Group Blog
 
All blogs
 
ไม่เข้าใจ อยากรู้ เป็นทุกข์ เกลียดทุกข์ ไม่เข้าใจ อยากรู้



จากคำถามที่มีคนมาทิ้งไว้
ผมเห็นประเด็นในการมาขึ้นบล็อคใหม่ ว่าน่าจะเป็นประโยชน์

คำถามทั้งสองอันมีดังนี้ครับ

เราจะรู้จักตัวเองเมื่อไหร่ ????
ทำไมยังไม่เข้าใจตัวเองสักที
งง งงมากๆๆๆๆๆ
อยากรู้ๆ

มันเศร้านะ ถ้าหากว่ารู้ว่าตัวเองไม่มีจุดหมาย

โดย: meyu


==============================

เสียใจ รู้ว่าเสียใจ..
แล้วจะต้องทำอย่างไรต่อไป........
เพราะไม่ว่าทำอะไร..ก้อไม่หายเสียใจ..แม้แต่วินาทีเดียว

โดย: เสียใจ


สองคำถามนี้ มีอะไรคล้ายกันอย่างนึงครับ
คือมันสะท้อนความจริงที่เป็นความพลาดของมนุษย์ทั่วๆไป

ตรงที่.. เรามักจะแก้ปัญหาด้วยความอยาก มากกว่าสติ

แม้แต่ในเวลาที่มีคนบอกว่า.. ให้มีสติ
ก็ยังพยายามทำให้มีสติ ทำความรู้สึกตัว ด้วยความอยาก

อยากรู้..
อยากหายเสียใจ..

ที่อยากรู้.. เพราะไม่ชอบความไม่รู้
ที่อยากหายเสียใจ .. เพราะเกลียดความทุกข์

ที่ไม่ชอบความไม่รู้.. ก็เพราะอยากรู้นั่นแหละ
เพราะเกลียดความทุกข์.. ถึงอยากหายเสียใจ นั่นแหละ

เห็นวงจรอะไรบางอย่างไหมครับ
ทุกข์ กับเหตุแห่งทุกข์ มันเกื้อหนุนกันเป็นวงจร

เหมือนการเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้นของภพชาติ
ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า จับต้นไม่ใด้ หาปลายไม่เจอ
ก็เพราะมันเป็นแบบนี้แหละ

ตอบคุณ meyu ก่อน

ลองเปลี่ยนจากการ "อยาก" เข้าใจอะไร ที่ยังมาไม่ถึง
เป็นการอยู่กับปัจจุบันไปก่อนดีกว่าไหมครับ

บางทีชีวิตที่เป็นสุข มันไม่ใช่เรื่องของการต้องได้คำตอบในทุกเรื่องหรอกนะครับ

แต่บางที ความสุขมันเกิดขึ้น เพราะเราอยู่กับปัจจุบัน
อยู่กับสิ่งที่เป็น สิ่งที่ได้ สิ่งที่มี เท่าที่รู้ได้ แล้วเราพอใจกับมัน

ไม่ใช่เพราะเรารู้หมด ทุกเรื่อง ทุกคำตอบ

สิ่งที่ควรถาม ไม่ใช่จุดหมายจะเป็นไง
แต่ เราเดินบนทางที่ถูกแล้วหรือยัง ดีหรือยัง

เราแค่ต้องเลือกให้ถูกว่า จะเดินบนถนนสายไหน
ซึ่งเริ่มต้น ไม่มีใครรู้หรอก ว่าเลือกถูกหรือผิด

ก็ต้องตั้งต้นเดินไปก่อน อาศัยความรู้ที่มีคนบอกไว้บ้าง
จากคนที่เขาเดินไปก่อนแล้วบ้าง

ครั้งนึง ผมเคยเดินขึ้นดอยสุเทพ จากบันไดขั้นที่หนึ่ง ถึงขั้นสุดท้าย

ระหว่างที่เดิน ผมคิดอย่างนึงว่า .. ชีวิตคนเราก็แบบนี้แหละ
เดินขั้นที่สิบกว่า ก็ไปอยากรู้ว่า ถ้าถึงบนนู้น ขั้นที่สองร้อยกว่า จะเป็นไง

