Group Blog
 
All blogs
 
คำถาม: สิ่งที่ใช่สำหรับชีวิต



ผมยกคำถามของคุณ llm มาไว้เป็นบล็อคใหม่ เพราะเห็นว่าน่าสนใจดี

มีคำถามมาสอบถามคุณเอ๊ดครับ

หลายเดือนที่ผ่านมา กำลังสงสัยกับชีวิตมาก ๆ ว่าสิ่งที่ทำอยู่ สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นสิ่งที่ใช่รึเปล่า ควรที่จะกำหนดเส้นทางของชีวิตยังไงดี อะไรเป็นสิ่งที่ใช่สำหรับชีวิต

ผมคิดว่าคุณเอ๊ดน่าจะเคยรู้สึกแบบนี้บ้าง เลยอยากจะขอคำแนะนำว่าควรจะทำยังไงดีครับ

ปล. 1 คิดถึงบรรยากาศ เดอะ รีวายเดอร์ จริง ๆ
ปล. 2 พึ่ง อายุผ่าน 25 มา รึว่านี่เป็นวิกฤตของการผ่านเข้าสู่อายุ 30 ครับ

โดย: llm IP: 203.149.46.168 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:11:57 น.



ผมว่าไอ้อาการแบบคุณ คนส่วนมากเขาก็เป็นกันทั้งนั้นแหละ

ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำอยู่ถูกต้อง เหมาะสมกับเรา ดีที่สุดหรือยัง
ไม่งั้นคงไม่มีคนนึกอยากไปหาหมอดูกันเยอะแยะ

คุณถามผมว่า อะไรคือสิ่งที่ใช่สำหรับชีวิต
ผมน่ะมีคำตอบของผม

แต่คำตอบของคุณมันต้องย้อนกลับไปถามว่า
อะไรคือสิ่งที่คุณเรียกว่า "ใช่" นั่นแหละ

เพราะสิ่งที่ "ใช่" ของแต่ละคนมันอาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนกัน
สิ่งที่ใช่สำหรับแต่ละคนในแต่ละช่วงชีวิต มันก็อาจจะเปลี่ยนไปด้วย

ตอนผมเรียนมัธยม ผมอยากเป็นดีเจ ผมก็คิดว่าดีเจคือสิ่งที่ใช่
ตอนเรียนมหาวิทยาลัย สิ่งที่ใช่คือการเป็นนักดนตรี หรือครีเอทีพ
พอเรียนจบมา สิ่งที่ใช่ คือการเป็นนักการตลาด

ผมว่าคำถามที่ควรถาม ไม่ใช่ "อะไร" คือสิ่งที่ใช่
แต่ที่ควรสนใจคือ.. เราทำสิ่งที่ทำอยู่อย่างดีที่สุดหรือยัง

งานทางโลกสำหรับผมชั่วโมงนี้ เป็นแค่เครื่องยังชีพ
ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นอะไร ถ้าเป็นงานสุจริต ไม่ผิดศีลผิดธรรม
ทำแล้วสบายใจ ไม่เกินความรู้ ความสามารถจะเรียนรู้ ผมก็ทำได้

สิ่งที่ใช่สำหรับผมตอนนี้คือการเรียนรู้จักตัวเอง
หรือที่เรียกภาษาแขกว่าวิปัสสนานั่นแหละครับ

เพราะสิ่งที่ใช่ทางโลก มันไม่เคยเติมเต็มใจเราได้จริงๆ
มันให้ความสุขชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็ดึงเราไปเข้าวงจรของการดิ้นรนใหม่

แต่ธรรมะนี่เรียนแล้ว มันอิ่มใจมากขึ้นเรื่อยๆ

พูดแบบนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมไม่ไปบวชซะเลย
ตอบว่า มันยังไม่จำเป็น

ประเด็นหนึ่ง ผมยังมีภาระทางโลก มีบางชีวิตที่ผมต้องดูแล
สองคือ ผมเชื่อว่าปุถุชนก็เป็นโสดาบัน สกิทาคามีได้
ถึงขั้นนั้นแล้วค่อยบวชก็ยังไม่สาย

