Group Blog
 
All blogs
 
ตอบปัญหา วันมาฆบูชา

มีผู้ฝากคำถามหลายอัน ขอเอามารวบตอบไว้ทีเดียวเลยก็แล้วกันนะครับ

1. ถ้าคุณได้ทำบางสิ่งบางอย่างลงไปอย่างเต็มที่แล้ว แต่คุณยังต้องเสียใจ และรู้สึกท้อ เพราะผลลัพธ์ของเรื่องนั้น ไม่ได้มีคุณเป็นตัวแปรเดียว คุณจะทำอย่างไรต่อไปคะ ?

ขอคำตอบแบบทางโลก แล้วค่อยตบท้ายด้วยทางธรรมได้มั้ยคะ คุณแอสตั้น

เข้าใจว่าคุณแอสตั้นชอบที่จะให้มุมมองทางธรรมมากกว่า แต่เราคิดว่าในขณะที่คุณมองโลกด้วยจิตใจที่เป็นกลาง คุณน่าจะสามารถให้มุมมองอีกมุมหนึ่งซึ่งเราอาจจะมองไม่เห็นก็ได้น่ะค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ

โดย: Sunnie IP: วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:40:36 น.


ตอบแบบทางโลกก็ได้ ถ้าคุณถามว่า ถ้าเป็นผม ผมจะทำอย่างไร
ผมจะตอบว่า ถ้าผมบอกตัวเองได้จริงๆว่า ผมทำดีที่สุดแล้ว เต็มที่แล้ว

ผมจะไม่เสียใจเลยครับ เพราะผมรู้ว่าเสียใจไปแล้วมันไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น
ถ้าผมยังสบายใจจะทำ ก็ทำต่อไป ถ้าไม่สบายใจจะทำ ก็เลิก

ผมไม่ค่อยชอบใช้ชีวิตแบบซับซ้อนครับ
เอาแบบง่ายๆ ซิมเปิ้ล ซิมเปิ้ล หิวก็กิน อิ่มก็หยุด สะดุดล้มก็ยืนขึ้นใหม่ อ่อนใจก็นอน

เช้ามาก็ว่ากันใหม่


2. คุณเอ็ดคะพอดีว่าไปอ่านเรื่องที่คุณตอบคำถาม เกี่ยวกับวิปัสสนา เลยอยากจะถามเรื่องการสวดมนต์บ้าง อยากทราบว่าการสวดมนต์อย่างที่แม่สอนไว้ ว่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สวดแล้วได้บุญ คุณเอ๊ดมีความเห็นว่าอย่างไรคะ
หรือการที่มีหลวงพ่อท่านหนึ่งสอนให้คนสวดมนต์แล้วอธิษฐาน เช่นสวดอิติปิโสเท่าอายุแล้วขอพรเนี่ย ความมุ่งมั่นในการสวดมันมีส่วนให้ความปรารถนาของเราเป็นจริงได้หรือเปล่า แล้วเราจะมีบุญได้อย่างไรคะ (ดิฉันคิดว่ามาจากจิตเราที่เป็นสมาธิถูกหรือเปล่าคะ) มีบางคนบอกว่าก็เหมือนกับคนที่นับถือศาสนาคริสต์แล้วขอพรพระเจ้าบ่อยๆ เค้าก็เชิ่อว่าทำแบบนี้แล้วพระเจ้าจะช่วยให้สมปรารถนา คุณเอ๊ดมีความคิดเห็นอย่างไรช่วยตอบทีนะคะ

โดย: กวาง IP: วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:57:13 น.