ทั้งๆที่ ก็ถ้ายังเดินอยู่ ไม่ล้ม ไม่ขาดใจไปก่อน
ยังไงก็ต้องถึง

แค่ขอให้แน่ใจว่า เดินขึ้นถูกบันได ถูกวัด ถูกดอย
ที่เหลือ ไม่ต้องคิดมาก เดินไปเถอะครับ

แต่ไม่ใช่เดินไปจนสุดทาง ค่อยรู้ว่า อันนั้นเป็นดอยตุงซะงั้น

เอาเป็นว่า.. ไม่เข้าใจตัวเอง ก็ให้เริ่มต้นเข้าใจจากตรงนั้น
เข้าใจว่า เราเป็นคนยังไง ว่าเราอยากเข้าใจตัวเองซะเหลือเกิน

แล้วก็ยอมรับว่าเราเป็นแบบนั้น จนมันทุกข์
ฉะนั้น แทนที่จะมัวแต่ "อยาก" ให้ทุกข์ฟรีๆ เพราะมันยังไม่มีคำตอบ

ก็เปลี่ยนมายอมรับว่า เรายังไม่รู้ เรายังไม่เข้าใจ
แต่ละความอยากไปก่อน อยู่กับปัจจุบัน เท่าที่เห็น เท่าที่เป็น

ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด แล้วอนาคตมันจะดีเองครับ

ส่วนคุณเสียใจ ก็คล้ายกัน
อยู่กับปัจจุบันให้มากๆ แต่อย่าไหลตามอารมณ์

คุณรู้ว่าตัวเองเสียใจ แต่คุณไม่รู้ว่า คุณกำลัง"อยาก"เลิกเสียใจด้วย

อันนี้ถือว่า สติยังไม่เกิด
สติยังไม่เกิด ทุกข์ก็ยังอยู่
ถ้ายังทุกข์ คุณก็จะดิ้น เพราะจิตคุณเกลียดทุกข์

ยิ่งทุกข์ ก็ยิ่งดิ้น ยิ่งดิ้น ก็ยิ่งทุกข์
แล้วก็ดิ้นรอบใหม่ แล้วก็ทุกข์รอบใหม่

อยากหายเสียใจ ต้องเลิกอยากก่อน

อยู่กับความเสียใจ เหมือนมันเป็นจิ้งจกในบ้านเราตัวนึง
ไล่ก็ไม่ไป ไปให้ความสำคัญกับมันมาก มันก็เหนื่อย

อดหลับอดนอนเสียเปล่าๆ

ผมเขียนอยู่ตอนนี้เอง ผมก็มีทุกข์อยู่นะครับ
ทุกข์มันเป็นของคู่มนุษย์ ..

เราเสียใจได้ เราก็หายเสียใจได้ ดีใจได้
โดยไม่ต้องพยายามทำอะไรมากมาย
แค่อย่าทำอะไรให้มากขึ้น หนักขึ้นกว่าเดิม

มีสติอยู่กับปัจจุบันไว้นะครับ





Create Date : 17 มิถุนายน 2550
Last Update : 19 มิถุนายน 2550 20:43:55 น. 24 comments
Counter : 1140 Pageviews.

 
แวะมาอ่านค่ะ
ให้ไม่เผลอ"อยาก" นี่ยากจัง โดยเฉพาะสำหรับความอยากที่จะไม่ทุกข์


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:0:45:25 น.  

 
emo


เดี๊ยวพรุ่งนี้อิ๊วจะเข้ามาอ่านนะคะ
ความจริงอ่านจบแล้ว

แต่ ไม่สบายใจ ก็รู้ว่า ไม่สบายใจค่ะ

ก็เลยคิดว่า พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาอ่านอีกรอบ
ดีกว่า

นอนหลับฝันดีนะคะพี่เอ๊ด


โดย: Kimi o ai X eru วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:2:07:26 น.  

 
อ่านแล้วก็คงจะมีบางส่วนเหมือนกับคนที่ทิ้งคำถามเอาไว้อ่ะคะ ...