สามคือ ผมยังมีกิเลสบางอย่างที่ต้องสู้กับมัน
อย่างเรื่องเห็นสาวขาวหมวย อย่างแพนเค้กแล้วจิตยังยินดี แฮปปี้
อันนี้ไม่ควรเข้าไปทำให้ตัวเองเสี่ยงต่อการอาบัติ

ว่าแต่.. สำหรับคุณ ผมตอบแทนไม่ได้นะ
ว่าสิ่งที่ใช่คืออะไร

ปล. 1 คิดถึงเหมือนกันครับ
ปล. 2 รู้ว่าหมั่นไส้ครับ เพิ่งอายุย่าง 26 จะมาพูดอะไรเรื่องผ่านเข้า 30 ล่ะพ่อคุณ





Create Date : 01 มีนาคม 2551
Last Update : 1 มีนาคม 2551 11:37:47 น. 17 comments
Counter : 694 Pageviews.

 
ใช่ ณ ตอนไหน
ใช่ เมื่อวัดจากอะไร


โดย: p_tham วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:15:48:13 น.  

 
การที่เราได้รู้จักคนคนนึงและเริ่มต้นมิตรภาพที่สวยงาม จนเราเองไม่ทันรู้ตัวว่า
ความรู้สึกที่ว่ารักมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่
แต่เค้าเป็นคนที่เรารักไม่ได้
เพราะเค้ามีแฟนแล้วและรักแฟนมาก
แต่...เมื่อเวลาผ่านไป
เค้าเองก้อเกิดความรู้สึกพิเศษ
และไม่อยากเสียเราไป..ให้คนอื่น
เราทำผิดต่อผู้หญิงที่คนนึง
ที่เค้าไม่เคยรู้เลยว่า คนสองคนที่เค้ารู้จัก
ทำบางอย่างที่น่าละอายต่อเขา
จนวันนึง ตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อให้ทุกอย่างจบลง
และเค้าต้องเลือก
ไม่บอกก้อพอจะรู้ใช่ไหมคะ ว่าเค้าไม่เลือกเรา
เจ็บปวดที่สุดที่สุดท้ายที่เคยบอกว่าจริงใจกับเราเค้าแค่โกหกเพื่อซื้อเวลาเพราะไม่พร้อมที่เสียใครไป พอเราทำบางอย่างให้เรื่องมันถึงจุดที่ต้องตัดสิน เค้าโทษว่าเราทำร้ายผู้หญิงอีกคนที่ไม่เคยทำผิดอะไร
แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าในมุมของเราที่รักและทุ่มเทให้ก้อเจ็บปวด เราเองไม่รู้ว่าใครจะเจ็บกว่ากันและมันคงไม่มีอะไรมาวัดหรือตัดสินได้
มันผิดเราเองก้อรู้ว่าผิด ถึงเวลาที่ต้องเจ็บเราก้อก้มหน้ารับไป และลึกๆเราเองก้อเฝ้ารอ
นี่ก้อ 4 เดือนแล้ว ตัดสินใจโทรไป
สิ่งที่ได้รับคือ "อย่าโทรมาอีกได้ไหม"
บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง ใจมันชา มือเย็น
นี่เราน่ารังเกียจขนาดนี้เลยเหรอ
ความสัมพันธ์มาถึงทางแยกที่เราต้องยอมรับว่า
ถ้าความเป็นห่วงและการให้ของเรา คนรับไม่อยากได้ ให้ไปเค้าอึดอัด เราไม่ควรทำใช่ไหม
เค้าพยายามถามว่า จะโทรมาอีกไหม
เราตอบไปว่า ไม่รู้ เค้าวางสายและปิดเครื่องเลย.. หาเรื่องให้ตัวเองเสียใจและไร้ค่า
แต่ทำไมใจยังรอและหวังให้เค้ากลับมา
ตอบตัวเองไม่ได้เลย รักครั้งแรกที่ผิดตั้งแต่เริ่มต้น รักครั้งแรกที่ไม่สมหวังแถมยังทำร้ายคนอื่น
มาถึงตอนนี้ พี่aston27 คิดว่าเราควรจะคิดและดำเนินชีวิตเรายังไง เพื่อนบอกว่าให้มีคนใหม่ไวไว จะหายทันที เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ ใจเราไม่นิ่ง ไม่พร้อมจะมีใครคนใหม่ ไม่อยากดึงใครเพื่อเข้ามาแทนที่ใคร มันไม่แฟร์กับคนคนนั้นเลย
มันสับสน ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่คะ
เราควรคิดและทำใจกับเรื่องแบบนี่ยังไงดี