ผมเคยได้ยินครูบาอาจารย์อธิบายว่า ในมงคล 38 ประการ ไม่เคยมีบอกว่าสวดมนต์เป็นมงคล
ฉะนั้น ไอ้ความเชื่อเรื่อง สวดกี่จบแล้วขอพรจะสมหวัง อันนี้ถ้ามีจริงก็ไม่ใช่เรื่องของพุทธนะ

เพราะสำหรับชาวพุทธแท้ๆ ต้องถือว่า พรนี่ขอกัน ให้กันไม่ได้
จะมงคล ไม่มงคล สมหวังไม่สมหวัง โชคดี โชคร้าย ก็ขึ้นกับกรรมที่เราทำเองนั่นแหละ

อย่างขอพรให้รวย แต่ขี้เกียจทำงาน ใช้เงินเหมือนเททิ้งน้ำ
อันนี้สวดมนต์จนตายไม่หยุดพัก ก็ไม่มีทางรวย

หรือถ้าสวดมนต์เท่าอายุ แล้วขออะไรก็ได้
ผมจะบอกให้รัฐบาลนี้ สั่งให้ทุกคนหยุดทำงาน อยู่บ้านสวดมนต์

ที่พูดนี่ ไม่ได้บอกให้เลิกสวดมนต์นะครับ เพราะประโยชน์ของการสวดมนต์ยังมี

อย่างแรกคือช่วยให้จิตใจสงบรำงับ ลดความฟุ้งซ่าน เป็นการทำสมถะอย่างหนึ่ง จิตก็เป็นกุศล

อย่างสองคือช่วยน้อมนำให้จิตใกล้ชิดกับกุศล ความดีงาม เพราะได้รำลึกถึงพระรัตนตรัย

สามคือ ใช้เป็นเครื่องอยู่ หรือวิหารธรรม เพื่อดูการเคลื่อนไหว ไปทำงานของจิต พูดง่ายๆคือทำวิปัสสนานั่นเอง

เพียงแต่ประโยชน์ของการสวดมนต์ ไม่ใช่เรื่องขอโน่นขอนี่แน่นอนครับ

3. ตัวเองกำลังเริ่มฝึกหัดทำวิปัสสนา มีข้อส่งสัยอยู่ว่า ที่ว่ารู้ รู้ตามจิตเนี่ย มีขอบข่ายของการรู้แค่ไหนคะ เช่น ตัวเองเพิ่งเลิกกับแฟนได้ซักพักนึงแล้ว เพราะเขาไปมีคนอื่น รู้สึกว่าทำใจได้เยอะขึ้นมาก แต่ก็จะมีช่วงเวลาที่รู้สึกฟุ้งซ่านอยู่บ้าง เช่น เวลาจินตนาการว่า เขาจะมีความสุขกับคนใหม่ยังไง อารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่คิด ก็จะมีทั้งอารมณ์โกรธ เกลียด และ พยาบาท ระคนกันไป คำถามก็คือ

1. ในเวลาที่จิตนาการมันโผล่ขึ้นมา เห็นภาพคนสองคนเดินจูงมือกัน ความรู้ของเราเองรู้ชัดเลยว่าโกรธ ถึงตอนนี้ให้รู้ว่าอะไรคะ ให้รู้สึกตัวว่ากำลังโกรธเฉยๆ หรือลงไปในรายละเอียดด้วยว่า รู้ตัวว่ากำลังโกรธโกรธอยู่นะ โกรธด้วยเรื่องอะไร คือในเวปแสงดาว คุณกรเคยตอบคำถาม (ของคนอื่นนะคะ)ว่า เอาแค่รู้ว่าโกรธ ไม่ต้องรู้ว่าโกรธเรื่องอะไร

ต่อนะคะ-- บางทีก้อฟุ้งซ่านว่าถ้าบังเอิญไปเจอเขาสองคนเดินจูงมือกันมา เราจะทำหน้ายังไง--ตอนที่มีความคิดอย่างนี้ขึ้นมา ให้รู้ว่าฟุ้งซ่าน แล้วควรจะต่อด้วยไหมคะว่าฟุ้งซ่านด้วยเรื่องอะไร ยังไงรบกวดพี่เอ็ดดี้ --ที่เรียกว่าพี่เพราะแอบทราบอายุ ช่วยกรุณาให้ความกระจ่างด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคะ

โดย: ตั้งต้น IP: วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:5:35:23 น.


