ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
เมื่อคำตอบที่อยากรู้ ไม่ใช่คำตอบที่อยากได้

ความรัก

เมื่อคำตอบที่อยากรู้ ไม่ใช่คำตอบที่อยากได้
(ใยไหม)
โดย : ปูปรุง

          การยอมรับความจริงนั้น ไม่ใช่การยอมแพ้ หรือปล่อยชีวิตให้เป็นเรื่องของโชคชะตากำหนดอย่างเดียว....แต่เป็นการที่เราต้องยอมทำใจ สำหรับบางเรื่อง ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขมันได้อีก เพื่อจะได้มีแรงเก็บไว้ฮึดสู้ กับเรื่องอื่น ๆ ที่จะเข้ามาอีกในวันข้างหน้า

เรื่องนี้ เกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง...

เป็นเรื่องปกติที่ขณะฉันขับรถ มักจะเปิดวิทยุฟังไปด้วย และรายการประจำที่เปิดในทุกเช้าก็คือ รายการเพลงที่จัดโดยดีเจหญิง-ชาย คู่หนึ่ง ซึ่งสร้างความสนุกสนานให้ผู้ฟัง มีมุขเฮฮาตลอด และจะมีช่วงหนึ่งในรายการที่ชื่อว่า "Morning Call" ซึ่งเป็นช่วงที่ทางรายการจะให้คนฟังทางบ้านได้มีส่วนร่วมโดยการส่งข้อความและเบอร์โทรศัพท์ของผู้ที่ตัวเองอยากให้ทางรายการโทรฯ ไปปลุก แต่มีข้อแม้ว่าต้องระบุเหตุผลด้วยว่า จะให้โทรฯ ไปปลุกด้วย เรื่องอะไร และทางดีเจก็จะเลือกเรื่องที่น่าสนใจที่สุดออกมา

เรื่องที่โดนเลือกขึ้นมาในวันนั้น ก็เป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องการจะถามเพื่อนชายซึ่งกำลังคบหาเป็นแฟนกันอยู่ และเข้าใจว่ากำลังมีปัญหาไม่เข้าใจกัน สิ่งที่ฝ่ายหญิงต้องการรู้ คืออยากถามว่าแฟนของเธอจะเอายังไงต่อกับความสัมพันธ์ที่กำลังมีอยู่...

"สวัสดีค่ะ...คุณ...(ชื่อฝ่ายชาย)"

เสียงดีเจกล่าวทักทาย

"คือเราสองคนโทรฯ มาจากรายการ..และช่วงนี้คือช่วง Morning Call นะคะ คุณ...(ชื่อฝ่ายชาย) กำลังออกอากาศสดอยู่นะคะ"

"อยากถามว่า คุณ...(ชื่อฝ่ายชาย) รู้จักคุณ...(ชื่อฝ่ายหญิง) ไหมคะ?"

ดีเจเริ่มปฏิบัติภารกิจ

"รู้จักครับ"

"แล้วไม่ทราบว่า...รู้จักกัน สนิทกันแค่ไหนคะ"

"เอ่อ...ก็ เคยคบกันครับ แต่ตอนนี้...ไม่แล้ว"

ฝ่ายชายตอบ

ถึงตอนนี้ดีเจชะงักนิดหน่อย เพราะเหมือนกับว่าทุกอย่างที่เป็นคำตอบมันหลุดออกมาแล้ว แต่ดีเจก็ยังพูดต่อว่า

"พอจะบอกเหตุผลได้ไหมคะ...ว่าทำไมถึงเลิกคบกัน"

"คือว่า...เขาเป็นคนพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมเบื่อ"

ฝ่ายชายตอบคำถามดีเจ หลังจากโดนคะยั้นคะยออยู่นาน

"แล้วไม่มีทางปรับความเข้าใจกันได้เลยหรือคะ" ดีเจป้อนคำถามต่อ

"คงไม่ดีกว่าครับ..เพราะเป็นอย่างนี้มานานแล้วครับ"