โดย: ควรทำยังไง IP: 203.121.140.250 วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:13:25:16 น.  

 
คุณควรทำยังไงครับ

อย่างน้อยคุณก็คิดเป็น และคิดดีเสียด้วย
ว่า..
ถ้ามีคนใหม่ไวไว มันไม่ใช่ เพราะใจเราไม่นิ่ง ไม่พร้อมจะมีใครคนใหม่ ไม่อยากดึงใครเพื่อเข้ามาแทนที่ใคร มันไม่แฟร์กับคนคนนั้นเลย

แบบนี้เรียกว่าเริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

ที่ถามว่าควรจะคิดยังไง ดำเนินชีวิตยังไง
ตอบว่า คิดดีๆไว้ และอย่าสนใจเรื่องภายนอก

กลับมามีชีวิตแบบที่ควรมี ทำในสิ่งที่ควรทำ
อย่าเอาความสุขไปฝากไว้ในมือใคร
เราเป็นเจ้าชะตาของตัวเอง อย่าทำตัวให้น่าสงสาร

มีหน้าที่การงานก็ทำไป ปวดหัวใจก็ดูความรู้สึก
เหมือนดูดาราเขาปวด ในทีวี เราเป็นคนดู ไม่ใช่คนแสดงเอง

แล้วจะเห็นความไม่มีสาระ ของการอกหัก
คือมันชอบชวนเราฟูมฟายเป็นนางเอกมิวสิควีดีโอ
ทั้งๆที่ เรื่องเน่าๆในชีวิตมันก็เหมือน "ขี้" น่ะ
มันออกมาปุ๊บ ก็กดชักโครกทิ้งไปสิ
จะไปประคองถือมันขึ้นมาทำไมให้เหม็น
แล้วก็นั่งคร่ำครวญที่มันเหม็น

เรื่องแบบนี้อย่าไปเสียเวลาโทษใครเลยคุณน้อง
มันก็มนุษย์ธรรมดาๆ รักตัวเองกันทั้งนั้น

เขาก็ทำผิดที่มายุ่งกับคุณ
คุณก็ทำผิดที่ไปยุ่งกะเขา

ก็ถือว่าเจ๊ากันไป รู้ความจริงว่าเขามีเจ้าของแล้ว
ก็เรื่องแห้วๆถุงเดียว เคี้ยวแป๊บเดียวก็หมด

อย่าไปพิร่ำพิไรให้เหนื่อยเปล่าเลย
เขาพูดแบบนั้น ก็เพราะเขาอยากมีชีวิตของเขา
เขาก็พูดถูกของเขาแล้วนะ

จะต้องไปมือเย็นเท้าเย็นอะไรทำไมครับ
เราก็กลับมามีชีวิตของเราสิ

อวยชัยให้พรเขาไปเถอะนะ แล้วกลับมามีชีวิตของเราดีกว่า

มีสติสิครับ ไปอ่านบล้อคเก่าๆพี่นะ
แล้วคอยรู้สึกตัว

ช่วงนี้ให้ระวังความคิดฟุ้งซ่านมากๆ
พยายามรู้ทันบ่อยๆว่าจิตมันหนีไปคิด

รู้ตรงที่มันคิด ไม่สนใจเรื่องที่คิด
เพราะช่วงนี้ ไม่ต้องดูก็บอกได้ว่าคิดแต่เรื่องห่วยๆ
คิดแต่เรื่องจะพาใจเศร้าหมอง

รู้ให้ไวๆ เผลอคิดไปแล้วรู้ เผลอคิดไปแล้วรู้

สติ รู้ทันตัวคิดนี่ แก้ทุกข์ได้ชะงัดหลายครับ


โดย: aston27 วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:23:05:13 น.  