คุณตั้งต้นครับ คุณกรแนะนำถูกแล้วว่า โกรธก็ให้รู้ว่าโกรธ ไม่ต้องสนใจว่าโกรธเรื่องอะไร โกรธเพราะอะไร

แต่ถ้าคุณสังเกต คุณจะเห็นว่า ก่อนจะโกรธ จิตมันไปทำงานอย่างหนึ่งก่อนคือ "คิด"

ไอ้จินตนาการที่คุณว่านั่นแหละ คือการคิด ที่จริงควรจะฝึกรู้ทันความคิด รู้ว่าจิตคิด ไม่ต้องรู้ว่าคิดเรื่องอะไร

หลวงปู่ดูลย์บอกว่า คนเราทุกวันนี้ เป็นทุกข์เพราะความคิด
เราห้ามความคิดไม่ได้ แต่ฝึกรู้ทันความคิดได้


4. จะเบื่อไหมคะ ถ้าเป็นอีกคนที่มีปัญหาหัวใจ
ใช้เวลามาหลายเดือนแล้ว
มันผ่านไปและเริ่มเดินตามเส้นทางของตัวเองไม่ได้สักที
เรื่องราวคงลงไม่ได้ มันเลวร้าย น่าอับอายเกินกว่าจะให้ทุกคนรับรู้

โดย: ying IP: วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:10:31 น.


อันนี้ไม่ได้บอกว่าจะถามอะไร เลยได้แต่ให้กำลังใจ
วางไวไวนะครับ อย่าแบกเลย




Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2551 0:18:54 น. 9 comments
Counter : 938 Pageviews.

 

เห็นด้วยค่ะ เรื่องสวดมนต์
บางทีคนเราก็ยึดติดอยู่กับกุศโลบายที่ผู้ใหญ่สอนให้สวดมนต์
จนกลายเป็นหวังผล ขอผล
มากกว่าที่จะเห็นถึงวัตถุประสงค์จริง



โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:24:32 น.  

 
ขอบคุณนะคะ สำหรับกำลังใจ
อยากหายไวไวเหมือนกัน ไม่อยากแบก
แต่ไม่รู้จะวางยังไง
มันแปลกนะคะ เรายอมให้ใครบางคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราแค่ไม่กี่ปี
กำหนด ความสุขเราได้
แต่ก่อน ตอนมีเค้า เรามีความสุขจัง
แค่..วันนี้ ที่เค้าเลือกทางเดินไม่ขอมีเราร่วมทาง
กลับถามตัวเองว่า ความสุขคืออะไร
ทั้งที่รอบตัวทุกอย่าง ยังคง..เหมือนเดิม
ท้องฟ้าสีเดิม นกร้องเหมือนเดิม
ผู้คนรอบข้างยังแสนดีกับเราเหมือนเดิม
แต่ใจเรา กลับไม่เหมือนเดิม
มันไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินต่อ แต่...
เจ็บปวดแค่ไหน เราก้อยังหายใจอยู่ดี
ยังไงต้องเดินต่อไป และปล่อยให้เวลาช่วยให้ผ่านไป
ตอนนี้เลิกทำร้ายตัวเองแล้ว สงสารพี่ชายที่เฝ้าเป็นห่วง
ถึงตายไป เค้าก็ไม่กลับมา จะโง่ทำไม
คนไม่ดี เดินจากไป มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ
มีทางออกที่พอจะบอกให้หายไวไว ไหมคะ
เหนื่อยและเจ็บ กับการทำใจยอมรับ
และอยู่กับมันให้ได้เหลือเกิน
และสงสัยว่า
มีใครตายเพราะความคิดถึงบ้างไหม
คงไม่มีหรอก
เราเองยังไม่ตายเลย
การถูกทิ้งมันทำให้เรารู้สึกว่าไร้ค่า
และเป็นผู้แพ้จังนะ


โดย: ying IP: 203.121.140.250 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:44:59 น.  

