ชั้นก็จะไปเกาหลี (ต่อภาค2)
วันนี้มีเวลาว่าง ในวันหยุด มาเล่าต่อกันดีกว่า คราวที่แล้วเหตุการณ์จบลงบนเครื่องบิน ว่ากันต่อเลยนะ มาถึงสนามบินที่เกาหลี แล้วก็นั่งรถไฟเชื่อมระหว่างอาคาร เพื่อเข้าสู่ ตม. ที่โดนขู่ไว้มากเลย ก่อนจะพูดถึง ตม. ขอชื่นชมความสามารถในการจัดการของเกาหลีในสนามบินก่อนว่าทำได้ดีสุดๆไปเลย แถวแต่ละแถวรอไม่นาน มีคนคอยจัดแถวว่าควรไปช่องไหน และเปิดให้บริการช่องตม.เยอะมาก แถมทางเดินยังไม่ไกลแบบบ้านเราที่เหมือนต้องเดินทางไกลออกจากเครื่องไปตม. อย่างไงอย่างงั้น ไม่เข้าใจทำไมไม่ทำรถไฟฟ้าเชื่อมก็ไม่แน่ใจได้ มาว่าต่อพอมาถึงตม. เราก็กำลังจะเดินเข้าไปต่อแถวก็มีลุงคนหนึ่งยืนชี้นู่นนี่ไปมา บอกให้ไปอีกช่อง เอ้าไปอีกช่องก็ไป ตอนแรกก็ งง ต่ออยู่ดีๆจะให้ไปอีกช่องไปทำไม แต่พอเอาเข้าจริง เออ เร็วแหะ เร็วกว่าที่ต่ออยู่ของเดิมเสียอีก นี่แหละการจัดคิวที่ดี และเมื่อเข้าตรวจขาเข้า ก็ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนที่เราคิดเลย เราว่าเร็วกว่าขาเราออกเมืองไทยอีก กลายเป็นว่าเข้าเกาหลี ง่ายกว่าออกเมืองไทย อาจจะเป็นเพราะเราเองมีพาสปอร์ตเก่า แนบไปด้วย ต้องขอแนะนำเพื่อนๆเลยนะว่าถ้าไปประเทศที่เค้าบอกว่ายากนักยากหนา ถ้าเคยท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆมาบ้าง มี Visa พาสปอร์ตเก่าอยู่ก็เอามาแนบๆให้เค้าดูไปเหอะ เท่าที่สังเกตมาคนที่มีแนบมาจะผ่านได้เร็วกว่า เค้าแทบจะไม่มองอะไรมากมายเลยละ แม้จริงๆคนตรวจก็ไม่ได้ดูพาสปอร์ตเก่าเราก็ตาม แต่กันเหนียวไว้ดีกว่าเนอะ^^

พอมาถึงก็เจอไกด์ท้องถิ่นเป็นผู้หญิงที่จะสื่อสารกับเราด้วยภาษาอังกฤษ สำหรับคนที่ฟังไม่ออกก็ไม่ต้องกลัวเพราะไกด์ไทยเค้าคอยแปลให้ และยังมีไกด์เสริม อายุประมาณ 25 เป็นนักศึกษาช่วยทำงาน เพื่อส่งตัวเองเรียน ตอนหลังมารู้ว่าเป็นพนักงานของบริษัทถ่ายรูปที่เหมือนร่วมกับไกด์ท้องถิ่นที่นั่น อยากจะบอกว่าประทับใจไกด์นักศึกษาคนนี้มาก เค้าจะพอพูดไทยได้เหมือนไปเรียนมาหน่ะ เค้าจะคอยตะโกน หรือพูดดังเองก็ไม่รู้ว่า “ ตรงนี้ค้าบบบบบ””ทานข้าวเยอะเยอะน้าค้าบบบบบ.” อ่อ ลืมบอกไปร้านอาหารที่เกาหลี หรือโรงแรม ไม่มีระบบมาคอยเติม คอยเทคแคร์แบบบ้านเรานะ ไม่มีคนมายกกระเป๋าให้ หรือ คอยเติมน้ำให้แบบบ้านเรามากมายหรอก ดังนั้นไกด์นี่แหละจะเป็นพนักงานเสริฟของเราในทุกมื้อ และก็จะได้ยินคำว่า “ทานข้าวเยอะเยอะน้าค้าบบบ””กินผักเยอะเย้อะ” “หมูค้าบบบ หมู เติมหมูมั้ยค้าบบบบ” ประมาณนี้อยู่ตลอด ฮ่า

