11 Yangfang HutongDenei DajieBeijing, China Tel: +86 10 6618 0107, วันนี้ขอเอาของเก่ามาขายกินเพื่อต้อนรับโอลิมปิคที่ปักกิ่งค่ะ (เกี่ยวกันมั๊ยเนี่ย...)ร้านอาหารที่จะพาไปเป็นร้านท๊อปฮิตติดอันดับแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มาเที่ยวกันเองแบบครอบครัว แต่ถ้ามากับทัวร์จะไม่มาลงที่ร้านนี้ คงเป็นเพราะร้านเล็กไม่พอที่จะรองรับนักท่องเที่ยวเป็นกรุ๊ปใหญ่ ส่วนทัวร์ไทยคงไม่คุ้มที่จะพามาเพราะราคาต่อหัวค่อนข้างสูง อีกกลุ่มคือกลุ่ม expat ที่ทำงานอยู่ที่ปักกิ่ง จะไว้พาแขกต่างเมืองมาเลี้ยง ลูกค้าร้านนี้จะเป็นฝรั่งกับญี่ปุ่นแยะค่ะ ร้านอยู่ใน Hutong หรือหูท่งที่แปลว่าซอย ย่านที่อยู่อาศัยเก่าแก่ เป็นตรอกเล็กซอกน้อย บ้านสร้างล้อมลานกว้างตามแบบโบราณที่มีอยู่ทั่วประเทศจีน บ้านแต่ละหลังจะเป็นห้องเล็กๆ แค่ไม่กี่ตารางเมตร เลยทำให้แต่ละบ้านไม่มีห้องน้ำในตัวต้องใช้ห้องน้ำรวมที่เป็นห้องน้ำสาธารณะที่อยู่ในหมู่บ้าน แม้กระทั่งจะซักผ้าล้างจานก็ต้องไปใช้ก๊อกน้ำสาธารณะเหมือนกัน เวลาเข้าไปใน หูท่งอาจจะเห็นคนมาซักผ้า ล้างจานอยู่บนถนนเป็นเรื่องปกติ (เสียดายรูปตอนที่ไปทำงานที่ปักกิ่งหายไปเกือบหมดตอน notebook ที่ใช้อยู่ประจำเดี้ยงไปเมื่อปีที่แล้ว ตอนทำงานที่นั่นถ่ายรูปไว้แยะ เพราะชอบออกไปเที่ยวตะลอนกางแผนที่เที่ยวคนเดียวในวันหยุด...เสียดายมากๆ เลย ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวปักกิ่ง นอกจากที่เที่ยวอื่นๆ ที่นิยมกันแล้ว ยังไงก็อย่าลืมที่จะมีรายการเที่ยวหูท่งไว้ด้วย เดินเข้าซอยโน้นซอยนี้กลมกลืนไปกับคนที่นี่ พอเมื่อยก็หาสามล้อสักคันพาเที่ยว(ต้องต่อราคาดีๆ นะคะ งั้นนักท่องเที่ยวโดนฟันหัวแบะ ตอนคนที่เมกามาเที่ยวหาก็พามาซอกแซกนั่งสามล้อเที่ยวแบบนี้ ทั้งที่จริงๆ แล้วก็แอบกลัวเจอบ่นเหมือนกัน แต่กลายเป็นว่า 10 วันในปักกิ่ง เธอบอกว่าประทับใจตอนนั่งสามล้อเที่ยวหูท่งมากที่สุด เพราะให้ความรู้สึกว่าได้มาถึงปักกิ่งจริงๆ (รูปบรรยากาศของหูท่งบางรูปดึงมาจาก website ท่องเที่ยวค่ะ) ในหูท่งเดี๋ยวนี้มีร้านอาหารเปิดอยู่มากมายไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ร้านนี้จะมีจุดขายคือเป็นอาหารชาววัง ร้าน Family Li's Dishes Restaurant หรือภัตตาคารตระกูลหลี่ ให้บริการอาหารฮ่องเต้ที่คิดค้นขึ้นในวังเพื่อทำขึ้นโต๊ะเสวย ซึ่งมีกรรมวิธีการปรุงที่ซับซ้อนยุ่งยาก สูตรอาหารเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์ชิง (ปี 1644-1911) โดยที่ปู่ปู่ทวดของ Professor Li Shan Ling