The Last King of Scotland (2006):Charming. Magnetic. Murderous.
For the novel, see The Last King of Scotland. The Last King of Scotland is an award-winning 2006 film based on Giles Foden's novel of the same name. It was adapted by screenwriters Peter Morgan and Jeremy Brock and directed by Kevin MacDonald. The film was a co-production between companies from the United States and the United Kingdom, including Fox Searchlight Pictures and Film4.
The Last King of Scotland tells the fictional story of Dr. Nicholas Garrigan (James McAvoy), a young Scottish doctor who travels to Uganda and becomes the personal physician to the dictator Idi Amin (Forest Whitaker).
charming [ADJ] ที่ใช้เวทย์มนตร์, See also: ซึ่งใช้คาถาหรือเวทย์มนตร์, ที่ใช้พลังจิต, Syn. magic, magical, sorcerous, witching, wizard, wizardly
magnetic [ADJ] ซึ่งมีเสน่ห์ดึงดูด, Syn. attractive, charismatic, captivating
murderous [ADJ] เกี่ยวกับการฆาตกรรม, See also: เกี่ยวกับการฆ่า, Syn. homicidal, bloodthirsty
The Last King of Scotland (2006) บอกได้เลยหนังเรื่องนี้ กะเป็นหนังในดวงใจไปซะแล้ว ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ประเทศยูกานดา จะสวยขนาดนี้ มีเสน่ห์ จริงๆๆ หนังไม่ได้สื่อความโหดร้ายของ อีดี้ อามิน เท่าไหร่นัก แต่หนังสื่อ ภูมิประเทศ ความประทับใจ ของ หมอนิโคลาส ชาวสก๊อตแลนด์ และ กะค่อยๆๆเห็นความติงต๊องส์ในการปกครอง ประเทศของ อีดี้ อามิน
หมอนิโคลาส เรียนจบด้านการแพทย์ จากสก๊อตแลนด์ และเค้ากำลังคิดว่าจะทำอะไรให้ประโยชน์แก่คนอื่น อ่ากะเลือก ประเทศยูกานดาแหละ และเค้ากะไปทำงานที่ต่างจังหวัดของประเทศยูกานดา
ซึ่งตรงกะ ประธานาธิบดี อีดี้อามิน เข้ารับตำแหน่งใหม่ๆๆพอดี และ กำลังปราศรัยอยู่ หมอนิโคลาส คลั่งไคล้และชอบอีดี้อามินม๊ากก และซาร่ากะบอกว่า ไม่เกิน 2 ปี ล้างผลาญประเทศแน่ ไม่ว่าใครที่ใหน ปกครองประเทศ อย่าไปใส่ใจม๊ากก
อยู่ๆๆมีกองกำลังทหารติดตาม หมอนิโคลาสและซาร่า บอกให้ไปดูประธานาธิบดีหน่อย ท่านขับรถชนวัวอะ มือ อีดี้อามิน เคล็ด หมอนิโคลาสเข้าเฝือกที่มือให้ประธานาธิบดี และหมอนิโคลาส ลำคาณเสียงวัว เท่านั้นแหละชักปืน มายิงวัว ตายคาที่ อีดี้อามิน ตกใจม๊าก บอกว่า คุณเป็นอังกฤษ เหรอ หมอนิโคลาสบอกว่าไม่ใช่ I'M Scott ทำให้อีดี้ อามินประทับใจม๊าก ในความใจถึงของหมอนิโคลาส
อ่าอันนี้เข้าใจกันก่อนว่าชาว Scott นี้กะชาตินิยม กะไม่ถูกกะอังกฤษนักหรอก ถึงแม้อยู่ภายใต้การปกครอง เป็นหนึ่งใน The Great Britain ซึ่งประกอบไปด้วย England: London Scotland: Edinburgh Wales: Cardiff
