bloggang.com mainmenu search

คอลัมน์ แรงบันดาลคน
โดย เชตวัน เตือประโคน








8 พ.ค.55 เธอลาจากพรากไปจากฉัน
ทั้งที่ฉันเฝ้ารอให้เธอกลับมาทุกคืนวัน
แล้วฉันจะอยู่ได้อย่างไรไม่มีเธอ

ถึงเธออยู่ข้างใน ฉันอยู่ข้างนอก
เรายังพร่ำบอกห่วงกันเสมอ
ถึงจะมีเวลาเล็กน้อยก็คอยเจอ
ไม่เคยเผลอจืดจางห่างกัน

หลับเถิดคนดีสุดที่รัก
เธอจงพักอย่าได้โศรกศัลย์
เราจากแต่กายที่ห่างกัน
แต่ใจเธอใจฉันนั้นไม่ไกล


เธอเขียนบทกวีชิ้นนี้ หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของ "คนรัก"
คนรักที่แต่งงาน อยู่กินด้วยกันมากว่า 40 ปี
แต่ในที่สุด เขาก็ต้องมาเสียชีวิตในเรือนจำ

หลังจากที่ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 20 ปี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความคิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

ใช่! ผมกำลังพูดถึงกรณีการเสียชีวิตของ "อากง"
"อากง" หรือ "นายอำพล ตั้งนพกุล"

และผู้ที่เขียนบทกวีบรรยายความรู้สึกนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น
"ป้าอุ๊" -"รสมาลิน ตั้งนพกุล" ผู้เป็นภรรยานั่นเอง

"กลับบ้านเรานะ ตอนนี้เค้าปล่อยตัวลื้อแล้ว"

ประโยคของป้าอุ๊ ในวันเดินทางไปรับศพอากงที่เรือนจำ ยังตรึงอยู่ในความทรงจำของใครต่อใครอีกหลายคน


26 สิงหาคมที่ผ่านมา

ที่วัดลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร มีงานฌาปนกิจ "อากง" ใช่ไหม? ในฐานะนักข่าวคนหนึ่ง ควรอย่างยิ่งที่จะต้องเดินทางไปร่วมงานและทำข่าว

ในฐานะข้อเท็จจริง และนี่ก็คือ "ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น" จะเลี่ยงไม่เอ่ย ไม่กล่าว ไม่ไปดูเลยก็กระไรอยู่

ผมออกจากบ้านตอนบ่ายโมงตรง นัดกับน้องนักข่าวและช่างภาพที่วัด

เมรุวัดลาดพร้าว ประดับประดาด้วยดวงไฟ ดอกไม้ งดงาม ที่บันไดทางขึ้น มีรูปอากงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน มีดอกไม้จันทน์สีแดง เตรียมไว้สำหรับผู้มาร่วมงาน

คนทยอยมาร่วมงานมากขึ้นเรื่อยๆ

บ้างใส่เสื้อแดง
บ้างใส่เสื้อดำ
บ้างใส่เสื้อขาว

ทั้งที่ภาวนาจะมองหาคนเสื้อเหลือง รวมถึงเสื้อสีอื่นๆ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครโผล่มาให้เห็นสักคน ทั้งๆ ที่กรณีของอากง เจ้าภาพอยากให้คนสีเสื้อเหล่านี้มาไว้อาลัยเป็นที่สุด

ตระเวนส่งจดหมายเชิญร่วมงานศพ "อากง" มากมาย
แต่เหล่าบุคคลสำคัญเหล่านั้นก็ไม่มีใคร "หาญกล้า" ที่จะมาร่วมงานส่งดวงวิญญาณอากง

มิพักพูดถึงตอนที่ชายชราวัย 61 ปี ผู้นี้ต้องต่อสู้ในเรื่องคดี

ผมไม่ได้ฟังอาจารย์ "สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล" อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ พูดในคืนตั้งศพที่วัดลาดพร้าววันแรก แต่ได้มาดูย้อนหลังใน "ยูทูบ"

และมีโอกาสได้นั่งสนทนา กดเทปอัดสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้

"ความกล้าหาญทางคุณธรรม"
คัดต่อมาจากยูทูบ อาจารย์สมศักดิ์บอกว่า
นี่คือประเด็น "ความกล้าหาญทางคุณธรรม" ที่ผมพูดถึง