 
สิ่งที่เคยใช่ อาจกลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ในวันถัดมา

เราในวันนี้ ก็ไม่ใช่เราในวันพรุ่งนี้

เมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้ ก็เป็นเพียงเส้นพาดผ่านของกาลเวลา

สิ่งที่ใช่จริงๆ ก็คงเพียงแค่ขณะปัจจุบัน





โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 202.57.172.116 วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:23:20:10 น.  

 
ทำยังไงดีคะ


โดย: ติดไฮไฟว์ IP: 124.120.214.163 วันที่: 23 มีนาคม 2551 เวลา:23:12:35 น.  

 
ถามจริงๆ หรือถามเล่นๆครับ ^^"

ถ้าถามจริง ก็ต้องถามกลับว่า อยากเลิกจริงหรือเปล่า?


โดย: aston27 วันที่: 23 มีนาคม 2551 เวลา:23:43:20 น.  

 

ตอนนี้รู้สึกว่าเป็นทาสของไฮไฟว์น่ะค่ะเลยอยากเลิก แต่อีกใจนึงก็เล่นต่อ
เอาไว้ติดต่อกับเพื่อนเก่าๆ


โดย: ติดไฮไฟว์ IP: 124.120.211.237 วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:14:03:21 น.  

 
ถ้ายังจำเป็นต้องใช้ประโยชน์บางอย่างจากมัน
แต่ไม่อยากเป็นทาส ก็กำหนดเวลาในการเล่นสิครับ

วันนี้จะใช้งานมันไม่เกินสิบห้า ยี่สิบนาที
พอให้ได้ติดต่อกับเพื่อนเก่าๆสำเร็จ แล้วก็ปิดเลย

มันจะมีอะไรน่าเปิด น่าดู น่าอ่าน ก็ไม่เอา
ต้องมั่นคงกับความตั้งใจ สิบห้า หรือยี่สิบนาที ปิดเลย

แบบนั้น ถ้ายังรู้สึกว่ามากไป ก็ลดจำนวนวันที่เล่นลง

จากทุกวัน ก็เหลือสองวันเล่นเว้นหนึ่งวัน
แล้วก็วันเว้นวัน

เว้นจนเรารู้สึกว่า ชินกับการ เล่นก็ได้ ไม่เล่นก็ได้น่ะครับ

แล้วถ้าจะเจริญสติไปด้วย ก็คอยดูจิตใจตอนเล่นอยู่ ว่ามันเพลิดเพลินขนาดไหน

ตอนหมดเวลา จิตมันห่อเหี่ยว ขนาดไหน
ตอนไม่ได้เล่น ระหว่างวัน ยังไม่ถึงเวลาจะเล่น มันอยากมากไหม

อยากแล้ว เป็นสุข เป็นทุกข์อย่างไร รู้มันไป

ตอนใกล้ๆจะได้เวลาเล่น มันทุรนทุรายไหม รู้ไป

แบบนี้จะได้ประโยชน์หลายสถานทีเดียวครับ ^^


โดย: aston27 วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:21:17:09 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่เอ็ด
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
ช่วงนี้หนูฝึกงานอยู่ เลยไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่ พอมีเวลาว่างก็ฟุ้งซ่านมากขึ้น -*- ไม่ค่อยมีสติหนักกว่าเดิมอีก เหอๆ แต่ก็เข้ามาอ่านบล็อคพี่เอ็ดประจำค่ะ แต่ช่วงนี้บางทีก็อ่านรู้เรื่องบ้าง เข้าใจบ้าง ยอมรับบ้าง แล้วก็ไม่รู้เรื่อง, ไม่ยอมรับบ้างอ่ะค่ะ เฮ้อ...

