อืม
อะไรคือการเปิดหัวข้อใหม่ของปี 2014 ตอนเดือนพฤศจิกา
บางทีอาจจะไม่ใช่อะไร นอกจากความรู้สึกอยากหาที่ไหนเขียนอะไรสักหน่อย ไม่ได้เขียนอะไรยาวๆ ที่เป็นเรื่องของตัวนานแล้ว
บางทีช่วงปีหลังๆ นี้อาจจะอยู่กับตัวเองมากเกินไป แต่นึกไปแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่อยู่กับตัวเอง เพียงแต่สภาพสังคมก่อนหน้านั้นอาจจะบังคับให้ต้องเจอมนุษย์มากกว่า มีคนบอกว่าอยู่กับตัวเองนานเกินไปก็จะฟุ้งซ่าน
บางทีอาจจะฟุ้งซ่านจริงๆ ก็ได้ ถ้าหาอย่างอื่นทำ ความคิดก็อาจจะเปลี่ยนไป แต่มาคิดอีกที ตั้งแต่นานมาแล้วก็มีแนวโน้มที่จะสำรวจความคิดจิตใจของตัวเองแบบนี้ ซึ่งคนอื่นอาจจะทำหรือไม่ทำก็ได้ เพียงแต่ในช่วงเวลาที่ "ฟุ้งซ่าน" นั้นเหมือนตกลงไปในหลุมอะไรสักอย่าง และปีนไม่ขึ้น จนกว่าจะถึงเวลาที่จะปีนขึ้นได้ (ข้อความชวนงุนงง) การปีนขึ้นได้นั้นไม่ได้หมายความว่า มีกลเม็ดเคล็ดลับอะไรที่จะใช้ได้ทุกครั้ง ตั้งแต่อยู่มาจนถึงตอนนี้ สิ่งเดียวที่เรียนรู้ขึ้นมาคือรู้ว่ามีหลุมอยู่ ตูกำลังตกหลุม และรู้ว่าสักพักก็จะขึ้นจากหลุมเอง และห้ามตั้งความหวังอันบรรเจิดด้วยว่าเดี๋ยวทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็จะหลุดจากหลุมได้ ยิ่งคาดหมายเท่าไหร่ จักรวาลจะยิ่งไม่ส่งอะไรมาให้
จักรวาลเป็นอะไรที่ชอบแกล้ง ชอบเซอร์ไพรส์ หรือไม่ก็ตูนี่เองที่ชอบเซอร์ไพรส์
ถ้าหากอยู่ในหลุม ความคิดจะคับแคบอึดอัด แต่ก็ออกไปไม่ได้ วนเวียนอยู่กับหัวข้อที่คิดไปก็ไม่มีประโยชน์ และไม่เหมือนกันว่าจะคิดไปทำไม เป็นเหมือนภาพสะท้อนบุคลิก ว่าเอ็งกลัว ไม่ชอบ อยากแก้ไขอะไรรอบๆ ตัว แต่สิ่งที่แก้ไขไม่ได้ บางทีก็เป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ (หรือบางทีตูอาจจะแค่ขี้เกียจ)
ในหลุมอันวนเวียนนี้ สิ่งหนึ่งที่บางทีก็ช่วยได้ คือการเขียนอะไรอย่างนี้ ภาวะที่เขียนออกมาก็เหมือนภาวะที่ปล่อยให้บางอย่างไหลผ่านตัวไป บางทีอาจจะเหมือนที่คนบางคนพูดอะไรให้คนอื่นฟัง แต่ทางนี้มีคนที่จะพูดให้ฟังอย่างลื่นไหลแบบนั้นได้ไม่กี่คน และแต่ละคนก็ฟังเรื่องได้คนละแบบกันไป ส่วนหนึ่งเพราะหาคนที่ยอมรับทั้งหมดของเราอย่างไม่ตัดสินเป็นเรื่องยาก และอีกส่วนก็เพราะทางนี้ก็มีความระแวง ความอยากโชว์แต่ด้านดีๆ ตลอดจนความรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่คาดเดาปฏิกิริยาไม่ได้
อีกฝ่ายก็เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ คนแต่ละคนล้วนอยู่ในจักรวาลของตัวเอง ซึ่งตั้งแต่แรกมาก็ทำให้ทางนี้คิดมากเกินไป พอพบใครบางทีก็จะคาดเดาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่บางทีไม่ควรจะคาดเดา จนกว่าจะรู้ตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองว่าควรจะเล่นบทไหน ก็จะยังคงไม่แน่ใจ ถ้าอีกฝ่ายเกิดไม่ยอมให้ทางนี้เล่นบทนั้น ทางนี้ก็จะเริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน เมื่อไรที่ไม่แน่ใจก็จะถอยออกมา เพราะอีกฝ่ายคาดเดาไม่ได้แล้ว เป็นเรื่องอันตราย
นี่คือการดูตัวเองแบบ clinical มาก ซึ่งบางทีก็ไม่ได้เป็นอย่างนี้หรอก เพียงแต่มีแนวโน้มจะเป็นอย่างนี้อยู่หลายส่วน เวลาอยู่ในสภาพที่ไม่แน่ใจ
เขียนออกมาแล้วก็ไม่เป็นสาระอะไร เพียงแต่เหมือนปล่อยให้บางอย่างไหลผ่านหรือไหลออกไปจากตัวเอง พอไหลออกไปแล้ว สภาพจิตก็จะ shift ไปนิดหน่อย และหลุมที่ตกอยู่ก็จะดูตื้นลง
Create Date : 20 พฤศจิกายน 2557 |
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2557 1:14:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 464 Pageviews. |
|
|