Good Will Hunting เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ดำเนินไปในทิศทางนี้ ตัวภาพยนตร์นอกจากจะดำเนินเรื่องในแนวที่ปัจจุบันเป็นที่นิยมกัน คือ ปัญหาบุคลิกภาพมีผลมาจากการถูกทารุณกรรมในวัยเด็ก (child abuse) ภาพยนตร์ยังสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานของนักจิตบำบัด สิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วโมงของการรักษา เช่น ปัญหา transference, countertransference, resistance, silence anxiety รวมถึง working through ผู้เขียนมีความเห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะให้ความบันเทิงแล้ว ภาพยนตร์ยังให้รายละเอียดของการทำจิตบำบัดเป็นสิ่งซึ่งมีประโยชน์กับแพทย์ประจำบ้าน และผู้สนใจ วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย 2542; 44(4):370-382.
คำสำคัญ จิตแพทย์ ภาพยนตร์ การถูกทำร้ายในวัยเด็ก
Psychiatry in the Movie
Thienchai Ngamthipwatthana, M.D.*
* Department of Psychiatry, Faculty of Medicine Siriraj Hospital, Bangkok 10700.
Abstract
In Western movies a psychiatrist is created to play an important role in the movies. His role is to justify and explain the unrational behaviors of the leading characters to make it more sensible for audiences.
Good Will Hunting is one of good examples of this. It tells the story in the popular theme (of western psychiatry) about how our personalities may be affected by child abuse in early period. It also shows how the psychiatrist treats his patient in the therapy session, the interaction, and how the patient works through his conflict. This film is recommended to psychiatric residents and those who are interested in psychiatry and psychotherapy. J Psychiatr Assoc Thailand 1999; 44(4):370-382.
Key words : psychotherapy, child abuse, movie about psychiatry.
บทบาทของจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาปรากฎในภาพยนตร์ต่างประเทศมานาน แล้ว อย่างน้อยที่สุดตั้งแต่ปี พ.ศ.2449 ในภาพยนตร์เรื่อง Dr. Dippys Sanitarium แต่บทบาทที่ชัดเจนจะอยู่ในเรื่อง The Criminal Hypnotist ที่กล่าวถึงนักสะกดจิตและอาชญากรรม1 ภาพของจิตเวชศาสตร์ในสายตาของคนทั่วไปซึ่งสื่อออกมาโดยภาพยนตร์เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย2,4 ภาพของจิตแพทย์เองบนจอภาพยนตร์อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ Dr. Dippy (ลักษณะเหมือนตัวตลก และมักจะไม่ค่อยฉลาด หรือโง่กว่าผู้ป่วยของเขา) Dr.Wonderful (มีความอบอุ่น เป็นมิตร และอุทิศตัวให้กับคนไข้โดยไม่มีข้อแม้) และ Dr. Evil (ป่วย บ้าคลั่งมีลักษณะใช้อำนาจ และแสวงประโยชน์จากผู้ป่วย) 1,3,4 ภาพยนตร์ต่างประเทศที่เป็น melodrama ซึ่งมักจะเจาะลึกลงไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลนั้น ผู้เขียนบทมักจะพยายามสอดแทรกแนวคิดทางด้านจิตวิทยา หรือจิตเวชศาสตร์ลงไป เพื่อทำให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจถึงพฤติกรรมของตัวละครในเรื่องว่ามีความเป็นมาอย่างไร ทำให้เรื่องราวดูมีเหตุมีผล และเกิดความสมจริง แม้ว่าภาพที่เกิดขึ้นอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงก็ตาม5 ตัวอย่างที่อาจจะเห็นได้ชัด เช่น ภาพยนตร์เรื่อง As Good As it Get