ที่เที่ยวที่แรกที่ไป ต้องบอกว่าเที่ยวบินเราบินกลางคืน ถึงเช้า วันแรกจึงเป็นวันที่ง่วงสุดไปเลย แต่เวลาน้อยการจัดตารางแบบนี้ก็จะทำให้ได้เที่ยวเยอะสักหน่อย ที่เที่ยวแรกเค้าบอกว่าเป็นที่อยู่ของประธานาธิบดีของเค้า พอไปถึงอืม.. ความรู้สึกแรกเลยนะ รู้สึกว่าที่นี้มันดียังไงไม่รู้ละ ฮวงจุ้ยดีอย่างงั้นมั้ง ภูเขาล้อมรอบอย่างดี นอกจากนี้การรักษาความปลอดภัยยังเรียกได้ว่าเยี่ยมไปเลยอีกตังหาก ทุกแยกมีตํารวจคุมไปหมด ตรงแถวจุดนั้นก็จะมีจุดที่ทุกคนชอบไปถ่ายรูปกัน คือรูปปั้นครอบครัวพ่อแม่ ลูก เค้าบอกว่าคนเกาหลีให้ความสำคัญกับครอบครับมากมายเลยละ อันนี้ยิ่งกินอาหารเกาหลีมากมื้อขึ้นก็เห็นชัดขึ้นว่าใช่จริงๆ เพราะอาหารเกาหลี น้อยมากที่จะเอามาตั้งแล้วกินเลย แต่จะต้องมีการเอามาช่วยกันปิ้ง หรือผัดกัน คือช่วยกันนั่นแหละ เห็นมั้ยกุศโลบายเยี่ยมไปเลย อีกรูปปั้นที่อยู่ตรงกลางก็คือนกฟินิกส์ อันนี้จำไม่ได้แล้วแหะ ว่าหมายถึงอะไร แต่เหมือนว่าจะเป็นสัญลักษณ์เค้านั่นแหละ พอเก็บภาพหมดเราก็ได้ยินเสียง “เชิญทางนี้ค้าบบบบบบ” ไกด์ไล่ให้ไปขึ้นรถ ฮ่า เสียงดังฟังชัด ที่เที่ยวต่อไปคือ พิพิฒภัณฑ์ ก็เป็นเรื่องราวของวัฒนธรรมเค้านั่นแหละ ถ่ายรูปรับทราบเรื่องราวกันไปพอประมาณ แล้วก็เดินต่อไปที่พระราชวังเคียงบ็อคที่อยู่ติดกัน มาถึงตรงนี้มีเกล็ดความรู้ให้กับเพื่อนๆ คือ ประเทศเกาหลีนี่เรียกได้ว่าจะไม่ค่อยเจอหญ้า สนามหญ้า แบบบ้านเราสักเท่าไร ในพระราชวังก็จะมีแต่กรวด ทรายนั่นแหละ เพราะเค้าถือว่าหญ้าหมายถึงความตาย ใครที่ไปเคียงบ็อคก็จะเห็นเขตที่มีหญ้าขึ้นแพรมๆ เขตพวกนั้นหนะเมื่อก่อนเป็นอาคารวังนั่นแหละ แต่โดนทำลายไปสมัยโดนญี่ปุ่นบุกเข้ามา แล้วคนญี่ปุ่นก็เหมือนรู้ว่าเค้าไม่ชอบหญ้า เลยปลูกหญ้าขึ้นไปหมดเลยในวัง ตอนนี้เค้าก็เลยเก็บหญ้าแพลมเป็นอนุสรณ์พอให้รู้ แต่ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องเล่าของคนเกาหลีเองนะ ยังไงฟังไว้แต่อย่าไปเชื่อ 100% ละกันเพราะเราเองไม่รู้ ถือว่ามาเที่ยว มาต่อที่พระราชวังกันต่อ ต้องบอกว่า ค่อนข้างผิดหวังกับพระราชวังที่นี่นะ ด้วยความที่มันมีดอกไม้น้อย มีแต่ทราย กับกรวด แต่ละตึกก็หน้าตาคล้ายๆกันไปหมดนี่แหละ มันเลยไม่ดึงดูดเราเสียเท่าไร แถมเราเองก็ง่วงเสียด้วย และเคยวาดภาพวังไว้สวยเชียว แต่พอเอาเข้าจริง ส่วนตัวเลยนะเราว่าวัดพระแก้วเราสวยกว่ามากมายเยอะๆ อ่อ มีเกล็ดความรู้มาฝากเพื่อนๆอีกอย่าง คือ เคยสังเกตมั้ยว่าพระราชา หรือกษัตริย์ของจีนจะต้องใส่สีเหลือง ตามหลักความเชื่อไม่รู้ของเกาหลีชาติเดียว หรือทั้งหมด แต่คิดเองว่าน่าจะเป็นประเทศที่แถบๆนั้น คือจะมีสีที่มีความหมายตามแต่ละตำแหน่ง โดยสีเหลือง คือสีที่หมายถึงศูนย์กลาง ดังนั้นจะเห็นว่าในแถบญี่ปุ่น เกาหลี จีน จะมีแต่จีนที่กษัตริย์ใส่สีเหลือง ลองดูหนังเกาหลีกัน พระราชาเกาหลีใส่สีอะไร ตอบกันออกหรือเปล่า สีแดง ซึ่งหมายถึงทิศใต้นั่นแหละ

