นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดพราหมณ์
นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดพราหมณ์

“พราหมณ์” คือ นักบวชที่เมื่อบรรลุธรรมแล้วตายลงมักจุติไปยังพรหมโลก ส่วนนักพรตนั้นเป็นนักบวชที่เมื่อตายแล้วแล้วมักจุติไปยังสวรรค์ชั้นดุสิตหรือสุขาวดี (พรหมโลกนั้นอยู่แยกไปอีกโลกธาตุต่างหากจากสวรรค์ชั้นดุสิตและสุขาวดี) ซึ่งได้รับสิทธิ์จากสามภพนี้ให้ครองอยู่ได้ในแผ่นดินที่มี “น้ำศักดิสิทธิ์จากมวยผมของพระศิวะ” ไหลลงมา ซึ่งก็คือ แม่น้ำที่ไหลจากการละลายของหิมะบนยอดเขานั่นเอง (ไม่ใช่ แม่น้ำที่เกิดจากตาน้ำซึมจากแผ่นดินชุ่มน้ำป่าเขา) ซึ่งในเอเชียนี้ มีสองบริเวณใหญ่ๆ คือ ลุ่มแม่น้ำคงคา และลุ่มแม่น้ำโขง โดยพราหมณ์ทั้งสองลุ่มแม่น้ำนี้ จะมีกำเนิดจากเทพเจ้าต่างกัน ดังต่อไปนี้

พราหมณ์ตระกูลศิวะ
จะถือกำเนิดที่ประเทศอินเดียใช้แม่น้ำคงคาเป็นหมายสำคัญ พราหมณ์ตระกูลนี้ จะไม่นุ่งผ้าที่เรียกว่า “ชีเปลือย” หรือ “นุ่งลมห่มฟ้า” นั่นเอง และจะเคร่งครัดในการปฏิบัติเพื่อให้หลุดพ้น จึงอยู่อย่างอิสระจากอำนาจทางการเมือง ไม่นิยมเข้าหากษัตริย์ไม่มีการทำนายทายทักเพื่อรับใช้ให้กษัตริย์แต่อย่างใด เมื่อพระพุทธเจ้าได้ถือกำเนิดนั้น เดิมทีท่านเกิดที่แผ่นดินสุวรรณภูมิแต่เพราะพราหมณ์แถบสุวรรณภูมิ ไม่มุ่งสู่ความหลุดพ้นอย่างแท้จริง หวังแต่การดำรงอยู่ได้ ด้วยการเข้าหาวรณะกษัตริย์ เพื่อได้มาซึ่งลาภสักการะ ดังเช่น ในครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ก็มีพราหมณ์เหล่านี้มาทำนายให้ ดังนั้น ท่านจึงละจากไปเพื่อศึกษาจากพราหมณ์ในสายของพระศิวะที่ประเทศอินเดีย ก่อนจะกลับมาที่สุวรรณภูมิในภายหลัง ที่ค้นพบว่าการปฏิบัติเหล่านั้นก็ยังไม่อาจทำให้หลุดพ้นได้อย่างแท้จริง แล้วจึงทรงกลับมาปฏิบัติด้วยตนเอง โดยมีพราหมณ์ปัญจวัคคี ซึ่งเคยให้คำทำนายตนเมื่อยังเล็กนั้น คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ในช่วงแรก จนละจากไปภายหลัง จึงตรัสรู้ในสุวรรณภูมินี้

