ค่ายรถยนต์แดนภารตะสนใจตลาดซับคอมแพ็คคาร์ไทย เปิดเกมรุกเปรยแผนนำรุ่น Nano ยอดนิยมลงตลาดไม่หวั่นชนอีโค่คาร์ ประเดิมราคาแค่ 2.75 แสนบาทเท่านั้น

หลังร้อนระอุกันทั่วหน้าถึงการลงตลาดอีกรุ่นของรถยนต์อีโค่คาร์จากค่ายรถยนต์ยอดนิยม แต่ดูเหมือนว่างานนี้ศึกใหญ่จะยังไม่จบแม้ ปัจจุบันรถเล็กที่สุดในตลาดจะเป็นรถยนต์กลุ่มอีโค่คาร์ ทว่าค่ายรถยนต์แดนภารตะ "ทาทา" ก็มีแผนในใจในการลงตลาดกลุ่มนี้ หลังลุยตลาดพาณิชย์มาพอสมควร

เมื่อไม่นาน มานี้มีรายงานข่าวว่า ในช่วงมอเตอร์เอ็กซ์โป มหกรรมยานยนต์ใหญ่ปลายปี บริษัท ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย มีแผนในการส่งรถรุ่นใหม่ลงตลาด โดยเตรียมจะนำเข้ารถในกลุ่มซับคอมแพ็คคาร์ A Segment "Tata Nano" สำเร็จรูปจากประเทศอินเดียวเข้ามาจำหน่าย ซึ่งจะมีรูปลักษณ์เหมือนที่จำหน่ายอยู่ในอินเดีย แต่จะมีการเพิ่มออพชั่นต่างๆเข้ามาเพื่อตอบสนองตลาดในประเทศไทย

"รถที่จะมาทำตลาดในประเทศไทย จะมีการปรับจูนแรงบิด มีการเพิ่มออพชั่นบางอย่างเข้ามา อย่างกระจกไฟฟ้า และมีการปรับระบบปรับอากาศให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในไทย ซึ่งเราจะนำรถเข้ามาทั้งคันจากอินเดีย โดยคาดว่าน่าจะสามารถจำหน่ายได้ในราคา 2.75 แสนบาท ซึ่งเป็นราคาแทบจะไม่กำไร แต่อนาคตกำลังจะมีแผนการขึ้นไลน์ประกอบในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะทำให้สามารถทำกำไรได้"

อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า ปัจจุบัน Tata Nano Thai version ได้เริ่มทดลองผลิตออกมาทดสอบแล้ว แต่กำลังมีการปรับแก้สเปคบางอย่าง อย่าง การถอดฮีทเตอร์ ติดเสาวิทยุ รวมถึงปรับจูนเครื่องยนต์ให้เหมาะสม ซึ่งการระบุว่า ถ้าเรียบร้อยอาจจะสามารถเปิดตัวได้ใน Motor Expo 2011 ปลายปีนี้

สำหรับปัจจุบัน Tata Nano เป็นรถซิตี้คาร์ขนาดเล็กในระดับ A segment ที่มาพร้อมแพลทฟอร์มเครื่องยนต์วางหลังขับเคลื่อนล้อหลัง กับขุมพลัง 2 สูบ แคมเดี่ยว ขนาด 624 cc ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 4 สปีด ให้อัตราประหยัดน้ำมันโดยเฉลี่ยที่ 23.6 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนตัวรถ มีขนาด ยาว 3,099 มิลลิเมตร กว้าง1,495 มิลลิเมตร และสูง 1,642 มิลลเมตร โดยมีระยะฐานล้อยาวถึง 2230 มิลลิเมตร

ภาพจาก wikipedia

Tata อาจเป็นรถยนต์ ที่คนไทยไม่ค่อยได้ยินชื่อ แม้จะทำตลาดมาพักใหญ่ แต่ก็ยังไม่ติดตาคนไทยนัก ยกเว้นรถเมล์ที่พอจะเริ่มมีให้เห็นกันบ้างแล้ว ทั้งนี้ Tata Nano เป็นรถที่ได้รับการยอมรับในตลาดอินเดีย และนิยมอย่างมาก แต่การมาจำหน่ายในไทยจะถูกใจคนไทยหรือไม่ ค่ายรถยนต์ภารตะควรต้องมองความต้องการในการเดินทางของคนไทยจริงๆ มากกว่าแค่ต้องการรุกตลาดยานยนต์