ลึกๆๆ สก๊อตแลนด์ กะอยากเป็นอิสระ อ่า กะเหมือนกะ ประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครอง ในเครือของจักรภพ อังกฤษ ที่เรียกว่า คอมมอล เวล เช่น ยูกานดา อังกฤษ อุปโลก อีดี้ อามิน นายทหารที่แสนจะจน และดูว่าไม่มีสมองขึ้นมาปกครองประเทศ เพื่อที่จะกอบโกย ทรัพยากร และผลประโยชน์ ของประเทศยูกานดา และเมื่อหมดประโยชน์ กะเก็บอีดี้ อามินซะ
ถามว่า อีดี้ อามินรู้ม๊ะ กะรู้ และระวังตัว อังกฤษ ซึ่งเป็นหอกข้างแคร่ ตลอดเวลา
และอีดี้อามิน กะเรียกหมอนิโคลาสมาเป็นหมอประจำตัวประธานาธิบดี และให้เป็นที่ปรึกษา คนสนิท รักหมอนิโคลาสเหมือนลูกเลยแหละ
สิ่งที่หมอนิโคลาสเริ่มเห็น ความโหด ขึ้นมาเรื่อยๆๆ นั่งรถไปกะอีดี้ อามิน กะโดนลอบสังหาร เกือบตาย อีดี้ อามิน ฆ่าคนเป็นว่าเล่น ฆ่าคนที่ทำประโยชน์ให้เทศชาติ รัฐมนตรีประเทศแกเองแหละ ฆ่าหั่นศพเมียตัวเอง
ทำให้หมอนิโคลาส อยากหนีออกจากประเทศ และไปหานักข่าวอังกฤษ นักข่าวอังกฤษบอกว่า คุณมันกะคือ ไอ้แชมแปญซีขาว ของอีดี้ อามิน และอีดี้อามินกะบอกหมอนิโคลาส ว่า หมอรักยูกานดา หมอต้องอยู่ที่นี้
และการสิ้นสุดกะมาถึง บริหารประเทศไม่เท่าไหร่ เริ่มบ้าจี้ ไฮแจ็คเครื่องบินอีก คราวนี้ เจราจกะอิสราเอล และ อีดี้อามิน กะทรมาร สังหารหมอนิโคลาส สาเหตุคือ หมอนิโคลาสกะไม่ไหว เหมือนกัน กะวางยาลอบสังหาร อีดี้ อามิน แต่โดนจับได้ซะก่อน
และเพื่อนหมอนิโคลาสกะช่วยไว้ทัน และให้ทันขึ้นเครื่องตอนเปลี่ยนถ่ายเครืองบิน และบอกว่า คุณหนีไปให้ได้น๊ะ และไปบอก ให้คนทั้งโลกรู้ว่า อีดี้ อามิน มันโหดร้ายยังไง
อ่า หมอนิโคลาส กะหนีได้อ่า โลกกะได้รับรู้ความโหดของอีดี้อามิน
ต่อข้างล่างอ่า
Source : //movies.yahoo.com/movie/1808762866/photo/stills
//en.wikipedia.org/wiki/The_Last_King_of_Scotland_(film)
Create Date : 06 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 6 ตุลาคม 2550 11:28:49 น. |
|
14 comments
|
Counter : 2714 Pageviews. |
|
|
|
--อีดี้ อามิน ดาดา โอมี--
แสงใช้เวลาเดินทางจากดาวดวงหนึ่งมาถึงดวงตาเรา บางที่นานยาวนับล้านปี ดังนั้นเราจึงอาจได้เห็นดวงดาวที่ระเบิดไปแล้วยังเด่นสกาวอยู่บนฟ้า ทั้งที่ภาพนั้นแค่ร่องรอยที่ส่องมาปรากฏบนตาเรา อีกหลายร้อยปีหลังจากนั้นหรอก ภาพหายนะจึงจะเดินทางมาถึง แต่เมื่อพ้นชั่วอายุคน มีแต่ดวงตาของลูกหลานที่จะได้เห็นหายนะนั้น
เมืองหลวง คัมพารา Kampala
ในความเป็นมนุษย์ จะด้วยโชคดีหรือร้ายก็แล้วแต่ หากมีพลังอันหนึ่งซึ่งดำรงอยู่โดยตัวมันเองเหมือนโรคร้าย เกิดขึ้นบางครั้งในสถานที่เดียวกันแต่ต่างเวลา บางครั้งต่างทั้งเวลาและสถานที่ หากก็ต้องถือว่าเป็นโรคชนิดเดียวกัน นั่นคือ โครงสร้างแห่งสังคมรุนแรง ทั้งที่ประวัติศาสตร์เคยชี้ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นและก่อผลลัพธ์เช่นไร แต่ถึงที่สุด มันก็ยังเกิดขึ้นใหม่ในสังคมทุกยุค-ทุกสถานที่เป็นวัฏจักร ตราบเท่าที่ประชาชนยังอ่อนแอ และมีคนใช้อาวุธรุนแรงเพื่อยึดอำนาจ
คราวนี้จะแนะนำให้รู้จักกับ อีดี้ อามิน อดีตประธานาธิบดีแห่งอูกานดา กาฬทวีปแอฟริกา
= Amin at the February 2, 1971 presidential swearing-in ceremony