เมื่อก่อนเป็นพวกวิตกจริตกับทุกอย่างจนแบบว่าจากเป็นคนไม่เครียด
กลายเป็นคนเครียดโดยฉับพลัน .. แต่เมื่อเข้ามาอ่านบล็อก ที่เค้าแนะนำ
เป็นเรื่องข้อคิดอะไรบ้างแล้ว ก็ทำให้ปลงได้ในระดับหนึ่ง เรียกว่าปล่อยวาง
มีความสุขกับความเป็นเราในแต่ละวันดีกว่า จะเครียดเพราะมันไม่ได้ผล
ดีอะไรเลย ...

อย่างน้อยๆ มีชีวิตและสุขเล็กๆ ไปวันๆ ก็ยังดีกว่าความเศร้ามาเคลือบแคลง
เราไปวันๆ นะคะ


โดย: JewNid วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:9:15:06 น.  

 
เราต้องกำจัด "ความอยาก" ออกไปให้ได้

emo

แวะมาทักทายคะ ในวันสบายๆ วันอาทิตย์ emo


โดย: tete' my little star วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:9:24:20 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณแอสตัน

ถ้ามีใครมาถามคำถามแบบนี้กับผม แห่ะๆผมให้คำตอบเค้าไม่ได้แน่นอน เพราะมันกว้างซะเหลือเกิน แถมเราเองเราก็ยังไม่มั่นใจว่าเรารู้จักตัวเองหรือเปล่าด้วยซ้ำ แต่ขอมั่วๆบอกเล่าอะไรให้ฟังสองอย่างนะครับว่าอ่านบลอคเรื่องที่ว่ามีคนถามปัญหาทุกข์ใจหลายครั้งผ่านมา ผมสนใจเรื่องภาษาและการสื่อสาร บางทีคนเราก็เล่าความทุกข์ตัวเองไม่ตรงจุดนะครับผมว่า อีกอย่างคือบางทีเผลอใช้คำที่ติดปากแต่ไม่ตรงความหมาย เช่นนะครับ บางที่เห็นคนรักจู๋จี๋กัน ก็บอกว่า "อิจฉาจังวุ้ย" ใช้คำว่าอิจฉา แต่หมายถึง คู่นี้น่ารักดีชอบๆ อะไรแบบนี้ ยกตัวอย่างซะคนละเรื่องเลยผม บางทีบอกว่า งง ไม่เข้าใจ แต่ความจริงคือไม่งง เข้าใจดี แต่ยอมรับไม่ได้ อะไรประมาณนี้ครับที่ผมมักรู้สึกอยากคิดตามสงสัยเสมอ

อีกเรื่องที่เข้ามาในหัวตอนอ่านบลอคนี้นะครับ คือนึกถึงโฆษณาตลาดหลักทรัพย์ mai ของบ้านเรา ที่มีผู้ชายสองคนอยู่ที่สนามไดรฟ์กอล์ฟแล้วพูดว่า “ลูกโป่งใบเล็ก กับลูกโป่งใบใหญ่ ถ้าใช้แรงเป่าเท่ากันลูกไหนจะโตกว่า” คนเราบางคนก็มีแรงเป่าความทุกข์ให้ปลิวไปเยอะ บางคนก็แรงน้อย แถมบางช่วงของคนๆนึงยังแรงเยอะแรงน้อยต่างกัน บางช่วงก็แข็งแรง บางช่วงก็อ่อนล้า ต้องเลือกลูกโป่งให้พอดีแรงเป่าเสมอๆถึงจะดี

แห่ะๆ บอกเล่าตามประสาคนไม่ค่อยได้อ่านหนังสือธรรมะครับ เลยมั่วๆออกจะออกนอกประเด็นของบลอค แต่นาทีนี้ผมก็มีความสุขดี ตามวิธีมวยวัดของผมอ่ะครับ

สุขสันต์วันอาทิตย์นะครับ


โดย: อะไรคือสิ่งหายาก แต่ไม่มีค่า วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:10:06:23 น.  

 
ยิ้มรับวันอาทิตย์ค่ะ

ขอให้มีความสุขเท่าที่มีสุขได้


โดย: พี่แหม๋ว...ฟ้าสั่ง:) (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:10:54:49 น.  