ใน session ก่อนนี้ดูเหมือนว่าเราจะเข้าใจฌอนมากขึ้น ฌอนยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียภรรยาและภาพยนตร์แสดงให้เห็นชัดเจนขึ้นใน session ถัดมา ใน session นี้เริ่มต้นจากการที่วิลล์เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน (ซึ่งน่าจะมีความหมายว่า therapeutic relationship มีความแข็งแรงมากขึ้น) วิลล์บอกกับฌอนว่าเขาอ่านหนังสือของฌอน และทราบว่าฌอนเป็นนักจิตบำบัดที่มีชื่อเสียง ฌอนเล่าให้วิลล์ฟังว่า เขาเลิกการเป็นนักจิตบำบัดเมื่อภรรยาเขาป่วยเมื่อ 6 ปีก่อน วิลล์จึงถามฌอนกลับไปว่าเขาเคยสงสัยว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรหรือไม่ หากเขาไม่ได้พบกับภรรยา (และแต่งงานกัน) ตรงจุดนี้ฌอนเองก็คงจะรู้สึกว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม เขาจึงถามวิลล์กลับไปว่า วิลล์คงจะสงสัยว่าชีวิตเขาน่าจะดีกว่านี้หากไม่ได้แต่งงานกับภรรยา (แล้วภรรยาตาย) วิลล์เองก็รู้สึกได้ว่าเขาถามในเรื่องที่อ่อนไหวมากกับฌอน เขารีบปฏิเสธว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะหมายความว่าชีวิตของฌอนแย่ลงเป็นเพราะภรรยา เราอาจตั้งข้อสังเกตตรงจุดนี้ได้อีกครั้งหนึ่งว่า therapeutic relationship เกิดขึ้น จากการที่คนไข้ที่แต่เดิมมีลักษณะท้าทาย และพยายามเอาชนะผู้รักษา กลับแสดงความรู้สึกกังวลว่าตัวเองอาจพูดอะไรที่ทำให้ผู้รักษาไม่สบายใจ9,11 ฌอนยอมที่จะเปิดเผยตัวเองกับคนไข้ของเขามากขึ้น เขายอมรับว่าเขาทำใจได้ยากกับการสูญเสีย แต่ความทุกข์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขาได้เห็นความสุขความงดงามในบางแง่มุมของชีวิตที่เรามักจะมองข้ามและไม่เคยให้ความสนใจ จุดนี้อาจจะใช้มุมมองแบบ cognitive therapy ก็ได้ว่า ปัญหาหรือความทุกข์ในชีวิตคนเราในหลายๆ กรณีเกิดจากการตีความ การให้คุณค่าประสบการณ์นั้นๆ ในเชิงบวก หรือลบ13 ขณะเดียวกัน ฌอนพยายามแตะไปที่ประเด็นที่เป็นปัญหามากที่สุดของวิลล์ และเป็นประเด็นพื้นฐานของความสำเร็จ หรือความล้มเหลวของการรักษา คือ การสร้างสัมพันธภาพ วิลล์ถามต่อไปว่าแล้วฌอนเคยนึกเสียใจหรือไม่ที่พบภรรยา (ภรรยาของฌอนน่าจะมีความหมายในเชิงความสัมพันธ์ที่ยาวนาน วิลล์กำลังหมายความว่าเขาจะต้องเสียใจหรือผิดหวังกับการที่จะมี long lasting relationship กับสกายลาร์ แล้วสูญเสียเธอไปในที่สุดหรือไม่) ฌอนตอบไปว่า Why? cause the pain I feel now? Oh, I get regrets; But I dont regret a single day I spent with her
วิลล์ถามถึงครั้งแรกที่ฌอนพบภรรยา ซึ่งฌอนสามารถตอบได้อย่างแม่นยำเพราะเป็นวันที่มีการแข่งขันเบสบอลล์นัดสำคัญ ผู้เขียนบทคือ Matt Daemon และ Ben Affleck ฉลาดมากในการเปรียบเปรย (analogy) ปฏิสัมพันธ์ในชั่วโมงของการรักษาระหว่างวิลล์กับฌอน กับปฏิสัมพันธ์ในสังคมภายนอกระหว่างวิลล์กับคนรอบข้างของเขา หรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างฌอนกับภรรยาของเขา เทียบเคียงและเป็นแบบให้วิลล์ตัดสินใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสกายลาร์ ฌอนเปรียบเทียบสถานการณ์สองสถานการณ์ที่เดินคู่กันไป คือการที่จะต้องเลือกเอาระหว่างการทำความรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเพิ่งพบในบาร์ กับการเข้าชมเบสบอล์ซึ่งทุกคนเชื่อว่ามันจะเป็นเกมส์การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่มาก (และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ) วิลล์ตื่นเต้นและแปลกใจมากที่ฌอนยอมทิ้งเพื่อน และบัตรเข้าชมที่กว่าจะได้มายากลำบากมาก ยอมทิ้งการแข่งขันนัดที่ยิ่งใหญ่มากเพียงเพื่อนั่งดื่มกับผู้หญิงคนหนึ่ง (You missed Pudge Fishs home run to have a fuckin drink with some lady you never meet?) ฌอนชี้ให้วิลล์เห็นว่าในความสัมพันธ์ระหว่างกัน เมื่อเรารู้สึกว่า มันใช่ เราต้องยอมที่จะ เสี่ยง เพื่อว่าเราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลังว่าทำไมเราจึงไม่ทำตามความรู้สึกความต้องการในขณะนั้น (Yeah, but you should have seen her, she was a stunner. She lit up the room)