อีดี้ อามิน ดาดา โอมี เกิดในระหว่าง ค.ศ.1923 เขาเป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้องทั้งหมด 8 คน ภายหลังที่ครอบครัวมีปัญหา ผู้พ่อได้พออามินไปอยู่กับเขาในทางตอนใต้ของประเทศ และทั้งคู่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม
ฉากนี้ในหนัง ตอนผู้ต่อต้านอีดี้ อามิน ก่อการ้าย
อีดี้ เรียนไม่เก่ง และรักความรุนแรง ดังนั้นเขาจึงเลือกจะเข้าโรงเรียนนายทหาร ซึ่งขณะนั้นประเทศอูกานดายังอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ เขาจึงอยู่ในสังกัดของทหารอังกฤษ และจากการที่เขามีความสามารถด้านการชกมวยเป็นพิเศษ จึงได้รับการสนับสนุนจากกองทัพจนกระทั่งได้เป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท
Idi Amin on a ten shilling note
ต่อมาในปี 1962 อังกฤษได้ถอนกำลังออกจากอูกานดา และได้ประกาศให้เป็นประเทศเอกราช โดยมีนายกรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์คือ นาย มิลตัน โอโบต ซึ่งเป็นนักกฏหมายฝีมือดี และยังมีความรอบรู้ด้านรัฐศาสตร์อีกด้วย แต่มีจุดอ่อนอย่างสำคัญคือ เขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากชนเผ่าแลนจี ซึ่งถือว่าเป็นชนเผ่าที่เล็กมากในอูกานดา
ภูมิหลังจากชนเผ่าเล็กๆ ทำให้ประชากรจำนวน 24 ล้านคนของอูกานดาไม่ยอมรับนโยบายของนายกฯ ผู้นี้ จึงเกิดปัญหาในการดำเนินงานอยู่บ่อย ซึ่งต่อมาเขาพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหานี้โดยการเชิญ กษัตริย์ เฟรดดี้ (Freddy King) แห่งบูกานดา ชนเผ่าที่ใหญ่ที่สุดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก เพื่อเป็นกันชนระหว่างชนกลุ่มน้อย-ใหญ่ที่มีต่อเขา และคอยเชิดกษัตริย์ เฟรดดี้ไว้ในเบื้องหลัง ในขณะเดียวกันกับที่เขาต้องการลดบารมีของกษัตริย์ เฟรดดี้โดยการให้เขาเล่นการเมือง
จนปี 1966 มิลตัน โอโบต จึงได้เลือกเฟ้นขุนทหารที่เข้มแข็งพอจะมาเสริมเขี้ยวเล็บเขาให้ได้ อีดี้ อามิน จึงได้ใบเบิกทางเพื่อเข้าสู่เส้นทางในการเมืองจาก มิลตัน โอโบต ยกระดับจากนายสิบทหาร เลื่อนขึ้นมาเป็นทหารอารักขา
เริ่มงานแรก อีดี้ อามิน ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง โดยเขาได้ทำลายขวัญและกำลังใจของชาวบูกานดาด้วยการยิงถล่มพระราชวังของกษัตริย์ เฟรดดี้ จนข้าราชบริพารชาวบูกานดา ขวัญหนีดีฝ่อ ด้วยปืนกลหนัก ขนาด 122 มม. ซึ่งใช้ติดตั้งรถถัง แต่ขนส่งมาด้วยรถจี๊บ แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ชาวบูกานดาล้วนต่างขวัญหนีดีฝ่อ โดยเฉพาะกษัตริย์เฟรดดี้ ที่ลี้ภัยไปยังสหราชอาณาจักร และไม่ได้กลับประเทศอูกานดาอีกเลยจนสิ้นพระชนม์
การลี้ภัยไปของกษัตริย์ เฟรดดี้ นอกจากจะถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของอีดี้ อามิน แล้ว ยังส่งผลให้นายกรัฐมนตรี มิลตัน โอเบต อยู่ในตำแหน่งต่อมาได้ถึง 4 ปี
