่พล๊อย...แม่พลอย

9. แฟนไม่หล่อ = => แต่พ่อรวยล่ะสิ ถึงเอา แฟนหน้าธรรมดาๆ = => สมกันดีออก แฟนหล่อ = => สงสัยทำเสน่ห์

10. ผู้หญิงนิสัยธรรมดา = => ไม่น่าสนใจ ผู้หญิงนิสัยไม่ดี = => ไม่ใช่แม่ที่ดีของลูกเรา ผู้หญิงนิสัยดี = => ไม่อยากเป็นลูกที่ดีของเธอ (Oh !!! God)



ขอบคุณ : postjung




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2554 7:39:12 น.
Counter : 1257 Pageviews.  

8 สัญญาณเตือนว่าสุขภาพการเงินกำลังย่ำแย่



ถ้าสุขภาพการเงินของคุณกำลังมีอาการต่อไปนี้ แม้จะไม่ครบถึง 10 อย่างก็บอกได้ว่าน่าเป็นห่วงแล้วนะ


1. ไม่เคยมีเงินเหลือเก็บในบัญชี
ถึงแม้สถานภาพทางการเงินของคุณจะอยู่ในระดับที่ “ไม่น่าเป็นห่วง” แต่วันหนึ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องยุ่งยากทางการเงินคุณอาจแย่ก็ได้


2. พกบัตรเครดิตมากกว่าห้าใบ
บัตรเครดิตเป็นแหล่งเพาะหนี้ชั้นดี และยิ่งมีมากก็อาจยิ่งทำให้สถานะการเงินของคุณกลับย่ำแย่ได้


3. ผ่อนชำระบัตรเครดิตตามยอดหนี้ขั้นต่ำ
การ ชำระแค่ขั้นต่ำเท่ากับการเริ่มต้นสะสมหนี้อย่างเป็นทางการ ยิ่งถ้าทำแบบนี้ทุกๆ เดือน คราวนี้ก็เตรียมเปิดประตูร้อนรับหนี้ก้อนโตได้เลย


4. ยืมเงินจากเจ้าหนี้รายใหม่มาชำระเจ้าหนี้รายเดิม
หรือกู้เงินก้อนใหม่มาโปะหนี้ก้อนเก่า


5. ถูกเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม
เมื่อ การชำระหนี้เริ่มไม่ปกติ สิ่งที่คุณอาจจะเจอคือถูกเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม หรือถูกขอให้มีผู้กู้ร่วมจากสถาบันการเงิน เพราะความสามารถในการชำระหนี้ของคุณลดลง


6. ส่งค่างวดผ่อนบ้าน-รถช้า
การส่งค่างวดบ้านและรถล่าช้ากระทบถึงเครดิตทางการเงินในระยะยาวของคุณ แต่ถ้าสุขภาพการเงินกำลังย่ำแย่มากๆ ใครจะมีปัญญาส่งล่ะ


7. ต้องยอมขายหุ้นทั้งที่ยังขาดทุน
ถ้าคุณลงทุนหุ้นระยะยาวเอาไว้ แต่ต้องยอมขายแบบนี้ก็แสดงให้เห็นชัดว่า “ร้อนเงิน” และสุขภาพการเงินด็คงเริ่มย่ำแย่แล้วล่ะ


8. ไม่สามารถประมาณการหนี้สินทั้งหมด
เมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกว่ามีหนี้รุงรังเต็มไปหมด และเริ่มจับต้นชนปลายไม่ได้ว่ามูลหนี้ทั้งหมดมีอะไรบ้าง ถึงขั้นนี้คงไม่ใช่หนี้ธรรมดาๆ แล้วล่ะ


ขอบคุณ..ลิซ่า




 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 21 กรกฎาคม 2554 7:45:19 น.
Counter : 1249 Pageviews.  

วิธีสังเกต เห็ดพิษ-เห็ดกินได้



พอเข้าสู่ฤดูฝน

"เห็ด" ก็จะงอกงาม เจริญเติบโต แพร่พันธุ์มากกว่าปกติ

ทางสำนักงานสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข ก็เลยส่งบทความให้ช่วยเผยแพร่เกี่ยวกับอันตรายของการเก็บ "เห็ดพิษ" มารับประทาน

เตือนไว้ว่าอย่างไรกันบ้าง ลองอ่านดูนะครับ โดยเฉพาะท่านที่ชอบหาเห็ดตามป่า ตามทุ่ง มาประกอบอาหาร

น.พ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ท่านบอกว่า

"เห็ดพิษ" ในประเทศไทยนั้นมีหลายชนิด

แต่ที่สำคัญและมีพิษร้ายแรงสุดถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งพบได้บ่อย คือ

เห็ดระโงกหิน เห็ดระงากหรือเห็ดสะงาก เห็ดไข่ห่าน และเห็ดไข่ตายซาก

ในปี 2553 สถิติผู้ป่วยเพราะกินเห็ดพิษพบมากที่สุดในภาคอีสาน

รองลงมา ได้แก่ ภาคเหนือ

ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่นอกตัวเมือง

สำหรับอาการของผู้ที่เคราะห์ร้ายกินเห็ดพิษเข้าไป จะรู้สึกคลื่นไส้ ตามด้วยอาเจียน

อาการที่พบรองลงมาคือ ถ่ายเหลว ปวดท้อง มักจะเกิดขึ้นหลังกินแล้วประมาณ 20 นาที-24 ชั่วโมง

ในรายที่อาการรุนแรง จะเสียชีวิตได้ภายใน 1-8 วัน เพราะภาวะตับวาย-ไตวาย

วิธีช่วยเหลือผู้ป่วยเบื้องต้น คือ ต้องทำให้ผู้ป่วยอาเจียนออกมาให้หมด โดยการล้วงคอหรือกรอก "ไข่ขาว" เพื่อลดการดูดซึมพิษเข้าร่างกาย

จากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาล หรือ สถานีอนามัยใกล้บ้านทันที

น.พ.สุพรรณ อธิบายว่า เห็ดมีพิษและเห็ดกินได้บางชนิดมีลักษณะคล้ายกันมาก วิธีสังเกตเบื้องต้น เห็ดพิษส่วนใหญ่จะงอกงามในป่า มีลักษณะก้านสูง ลำต้นโป่งพองออก สีผิวของหมวกเห็ดมีหลายสี เช่น สีมะนาวถึงสีส้ม สีขาวถึงสีเหลือง โดยที่ผิวของหมวกเห็ดจะมีเยื่อหุ้มดอกเห็ดเหลืออยู่ในลักษณะที่ดึงออกได้ หรือเป็นสะเก็ดติดอยู่ ครีบเห็ดแยกออกจากกันชัดเจน มักมีสีขาว บางชนิดสีแดงหรือสีเขียวอมเหลือง สปอร์ใหญ่มีสีขาวหรือสีอ่อน มีลักษณะใส ๆ รูปไข่กว้าง

เห็ดพิษแม้จะปรุงสุกแล้ว พิษจะยังอยู่ เนื่องจากความร้อนทำลายไม่ได้

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย จึงไม่ควรบริโภคเห็ดที่ไม่รู้จัก


ส่วนเห็ดกินได้ ส่วนใหญ่จะเจริญในทุ่งหญ้า ก้านสั้น อ้วนป้อมไม่โป่งพอง ผิวเรียบ ไม่มีสะเก็ด สีผิวของหมวกเห็ดเรียบเป็นสีขาวถึงสีน้ำตาล เรียบจนถึงเส้นใย ดึงออกยาก ครีบแยกออกจากกันได้ ระยะแรกเป็นสีชมพูแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ใครเจอเห็ดลักษณะนี้นำไปประกอบอาหารได้เลย

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2554 7:50:37 น.
Counter : 1939 Pageviews.  

ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสารพิษในร่างกาย



การเกิดพิษในร่างกายมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งปัจจัยที่สำคัญอาจสรุปได้ดังนี้


ตัวสารเคมีเอง (Intrinsic property)
สารเคมีทุกชนิดมีพิษมากน้อยไม่เหมือนกัน การตอบสนองของการเกิดพิษก็ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของสารพิษ ความไม่คงตัวของสารพิษ สภาวะความเป็นกรดด่างที่สารพิษละลายอยู่ ตลอดจนสารต่างๆที่ใช้จับกับสารพิษเพื่อความคงตัว ซึ่งอาจทำให้คุณสมบัติทางเคมีต่อการเกิดพิษเปลี่ยนไป หรือทำให้การละลายตัวของสารพิษเปลี่ยนไป


ช่องทางที่ได้รับสารพิษ (Route)
การได้รับสารเคมีทางปาก ทางผิวหนัง หรือทางลมหายใจ จะมีการเกิดพิษที่ไม่เท่ากัน หรือไม่เหมือนกัน

ตำแหน่งที่ได้รับสารพิษ (Site of administration) แต่ละตำแหน่งทีอัตราการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายต่างกัน และวิธีการที่ให้ก็มีผลต่อการเกิดพิษ เช่น การให้สารพิษเข้าทางหลอดเลือดดำช้าๆ จะมีพิษน้อยกว่าการให้สารพิษปริมาณมากทันที


ขนาดที่ได้รับสารพิษ (Does)
สารพิษหลายตัวในขนาดต่ำๆจะไม่ทำให้เกิดอันตราย หรือไม่แสดงผลอาการเป็นพิษ


ปริมาตรและความเข้มข้นของสารพิษ (Volume and concentration)


ความถี่ของการได้รับสารพิษ (Frequency
)
ในกรณีที่ได้รับสารพิษขนาดต่ำๆแต่ได้รับนานๆอาจมีพิษสะสมได้ และทำให้เกิดพิษเรื้อรังตามมา


ช่วงเวลาและฤดูกาลที่ได้รับสารพิษ (Duration and season)
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกายแต่ละวันไม่เหมือนกัน อาจมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย


การเป็นพิษแบบช้า (Delayed toxicity)
สารพิษบางชนิดเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วอาจใช้เวลานานในการออกฤทธิ์ เช่น แร่ใยหินใช้เวลา 10 ปีที่จะทำให้เกิดมะเร็งปอด เป็นต้น


การแพ้สาร (Hypersensitivity)
อาการเกิดพิษจะเกิดกับผู้ที่มีส่วนบกพร่องในร่างกายอยู่แล้ว เช่น บางคนแพ้สารตัวทำละลายเมื่อได้รับสารนั้นก็จะเกิดอาการแพ้ขึ้นได้


คนหรือสัตว์ที่ได้รับสารพิษ (Host)
ชนิด สายพันธ์ ลักษณะทางพันธุกรรม ภาวะโภชนาการ เพศ และระดับฮอร์โมนในร่างกาย ล้วนมีผลต่อการเกิดพิษทั้งสิ้น


สิ่งแวดล้อม (Environment)
อุณหภูมิ ความกดอากาศ การแผ่รังสี รวมไปถึงสภาพทางสังคม ความเป็นอยู่ วิถีชีวิต และเศรษฐกิจ


การได้รับสารพิษหลายชนิด (Toxicant interaction)
สารบางชนิดมีฤทธิ์เสริมกัน หรือมีฤทธิ์หักล้างกัน ทำให้เกิดความเป็นพิษมากขึ้น หรือทำให้การเกิดพิษน้อยลงไป

FW




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 19 กรกฎาคม 2554 7:52:27 น.
Counter : 1828 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.