ฌอนให้เหตุผลกับเพื่อนๆ ว่าเขาไปดูเบสบอลไม่ได้เพราะ I gotta see about a girl เหตุผลง่ายๆ สั้นๆ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของฌอน และนี่ก็เป็นเหตุผลง่ายๆ สั้นๆ เช่นกันที่วิลล์เลือกในตอนท้ายของเรื่อง และเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาทั้งชีวิต เป็นการตัดสินใจตามอารมณ์ความรู้สึกที่เขาต้องการจริงๆ
สิ่งที่วิลล์ได้รับฟังในครั้งนี้ คือ การที่ฌอนพูดถึงเหตุการณ์สำคัญในอดีตในชีวิตของเขา 2 เหตุการณ์ ที่เราต่างรู้ผลลัพธ์ของมันเรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์แรกคือ เกมส์เบสบอลล์ที่ยิ่งใหญ่ที่ก่อนการแข่งขันทุกคนก็รู้ว่ามันจะต้องยิ่งใหญ่ ขนาดฌอนกว่าจะได้บัตรมายังต้องไปเข้าแถวรอ และเกมส์ก็จบลงอย่างยิ่งใหญ่จริงๆ จนกลายเป็นตำนาน ขนาดวิลล์ซึ่งยังไม่เกิดก็ยังทราบถึงรายละเอียดของเกมส์นี้ เหตุการณ์ที่สองคือ การที่ฌอนได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเขาเองก็รู้ว่า คนคนนี้ใช่แน่ แต่เขาไม่มีทางรู้ว่าความสัมพันธ์จะจบลงอย่างไร สุขหรือทุกข์ แต่ที่สุดมันก็จบลงแบบทุกข์ในช่วง 6 ปีหลังที่ผู้หญิงคนนี้ป่วย ฌอนต้องทิ้งอาชีพที่รุ่งเรือง และอยู่กับความเจ็บปวดของการสูญเสียจนถึงปัจจุบัน ฌอนชี้ให้วิลล์เห็นว่า ถึงที่สุดแล้ว เมื่อเราเลือกทางหนึ่ง เราไม่มีทางรู้ว่าอีกทางหนึ่งที่เราเลือกจะดีกว่าหรือแย่กว่า เหมือนเกมส์เบสบอลในคืนนั้นอาจจะออกมาแย่ก็ได้ แต่เราต้องเลือก และฌอนเลือกอันหลัง ถ้าหากเขาจะมานั่งเสียใจในปัจจุบัน ก็คงจะเกิดจากการละโอกาสที่จะได้รู้จักผู้หญิงคนนั้น คนที่วิลล์ไม่ยอมทิ้งเกมส์เบสบอลเพื่อแลกกับการรู้จัก เขากล่าวว่า I dont care if Helen of Troy walks into the room การไม่เลือกก็คือการเลือกแบบหนึ่ง
วิลล์ให้เหตุผลว่าเขาอยากอยู่ที่บอสตันต่อเพราะที่นี่เขามีงานและเพื่อน สกายลาร์ตั้งคำถามกลับไปว่า วิลล์กลัวอะไรจึงไม่กล้าตัดสินใจไปกับเธอ เราจะเห็นว่าสีหน้าของวิลล์แสดงความโกรธออกมา เขาถามกลับไปว่า แล้วเธอคิดว่าเขากลัวอะไร สกายลาร์จี้ไปตรงความกลัวของวิลล์ว่า เธอคิดว่าเขากลัวและไม่มั่นใจที่จะก้าวออกไปข้างนอก (Well, what arent you scared of? You live in this safe little world when no one challenges you.) คราวนี้วิลล์โกรธมาก (Dont tell me about my world.) เขาคิดว่าสกายลาร์ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรกับเขา เธอต้องการเพียงคู่นอนชั่วคราว เมื่อเธอไป Standford เธอก็คงจะพบและแต่งงานกับหนุ่มรวยๆ สักคนหนึ่งที่พ่อแม่ของเธอพอใจ สกายลาร์ปฏิเสธ พร้อมกับว่าวิลล์ว่า ตัวเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องเงินทอง ตัววิลล์เองต่างหากที่กลัวอะไรบางอย่างแต่กลับมาโทษว่าเป็นปัญหาของเธอ (Dont put your shit on me when youre the one thats afraid.) วิลล์ถามกลับไปว่าเธอคิดว่าเขากลัวอะไร (Youre afraid of me, you re afraid that I wont love you back.) เธอบอกกับวิลล์ว่า วิลล์อย่าคิดว่าเขากลัวคนเดียว เธอก็กลัวว่าเขาจะไม่รักเธอเช่นกัน เธอคิดว่าเขาปิดบังเธอเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของเขา เธอและผู้ชมจึงได้ทราบความจริงในตอนนี้ว่าวิลล์เป็นเด็กกำพร้าเคยถูกทารุณกรรมในวัยเด็ก สกายลาร์บอกว่าเธอรักเขาและต้องการช่วย จุดที่เปราะบางที่สุดของวิลล์ถูกเร้า เขาระเบิดอารมณ์ออกมาว่าเขาไม่ต้องการให้ใครช่วย และยุติความสัมพันธ์กับสกายลาร์ (I wont call you and I wont be in your life, if you say you dont love me.) วิลล์ตอบ (I dont love you.)