ที่เป็นเจ้าของร้าน เคยทำงานเป็นหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย(ไม่รู้จะเรียกเป็นภาษาไทยว่าอะไรดี)ในวังสมัยราชวงศ์ชิงได้เก็บรวบรวมไว้ เพราะขั้นตอนอาหารทุกอย่างที่ปรุง ตั้งแต่ชื่ออาหาร วัตถุดิบในการปรุง สัดส่วน วิธีการปรุง แผนกนี้จะเป็นผู้ตรวจสอบ ทุกขั้นตอนเพื่อความปลอดภัยก่อนที่จะออกเสริฟให้กับจักรพรรดิและเหล่าราชวงศ์ ร้านเล็กๆ ทำในครอบครัวนี้ เปิดบริการตั้งแต่ปี 1985 ทางเข้าร้านเป็นซอกเล็กๆ ในซอยเล็กๆ ดีว่าเพื่อนที่มาด้วยพูดจีนได้คล่องเลยไม่มีปัญหา (แต่ก็เดินหลงอยู่นานเหมือนกัน) ถ้าไม่แน่ใจว่าจะมาถูก ทางร้านก็มีบริการรับจากโรงแรมด้วยค่ะ จะมาทานอาหารที่ร้านนี้ต้องโทรจองล่วงหน้าด้วยนะคะ(ของเราจอง 3 วัน) ที่ต้องจองเพราะร้านดัดแปลงบ้านเป็นร้านอาหาร อย่างที่บอกตอนแรกว่าแต่ละบ้านจะพื้นที่เล็กมาก แต่ละห้องตั้งโต๊ะได้เพียง 2-3 โต๊ะเท่านั้น ห้องที่เราได้ตั้งโต๊ะได้แค่ 3 ชุดเล็กโต๊ะละ 4 ที่เองค่ะ ให้ห้องนี้มีลายมือวาดด้วยพู่กันจีนของ Pu Jie พระอนุชาของจักรพรรดิองค์สุดท้าย เขียนให้กับตะกูลหลี่ว่า Li Family Dishes ใส่กรอบแขวนไว้ด้วย (หรืออาจจะมี copy ทุกห้องก็ได้ อาหารจะจัดเป็น set menu มีให้เลือกตั้งแต่ราคา 200 หยวนต่อหัว จนถึง 1000 กว่าหยวนต่อหัว รายการอาหารสำหรับทุกราคาจะมีจำนวนจานเท่ากัน แต่วัตถุดิบในการปรุงจะต่างกัน เหลือบดูเมนูราคาแพงนอกจากรังนกแล้วอาหารส่วนใหญ่จะเน้นอาหารทะเลพวก Lobster Scallop เนื้อปู หูฉลาม ประมาณนี้ มีไวน์แถมให้ด้วย ส่วนของเรากินเอาประสพการณ์เลยเลือกเมนูในราคาถูกที่สุด หัวละ 200 หยวน เครื่องดื่มฟรีเฉพาะน้ำชา เครื่องดื่มอื่นต้องสั่งเองต่างหากรายการอาหารจะเริ่มต้นด้วย Small Dishes หรือ Appetizers ทั้งหมด 10 อย่าง ตามด้วย Main Courses 8 อย่าง ซุป 1 ถ้วย และก็ข้าวเปล่าเติมไม่อั้น มีขนมเป็น Chinese Pancake กับผลไม้เป็นของหวานตบท้ายเห็นรายการอาหารแบบนี้ตอนแรกตกใจค่ะว่าจะกินกันหมดมั๊ยเนี่ย ไปกัน 3 คนอาหารตั้งเกือบยี่สิบอย่าง แต่พอ Small Dishes ชุดแรกออกมา small จริงๆ เอิ๊ก..เอิ๊ก...บางรูปไม่ค่อยชัดนะคะเพราะมัวแต่ห่วงกินน่ะ แหม....เล่นจานกระจุ๋มกระจิ๋มขนาดนี้ แต่ดีอย่างที่อาหารแบบที่เสริฟเป็นชิ้นนี่จะนับชิ้นตามจำนวนคนมาเลย จะได้ไม่ต้องเกี่ยงกัน จานแรกที่เห็นช่างประดิดประดอย เป็นก้านผักกาดขาวนึ่งม้วนมาเป็นชั้นๆ ราดด้วยมัสตาร์ดซอสกับน้ำมันงา พอดีชอบกินมัสตาร์ดก็เลยว่าอร่อยดีค่ะ ถัดไปก็เป็นออร์เดริฟเย็นที่เห็นทั่วไป ผักดองในน้ำส้มกับน้ำตาลโรยด้วยงาขาว