 
รู้สึกว่าคำถามที่หนูอยากจะตั้งมาถามพี่ ได้รับการตอบแล้วยังไงไม่รู้ค่ะ เพิ่งรู้ว่าในโลกนี้มีคนที่สงสัยเหมือนเราอยู๋เหมือนกันด้วย

อ่านแล้วมีสติขึ้นเยอะ ขอบคุณนะคะ


โดย: a r i t s u m e m o o n วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:14:36:03 น.  

 
สวัสดีตอนเย็นค่ะ


ชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้

มีสุข มีทุกข์ มีเศร้าใจ มีดีใจ
มีรัก มีโกรธ มีโมโห


ทำชีวิตเราให้มีความสุขจะดีกว่า
สุขเล็กๆ แต่สุขไปนานๆ
แค่นี้ก็ดีมากมายแล้ว




โดย: Kimi o ai X eru วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:17:30:38 น.  

 
สุข คือ ทุกข์น้อย
ทุกข์ คือ ไม่สุข

เคยได้ยินแบบนั้นน่ะค่ะ


โดย: โสดในซอย วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:19:58:13 น.  

 


*** หวัดดีจ้า แวะมาเยี่ยม มีความสุขมากๆ และมีสุขภาพที่ดีตลอดไปนะคะ***




โดย: หน่อยอิง วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:20:42:18 น.  

 
สวัสดี และขอบคุณทุกท่านครับ

ขออภัย ที่อาจจะไม่ได้ทักทายทีละท่าน

แต่ผมอ่านทุกข้อความด้วยความขอบคุณและยินดีนะครับ



โดย: aston27 วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:1:54:22 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่เอ๊ด


emo


มานั่งพัก แป๊ปนึงน๊า



โดย: Kimi o ai X eru วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:10:38:19 น.  

 
สวัสดีวันจันทร์ค่ะพี่เอ๊ด


แวะมาบอกเฉยๆว่า เวลาเข้ามาอ่านบล็อคนี้ทีไร
จากที่ทุกข์ ก็คลายทุกข์
จากที่สุข ก็ดูเหมือนจะสุขกว่าเดิม :)


จอยเอง.. เวลาทุกข์ ส่วนใหญ่จะทำใจหยุด นิ่งเข้าไว้
รู้ตัวว่า อีกเดี๋ยววินาทีแห่งความทุกข์ หรือเรื่องที่ทำให้ทุกข์มันก็จะผ่านไป

คิดให้น้อย จะได้ทุกข์น้อยๆค่ะ




โดย: ยิ้มหวานฯ (joyaccy ) วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:13:25:06 น.  

 
สาธุค่ะพี่


โดย: นักรักโลกมายา วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:13:28:24 น.  

 
ผมโชคดีจัง ที่แวะเข้ามาอ่านขณะที่กำลังมีความทุกข์อยู่พอดี

ตอนนี้มีความทุกข์
ทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์
เพราะจิตเกิดความอยาก
พยายามสะกดความอยากแล้ว....ทำไม่ได้
เลยเกิดความทุกข์

เหมือนคนที่ชอบกินขาหมู
หมอสั่งห้าม กินแล้วอาจตายได้
ตัวก็รู้ว่ามันไม่ดี....แต่ก็อยากกิน
เลยทุกข์เพราะอยากกิน

ผมวนไปวนมาแบบนี้มาหลายวันแล้วครับพี่
ไม่รู้ทำไง จะสะกดความอยากได้


โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:19:04:00 น.  