หลังจากนั้นช่วงบ่ายไปเที่ยวเมียงดง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สาวๆ นักช้อปปิ้งต่างปรารถนาเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น ETUDE ,Skin Food สารภาพเลยนะว่า พึ่งมารู้จักเจ้าสองแบรนด์นี้ที่นี่นี่แหละ เอ้าเค้าซื้อ ก็เอาซะหน่อย ซื้อมาฝาก แล้วก็ลองใช้สักหน่อยซิ เค้าบอกถูกกว่าเมืองไทยมาก อืม กลับมาเช้คดูก็ถูกกว่าจริงๆนั่นแหละ ดังนั้นใครที่ชอบแบรนด์พวกนี้ไปแล้วซื้อได้เลยนะ แต่อย่าเยอะละ เพราะว่าหนัก และส่วนตัวหลังจากที่ทดลองใช้มาเกือบเดือนละเราว่าแบรนด์สมุนไพรไทยๆก็ดีไม่แพ้กันเลย อ่อ มาถึงตรงนี้ก็มีเกล็ดความรู้มาฝากอีกละ อย่าพึ่งเบื่อกันนะ คนเกาหลีนี่เค้ามีลักษณะพิเศษที่เราว่าดีมาก ประเทศเราควรจะไปศึกษามากๆ คือ เค้าชอบซื้อแบรนด์Local คือ เป็นสินค้าแบรนด์เกาหลี ค่านิยมสินค้าเกาหลีที่มีแบรนด์ดีๆนี่เรียกได้ว่าดีกว่าพวกแบรนด์ต่างชาติเสียอีก ดังนั้นเราจะเจอคนเกาหลีใช้แต่ของเกาหลีตามถนนนั่นแหละ นี่กระมังที่เป็นเหตุให้ประเทศเค้าที่ถึงเจริญมาไม่ถึง 50 ปี มาได้ไกลขนาดนี้ มาต่อกันที่เมียงดงต่อหลังจากที่ช้อปสองร้านนี้ไปแบบพอหอมปากหอมคอ ก็มาถึงการสำรวจ ที่เค้าว่าคนเกาหลีศัลยกรรมเยอะจริงมั้ย มาถึงเมียงดงต้องดูซะหน่อย อืม.... จริงด้วย เยอะมากเลยละ จมูกเรียกได้ว่า 10 คนเจอ 7 หรือ 8 คน แถมขอการันตีด้วยสายตาของเราว่าคนเกาหลี ไม่ว่าชาย หรือหญิงโดยรวม ไม่ได้สวย หรือหล่อ แบบนางเอกเกาหลี หรือพระเอกเกาหลีที่เรากรี้ดๆกันหรอกนะ เราเองว่าสวยกับหล่อสู้บ้านเราไม่ได้เลยละ เพราะเท่าที่เราเดินเจอคนหล่อกับสวยนับคนได้เลย