แต่แล้ว เดือนมกราคม 1971 หลังที่มิลตัน โอโบต ต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อร่วมงานชุมนุมประเทศในเครือจักรภพอันเป็นเมืองขึ้นเก่าของอังกฤษ ในประเทศสิงห์โปร์ อีดี้ อามิน ก็ได้วางแผนสั่งปลดนายกรัฐมนตรีคนแรก ซึ่งเป็นนายเหนือหัวของเขาอย่างหน้าตาเฉย ทั้งยังไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวาง เนื่องจาก อี้ดี้ อามินระดมกำลังบุกยึดส่วนสำคัญต่างๆ เช่น การสื่อสารมวลชน กระทรวงกลาโหมและต่างประเทศ พร้อมกับสถาปนาตนเองให้นานาชาติรู้ว่า อูกานดา เปลี่ยนผู้นำคนใหม่แล้ว
ปรากฏการณ์ครั้งนั้นทำให้ มิลตัน โอโบต อดีตนายกรัฐมนตรีต้องกลืนเลือด เนื่องจากการกระทำของอีดี้ อามิน อดีตคนสนิทของเขาทำให้เขาต้องกลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และอยู่ในสภาพที่ถูกเนรเทศโดยสมบูรณ์แบบ จึงเป็นความแค้นที่ฝังทรวงชั่วชีวิต
อีดี้ อามิน รับรู้ว่า แม้จะไม่มีผู้ใดขัดขวางเส้นทางการเมืองของเขา แต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่นนัก เพราะอาจมีการรัฐประหารเงียบเกิดขึ้นก็ได้ จึงเริ่มต้นการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับชนเผ่าบูกานดาว่า ตัวเขาเองนับถือกษัตริย์เฟรดดี้ที่ต้องเนรเทศตนเองไปต่างแดนจนสิ้นพระชนม์(โดยลืมไปสนิทว่าตัวเขาเองคือคนที่ข่มขู่กษัตริย์ เฟรดดี้) แม้วันที่นำพระศพของกษัตริย์เฟรดดี้กลับมายังอูกานดา เขาก็ให้ความสะดวกในการขนพระศพกลับมา เพื่อเรียกคะแนนความชื่นชมกับชาวบูกานดา
ไม่เพียงเท่านั้น อีดี้ อามิน ยังมีคำสั่งให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองของอูกานดา ที่เคยตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับอดีตนายกรัฐมนตรี มิลตัน โอโบต เป็นจำนวนมากอีกด้วย
ภายหลังเข้ารับตำแหน่งเพียง 1 เดือน อีดี้ อามิน ก็เข้าปรับเปลี่ยนระบบกองทัพของอูกานดาเกือบทั้งหมด โดยพยายามวางรากฐานการพัฒนายุทโธปกรณ์ให้สมบูรณ์แบบ และเรียกผู้นำทหารระดับสูงเข้าประชุมในเรือนจำมาคินยี โดยอ้างประกาศว่าจะมีการเลือกเฟ้นเหล่าทหาร เพื่อจัดฟอร์มทีมเป็นรัฐบาลทหารที่เยี่ยมยุทธ แทนบรรดานักกฎหมายและนักการเมือง แต่แท้ที่จริงแล้ว ผลลัพธ์หลังจากนั้นก็คือการสังหารหมู่ทหารกลุ่มนี้ เนื่องจากความกังวลว่ามาจากชนเผ่าอื่นที่ไม่ภักดีกับเขา และภายหลังจากนั้น การสังหารโหดก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการสถาปนาคนเชื้อสายแค็กว่า เดียวกันกับเขา ไม่ว่าจะเป็นคนขับแท็กซี่ หรือคนล้างจาน ให้เป็นนายทหารระดับสูงเพื่อคุมกองทัพ
สิ่งบัดซบต่อมาของรัฐบาลอีดี้ อามิน ก็คือวิธีการหาเงิน ทั้งนี้เนื่องจากการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยและโดนคว่ำบาตรจากมิตรประเทศ ทำให้อีดี้ ผลิตเงินขึ้นมาใช้เองโดยไม่คำนึงถึงเงินตราสำรอง ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ(ขนมปังปอนด์ละ 35 ดอลล่าร์)คล้ายกับเยอรมันในยุคนาซี ในเดือนสิงหาคม ปี 1972 เขาได้มีนโยบายขับไล่ชาวเอเชียซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าทั้งชาวอินเดีย จีน และไทย ออกจากประเทศภายใน 90 วัน พร้อมกับยึดเอาทรัพย์สินมาเสวยสุขสำราญได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