 
คุณหญิง น่าจะลองไปอ่านบล็อคเก่าๆของผมอันนึงนะ ชื่อว่า

"The Ending Is The Beginning จุดเริ่มต้นบนจุดจบ"

อยู่ในหมวด "มุมมองของ aston27 part 1"

น่าจะมีประโยชน์และช่วยได้ครับ


โดย: aston27 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:06:22 น.  

 
อ่านแล้วนะ

และอ่านอีกหลายเรื่องจนตัดสินใจ
จัดทำเป็นเล่มที่มีชื่อเฉพาะ
แต่ไม่ขอบอกชื่อนะ เพราะเอาเรื่องที่คุณเขียนมา copy และรวมเป็นเล่มสำหรับตัวเอง
แต่..
ไม่ได้ขออนุญาตก่อน
แล้วต้องเดินทางหลายวัน (จริงๆก้อแค่ 4 วัน)
เลยว่าจะเอาไปเป็นเข็มทิศในการเดินทาง(ไกล)เพียงลำพัง
แต่ไม่เศร้าแล้วนะ มันชาชาแบบบอกไม่ถูก
กลับมาแล้ว จะแวะเข้ามา
พักผ่อน"ใต้ต้น aston27" อีกนะคะ


โดย: ying IP: 203.121.140.250 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:44:39 น.  

 
มี1 คำถาม กับ 1 ความเห็นคะ
คำถามคือ การศึกษาธรรมะทำให้
อรรถรสในการฟังเพลงของคุณเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนหรือเปล่า คือ ความรู้สึกซาบซึ้งมันน้อยหรือมากขึ้นกว่าตอนที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะ
ส่วนความเห็นคือ เวลาคนที่อกหักหรือคนที่มาปลอบใจคนที่กำลังเสียใจจากการถูกหักอก
ไม่น่าใช้เหตุผลว่าคนที่ทิ้งไปเป็นคนไม่ดี ห่วย
เช่น "ลืมมันเสียเหอะผู้ชายห่วยๆ ไม่ดีพอสำหรับเธอ ดีแล้วที่เลิกกันได้" ซึ่งความจริงคนที่ห่วยอาจจะเป็นคนที่ถูกทิ้งก็ได้ ถ้าจะวัดกันด้วยความดีในด้านต่างๆ แต่ถ้าใช้เหตุผลนี้แล้วจะทำให้หายเจ็บเร็วขึ้นก็แล้วแต่ละกัน บางทีพอหายแล้วอาจจะมีสติคิดใคร่ครวญอะไรตามจริงก็ได้
คนเขียนไม่ได้กำลังอกหักและไม่ได้หักอกใครหรอกคะ หากคุณASTON จะใส่ความเห็นเพิ่มเติมก็ได้ไม่ว่ากันจ้า


โดย: โปรดปราน IP: 125.25.189.226 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:2:46:54 น.  

 
อ้อ ! คุณ YING ในส่วนของความเห็นบน Comment ข้างบน ไม่ได้มีเจตนาจะแย้งหรือทำร้ายจิตใจคุณนะคะ สถานการณ์หรือเหตุการณ์ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป เป็นกำลังใจให้คุณผ่านความเศร้าไปได้ด้วยดีคะ หวังว่าโลกรอบๆตัวคุณ จะเป็นพลังชีวิตให้คุณฟื้นขึ้นมาใหม่ในเร็ววันคะ


โดย: โปรดปราน IP: 125.25.189.226 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:2:57:56 น.  