แต่บ้านเราลองมาเดินสยามสิ เจอเพียบ หลังจากสำรวจเสร็จก็ขอไปดูร้านไอติมยาวๆที่ใครๆก็พูดถึงเสียหน่อย ถ้าถามว่าอร่อยมั้ยอันนี้แล้วแต่คนนะ แต่ถ้าถามเรา ต้องบอกว่าไม่ได้อร่อยเริดหรูอะไรหรอก มันเป็นค่านิยมที่คนคิดขึ้นมาทั้งนั้นก็เลยดูอร่อย ประกอบกับประเทศเค้าหนาว มันก็เลยไม่ละลายเลยยาวได้ แต่ไม่ได้มีรสชาติที่อร่อยจนลืมไม่ลงขนาดน้านนนน หลังจากสำรวจไอติมเสร็จ ก็ขอสำรวจรองเท้ากีฬาที่เห็นคนในทัวร์ซื้อกันเยอะจังเลยแหะ ว่ามันถูกจริงหรือ พอไปดูที่แรก Adidas ไม่ถูกกว่าบ้านเราหรอกนะ อีกที่ Nike ก็ไม่ถูกกว่าอีกนั่นแหละ แถมบ้านเราหาย่านซื้อดีๆ ถูกกว่าแน่นอน หลังจากสำรวจจนเมื่อย และง่วง ก็ไม่พลาดที่จะชิม Star Buck เกาหลี ต้องบอกว่าเหมือนกับบ้านเรานี่แหละ โต๊ะเก้าอี้ก็เหมือนกัน นั่งสักพักเริ่มง่วงอีกแล้วแหะ เป็นการพิสูจน์ว่ากาแฟไม่ได้ทำให้เราหายง่วงได้เลย ยิ่งง่วงกว่าเดิมอีก ฮ่า เลยเดินออกจากเมียงดงตรงทางเข้าที่รถไฟใต้ดินที่มีที่นั่ง ขอนั่งชมคนเค้าละกัน ..... แล้วสักพักก็ได้ยินเสียง” เชิญทางนี้ค้าบบบบบบบบบบบบ” ฮ่า เจ้าเดิมมาแล้ว ก็ไปกินข้าวเย็น เป็นไก่ตุ๋นโสมเกาหลี ที่ไกด์โฆษณาไว้เยอะมากแต่สำหรับเรานะ ไม่ถูกปากแหะ.. แล้วก็เข้าโรงแรม อ่อ ยัง ยังไม่หลับ ขอดูข่าวตามข่าวเมืองไทยเสียหน่อย น่านตกใจ.....!!! เฮ้ย ประกาศฉุกเฉินกรุงเทพ รถนายกถูกทุบ รถถังมาอยู่ที่สยามโอ้ยยยย บ้านเมืองเราเป็นอะไรนี่ แล้วจะกลับได้มั้ยนี่ แต่ก็แอบคิดว่าคิดถูกแล้วละที่ไม่ได้อยู่กรุงเทพ เพราะไม่อย่างนั้นคงอยู่แต่บ้านไม่ต้องไปไหน หรือออกต่างจังหวัดนั่นแหละ แล้วก็หลับแบบสนิทตลอดคืนทีเดียวเชียว....

