|
คำถาม : วิธีจัดการกับจิตใต้สำนึก
วันนี้ผมงดมื้อเที่ยง ด้วยความสมัครใจ เลยมีเวลาแวะเข้าไปย้อนอ่านสมุดเยี่ยม
มีคำถามอันนึง จากคุณส้มโอ ที่ผมลืมตอบ ขอถือโอกาสยกมาตอบไว้ตรงนี้นะครับ คุณส้มโอเขียนไว้แบบนี้ครับ
แอบเอาเรื่องการรู้ การเข้าใจ เรื่องก้อนหินที่คุณแอสตันเขียนไว้ ไปแบ่งปันให้เืพื่อนคนอินโดที่เค้ากำลังมีปัญหาครอบครัวค่ะ
อธิบายไปแบบพยายามที่สุดเท่าที่เราเข้าใจ และแปลให้มันได้เรื่องเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อนส้มโอก็เป็นคริสต์เหมือนกัน แปลกที่เค้าบอกว่า เค้าก็แอบศึกษาแนวทางพุทธอยู่ เค้าสบายใจขึ้นค่ะ ถึงแม้รู้เลยว่า เราคงถ่ายทอดได้ไม่ดีเท่าไหร่ จริงๆถ้าไม่ได้มาอ่านเมื่อคืน คงไม่ได้ให้คำตอบเพื่อนแบบนี้
เคยไปถามจิตแพทย์ว่า ทำไงจะชนะใจตัวเองได้ คุณหมอบอกเรื่องนี้แหละยากที่สุด เพราะจริงๆคือการเอาชนะจิตใต้สำนึก จิตเหนือการควบคุม เวลาที่เราขาดสติ
การรู้ว่าเราสุข การรู้ว่าเราทุกข์ อันนี้คือตอนเรามีสติถูกมั๊ยคะ แล้วจิตใต้สำนึกละคะ จะทำกับมันยังไงดี
เป็นคนช่างสงสัยค่ะ คงได้เข้ามาทักทายกันบ่อยๆนะคะ หวังว่าจะไม่เืบื่อซะก่อน ขอบคุณค่ะ
โดย: ส้มโอ
ท้าวความให้ท่านอื่นทราบนิดนึงว่า.. คุณส้มโอนับถือศาสนาอื่นอยู่ครับ
แต่ผมก็บอกไปแล้วว่า.. ธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นของสากล
พุทธเรามีข้อดีตรงที่เราไม่หวงความรู้ เราไม่เดียดฉันท์คนต่างศาสนา
เรามองว่าทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมสังสารวัฏเหมือนกัน
พระพุทธเจ้าสรรเสริญศิษย์ที่ปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านสอน ไม่ได้สรรเสริญเพราะเขามากราบไหว้
อย่างที่เคยเล่าว่า.. ท่านเป็นศาสดา Alternative เป็นองค์เดียวของโลกมั้ง ที่บอกลูกศิษย์ บอกคนต่างศาสนาว่า
อย่ามาเชื่อเรา.. แต่จงมาพิสูจน์สิ่งที่เราสอน เราเป็นแค่ผู้บอกทาง แต่ท่านต้องเป็นผู้เดินบนทางนั้นเอง
ไม่ได้แปลว่ามีพระห้อยคอร้อยองค์ พันองค์ แล้วจะบรรลุธรรมได้ จะพ้นโลก พ้นทุกข์ ได้จริงๆ ต้องลงมือ ต้องทำ ต้องสร้าง ต้องสะสมปัญญากันเอง
ถามว่าแล้วจะเริ่มสร้างยังไง ท่านไม่ได้บอกให้เราไปขึ้นเขาลงห้วยที่ไหน ท่านบอกให้เราเพียงแต่ย้อนเข้ามาทำความรู้จักตัวเอง
ตัวเอง.. ซึ่งมีแค่ กาย กับใจ สองอย่างนี่แหละ รู้แค่สองอย่าง แล้วจะรู้จักตัวเอง รู้จัก ธรรมชาติ รู้จักชีวิต รู้จักโลก
ธรรมะ คือธรรมชาติ นะครับ
ท่านให้เราศึกษาธรรมชาติ ของตัวเราเอง ไม่ต้องไปอยากรู้อะไรนอกตัว เพราะเวลาสุข เวลาทุกข์ มันก็สุขทุกข์ ที่ตัวเรา ใจเรา
จะเข้าใจทุกข์ ก็ต้องเข้าใจกาย และจิตของเราเอง
ทีนี้ มาถึงคำถามเรื่องจิตใต้สำนึก ของคุณส้มโอ
เรื่องจิตใต้สำนึก พระพุทธเจ้าเคยแจกแจงเรื่องจิตไว้ละเอียดละออ บางที ท่านอาจจะเป็นศาสดาองค์เดียว ที่มีความรู้แจ้งในเรื่องจิต มากกว่าใคร