 
คิมิเจ้าขา.. นั่งเล่นนานๆก็ได้นะ
emo

จอย.. ดีแล้วๆจ้า

โทนี่คูน : วิปัสสนาไม่สะกด ไม่กำหนด ไม่บังคับนะ

คูณ อุตส่าห์รู้ว่า มีทุกข์ เพราะความอยาก
แต่คูณไปพลาดตรงที่ ลืมไปว่า
เราไม่สามารถละความอยาก ด้วยความอยากได้

ถ้าทุกข์ คือไฟ
ความอยาก ซึ่งเป็นเหตุแห่งทุกข์ ก็คงเหมือนน้ำมัน

ถ้าความอยากเป็นเหตุแห่งทุกข์
ความอยากสะกดทุกข์ให้หมดไป
ก็ไม่อาจทำให้ทุกข์หมดไปได้

เหมือนน้ำมันเบนซิน จะดับไฟที่ลุกเพราะน้ำมันดีเซล
เห็นจะไม่ได้หรอกนะ

ลองตั้งใจใหม่ว่า .. เราจะมองทุกข์ เป็นของนอกกาย
มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ใช่ของๆเรา
เหมือนหมาเน่าลอยผ่านท่าน้ำที่เรานั่งอยู่

เหม็นก็เหม็นครู่เดียว ไม่ต้องโดดลงน้ำไปพยายามล้างหมาเน่าให้หายเหม็น

ไม่ต้องพยายามเอาไม้ไปเขี่ย
เพราะเวลาเราเขี่ย เรามักจะเอาไม้ที่เขี่ย มาดมด้วย
แล้วก็บ่นว่า เหม็นจังเว้ย เหม็นจังเว้ย

ลองปรับใจใหม่ ว่าจะไม่วิ่งหนีทุกข์
รู้ทุกข์ ด้วยความมีสติ ด้วยจิตที่เป็นกลาง

ทุกข์ ก็รู้ว่าทุกข์
บอกกับตัวเองว่า .. ทุกข์ .. แล้วไงล่ะ

ลองดูสิคูณ .. แล้วจะเห็นว่า ยิ่งอยากยิ่งทุกข์
ถ้าไม่อยากหาย แค่มีสติ แต่ไม่สนใจให้ค่ามัน

มันดับ มันจางไปได้ ต่อหน้าต่อตาเลยนะ


โดย: aston27 วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:22:50:38 น.  

 
พี่เอ็ด เพลงที่เปิดมาก็ได้ฟังเลยนี่เพลงอะไรอ่ะคะ?
น่ารักมาก ชอบ แต่ไม่เห็นมีบอกไว้เลย


โดย: (my name is) luka วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:3:13:15 น.  

 
ช่วงนี้มีแต่คนแบกทุกข์กันเยอะ รู้ว่าแบกแล้วทุกข์ แต่ก็ยังไม่วางลง หรือเพราะความอยากวาง มันเลยเป็นทุกข์กันหนอ emo


โดย: Together In 80s Dream วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:12:47:26 น.  

 

~...สุขสันต์วันบ๊ะจ่างค่ะ...(@^^@)~




โดย: Q.NUH วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:13:52:48 น.  

 
: อรุ... เพลงเหรอ ชื่อ manah manah ของศิลปิน อิตาลี ชื่อ Piero Umiliano

ชื่อไม่แน่ใจว่าสะกดถูกไหม กล่องซีดีมันอยู่บ้าน
ปิแอโร อุมมิลีอาโน

เพลงน่ารักเนอะ เก่าละ สมัย 70's


: คุณอยู่ด้วยกันในฝันยุคแปดสิบ

ถ้าจะสาวกันไปจริงๆ พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ว่า
ต้นทางของทุกข์.. มันอยู่ที่ความเห็นผิด ว่ามี "เรา"

ในบล็อคเก่าๆ พี่เคยเล่าไว้ว่า .. ท่านเฉลยข้อสอบไว้ให้แล้ว
ว่าที่เรายังเวียนว่ายในกองทุกข์เนี่ย
เพราะเรายังเห็นผิดอยู่ว่า มีสิ่งที่เรียกว่า "เรา" อยู่

ท่านพุทธทาส ท่านเรียกว่า "ตัวกู"

เพราะมี "ตัวกู" ก็เลยมี "ของกู"
สุขของกู ทุกข์ของกู

แล้วใครทุกข์ .. ก็ "กู" ไง

วิปัสสนานี่ ทำๆกันไป สุดสายปลายทาง
ก็เพื่อการนี้แหละ ..