ใน session ต่อมา ฌอนเริ่มต้นด้วยการถามถึงความรู้สึกเหงาในตัววิลล์ (You feel like youre alone. Do you have a soul mate, somebody who challenges you.) ชัคกี้ คือคำตอบที่วิลล์ให้ ฌอนไม่ยอมรับคำตอบนี้ Im talking about someone who opens up things for you, touches your soul. คราวนี้วิลล์แสดงความรู้สึกอึดอัด แต่ก็ตอบว่ามี โดยบอกว่ามีมากและพยายามเลี่ยงที่จะให้รายละเอียด เมื่อถูกรุกมากขึ้นโดยฌอนให้บอกว่าเป็นใครบ้าง วิลล์ก็ยกบรรดานักเขียนทั้งหลาย Shakespear, Lock, Neiztche, Frost, Kant ฌอนแย้งไปว่า Theyre all dead Not to me วิลล์แย้ง แต่ฌอนก็พูดต่อไปว่า You dont have a lot of dialogues with them. You cant give back to them.
คราวนี้ฌอนเริ่มลงลึกขึ้นเมื่อเขามั่นใจว่า therapeutic relationship มั่นคง ฌอน clarify ถึงปัญหา interpersonal relationship ของวิลล์โดยเริ่มจากการที่วิลล์ไม่สามารถบอกชื่อคนเป็นๆ ที่เขาคบหาอย่างลึกซึ้งและกล้าที่จะเปิดเผยความในใจ Youll never have that kind of relationship in a world where youre always afraid to take the first step. Because all you see is very negative thing ten miles down the road วิลล์หนีจากประเด็นนี้ โดยเปลี่ยนไปพูดเรื่องงาน ว่าเขาไม่ต้องการงานที่แลมเบอร์หาให้
วิลล์กล่าวว่าเขาคิดว่าฌอนเป็นเพื่อนเขา แต่ทำไมฌอนกลับไล่เขาไป วิลล์โกรธ และทำร้ายฌอนเหมือนอย่างที่เขามักจะทำเวลาโกรธ แต่คราวนี้ไม่ใช่กำลัง แต่ด้วยคำพูด (verbal attack) Youre lecturing me on life? Look at you! Your fuckin burnt out. What mind your clock? ฌอนตอบ Working with you Wheres your soul mate? You wanna talk about soul mates? Where is she? ฌอนตอบสั้นๆ Dead วิลล์จึงวิจารณ์กลับถึงความไม่สมเหตุผลของฌอนบ้าง วิลล์เปรียบเทียบว่าพอภรรยาตาย ฌอนก็ขึ้นเงินและเลิกพนัน (ความหมายว่าหมดความหวังในชีวิต) ฌอนแย้งว่า อย่างน้อยเขาก็เคยลองที่จะสู้มาก่อน (ไม่เหมือนวิลล์ที่ไม่เคยพนัน ไม่เคยกล้าที่จะมี real relationship) วิลล์ confront บ้างว่า ใช่ที่ฌอนเคยสู้ แต่ฌอนก็แพ้และแพ้แบบหมดรูปไม่คิดที่จะลุกขึ้นมาสู้อีก ในขณะที่บางคนแพ้ขนาดนั้น (สูญเสียภรรยา) ก็ยังมีใจลุกขึ้นมาสู้ได้อีก
ฌอนสงบไม่โกรธ แล้วถามวิลล์กลับไปว่า Look at me. What do you wanna do? วิลล์อึ้ง
ฌอนจึงพูดต่อไปว่า You got a bullshit answer for everybody but when I ask you a very simple question and you cant give me a straight answer because you dont know ฌอนเปิดประตู และวิลล์เดินก้มหน้าออกไป
วิลล์ขอบคุณฌอน และหวังว่าจะมีโอกาสแวะมาหาฌอนบ้าง ฌอนให้ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ พร้อมกับบอกว่าเขาจะลองกลับไปพนันดูใหม่ พร้อมกับอวยพรวิลล์ว่า You do what s in your heart, youll be fine