เรื่องนี้ มันควรเป็นเรื่องที่ "อยู่เหนือการเมือง" ในความหมายที่ว่า ไม่ว่าคุณจะมีทรรศนะทางการเมืองอย่างไร แม้แต่เป็นรอยัลลิสต์เอง ก็ต้องรู้ว่า มันผิด ที่เป็นไปแบบนั้น

"ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า คุณรู้ว่า มันผิด แต่คุณมีความกล้าไหม ที่จะบอกออกมา และเรียกร้องออกมา แม้ว่ามันจะขัดแย้งกับการเมืองของฟากคุณก็ตาม

"ผมว่าสังคมไทย มีปัญหามากๆ ในเรื่องนี้แหละ"
น่าสนใจต่อว่า แล้วอะไรที่ทำให้คนไม่มีความกล้าหาญทางคุณธรรม ตามที่อาจารย์สมศักดิ์ว่า

ทั้งที่กรณีนี้อยู่เหนือสีเสื้อทางการเมือง

ขณะที่นั่งคุยกับ อ.สมศักดิ์ ฝนลงเม็ดอยู่ตลอดเวลา
พระเทศน์ 1 กัณฑ์
ส.ส.แกนนำคนเสื้อแดงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นพูด

ฝนเริ่มบางเบา แต่ยังไม่หยุดตกเสียทีเดียว

พิธีทอดผ้าบังสุกุล

บทกวีไว้อาลัยโดย "ไม้หนึ่ง ก.กุนที" ขลุ่ยประสานโดย "อานนท์ นำภา" ทนายความผู้ทำคดีของอากงมาโดยตลอด มีการปล่อยนกพิราบ "112" ตัว สื่อถึงอิสรภาพ

จากนั้นทุกคนก็ขึ้นวางดอกไม้จันทน์ไว้อาลัย

ผมยืนชั่งใจ
ชั่งใจอยู่นานมากว่า ควรจะขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ด้วยดีไหม

ในฐานะคนทำข่าว สามารถมีข้ออ้างได้สารพัดที่จะไม่ต้องไป ไม่ว่าจะเป็นแค่การมาสังเกตการณ์ การไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเนื้อข่าว ฯลฯ

แต่ผมว่าทั้งหมดเป็นข้ออ้าง
เพราะลองคิดว่าหากเป็นงานศพของคนอื่น ที่ไม่ใช่ "อากง"

ใครสักคนที่มีหน้ามีตาในสังคม แล้วเราเกิดได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าว แน่นอน เมื่อถึงพิธีวางดอกไม้จันทน์ เราก็ย่อมที่จะต้องขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ร่วมไว้อาลัยอยู่แล้ว

ไม่ว่าจะสนิทสนมกับผู้ตายมากน้อยแค่ไหนก็ตาม
แต่ทำไมกรณีอากงทำให้หลายคนต้องคิดมาก
แม้แต่การจะเดินทางไปร่วมงาน
แม้แต่การจะพูดถึง

ผมเชื่ออย่างที่อาจารย์สมศักดิ์ว่า
เราต้องการคนที่มี "ความกล้าหาญทางคุณธรรม" อย่างมากต่อกรณีนี้

ผมพบตัวเองอีกครั้งตอนกำลังต่อแถวเดินขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์
เดินลงบันไดมาแล้วได้รับแจกหนังสือเล่มหนึ่ง
"รักเอย"

หนังสือปกสีขาว มีปั๊มนูนสีขาวรูปอากงยกมือไหว้ที่เราคุ้นเคยกลมกลืนกับปก

ที่เด่นจึงมีแค่คำว่า "รักเอย" เท่านั้นที่ปรากฏชัด

ผมกลับมาอ่านหนังสือ
อ่านจบแล้วก็ได้คำตอบ
กรณีอากงไม่ต้องถามหา "ความกล้าหาญทางคุณธรรม" ก็ได้

แค่อ่านเรื่องราวในเล่ม
ในฐานะมนุษย์...

"ถ้ายังมีความรู้สึกอยู่ เชื่อว่าเป็นใครก็ต้องสะท้าน"



ขอบคุณ
มติชนออนไลน์
คอลัมน์ แรงบันดาลคน
คุณเชตวัน เตือประโคน

สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ
Create Date :03 กันยายน 2555 Last Update :3 กันยายน 2555 11:54:03 น. Counter : 1200 Pageviews. Comments :0