สิ่งเลวร้ายที่สุดในบรรดาวิธีการหาเงิน ก็คือการตั้งองค์กรสังหารหมู่(SRB) ขึ้นมา ภายใต้ชื่อองค์การสืบหาศพ เนื่องจากชาวอูกานดามีความเชื่อเรื่องการนำศพไปประกอบพิธี เพื่อมิให้วิญญาณหลงไปในอบายภูมิ โดยองค์กรนี้จะคิดค่าสืบหา 150 ปอนด์(ราวหนึ่งหมื่นบาท) ต่อศพ การทำงานในเวลากลางวันพวกเขาจะออกไปตระเวนหาคนเพื่อนำมาซุกซ่อน รอการสังหารในเวลาค่ำ และรอญาติจ้างสืบหา หากศพใดไม่มีญาติติดต่อก็จะโยนลงแม่น้ำไนท์เป็นอาหารอันโอชะของจระเข้ หากด้วยปริมาณศพไร้ญาติเพิ่มขึ้นทุกวัน ขนาดจระเข้ยังกินไม่ไหว ผลสุดท้ายศพเหล่านี้ก็ลอยไปกองกันอยู่ที่เขื่อนสร้างกระแสไฟฟ้า วันละไม่ต่ำกว่า 50 ศพ กลายเป็นปัญหาเรื่องการจ่ายกระแสไฟ
มีเรื่องที่เลวร้ายอีกมากอันเกิดจากการปกครองประเทศเพียง 8 ปี ของอีดี้ อามิน แม้กระทั่งการสั่งหั่นศพภรรยาตัวเอง แล้วให้ลูกสาวเข้าไปดูศพแม่ เพื่อไม่ให้ใครกล้าหักหลังเขา หรือแม้แต่การแช่ศีรษะมนุษย์ไว้ในช่องฟรีส หากอำนาจของ อีดี้ อามิน ก็ต้องสิ้นสุดลง เมื่อเขาวางท่าเป็นศัตรูกับแทนซาเนีย และส่งทหารไปตรึงกำลังที่ชายแดนโดยอ้างว่าถูกแทนซาเนียบุกและรุกเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน ทว่ารัฐบาลแทนซาเนียไม่นึกสนุกด้วย กลับไล่ตีตอบกลับมา และรุกเข้าไปจนถึงกรุงกัมปาลา เมืองหลวงของอูกานดา โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชนอูกานดา เสมือนไม่ใช่การบุกรุก และการรบครั้งนี้ก็มิได้ยากเย็นใดเลย เมื่อทหารของอีดี้ อามิน ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่ไม่ได้ถูกฝึกรบมาก่อน เหตุการณ์นี้ทำให้ อีดี้ อามิน ต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศลิเบียร์ด้วยเครื่องบินส่วนตัว ก่อนที่จะอพยพต่อไปยังประเทศซาอุดิอาระเบีย และอยู่ที่นั่นจนวาระสุดท้าย เขาจากโลกนี้ไปด้วยโรคความดันโลหิตสูงและไตวายในปี 2003
สรุปแล้วภายใต้การปกครอง 8 ปี ของ อีดี้ อามิน มีประชาชนเสียชีวิตไปจากเงื้อมมือของเขากว่า 5 แสนคน กลายเป็นประวัติศาสตร์เผด็จการทหารที่โลกต้องจดบันทึก
มีเกร็ดย่อยเกี่ยวกับอีดี้ อามิน อีกมากที่ไม่ได้กล่าวถึง ทั้งในเรื่องความขัดแย้งกับอังกฤษ อิสราเอล และความสัมพันธ์กับโมฮัมหมัด กัดดาฟี ประธานาธิบดีลิเบีย แต่สำคัญกว่านั้น อยากให้มองไปที่ โครงสร้างของความรุนแรง ในแบบฉบับเผด็จการ โครงสร้างเรื่องราว ตัวละครของเรื่อง และเปรียบเทียบจุดเริ่ม จุดจบ อย่าลืมนะครับว่าบทบาทของเราในเรื่องนี้ คือ ประชาชน ซึ่งอาจเป็น 1 ใน 500,000 คน ที่จบชีวิตไปก็ได้
Source : //www.softganz.com/meeped/index.php?file=webboard&obj=forum(1553)
//en.wikipedia.org/wiki/Idi_Amin
//www.foxsearchlight.com/lastkingofscotland/