ใจจริงอยากเล่าปัญหาให้พี่เอ็ดฟังเหมือนกันค่ะ เพื่อพี่เอ็ดจะให้คำแนะนำหนูได้ แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามีแต่เรื่องเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าตรงไหนดีค่ะ บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่คิดไปเองด้วย เลยไม่กล้าเล่าเท่าไหร่นัก เหอๆ

คำแนะนำที่ให้สวดมนต์ หนูก็ทำบ้างค่ะ
วันแรกที่ลองทำรู้สึกว่าสงบลงจริงๆ แต่วันหลังๆ ก็เริ่มไม่ทำแล้ว บางทีพอจะสวดมนต์ก็รู้สึกง่วง ง่วงมากๆ ประกอบกับงานที่ไปฝึกต้องตื่นเช้าด้วย (ต้องไปถึงที่ทำงานประมาณ 7 โมงกว่าๆ) เลยหาเหตุผลไม่สวดมนต์ให้กับตัวเอง ... สรุปคือฟุ้งซ่านเข้าไปใหญ่เลยค่ะ เหอๆ ยังไงหนูจะพยายามสวดมนต์ สังเกตลมหายใจเท่าที่จะทำได้ค่ะ เพราะหนูก็อยากหายเหมือนกัน ยังไงขอบคุณพี่เอ็ดมากเลยนะคะ สำหรับคำแนะนำอ่ะค่ะ

ส่วนวันนี้หนูอยากจะขอคำแนะนำพี่เอ็ดเรื่องการทำงานด้วยอ่ะค่ะ คือว่าหนูมีปัญหาในการคุยกับคนไข้ + ญาติคนไข้ ไม่สามารถ making contact กะเค้าได้ (คนไข้ที่หนูคุยด้วยเป็นคนไข้จิตเวชอ่ะค่ะ เค้ามีอาการหวาดระแวงด้วย แต่หนูไม่ทันสังเกต เลยทำให้คุยกับเค้าไม่ได้ มองตัวเองว่าไม่มีความสามารถ แย่มาก ฯลฯ แถมหนูก็คิดโทษเค้าไปเลยว่าไม่ให้ความร่วมมือ ทำให้หนูคุยไม่ได้ รู้สึกแย่ ๆ แบบเกลียดเค้าไปเลยค่ะ ... รู้ค่ะว่ามันเป็นความคิดที่ไม่ดีเลย แทนที่จะไปช่วยเค้าแท้ๆ แต่กลับรู้สึกกับเค้าอย่างนี้ หนูควรจะทำยังไงดีคะ ตอนนี้รู้สึกลำบากใจมากเพราะออกแนวเกลียดเค้าไปเลย - -" ... อีกอย่าง คนไข้คนนี้เป็นคนไข้ที่หนูต้องทำรายงานส่งอาจารย์ด้วยอ่ะค่ะ ต้องไปคุยและให้ความช่วยเหลือ เป็น case manager ประเมินเค้าด้าน psychosocial และให้ข้อมูลตรงนั้นแก่แพทย์อ่ะค่ะ แต่ความรู้สึกที่หนูมีแต่เค้ามันเป็นด้านลบเหลือเกิน หนูควรจะทำยังไงดีคะ ควรจะเปลี่ยนไปทำรายงานกับคนไข้รายอื่น หรือว่าจัดการกับความรู้สึกไม่ดีกับคนไข้และญาติตรงนี้ดีและทำรายงานกับคนไข้คนนี้ต่อ


โดย: a r i t s u m e m o o n วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:12:58 น.  

 
ปล* งานที่หนูไปฝึกเป็นนักสังคมสงเคราะห์จิตเวชอยู่ในโรงพยาบาลอ่ะค่ะพี่เอ็ด role ของงานที่นี่ก็ประมาณว่า คุยกับคนไข้ ประเมินทางจิตใจ สังคม ครอบครัว และนำข้อมูลตรงส่วนนี้ให้แก่แพทย์เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการรักษา + ให้ความช่วยเหลือแก่คนไข้น่ะค่ะ ส่วนการฝึกงานในครั้งนี้เป็น "วิชาฝึกงาน" ที่ต้องมีการลงทะเบียนเรียน เลยต้องส่งรายงานอาจารย์นะค่ะ ... มันก็มีส่วนทำให้หนูเครียดเรื่องอาจจะส่งงานไม่ทันด้วย เพราะเหลืออีก 2 อาทิตย์ก็ต้องสอบแล้ว เหอๆ - -