ก้านคึ่นไช่ลวกราดด้วยน้ำมันงา หมูย่างรมควัน จานนี้ไม่ได้ชิม แต่เพื่อนบอกว่านุ่มอร่อยดี 2 จานหลังนี่ดูแหยะๆ ไม่น่ากินแต่ขอบอกว่าอร่อยมากๆ เต้าหู้ถั่วเขียว ผัดกับเนื้อปูจนเนื้อเนียน กับอีกจานเป็นเต้าหู้ผัดกับน้ำมันพริก พอดีเพื่อนอีก 2 คนเห็นว่าเราไม่กินหมูเลยยก 2 จานนี้ให้เราคนเดียว อร่อยจนค่อยๆ ละเอียดกินแบบกลัวมันจะหมด รากบัวทอดรูปไม่ค่อยชัดนะคะ รสชาติไม่คุ้นเลย Spicy Chicken เนื้ออกไก่กับ Onion Sauce จานนี้ออกหวานนิดหน่อย ดูดำๆ ไม่น่ากิน แต่อร่อยมากไก่เนื้อนุ่มซอสซึมเข้าไปถึงข้างใน แถมเพื่อนใจดียกให้อีก 1 ชิ้นชดเชยที่เราไม่กินหมู เต้าหู้ถูกหน่อย ให้คนละ 2 ชิ้นเลย กินแล้วธรรมดาไปนิ๊ด ชุด Small Dishes นี่จะมี Spicy Beef อีกอย่าง กินเพลินไปหน่อยค่ะเลยลืมถ่ายรูปไว้อาหารก็จะทยอยมาเรื่อยๆ ตอนนี้ก็จะเป็น Main Course แล้ว แต่ถึงจะเป็น Main Course จานก็ยังคงขนาดจุ๋มจิ๋มเช่นเคย ผัดจานแรกสีแดงๆ นั่นเป็น กุ้งกับเนื้อไก่ผัดเหล้าจีน ใส่ถั่วลิสงกรอบกับพริกหวาน โรยด้วยข้าวแดงหมักบด เนื้อไก่ชุบแป้งทอดเห็นแล้วนึกถึงไก่ตระกร้า ชุบแป้งได้บางกรอบดีค่ะ Beijing Duck ให้กินแค่คนละคำพอ ลองกินเป็ดปักกิ่งมาหลายร้าน ยังไงเราว่าเป็ดปักกิ่งเมืองไทยอร่อยกว่าแย๊ะ.. จานล่างสุดที่มัวๆ นั่นเป็นมะเขือม่วงผัดแฉะๆ จานนี้เป็นอาหารยอดนิยมของคนที่นี่เลยมังคะ เพราะเวลาไปกินข้าวกับคนจีนที่ทำงาน เห็นสั่งกันทุกที แต่ร้านนี้จะต่างตรงที่ไม่มันเหมือนที่เคยกิน กุ้งทะเลตัวโตๆ ทอดกรอบ ราดด้วยซอสหวานๆ โรยด้วยขนมปังกรอบ หมูย่างเนื้อหนาเชียว จานนี้ไม่ได้กินเลยบอกไม่ได้ว่าอร่อยหรือเปล่า ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน จานนี้ก็ไม่ได้กินอีกแล้ว แต่เพื่อนบอกอร่อยมาก เนื้อร่อนจากกระดูกเลยล่ะ... ปลากะพงเปรี้ยวหวาน ปลาทอดกรอบๆ ราดซอสเปรี้ยวหวานเหมือนปลาราดพริกของไทย แต่ของไทยอร่อยกว่าค่ะ ข้าวเปล่ามาถ้วยใบย่อม แต่ก็เติมฟรีตลอด สุดท้ายก็เป็นซุปปักกิ่งค่ะ เป็นซุปใสจืดชืด....ถึงว่าเรียกซุปปักกิ่ง เพราะกินมาหลายร้านแล้วน้ำซุปที่ปักกิ่งเค้ารสชาติเป็นยังงี้จริงๆ ปรุงยังไงก็ไม่อร่อยสักที Chinese Cake ก็เหมือนขนมกุ๊ยช่ายทอด แต่แป้งออกจะแข็งหน่อย ขนมกุ๊ยช่ายบ้านเราแป้งนุ่มเหนียวอร่อยกว่า ปิดท้ายด้วยผลไม้รวมคนละจานค่ะอาหารร้านนี้โดยรวมอร่อยดีค่ะ ตรงที่ไม่เค็มไม่มันเหมือนอาหารจีนทั่วไปในปักกิ่ง ราคาติดออกจะแพงหน่อย แต่มาทั้งทีก็กินเป็นประสพการณ์ค่ะว่าชิมอาหารฮ่องเต้ของแท้มาแล้ว (ถึงจะแท้จริงหรือแค่โฆษณาเพื่อการตลาดก็เหอะ)