เพื่อให้มีปัญญาสะสม จนเห็นแจ้งได้ว่า
ตัวเรา ไม่มี.. มีแต่ความเห็นผิดว่า มีตัวเราอยู่

พอเห็นถูก เห็นแจ้ง ได้อย่างนั้น การละวางชนิดที่ไม่ต้องจงใจก็จะเกิดขึ้น

มันจะละวางเองโดยดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์เลยเชียวแหละ

ไม่ใช่ไปขวนขวายเพื่อจะละวาง
อันนั้นยังเป็นการ "คิดเอา" และ ยังมีการ "ลงมือทำ" อยู่

ถ้ายังพยายาม ยังจงใจ ยังทำอะไร
ที่มากกว่าการ "รู้" ซื่อๆ ธรรมดาๆ

อันนั้น ก็จะไม่เกิดการวางทุกข์ได้จริง

วางแป๊บๆ เดี๋ยวก็หยิบขึ้นมาใหม่
เพราะบอกแล้วว่า .. ถ้ายังมี "ตัวกู" ก็จะมี "ของกู" ตามมาอยู่นั่นแหละ

ฟังเหมือนง่าย แต่ทำยาก

แต่ที่มันยาก ก็เพราะยัง "ทำ" อยู่ นั่นแหละ

วันนี้พูดอะไรเข้าใจยากเนอะ คุณแอสตันเนี่ย

ก็อย่า พยายาม เข้าใจ ด้วยการคิดสิครับ

ยิ่งคิด ก็ยิ่งไม่รู้ นะ วิปัสสนาเนี่ย



แค่รู้ทันว่าคิดอยู่ .. ความคิดก็ดับแล้ว
ลองดูสิครับ


โดย: aston27 วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:21:00:13 น.  

 
ขอบคุณมากๆครับพี่เอ๊ด
คำแนะนำของพี่ เปรียบเสมือนแสงสว่างในอุโมงค์จริงๆ

ตอนแรกผมคิดว่า พอเรารู้ว่าทุกข์มาจากไหน เราก็น่าจะไปจัดการแหล่งกำเนิดทุกข์ได้ ด้วยการละความอยาก

แต่ความอยากมันมีอำนาจมากกว่าที่ผมคิดซะอีก ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดี มันผิด ยังเอาชนะความอยากไม่ได้

สุดท้ายมันเลยยิ่งทุกข์ เพราะความจริงแล้วมันกลับกลายเป็นความอยากละทุกข์

ผมนี่พลาดไปจริงๆ ตอนนี้เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากๆครับ


โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:23:43:15 น.  

 
ยินดีด้วยนะคูณ

ถ้าเข้าใจแล้ว พี่ก็ดีใจด้วย
ทำต่อไปเรื่อยๆนะ

แล้วอย่าลืมไปเรียนเพิ่มเติมจากครูบาอาจารย์
พี่ยังเป็นเหมือนน้ำในถังเล็กๆ

พอจุดประกายได้ ล้างมือ ล้างหน้าได้นิดหน่อย
แต่จะอาบน้ำล้างบ้านกันทั้งหลัง เห็นจะไม่พอ

ต้องไปอาศัยครูบาอาจารย์ที่เก่งๆ ความรู้เยอะๆ
อย่างพี่ดังตฤณ หรือหลวงพ่อปราโมทย์ ที่พี่เรียนกะท่านอยู่

พี่ดังตฤณ ไปหาอ่านงานท่านได้ ท่านมีเว็บอยู่
Search ชื่อ "ดังตฤณ" จาก yahoo google อะไรก็ได้

ส่วนหลวงพ่อปราโมทย์ ก็ตามลิงค์ที่เคยให้ไปแล้ว
ไปฟังเสียงท่านสอนได้เลย มีไฟล์เสียงให้โหลด

www.wimutti.net

ไม่มีเวลาไปกราบท่านก็ไม่เป็นไร มีลูกศิษย์เยอะแยะอาศัยเรียนทางซีดี ทางเว็บ

ฟังอยู่เป็นปี จนเข้าใจและตื่นขึ้นมา
แล้วมีโอกาสค่อยไปส่งการบ้าน รายงานการปฏิบัติให้ท่านทีนึง