ปล2* อ่านแล้วจะงงๆหน่อยนะคะ ต้องขอโทษด้วย พอดีช่วงที่พิมพ์หนูทานยาไปด้วยเลยเบลอๆ + ความคิดไม่ค่อยเป็นระบบน่ะค่ะ ไม่มีสมาธิ ยังไงก้อขอบคุณพี่เอ็ดที่อ่านจนจบนะคะ


โดย: a r i t s u m e m o o n วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:16:53 น.  

 
เวลามีปัญหาเยอะๆ หนักๆ

ถ้าดูจิต ดูใจตัวเองอย่างเดียว แล้วไม่ไหว เอาไม่อยู่
แนะนำว่าให้หาเวลาพักให้จิตใจบ้าง

มันเหมือนรถ จะวิ่งอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องมีจอดพักเติมน้ำมันบ้าง

การหาช่วงเวลาสั้นๆ สักสามนาที เอาจิตไปพักไว้กับลมหายใจ เข้าออก ให้มันสงบ จะทำให้เรามีแรงขึ้น แล้วเจริญสติต่อได้ง่ายขึ้น

อีกอย่าง ถ้าระหว่างที่ต้องมีสมาธิกับการทำงาน เราจะดูจิตไม่ได้ถนัด เพราะมันจะสับสนง่าย ระหว่างการดู กับการคิด

แยกเวลาไปเลยว่า จะทำงานช่วงไหน แล้วจะเบรกมาอยู่กับลมหายใจช่วงไหน จะดูจิตช่วงไหน

ทำเป็นตารางไปเลยก็ได้

เรื่องเคสของคนไข้ พี่แนะนำว่า arit น่าจะลองเจริญเมตตา แผ่เมตตาให้เขา

ที่จริงงานของเราก็คือการช่วยเหลือเขา แต่คนเราจะช่วยใครด้วยความเต็มใจ ก็ต่อเมื่อเรามี "เมตตา" กรุณา ต่อเขา

เมตตา คืออยากให้เขาเป็นสุข
กรุณา คืออยากให้เขาพ้นทุกข์

arit ลอง วางใจใหม่ดีๆ มองเขาด้วยความเมตตา กรุณา อย่างที่บอก เข้าใจเขาว่า เพราะเขาเป็นอย่างนี้ เขาทำตัวมีปัญหานี่แหละ เราถึงต้องช่วยเขา

ที่สำคัญ ต้องให้กำลังใจตัวเองด้วย ว่าเราสามารถทำได้ เพียงแต่ต้องอาศัยประสบการณ์ และชั่วโมงบิน

ถ้าไม่สุดๆจริงๆ อย่าเปลี่ยนเคสเลย เพราะมันจะเท่ากับเราวิ่งหนีปัญหา

วันข้างหน้า เราจะคอยเลือกทำแต่เคสง่ายๆ ปฏิเสธเคสยากๆ ก็ใช่ที่ ใช่ไหม arit

ในทางกลับกัน ถ้าเราช่วยเขาอย่างเต็มที่ ทำให้ดีที่สุด ด้วยเมตตา กรุณา แล้วผลออกมาอย่างไร ก็ค่อยอุเบกขานะ

บางที ผล มันอาจจะไม่ได้สำคัญ เท่ากับว่า เราเข้าใจหน้าที่ และรับผิดชอบงานของเราอย่างดีที่สุดหรือยัง มากกว่านะ

โชคดีนะน้อง


โดย: aston27 วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:24:15 น.  