ท่านบอกไว้ตั้งแต่สองพันกว่าปีก่อนว่า.. จิตมันไม่ใช่ตัวเรา มันทำงานของมันเอง มันไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยตามเหตุปัจจัย และที่สำคัญคือ.. มันบังคับไม่ได้
น่าเสียดายที่นักปฏิบัติในศาสนาพุทธเอง จำนวนมาก พยายามทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับหลักการนี้
พระพุทธเจ้าบอกว่า จิตบังคับไม่ได้ ก็ไปพยายามฝึกสมถะเพื่อบังคับจิต
ท่านสอนว่า จิตมีธรรมชาติปรุงแต่ง ก็ไปพยายามฝึกให้จิต ไม่ปรุงแต่ง
บางคนฝึกจนเก่ง บังคับจิตได้ แต่ก็โดยอาศัยพลังของสมาธิ พระท่านเคยเปรียบว่า เหมือนเราเอามือไปปิดปากเครื่องฉายหนัง ภาพบนจอก็ดับไป แต่ถามว่าเครื่องฉายหนังหยุดไหม ไม่นะ
จิตก็ยังปรุงแต่ง ยังทำงาน แต่มันแค่ถูกกัก ถูกกด ถูกข่มไว้ รอเวลาให้เครื่องกัก เครื่องกั้น มันหมดกำลังเท่านั้นเอง
งั้นถามว่า แล้วจะเอาชนะมันยังไง ก็ตอบว่า ต้องฝึกรู้สึกตัวบ่อยๆ ให้สติมันเจริญขึ้น
สติในขั้นแรก มันยังเป็นสติตัวปลอม เป็นความรู้สึกตัว ที่เราต้องอาศัยการจงใจ เข้าไปรู้
แต่ก็ต้องฝึกอย่างนั้น เหมือนฝึกให้เด็กเรียนภาษา ช่วงแรกๆ ก็ท่องเอา อาศัยการฝึกฝน จงใจ
แต่พอเรียนไป ใช้บ่อยๆ จนคล่อง อีกหน่อยมันคิดเป็นภาษานั้นได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องมานั่งสะกด ทีละตัว
หรืออย่างเราหัดขับรถ ช่วงแรกๆ ใครยังจำได้บ้าง ว่ามันขลุกขลัก เกร็ง ไม่เป็นธรรมชาติอย่างไร
ช่วงเริ่มต้นหัดรู้สึกตัว ก็เป็นเหมือนกันครับ
แต่พอฝึกบ่อยๆ ขับบ่อยๆ จนคล่อง จนชิน มันหลับตาขับยังได้เลย ว่าเกียร์อยู่ไหน เบรกอยู่ไหน คันเร่งอยู่ไหน
สติที่เจริญแล้ว ก็คล้ายกัน ถึงจุดที่มันสุกงอม เขาจะทำงานของเขาเองโดยอัตโนมัติ
ที่ครูบาอาจารย์ท่านเรียกว่าจิต "ตื่น" แล้ว เป็นอย่างนั้นเอง มันจะว่องไว คล่องแคล่ว เบา สบาย ร่าเริง
ถึงเวลานั้น จิตใต้สำนึก จะทำงานอย่างไร ก็จะมีสติเป็นตัวช่วย เป็นตัวคุมหางเสือ ไม่ให้มันหลงทาง
ถ้าไปถึงจุดนั้น กระบวนการสะสมปัญญา ระดับสู้กิเลสได้จริง จะเริ่มต้นขึ้นครับ
มันจะเห็นการเกิดดับของจิต และอารมณ์ต่างๆ สืบเนื่องกันบ่อยๆ จิตจะเริ่มเข้าสู่ความเป็นกลาง เริ่มให้ค่ากับสุข กับทุกข์น้อยลง
บางคนถามว่า.. แล้วยังจะมีสุข มีทุกข์ไหม มีสิครับ มีอีกเยอะเลย มีเหมือนคนปกตินั่นแหละ
แล้วจิตมันก็จะหยิบมันมาถือเหมือนเดิม เพียงแต่จากเดิมที่เคยถือสุขไว้นานๆ กอดมัน จูบมัน ก็จะเห็นว่า มันไม่ใช่ของดี ของวิเศษมากมายเท่าเดิม
จากที่เคยหยิบทุกข์มาแบก แล้วเอาแต่เกลียดมัน เบื่อมัน แต่ก็ยังแบก ก็จะเห็นว่า มันไม่ใช่เรื่องต้องแบก ต้องบ่น เพราะมันมา แล้วเดี๋ยวมันก็ไป
ที่เราทุกข์มากๆเวลามีทุกข์ มักจะเป็นเพราะทุกข์แล้วดิ้น อยากหนีทุกข์ อยากกำจัด อยากบังคับใจ ไม่ให้ทุกข์
