อิสรภาพทางการเงินเป็นสิ่งที่คนสมัยนี้ร้องเรียกหา เท่าที่สังเกตคนรอบข้าง ส่วนใหญ่พนักงานออฟฟิส มักจะชอบมากกับคำว่าอิสรภาพทางการเงิน เพราะนั่นหมายถึง เราจะไม่ต้องเจออะไรแบบนี้อีกเลย

ตื่นเช้าทั้งที่ไม่อยากตื่นยิ่งช่วงนี้ฝนตกมันน่านอนต่อชะมัด แถมพอออกจากบ้านมาผจญกับรถติด ไหนจะคนขับรถแย่ๆเต็มไปหมดในถนน พอมาถึงออฟฟิสก็เจอเจ้านายตามงาน จู้จี้ ทำงานก็มีแต่อะไรก็ไม่รู้เข้ามา กว่าจะจบวันก็ปาเข้าไปดึก มาเจอรถติดตอนเย็น ยิ่งฝนตกด้วยแล้วไม่ต้องห่วงเลย กลับบ้านก็ดึกกินข้าวก็หมดเวลาละ .. อ้วนก็อ้วนแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปออกกำลังกาย... ปลายปีประเมินคนที่ไม่ได้ทำงานแต่นายรักก็ได้ผลประเมินดีไป ส่วนคนที่เอาใจนายไม่เป็นทำแต่งานก็ก้มหน้ารับผลไป

การมีอิสรภาพทางการเงินมันหอมหวนจริงๆนะ แต่ คำถามคือ พอมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว เราจะทำอะไรมากกว่า เพราะเราไม่เชื่อว่าอิสรภาพทางการเงินคือการอยู่เฉยๆไปวันๆ ส่วนตัวว่าไร้สาระจะตาย เป็นชีวิตที่น่าเบื่อ ไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย จริงๆแล้วเราเองถ้าเอาแค่พอมีพอกินด้วยสินทรัพย์ที่มีก็น่าจะพอเลี้ยงตัวแบบไม่ต้องทำงานเลยได้ เที่ยวต่างประเทศปีละครั้ง ..แต่ ชีวิตเราว่าต้องมีเป้าหมาย และจะสนุกถ้าเป้าหมายนั้นเป็นการทำเพื่อคนอื่น แต่ก่อนจะทำเพื่อคนอื่นได้ เราต้องเอาตัวรอดก่อนจริงมั้ย นั่นแหละความหมายของอิสรภาพทางการเงิน จริงๆแล้วพนักงานเงินเดือนที่ยังไม่ได้พบอิสรภาพอะไรก็ทำเพื่อคนอื่นได้นะถ้าเราไม่ได้มีภาระอะไรมากมาย การหักเงินเดือนทุกเดือนสัก 2-3 % สำหรับการแบ่งปันเพื่อคนที่ขาดกว่า อยากให้ลองทำกันดูนะv