ฝ่ายชายตอบเสียงหนักแน่น

"คืออย่างนี้นะคะ ทางคุณ...(ชื่อฝ่ายหญิง) ให้เบอร์โทรศัพท์ของคุณมา เพื่อจะให้ทางเราถามกับคุณว่าจะเอายังไงต่อดี แต่จริง ๆ แล้วทางคุณ...(ชื่อฝ่ายชาย) ก็เหมือนจะบอกคำตอบมาแล้วนะคะ...แล้วตอนนี้คุณ...(ชื่อฝ่ายหญิง) ก็อยู่ในสายด้วย"

"คุณ...(ชื่อฝ่ายหญิง) คะ ไม่ทราบว่าได้ฟังคำตอบจากคุณ...(ชื่อฝ่ายชาย) แล้วตอนนี้มีอะไรอยากจะบอกกันไหมคะ หรืออยากจะถามกับคุณ...(ชื่อฝ่ายชาย) เอง ก็เชิญเลยนะคะ..."

"...ไม่มีแล้วค่ะ...ขอบคุณค่ะ"

เสียงฝ่ายหญิงที่ตอบกลับมาคราวนี้เครือ ๆ และเจือปนด้วยความเศร้าอย่างชัดเจน

แล้วเธอก็วางสายไปทันที... เธอคงได้ยินทุกคำพูดจากแฟนเธอไปหมดแล้ว

หลังจากที่ฟังจบมาถึงตอนนี้ กลายเป็นว่าบรรยากาศของช่วง "Morning Call" ที่เคยสนุกสนาน เฮฮาเสียส่วนใหญ่กลับจบลงด้วยความเศร้า ดีเจสองคนนั้นที่เคยร่าเริง กวน ๆ กลับจ๋อยลงนิด ๆ แต่ The Show must go on ดีเจฝ่ายหญิงจึงพูดสรุปตอนท้ายว่า อย่างน้อย เราก็คิดว่ามันน่าจะดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างคลุมเครือต่อไป แล้วเพลงที่มีความหมายเกี่ยวเนื่องกับเรื่องเมื่อสักครู่ ก็ถูกเปิดต่อมาทันที...

ตอนนี้...ฉันกลับนึกถึงเรื่องในรายการวันนั้น ขึ้นมาเสียเฉย ๆ และอยากรู้เหมือนกันว่าฝ่ายหญิงคนนั้น ยังจะรู้สึกเสียใจกับคำตอบที่ได้รับจากชายที่เป็นแฟนของเธออีกนานแค่ไหน อาจจะโกรธ เกลียด น้อยใจ หรือ อะไรก็แล้วแต่

แต่ในมุมมองของฉัน กลับมองเรื่องนี้ว่า ถ้าฉันเป็นเธอคนนั้น ฉันคงต้องรีบดึงความสูญเสียของตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรู้สึกหรือความเชื่อมั่นในตัวเอง และฉันน่าจะต้องขอบคุณชายคนนั้นมากกว่า ที่อย่างน้อยเขาก็กล้าให้คำตอบที่แท้จริง และช่วยทำให้ความสัมพันธ์ที่ยังคลุมเครืออยู่มันชัดเจนเสียที

หลาย ๆ ครั้งที่คนเราเวลาเกิดคำถามที่อยากรู้ขึ้นมา ก็อยากจะได้คำตอบ แต่พอได้คำตอบแล้ว ก็ยังต้องมาเป็นทุกข์กับคำตอบที่ได้นั้นอีก ทั้ง ๆ ที่คำตอบนั้นคือความจริง

เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะว่าจริง ๆ แล้ว เราอาจจะไม่ได้อยากฟังคำตอบที่เป็นความจริง...แต่เราคาดหวังที่จะได้ฟังคำตอบที่อยากจะได้มากกว่า... และเมื่อคำตอบที่ได้รับมันไม่ใช่คำตอบที่อยากได้ เราก็ทุกข์ใจ และค้างคาอยู่กับตรงนั้นไม่ยอมเลิก ทำให้ลืมเปลี่ยนมุมมอง ที่สามารถมองให้เป็นอย่างอื่นได้อีก เช่น อาจจะมองว่าการที่เราได้คำตอบที่เป็นความจริง แม้จะไม่ถูกใจเรานัก แต่ก็ทำให้เราสามารถสรุปกับคำถามดังกล่าวได้เร็วขึ้น และช่วยให้เราตั้งต้นที่จะทำอะไรอื่น ๆ ต่อไปเสียที ไม่ต้องมัวเสียเวลากับความคลุมเครือที่ยังมีอยู่ ถ้าเราไม่รู้วันนี้ เราก็ต้องมีทางรู้ความจริงในวันข้างหน้าอยู่ดี แต่วันข้างหน้าที่ว่านั้น อีกนานแค่ไหนล่ะ...เราอาจเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ

จริงอยู่ที่ความคลุมเครือบางครั้งมันก็ดูลึกลับมีเสน่ห์ ชวนให้น่าติดตาม โดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวเนื่องกับศิลปะต่าง ๆ แทบจะไม่มีศิลปินคนไหนที่สื่อสารอะไรออกมาแบบตรง ๆ โดยที่คนเสพงานไม่ต้องใช้ความคิดหรือจินตนาการอะไรเลย และนั่นมันก็ทำให้งานของศิลปินเหล่านั้นดูมีมิติขึ้น แต่สำหรับในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนแล้ว ฉันมองว่าความคลุมเครือนี่แหละ...คือสิ่งที่ทรมานจิตใจที่สุด ทำให้เราว้าวุ่น ทำให้จิตใจรู้สึกสับสน จะใช้จินตนาการมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถรู้คำตอบที่แท้จริงได้ จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะช่วยทำให้ภาพลาง ๆ ของความสัมพันธ์นั้นชัดเจนขึ้นตรงหน้า แม้บางครั้งมันอาจจะทำให้ต้องเสียน้ำตาบ้างสักนิด

อย่างไรก็ตาม..เราก็ควรจะขอบคุณเขามากกว่ามานั่งคิดเครียดแค้น หรือนั่งน้อยอกน้อยใจเขาไม่ใช่หรือ...

สำหรับกรณีนี้ ฉันคิดว่าในเมื่อฝ่ายหนึ่งยืนยันที่จะยุติความสัมพันธ์ที่เคยมีแล้ว และไม่มีทางที่จะปรับความเข้าใจกันได้อีก อีกฝ่ายหนึ่งก็ควรที่จะยอมรับความจริงตรงนี้ให้ได้ ชีวิตของคนเราจะแกร่งขึ้น เมื่อถูกทดสอบด้วยความจริงที่โหดร้ายเสมอ

...การยอมรับความจริงนั้น ไม่ใช่การยอมแพ้หรือปล่อยชีวิตให้เป็นเรื่องของโชคชะตากำหนดอย่างเดียว แต่เป็นการที่เราต้องยอมทำใจสำหรับบางเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขมันได้อีก เพื่อจะได้มีแรงเก็บไว้ฮึดสู้กับเรื่องอื่น ๆ ที่จะเข้ามาอีกในวันข้างหน้า และเมื่อเราสามารถรับมือกับเรื่องต่าง ๆ บนโลกของความจริงได้ เราก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสนุกขึ้น

ฉันจะรู้สึกดี หากบังเอิญมีใครบางคนที่กำลังเจอประสบการณ์คล้าย ๆ กับผู้หญิงในรายการวันนั้น และได้อ่านสิ่งที่ฉันเขียนในวันนี้ ฉันหวังว่ามันอาจจะช่วยทำให้คุณมีความรู้สึกที่ดีขึ้นบ้าง อยากให้คุณได้มองเรื่องที่ผ่านมานั้นในแง่บวกพร้อมยิ้มรับกับความจริงแล้วเดินหน้าต่อไป เพราะเวลาที่เราเลิกร้องไห้แล้วเมื่อไหร่ เราก็จะมองเห็นทางเดินข้างหน้าที่ชัดเจนขึ้นเมื่อนั้น...





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

หนังสือ "วันนั้น" อ่อนแอ แต่...วันนี้ไม่ใช่ Just be yourself



Create Date : 16 ธันวาคม 2555
Last Update : 16 ธันวาคม 2555 10:41:16 น. 0 comments
Counter : 1249 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.