 
ขอบคุณมากนะคะพี่เอ็ด
แวะมาส่งข่าวค่ะ

สรุปว่าอาจารย์นิเทศงานภาคสนาม (พี่ Supervisor) ของหนูให้หนูทำเคสนี้ต่อไปค่ะ ไม่อยากให้หนูเปลี่ยนเคส เพราะเหตุผลเดียวกับที่พี่เอ็ดบอกแหล่ะค่ะ ก็ดีนะคะ หนูจะได้ไม่หนีปัญหาไปเรื่อยๆด้วย

ส่วนเรื่องทำความเข้าใจคนไข้
หนูจะพยายามค่ะ
(วันก่อนยังปรุงแต่งจิต ร้องไห้อยู่เลยค่ะ เหอๆ คิดว่าคนไข้ปฏิเสธหนูไปซะแล้ว
เพราะเค้าออกจากโรงพยาบาลก่อนที่หนูจะได้ไปคุย ขอข้อมูลเรื่องแผนที่บ้านต่อ)

ก่อนหน้านี้หนูคุยกับพี่ Supervisor อีกคนนึงค่ะ เรื่องการแผ่เมตตา
พี่เค้าเตือนเรื่องเจตนาของการแผ่เมตตาไว้
ประมาณว่า ถ้าแผ่เมตตาเพราะอยากให้เค้าดีขึ้น แล้วเราจะได้ทำงานได้ง่ายขึ้นเนี่ย มันไม่ดีหรอกนะ หนูก็แอบสะอึก อึ้งไปเหมือนกัน เพราะกำลังจะแผ่เมตตาด้วยเจตนาแบบนั้นจริงๆ

แต่ยังไงก็ตาม หนูจะพยายามระวังค่ะ
ขอบคุณพี่เอ็ดมากเลยนะคะ สำหรับคำแนะนำ


โดย: a r i t s u m e m o o n IP: 124.120.212.56 วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:25:40 น.  

 
ตัดเรื่องเจตนาจะให้เราทำงานง่ายขึ้นออกไปก็ได้ครับ

แผ่ให้เขามีสุขภาพจิตดีขึ้น ให้เขาเป็นสุข
เพื่อตัวเขาเอง จะได้หายไวๆ

แบบนี้รุ่นพี่คงไม่ว่ามั้ง


โดย: aston27 วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:35:51 น.  

 


โดย: a r i t s u m e m o o n IP: 124.120.209.171 วันที่: 17 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:59:58 น.  

 
ขอให้เข้มแข็งค่อยๆคิดทุกอย่างจะดีเอง


โดย: น้อง IP: 202.29.53.1 วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:14:00:00 น.  

 
ขอบคุณครับ ที่ไปเยี่ยม blog ผม
ขออนุญาต เพิ่มคุณ aston27ใน friend link ใน blog ผมนะครับ



โดย: ต่อmcu วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:11:50:17 น.  

 
สวัสดีครับ ผมมีเรื่องรบกวนขอวิธีคิดหน่อยครับ เป็นอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว
ผมมีเรื่องหนึ่งที่แสนเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจที่สุดทุกครั้งที่นึกถึงมัน ผมพยายามหาวิธีคิดที่จะรับมันให้ได้ แต่ก็ทำใจยอมรับมันไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดไม่ได้สักที กับอดีตของเธอที่เคยลึกซึ้งกับแฟนเก่าของเธอมา ผมคงรักเธอได้มากกว่านี้ถ้าเธอไม่เคยเป็นของใครมาเหมือนผม ผมรู้สึกตัวเองงี่เง่ามากที่คิดแบบนี้ แต่จะให้ทำยังไง ผมสั่งให้ตัวเองไม่รู้สึกอะไรเลยไม่ได้ เธอเป็นแฟนคนแรกของผม เพิ่งรู้อดีตของเธอตอนที่เราผูกพันธ์กันแล้ว จะทิ้งเธอก็สงสารมาก ผมอยากคบกับเธอที่แสนดีคนนี้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร เพราะผมเองก็ผิดพลาดที่ไม่ห้ามใจไปลึกซึ้งกับเธอ ผมควรปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ หรือจะหยุดมันด้วยความรักตัวเองจนเกินไปของผม มันคงดูเห็นแก่ตัวเกินไปสำหรับผม

......จักเป็นพระคุณอย่างสูง


โดย: ผู้ชายงี่เง่า IP: 10.26.3.97, 202.28.66.26 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:48:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.