คำพูดที่ว่าจิ้งจกเปลี่ยนสีถูกพูดออกมาจากฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่ต้องการเสียดสีคุณธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ
เพราะมีท่าทีรับใช้เจ้านายใหม่มากไปหน่อย โดยเฉพาะการเอา
แผนผังคดีล้มเจ้าที่เจ้านายเก่าร่างขึ้นในสมัยที่เรืองอำนาจขึ้นมาตรวจสอบความถูกต้องใหม่ หลังจากฝ่ายทหาร (พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษก ศอฉ.) ได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในเรื่องนี้ว่ารายชื่อที่อยู่ในผังยังคลุมเครือ ไม่มีอะไรที่ชัดเจน 100 เปอร์เซ็นต์ว่าคนเหล่านั้นจะล้มเจ้า
จากประวัติศาสตร์ประเทศไทยก็มีการใช้วิธีการนี้ใส่ร้ายผู้อื่นจนได้ผลมาแล้ว
ท่านปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกฯก็เป็นหนึ่งที่เป็นเหยื่อ เพียงแค่มีคนตะโกนในโรงหนังว่า
ปรีดีฆ่าในหลวง แค่นั้นเองท่านปรีดีก็พังพาบแบบชนิดที่อยู่ในประเทศไม่ได้ ต้องหนีและไปตายที่ต่างประเทศ
หลังจากนั้นวิธีการนี้ถูกหยิบมาใช้กันอีกหลายครั้งเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นไปได้ว่ามีคนเอามาใช้กันอยู่เรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้ ขณะที่คุณธาริตเองก็คงเข้าใจจึงเอามาตรวจสอบกันใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด่าทอคุณธาริตว่าเปลี่ยนสี เปลี่ยนข้าง
อันที่จริงแล้วคนที่ทำงานไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหน หากไม่เข้าข้างผู้ที่เป็นรัฐบาลหรือเป็นเจ้านายคงไม่ได้อยู่ต่อเป็นอธิบดีแน่นอน เพราะอย่างไรเสีย
อธิบดีก็ต้องทำงานตามคำสั่งของรัฐบาลอยู่ดี และแน่นอนเมื่อเป็นอย่างนี้คงไม่พ้นข้อครหาว่าทำงานแบบเอาตัวรอด แต่ถ้าทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ถูกก็ว่ากันไปตามถูก ผิดก็ว่ากันไปตามผิด เสียงครหาก็คงเงียบไปเอง
แต่หากท่านทำงานให้รัฐบาลเพราะถูกบีบบังคับให้ทำ ก็น่าเห็นใจท่านเหมือนกันในฐานะที่เป็นข้าราชการที่ต้องมาถูกการเมืองบีบให้ทำนั่นทำนี่ จนการเมืองฝ่ายตรงข้ามรู้สึกกังวลว่าคุณธาริตจะตลบหลังกันหรือเปล่า เพราะตอนที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล คุณธาริตก็ทำงานให้อย่างเต็มที่จนอีกฝ่ายมองว่าถูกดีเอสไอกลั่นแกล้ง
จริงๆเรื่องแบบนี้หากมองในแง่ของความเป็นมนุษย์แล้ว คนเราคงไม่มีใครอยากปล่อยให้ตัวเองต้องล่มจมลำบาก อย่างไรเสียก็จะต้องหาทางสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตของข้าราชการส่วนหนึ่ง และความถูกต้องชอบธรรมอีกส่วนหนึ่ง ฉะนั้นทางที่ดีที่สุดของความเป็นมนุษย์คือ ต้องรู้จักที่จะเลือกเดินทางสายกลาง คือทำงานให้ถูกต้องด้วยความชอบธรรม ทำหน้าที่โดยสุจริตและเที่ยงธรรม ไม่ว่าเจ้านายที่เข้ามาจะมาจากพรรคไหน ฝ่ายใด ก็ต้องยึดหลักในการทำงานเดียวกัน ไม่เสียศูนย์ ไม่ทำให้ถูกมองว่าเปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนข้างมากจนเกินไป อย่าทำให้มิตรต้องมาเป็นศัตรู
ในขณะเดียวกันฝ่ายที่อาจจะเสียผลประโยชน์ก็อย่าได้มองเขาเป็นศัตรูเพียงแค่เขาไปทำงานให้คนอื่น มันจะเป็นมุมมองในทรรศนะที่แย่เอามากๆ คนเราดีต่อกันน่าจะดีกว่าเกลียดกัน โบราณท่านยังสอนไว้ว่ารักกันดีกว่าเกลียดกัน แต่สังคมไทยในตอนนี้ไม่ค่อยเป็นอย่างนั้น
อาตมาได้มีโอกาสฟังการบรรยายของท่าน ว.วัชรเมธี ท่าน ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา และบุคคลที่ทรงภูมิอีกหลายท่านบรรยายร่วมกันในงานเสวนางานหนึ่ง มีท่านหนึ่งพูดว่า
คนเรามักไม่ค่อยยอมฟังใคร แม้แต่ศาสดาพูดให้ฟัง เช่น บอกว่าอย่าตัดไม้ทำลายป่าเดี๋ยวฝนจะไม่ตกต้องตามฤดู แต่ถ้าตกมาน้ำก็จะท่วม ก็ไม่สนใจ จะตัดอย่างเดียว ต่อเมื่อน้ำท่วมแล้วนั่นแหละถึงจะมาโอดครวญว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าตัดเลย คนเราบางครั้งต้องเสียอะไรไปก่อนถึงจะเชื่อ พอเชื่อแล้วจะศรัทธา
เจริญพร
ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 7 ฉบับที่ 342 วันที่ 14 - 20 มกราคม พ.ศ. 2555 หน้า 25 คอลัมน์ พระพยอมวันนี้ โดย พระพยอม กัลยาโณ
credit :