พายแคนู...ล่องคลองเจ้าไหม
พายแคนู...ล่องคลองเจ้าไหม เป็นโอกาสแรกในชีวิตที่ได้นั่งเรือแคนูท่องโลกธรรมชาติในป่าชายเลน ไปเหยียบเมืองตรังถิ่นเกิดอดีตนายกฯ ชวน ทั้งทีถ้าไม่ได้ลิ้มลองหมูย่างเลิศรสแล้วกลั้วคอด้วยโกปี๊เข้มขรึมก็เหมือนมาไม่ถึง ยิ่งถ้าไม่ได้เที่ยวทะเลตรังที่สวยงามไม่แพ้ภูเก็ต ก็เรียกว่าการเดินทางท่องเที่ยวแทบจะหมดเสน่ห์ขาดสีสันไปเลยก็ว่าได้
เพราะธรรมชาติของตรังนั้นถูกรังสรรค์ให้มีความลงตัวทั้งชาดหาด โพรงถ้ำ ภูเขา ป่าชายเลน เกาะแก่งและน้ำตก ซึ่งเป็นความหลากหลายของชายฝั่งทะเลที่ก่อให้เกิดทรัพยากรการท่องเที่ยวแตกต่างกันมากมาย ปฐมบทแห่งการเดินทางมักจะเกิดขึ้นเสมอที่ "ท่าเรือปากเมง" ศูนย์กลางท่าเทียบเรือที่นำนักท่องเที่ยวไปสู่จุดหมายปลายทางในน่านน้ำตรังไม่ว่าจะเป็นเกาะกระดาน เกาะมุก ถ้ำมรกต เกาะไหง เกาะเชือก เกาะม้า และเกาะแหวน ซึ่งจัดว่าอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมต่อเนื่องไปถึงเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง เช่นเกาะสุกร เกาะหลาวเหลียง เกาะลิบงและหมู่เกาะเภตรา ก็จะมีกิจกรรมดำน้ำดูปะการังสารพัดชนิดรูปทรงแปลกตาในโลกใต้ทะเลให้ชมมิรู้เบื่อ
ถ้าใครรักการท่องเที่ยวแบบผจญภัยเล็กๆ ก็ต้องมุ่งไปปากคลองเจ้าไหมหรือคลองจระเข้ขาว ซึ่งมีกิจกรรมเด็ดคือ พายเรือแคนูล่องคลองเจ้าไหม ต้องไปลงเรือที่ "ท่าเรือบ้านเจ้าไหม" ที่นั่นมีเรือแคนูจอดรอให้บริการในราคาลำละ 400 บาทนั่งได้ 4 คนรวมคนนำทางด้วย การเดินทางในช่วงแรกยังไม่สามารถพายเรือไปเองได้เพราะตรงปากน้ำกระแสน้ำไหลค่อนข้างแรง จึงต้องมีเรือหางยาวลากแคนูไปจนถึงช่วงกลางก่อน จากนั้นเรือหางยาวจะดับเครื่องเพื่อไม่ให้เสียงเครื่องยนต์รบกวนธรรมชาติของระบบนิเวศในป่าจึงได้เวลาโชว์ฝีพายจ้วงน้ำไปยังหนทางเบื้องหน้าที่รออยู่
ช่วงนี้แหละที่เหมือนได้หลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งซึ่งทิวทัศน์สองฝั่งเต็มไปด้วยผืนป่าโกงกางเขียวชะอุ่ม เบื้องหลังเป็นภูผาหินปูนสูงตระหง่าน ราวกับย้อนเวลาเข้าห้องเรียนอีกครั้ง แต่เป็นห้องธรรมชาติที่สอนให้เราได้สำนึกในคุณค่าความสำคัญของระบบนิเวศป่าชายเลน ซึ่งเป็นเปรียบเสมือนโรงเพาะเลี้ยงฟูมฟักสัตว์น้ำพวกกุ้งหอยปูปลา จนเติบโตเข้มแข็งพร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกในทะเลใหญ่ให้พวกเราได้จับไปขายไปกินกัน เวลาน้ำลดจะได้เห็นรากโกงกางระเกะระกะสูงท่วมหัวกลายเป็นงานศิลปกรรมธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
จุดแวะแห่งแรกคือ "ถ้ำเจ้าคุณ" มีสะพานไม้ทอดยาวออกมาในน้ำเพื่อสะดวกต่อการเทียบเรือจอดและเดินขึ้นไปชมถ้ำ ชื่อถ้ำก็บอกอยู่แล้วว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยปกปักรักษาธรรมชาติบริเวณนี้ให้ยังคงอุดมสมบูรณ์ ด้านบนถ้ำสามารถมองผ่านช่องทะลุหลังถ้ำเห็นหาดยาวที่อยู่ห่างออกไป ส่วนหน้าถ้ำมองเห็นทิวทัศน์เหนือปากคลองคดเคี้ยวและหมู่บ้านเจ้าไหมในมุมสูงได้ บริเวณในถ้ำส่วนใหญ่เป็นหินงอกหินย้อยที่ตายแล้ว แต่มีจุดน่าสนใจคือ เสาหิน ที่เกิดจากหินงอกและหินย้อยบรรจบกันเป็นหินแร่แคลไซด์ที่สะท้อนแสงระยิบระยับสวยงาม
เมื่อออกจากถ้ำเจ้าคุณ เรือลัดเลาะไปตามลำน้ำถึงทางเข้า "ถ้ำเจ้าไหม" แต่ช่วงที่ไปเป็นจังหวะน้ำขึ้นพอดีจึงไม่สามารถพายเรือเข้าไปภายในถ้ำได้ คนนำทางเล่าว่าถ้ำแห่งนี้มีความมหัศจรรย์ที่น่าทึ่งและเป็นจุดเด่นของการพายเรือแคนูบนเส้นทางนี้ เพราะเรือจะมุดเข้าไปในโพรงถ้ำที่มืดมิดตลอดความยาวกว่า 80 เมตร ซึ่งต้องใช้ไฟฉายส่องทางและเพดานเตี้ยมาก
บางช่วงต้องก้มหรือนอนราบกับตัวเรือเป็นที่ตื่นเต้นไม่น้อยสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งทำให้รู้สึกเสียดายที่มาถึงแล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปชมและบอกกับตัวเองว่าหากมีโอกาสมาเยือนทะเลตรังอีกครั้ง ก็จะต้องมาพายเรือแคนูชมป่าชายเลนที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้อ้อมกอดแห่งขุนเขาลำเนาไพร ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเพื่อให้โลกเล็กๆ ของพวกเขาเป็นเขตปลอดการรบกวนจากโลกภายนอก คงไว้ซึ่งความสมบูรณ์และบริสุทธิ์ของระบบนิเวศป่าชายเลนอย่างน่าชื่นชม.
เช่นเคยจ้า
แวะมาเจิมให้ อิอิ