รำลึกป้อมพระจุลฯ เมืองปากน้ำ
รำลึกป้อมพระจุลฯ เมืองปากน้ำ
จังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แต่มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลากหลายรูปแบบให้เลือกคือ "สมุทรปราการ" หรือเมืองปากน้ำ ซึ่งแม้ว่าจะมีภาพลักษณ์ของเมืองอุตสาหกรรม ทว่าระหว่างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สมุทรปราการก็ยังเจือไปด้วยบรรยากาศของเสน่ห์เมืองเก่าที่ย้อนอดีตไปได้หลายร้อยปี และมากด้วยเรื่องราวน่าสนใจ และก็มีไม่น้อยที่เมื่อได้สัมผัสแล้วต้องบอกต่อ ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถาน พิพิธภัณฑ์ ตลาดโบราณ วิถีชีวิตเรียบง่ายริมน้ำ ท่องธรรมชาติป่าชายเลนและอาหารทะเลสดอร่อย
ด้วยลักษณะพื้นที่เป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลจึงมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์คือ ป้อมปราการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดฯ ให้ปรับปรุงซ่อมแซมป้อมเก่าๆ เพื่อเป็นแนวป้องกันข้าศึกทางทะเลในยุคล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก หนึ่งในป้อมที่ได้รับการบูรณะให้กลายเป็นป้อมปราการที่ทันสมัยในยุคนั้นคือ "ป้อมพระจุลจอมเกล้า" อำเภอพระสมุทรเจดีย์
ปัจจุบันกองทัพเรือได้ปรับปรุงบริเวณป้อมพระจุลฯ ให้มีสภาพดีขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงเหตุการณ์ รศ.112 โดยจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งในชื่อ "อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ ป้อมพระจุลจอมเกล้า" ซึ่งมีการจัดแสดงปืนโบราณสมัยต่างๆ เช่น ปืนเสือหมอบ ปืนใหญ่แบบยิงเร็วที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถยิงครอบคลุมเรือรบข้าศึกที่ล่วงล้ำเข้ามาทางปากอ่าว ผลิตโดยบริษัทอาร์มสตรอง ประเทศอังกฤษ
สาระความรู้ก็ค้นหาได้จากห้องแสดงนิทรรศการใต้พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง เรือรบหลวงที่จัดเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งลำแรกของไทย เนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเห็นว่า กองทัพเรือควรอนุรักษ์เรือเก่าไว้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้แก่ประชาชน ซึ่งภายในเรือยังคงรักษาสภาพการใช้งานเดิมไว้ครบถ้วน เรือหลวงแม่กลองนับเป็นเรือรบที่ประจำการนานที่สุดของกองทัพเรือ โดยขึ้นระวางประจำการเมื่อปี 2480 และปลดระวางเมื่อปี 2539
เกียรติประวัติอันเลื่องลือของเรือหลวงแม่กลองคือ เคยใช้เป็นเรือพระที่นั่งเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี 2494 อีกทั้งยังเป็นเรืออัญเชิญพระบรมอัฐิรัชกาลที่ 7 กลับมากรุงเทพฯ ด้วย ตลอดจนร่วมรบในสงครามมหาเอเชียบูรพา และยังผูกพันกับทหารเรือมานานหลายยุค เพราะเป็นเรือที่ใช้ฝึกนักเรียนนายเรือและนักเรียนจ่าทหารเรือ จนกระทั่งได้รับขนานนามว่า เรือครู
บริเวณป้อมพระจุลฯ ล้อมรอบไปด้วยป่าชายเลน ซึ่งได้รับการฟื้นฟูให้ความสมบูรณ์กลับคืนมา โดยมีสะพานไม้ทอดยาวออกไปถึงชายหาด สามารถเดินชมธรรมชาติหรือดูนกได้ นอกจากนี้ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ยังมีชุมชนเก่าแก่ริมทะเลปากอ่าวที่ตั้งถิ่นฐานมาหลายชั่วอายุคนคือ "หมู่บ้านสาขลา" สภาพแวดล้อมหมู่บ้านค่อนข้างสงบ ชายฝั่งเป็นป่าโกงกางสามารถเหมาเรือออกไปสัมผัสกับธรรมชาติและวิถีชีวิตริมน้ำอย่างใกล้ชิดได้
หากเดินลัดเลาะเข้าไปในหมู่บ้านจะเห็นเรือนไทยทรงปั้นหยาทั้งที่ยังสมบูรณ์และแบบครึ่งไม้ครึ่งปูน บ้านเก่าบางหลังมีอายุเกือบร้อยปี และยังมีร้านขายของชำแบบสมัยก่อน บางบ้านเปิดขายอาหารและเครื่องดื่มแบบเรียบง่ายเป็นกันเอง ชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดอาชีพประมงชายฝั่ง ที่นี่จึงเป็นแหล่งของทะเลแห้งและสด สินค้าภูมิปัญญาที่ขึ้นชื่อคือ กุ้งเหยียด ซึ่งเป็นเมนูอร่อยที่มีเพียงแห่งเดียวในเมืองไทย
ศูนย์รวมจิตใจของชุมชนบ้านสาขลาคือ หลวงพ่อโต วัดสาขลา ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นพร้อมๆ กับการตั้งหมู่บ้านในสมัยอยุธยา ทุกต้นเดือนมกราคมของทุกปีจะมีงานสมโภช ภายในบริเวณวัดยังมีพระปรางค์เอียง พระปรางค์เก่าที่ตั้งอยู่ริมคลอง เมื่อร้อยกว่าปีก่อนพื้นดินเกิดทรุดตัว น้ำจึงเอ่อเข้าท่วมขังทำให้พระปรางค์เอียง แต่ก็อยู่ในสภาพนั้นโดยไม่ล้มจนถึงทุกวันนี้
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสมุทรปราการไม่ลำบาก ถ้าวางแผนการเดินทางดีๆ ก็จะได้สัมผัสและทำความรู้จักกับเมืองแห่งนี้ในมุมมองที่อาจคาดไม่ถึง.
น้องขวัญอัพบล๊อก
วันละหลายบล๊อกเลย
คนอ่านไม่ทันแน่ๆขอรับ อิอิ