ยิ่งทุกข์ ก็ยิ่งดิ้น ยิ่งดิ้น ก็ยิ่งทุกข์ ทุกข์ที่เคยมีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ก็กลายเป็นภูกระดึงขึ้นมาซะงั้น
ไม่รู้จะตอบคำถามคุณส้มโอชัดเจนไหม แต่อยากให้ลองทำดู
แล้วจะเข้าใจว่า.. คนที่ไม่ค่อยศรัทธาอะไรง่ายๆอย่างผม ทำไมถึงยอมกราบพระพุทธเจ้าหมดหัวใจ
Create Date : 12 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2550 13:33:13 น. |
|
24 comments
|
Counter : 1242 Pageviews. |
|
|
|
โดย: azamiya IP: 203.120.37.251 วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:05:06 น. |
|
|
|
โดย: Takeaway วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:57:34 น. |
|
|
|
โดย: ยิ้มหวานฯ (joyaccy ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:01:32 น. |
|
|
|
โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:41:35 น. |
|
|
|
โดย: Q.NUH วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:57:13 น. |
|
|
|
โดย: getterTu วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:02:08 น. |
|
|
|
โดย: พี่แหม๋ว...ฟ้าสั่ง:) (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:03:35 น. |
|
|
|
โดย: snpk (snpk ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:33:49 น. |
|
|
|
โดย: wwee IP: 125.26.28.116 วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:17:40:47 น. |
|
|
|
โดย: อ้อม IP: 58.8.73.126 วันที่: 26 มกราคม 2551 เวลา:17:31:36 น. |
|
|
|
โดย: chaamaa IP: 124.121.206.184 วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:14:34:49 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:0:47:36 น. |
|
|
|
โดย: felta IP: 203.131.212.11 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:05:56 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าฤดูร้อน (ฟ้าฤดูร้อน ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:34:17 น. |
|
|
|
โดย: nene IP: 203.146.139.179 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:19:57 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:25:32 น. |
|
|
|
โดย: Hobbit วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:22:24:18 น. |
|
|
|
โดย: รมิดา ศรีดามา IP: 61.47.115.2 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:47:16 น. |
|
|
|
โดย: Dove IP: 125.27.56.208 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:2:10:36 น. |
|
|
|
| |
|
|
กลับมาแล้วเจ้าค่ะ
แต่เดี๊ยวมาใหม่น๊า
ไปแปรงฟันก่อน เพราะกิน
ส้มตำปลาร้ามา
อิอิอิ