เพื่อนๆ ทั้งสามคนให้ของขวัญวันเกิดเป็นรถยนต์เก่าๆ คันหนึ่ง ในวันรุ่งขึ้นวิลล์ก็ไปทิ้งจดหมายลาฌอน โดยบอกกับฌอนว่าเขาตัดสินใจทำในสิ่งที่หัวใจเขาเรียกร้อง โดยปฎิเสธงานที่สมัครไว้เพราะ I gotta see about a girl
ฉากสุดท้ายจึงเป็นฉากที่วิลล์ขับรถออกจากบอสตัน ทิ้งอดีตอันเจ็บปวดเพื่อเดินทางไปหาหญิงที่ไม่ใช่ Helen of Troy แต่เป็นคนที่เขาสามารถแบ่งปันความสุขและความทุกข์ หญิงคนที่เขากล้าเปิดเผยความไม่สมบูรณ์ในตัวให้เธอทราบ เป็นแรงบันดาลใจในชีวิต และเป็นคนที่ทำให้เขาเห็นด้านบวก ด้านลบ ด้านทุกข์ และด้านที่เป็นสุขของชีวิต
ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์
เขียนบทโดย Matt Daemon และ Ben Affleck
กำกับการแสดงโดย Gus Van Saunt
นำแสดงโดย Robin William
Matt Daemon
Mini Driver
Ben Affleck
รางวัล Oscar เขียนบทยอดเยี่ยม และรางวัลดาราประกอบชายยอดเยี่ยม (Robin William) ปีพ.ศ. 2541
บรรณานุกรม
Schneider I. The theory and practice of movie psychiatry. Am J Psychiatry 1987; 144:996-1002. Schneider I. Images of the mind: psychiatry in the commercial film. Am J Psychiatry 1977; 134:613-20 . Clara A. The image of the psychiatrist in motion pictures. Acta Psychiatr Belg 1995; 95:7-15 Dudley M. Images of psychiatry in recent Australian and New Zealand fiction. Aust NZ J Psychiatry 1994; 28:574-90. Sancho-Aldridge J, Gunter B. Effects of a TV drama series upon public impressions about psychiatrists. Psychol Rep 1994; 74:163-78 . Herschkopf IS. Dr. know-it-all in movie psychiatry. Am J Psychiatry 1988; 145:391. Carter-lourensz JH, Johnson-Powell G. Physical abuse, sexual abuse, and neglect of child. In: Kaplan HI, Sadock BJ, eds. Comprehensive textbook of psychiatry. 6th ed. Baltimore: Williams & Wilkins, 1995. Gabbard GO. Psychodynamic psychiatry in clinical practice. The DSM-IV edition. Washington: American Psychiatric Press, 1994. Wolberg L. The technique of psychotherapy. 3rd ed. Grune & Stration, 1977. Karasu TB. Wisdom in the practice of psychotherapy . Basic Book,1992. Dewald PA. Psychotherapy: A dynamic approach. Oxford: Blackwell Scientific,1969. สมพร บุษราทิจ. จิตบำบัดแบบอิงทฤษีจิตวิเคราะห์. กรุงเทพฯ: โครงการตำราศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, 2525. Beck AT, Rush JA, Shaw BF, Emery G. Cognitive therapy of depression. New York: The Guilford Press, 1979. Klar H, Frances A. Countertransference in focal psychotherapy. Psychother Psychosom 1984; 41:38-41 .
Source :จิตเวชบนแผ่นฟิล์ม : จิตบำบัดใน Good Will Hunting
Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...
มันเยอะ จัด ตาลายแล้ว
ได้เวลากลับบ้านแล้วจ้า ...เด๋ว มาอ่านนะจ๊ะ คนสวย..