 
ตอบคุณโปรดปรานครับ

ศึกษาธรรมะมีผลมั้ย ตอบว่ามีผล แต่มันอธิบายลำบาก

ผมยังฟังว่าเพลงมันเพราะ แต่เหมือนความเพราะมันไม่ทำให้เราติดเหมือนเมื่อก่อน เมื่อก่อนถ้าชอบเพลงนี้ ต้องอยากฟัง แต่ตอนนี้ ถ้าไม่ได้ฟัง ก็ไม่เป็นไร

สองคือ เพลงมันยังเพราะอยู่ แต่ความเพราะมันก็งั้นๆแหละ มันจืดลงกว่าเมื่อก่อน

ส่วนเรื่องความเห็นของคุณ ผมกลับไม่ค่อยมีความเห็นแฮะ

ผมว่า วิธีช่วยคนให้ได้สติคืนมาจากการจมในความทุกข์ มันมีได้หลายวิธีนะ

บางสำนักก็เคาะกะโหลก บางสำนัก ก็ให้สวดมนต์ บางสำนัก ก็ปลอบใจ ใครเหมาะกับแบบไหน ก็ใช้วิธีนั้น

แต่ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับวิธีใด วิธีหนึ่ง ก็ไม่ผิดปกตินะครับ มันก็เป็นธรรมดาโลกน่ะ มีคนเห็นด้วย มีคนไม่เห็นด้วย

อย่างบางคนบอกว่า ไม่เห็นต้องปลอบใจเล้ย พวกอกหักเนี่ย ปล่อยให้มันร้องไห้จนเหนื่อย เดี๋ยวมันก็หายเอง

มันก็ถูกของเขานะครับ อาจจะไม่ถูกของคนอื่น แต่ถูกของเขาแน่ๆ

ฉะนั้น ถ้าจะมีใครไม่เห็นด้วยกับวิธีผม ก็ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ว่ากัน เพราะผมก็เขียนตามที่ผมเข้าใจ จากเรื่องที่เขาเล่ามาอีกที

บางทีคนโดนทิ้ง อาจจะเป็นคนห่วยเอง อย่างที่คุณว่าก็ได้ แต่ผมไม่รู้นี่

ยาแก้ปวด มันไม่ได้รักษาอาการกระดูกหักหรอกครับ

มันแค่ช่วยให้เขาผ่านความเจ็บปวด ในระหว่างการรักษาได้ เท่านั้นเอง



โดย: aston27 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:43:46 น.  

 
คุณโปรดปรานและคุณ aston27
"ลืมมันเสียเหอะผู้ชายห่วยๆ ไม่ดีพอสำหรับเธอ ดีแล้วที่เลิกกันได้"
เค้าไม่ได้ห่วยหรอกค่ะ
คนที่ห่วยคือเราเอง
ที่ยังหลงและเอาใจไปวางไว้
เค้าคงแค่สับสนจากความใกล้แล้วเผลอใช้แค่คำว่ารักมาผูกแล้วเราก็ห่วยที่ยึดมั่นแค่คำพูด
ไม่คิดว่าซ้ำเติมหรอกค่ะ
ตอบไม่ได้ว่าจะดีขึ้นเมื่อไหร่
แต่ยังปรารถนาดีและห่วงใยเค้าเหมือนเดิม
แต่ถึงเราอยากให้แต่คนรับไม่อยากได้
มันคงเป็นความอึดอัดสำหรับเค้า
ดังนั้น ณ เวลานี้สิ่งที่ดีที่สุด
คือการไม่ทำไรให้เค้าเลย
เพราะเค้าจะได้ไม่มีปัญหากับคนที่เค้ารัก
นั่นเป็นความปรารถนาดีของเรา
ซึ่งเรารู้ของเราก้อพอ
และดำเนินชีวิตเราต่อไปเพื่อเราเองนั่นแหละ
วันนี้ยังเจ็บ ยังมีน้ำตา คงธรรมดา


โดย: ying IP: 203.121.140.250 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:37:57 น.  

 
ขอเป็นกำลังใจให้หายไวๆๆครับ (ตอนนี้ก็เป็นเหมือนกันกำลังเริ่มหายดี ตกสะเก็ดแล้ว)


โดย: walkerahead IP: 58.10.64.126 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:36:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.