พี่ก็เจอท่านเดือนละครั้งสองครั้ง เท่านั้นแหละ
ไม่มีเวลาไปเก็บตัวปฏิบัติ 3 วัน 7 วัน กะเข้าเท่าไหร่

ว่าแล้วก็ไปขึ้นบล็อคใหม่ดีกว่า


โดย: aston27 วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:8:17:24 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ aston27 วันนี้หนูมีปัญหาอยากจะมาถามพี่อ่ะค่ะ (ไม่ใช่ปัญหาส่วนตัวนะคะ อันนี้พอดีว่าโดนถามในห้องแล้วหนูตอบไม่ได้อ่ะค่ะ
แล้วเลยพาลสงสัยไปว่าถ้าเป็นพี่ aston พี่จะให้คำตอบว่ายังไงอ่าค่ะ )
คำถามมี 2 ข้อค่ะ

1. ชีวิตคืออะไร ?
(นิยามของหนูที่หนูให้อาจารย์ไป ก็คือ ชีวิตคือความไม่รู้ แต่รู้สึกเหมือนอาจารย์ทำหน้าแปลกๆแฮะ - -" สงสัยตอบผิด)
จะว่าไปคำถามข้อนี้เจอบ่อยมากเลยอ่ะค่ะ เวลาเรียนในวิชาปรัชญา (ทั้งตะวันตกตะวันออก .. ทำไมคนเราสงสัยในอะไรคล้ายๆกันจัง หาคำตอบไม่ได้แต่ก็อยากรู้คำตอบ งง)
อาจารย์ให้เพื่อนๆแสดงความคิดเห็นอ่ะค่ะ แต่ละคนก็มีความเห็นแตกต่างกันไป หนูเลยอยากทราบว่ามุมมองของพี่ ชีวิตคืออะไรคะ ?

2.เราจะเอาอะไรมาตัดสินว่าสิ่งนั้นคือความดีงาม
/ อะไรเป็นเกณฑ์ของจริยธรรม"

ประมาณนี้อ่ะค่ะ จำคำถามไม่ได้แล้ว ข้อนี้เป็นข้อที่นั่งอึ้ง ตอบไม่ได้อ่ะค่ะ - -" จะบอกว่าความรู้สึกผิดก็...แปลกๆ (รึเปล่า) มีเพื่อนคนนึงบอกว่าเป็น "สิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกัน / ยอมรับกันว่าดี" ...แต่หนูว่าไม่น่าจะใช่ (ใช่รึเปล่าอ่ะคะ ?) เพราะบางทีเราก็อาจเห็นอะไรผิดๆเหมือนๆกันได้

อ้อ อันนี้นอกรอบค่ะ เพิ่งนึกขึ้นได้ ^^" ทำยังไงให้หายคิดมากอ่ะคะ เหมือนเป็นคนที่ซึมเศร้าอยู่ลึกๆแต่แสดงออกมาให้คนอื่นเห็นว่าไม่ได้คิดมากอ่ะค่ะ ทำยังไงถึงจะไม่คิดมากได้จริงๆอ่ะคะ (ขอโทษนะคะ คำถามฟังดูงี่เง่าจังเลย T-T)

ขอบคุณมากนะคะ

ปล* เรียนในห้องแล้วเก็บมานั่งคิด งง แต่มีอันนี้อ่ะค่ะที่สงสัย อยากได้คำตอบจริงๆ (ทำไมวิชาอะไรที่ยากๆ ไม่เคยสงสัยแบบนี้บ้างเนี่ย เหอๆ)

ปล2* ถ้าชีวิตเป็นคำที่มีนิยามของแต่ละคนเฉพาะตัวแล้ว ... ทำอย่างไรเราถึงจะค้นหานิยามของตัวเองเจอได้อ่ะค่ะ


ปล3* พี่ aston คะ หนูดูเหมือนพวกบ้าๆไปหน่อย อย่าถือเลยนะคะ แบบว่ากำลังงงๆ


โดย: a r i t s u m e m o o n วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:55:15 น.  

 
อริทสุมีมูน พี่ขอขึ้นบล็อคใหม่เลยละกันนะ
เพื่อสะดวกต่อการอ่าน และค้นหาในอนาคต


โดย: aston27 วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:15:39 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.