จบวันแรกแค่นี้ก่อนนะไว้มีเวลาจะมาต่อให้อ่านกันใหม่^^


[i]รูปปั้นครอบครับ และนกฟินิกส์[/i]


[i]รูปปั้นครอบครับชัดๆ อีกรูป[/i]



Create Date : 11 พฤษภาคม 2552
Last Update : 11 พฤษภาคม 2552 21:37:34 น.
Counter : 441 Pageviews.

0 comment
ชั้นก็จะไปเกาหลี..

สงกรานต์ที่ผ่านมีโอกาสไปเยี่ยมประเทศที่กําลังเป็นกระแสเหลือเกินในบ้านเรา อย่างเกาหลี ต้องเกริ่นก่อนว่าพอรู้ว่าทริปนี้ไปกับครอบครัว พ่อแม่ลูกสุขสันต์ ซื้อทัวไป เป็นทริปที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรไปเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษา หรือสถานที่เที่ยว แต่ที่เตรียมตัวไว้อย่างหนึ่ง คือหาหนังเรื่อง Winter Love song มาดูนี่แหละ เพราะเห็นว่าจะไปเกาะนามิ ที่เป็นที่ถ่ายหนังเรื่องนี้ด้วยสิ ก็เลยเอาสักหน่อย เดี๋ยวไปแล้วจะ งง อย่างน้อยดูหนังไปน่าจะซึมซับบรรยากาศได้ อิอิ สรุป คือเตรียมตัวดูหนังเกาหลี ก่อนไปเกาหลี ตลกดีจริงๆ


โปรแกรมทัวว์นอกจากไปเกาะนามิ แล้วยังมีไปสถานีโทรทัสน์ที่เราเองก็ งง ว่าไปดูอะไรหว่า บอกว่าอาจจะเจอดารา แต่ไม่รู้จักดาราเกาหลีนี่นา รู้จักแค่ยูอึนเฮ กับพระเอกคู่ยูอึนเฮ และแดจังกึม อ่อ แบยองจุนกับนางเอก Winter  นั่นแหละ แต่ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาละกัน นอกจานี้ที่ดูจะชอบมากกับโปรแกรมนี้ ก็คือ ไปสวนสนุก Everland กับโชว์ Nanta นี่แหละที่แม้จะชอบ แต่สารภาพว่าไม่รู้อะไรเลยว่าเป็นอย่างไร ไปแบบเบลอๆ ฮ่า



พอถึงวันที่จะไป ก็เตรียมตัวน้อยมาก คือดูบอลจนวินาทีสุดท้าย ฮ่า ขนาดอยู่สนามบิน ยังฟังวิทยุแมนยูแข่งอยู่เลย ลุ้นไป ลุ้นมา เสียวไปมา เอาเป็นว่าไปแบบ งงๆ นั่นแหละ จนมาขึ้นเครื่องก็นึกขึ้นได้ว่าได้ข่าวว่าการบินไทยมีเครื่องบินแบบใหม่แล้วนี่นา เคยแอบคิดว่าเออ ถ้าได้นั่งแบบใหม่ก็ดี แต่พอขึ้นมาแล้วก็อืม นี่มันเครื่องเดิม อดไป.... พอขึ้นมาไกด์ก็เอาเอกสารมาให้เซ็นว่าถ้าเกิดมีปัญหาที่ตม.ของเกาหลีทางทัวว์จะไม่รับผิดชอบ น่าน ยังไม่ทันเข้าเมืองเลย มาให้เสียวอีกละ ถามเค้าว่าต้องเซ็นทุกประเทศหรอ? เค้าบอกว่าแค่เกาหลีที่เดียว เพราะไม่ต้องใช้ Passport เค้าก็เลยตรวจเข้ม เคยมีปัญหามาเหมือนกัน ง่า แล้วหน้าเราจะผ่านประเทศเกาหลีมั้ยเนี่ย ติดตามอ่านตอนต่อไปนะ พอดีต้องไปทําธุระก่อน






Free TextEditor



Create Date : 23 เมษายน 2552
Last Update : 23 เมษายน 2552 20:17:40 น.
Counter : 291 Pageviews.

2 comment

พุงกามามะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



Healthy Wealthy Yummy