พราหมณ์ตระกูลพรหม
ถือกำเนิดที่แถบดินแดนสุวรรณภูมิ (พม่า, ลาว, ไทย, กัมพูชา) ใช้แม่น้ำโขงเป็นสำคัญ พราหมณ์ตระกูลนี้จะนุ่งผ้าเรียบร้อย เพื่อเน้นสร้างความน่าศรัทธา จะไม่เปลือยกาย และจะนุ่งห่มเหมือนคนไทยปัจจุบัน คล้ายสไบเฉวียงบ่า ซึ่งไม่มีการนุ่งห่มแบบนี้ ในประเทศอินเดีย และจะอยู่อย่างสมถะ เข้าหากษัตริย์หรือผู้มีฐานะ เพื่อได้มาซึ่งลาภสักการะด้วยวิธีต่างๆ จึงนิยมทำนายทายทัก, รักษาโรค, ทำเครื่องรางของขลัง ฯลฯ ให้แก่กษัตริย์ดังเราได้เห็นใน “วรรณคดีไทย” หลายเรื่องที่ราชนิกุลจะต้องไปร่ำเรียนวิชชากับพราหมณ์แล้วได้ของวิเศษต่างๆ กลับมาใช้ในการปกครองบ้านเมือง ดังเช่น ตรี, คทา, จักร, สังข์ เป็นต้น ซึ่งวัฒนธรรมนี้ ไม่เคยมีเลยในประเทศอินเดีย เนื่องจากกษัตริย์อินเดียไม่นิยมให้พราหมณ์มาชี้นำ, ทำนายทายทัก หรือบงการความคิดตน และพราหมณ์สายพระศิวะในอินเดีย ก็ไม่นิยมเข้าไปคลุกคลีประจบอยู่กับวรรณะกษัตริย์แต่อย่างใด ทำให้ต่อมา พระ พุทธเจ้าจึงกลับไปเผยแพร่ธรรมะของพระองค์ที่ประเทศอินเดียต่อโดยสั่งให้พระอานนท์ออกแบบ “จีวร” ห่มคลุมกายให้คล้ายชาวอินเดียสมัยนั้น (คือ การห่มคลุมแบบผ้าสาหรี) เพื่อจะได้รับการยอมรับ, ปรับตัวเข้ากับสังคมได้ง่าย, ไม่มีปัญหา แต่พระอานนท์สมัยนั้นไม่เคยเดินทางไปอินเดียมาก่อนจึงไม่เคยเห็น เพราะวรรณะกษัตริย์ของพระพุทธเจ้าและพระอานนท์นั้นอยู่ที่สุวรรณภูมิ แรกๆ ท่านทำไม่ได้ พระพุทธเจ้าจึงพาไปดู “แปลงนา” ก็เกิดความคิดเอาผ้ามาปะติดเย็บต่อกันคล้ายแปลงนานั้น สำเร็จเป็นผ้าจีวรได้ในท้ายที่สุด

อนึ่ง ปัจจุบัน ศาสนาพราหมณ์กล่าวกันว่ากำเนิดที่อินเดีย แท้แล้ว ไม่ใช่ไปเสียทั้งหมด เพราะโบราณนั้น พราหมณ์สายพระศิวะมีอยู่ก็จริง แต่ไม่ได้รับการยอมรับและแยกตัวอยู่จากวรรณะกษัตริย์และมีอิสรเสรีเต็มที่ ภายหลังเมื่อพระพุทธศาสนาเจริญในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานประมาณ ๒๐๐ กว่าปี) จึงมีการฟื้นฟูและได้ทำการรวบรวมก่อตั้งเป็น “ศาสนา” ขึ้นมา ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว พราหมณ์ เป็นวรรณะหนึ่งในสังคม ไม่ใช่ศาสนาแต่อย่างใด เมื่อรวบรวมแล้วพราหมณ์มีหลายตระกูลไม่ยอมกัน ก็แตกเป็นศาสนาฮินดู, สิกข์ ฯลฯ แล้วหลงลืมพราหมณ์สายพระพรหมในประเทศไทยไป



Create Date : 07 ธันวาคม 2553
Last Update : 7 ธันวาคม 2553 9:21:51 น.
Counter : 341 Pageviews.

0 comments
: รูปแบบของการค้นพบตนเอง : กะว่าก๋า
(16 เม.ย. 2567 06:05:58 น.)
: รูปแบบของการตระหนักในการรับรู้ : กะว่าก๋า
(15 เม.ย. 2567 05:37:45 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 34 : กะว่าก๋า
(12 เม.ย. 2567 05:52:40 น.)
สมบัติรูป สมบัตินามที่ถูกรูป ปัญญา Dh
(10 เม.ย. 2567 18:24:46 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Worldlingo.BlogGang.com

ฉันนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

บทความทั้งหมด