ไม่กล้าที่จะพูดแสดงออก เพราะความกลัวที่ถูกคนอื่นมอบให้
อายจึงไม่กล้าที่จะแสดงออก หรือเพราะกลัวกับความผิดพลาด ผมว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะกลัวกับความผิดพลาดมากกว่าที่จะอายขายหน้าจึงทำให้คนส่วนใหญ่นั้นไม่กล้าที่จะแสดงออกรวมไปจนถึงแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ อาจจะเป็นเพราะไม่อยากที่จะมารับผิดชอบกำการกระทำของตัวเอง หรืออายที่จะแสดงความคิดเห็นเพราะไม่คุ้นเคยกับการที่จะต้องไปยืนอยู่ต่อหน้าธารกำนัลแสดงความสามารถที่ตนมี และแนวคิดต่างออกมา แต่ผมว่าไม่ใช่คนไทยเท่านั้นหรอกนะครับที่เป็นแบบนี้ชาวบ้านต่างประเทศ บ้านอื่นเมืองไกลคนจำพวกที่ไม่กล้าแสดงออกมีมากมาย แต่เวลาเรามองพวกชาวต่างชาติเรามักจะคิดว่าเค้าเป็นคนที่กล้าแสดงออก ก็คงไม่เป็นความจริงทั้งหมดเพียงแต่ว่าเราได้มองเห็นภาพ กิจกรรมการทำงานผ่านเฉพาะเพียงด้านเดียวอย่างรายการโทรทัศน์ฉายเป็นช่วงสั้นๆ หลายๆเรื่องหลายเหตุการทำให้เราคิดไปเองว่าคนต่างชาติเค้าเปิดโอกาสให้คนในชาติแสดงความสามารถ เค้ามีสถานที่จัดกิจกรรมการแสดงและพลักดันให้คนในชาติมีความคิดแปลกๆใหม่ๆ โดยพยายามรับฟังและดูเหตุการก่อน จะดีหรือไม่ดีถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่หลายคนมักจะลืมคิดไปซักนิดว่าถ้าหากเค้าไม่มีความกล้าความสำเร็จความก้าวหน้าก็คงจะยังไม่เกิด นี่คงเป็นข้อดีของการที่เราได้มองดูชาวต่างชาติมากความสามารถ (แต่อย่าได้ลืมนะครับว่าคนไทยก็มีสถานที่ให้พวกท่านทั้งหลายไปแสดงออกเพียงแต่ว่าจะกล้าไปตรงจุดนั้นหรือเปล่าเท่านั้นเอง

ผิดจากคนไทยเรามักจะถูกสอนและถูกยัดเยียดให้ความกลัวเข้ามาในจิตใจก่อนเป็นอันดับต้นๆ จนทำให้คนมีความสามารถไม่อยากที่จะแสดงออกถึงแนวคิดใหม่ออกมา ยกตัวอย่างเช่น
ลูกน้อง : เปิดประตูห้องทำงานท่าทางมุ่งมั่นเดินเข้าไปหาหัวหน้า "หัวหน้าครับผมมีแผนการใหม่มานำเสนอ" พร้อมยื่นเอกสารที่จัดเตรียมมาอย่างดีภายในมีไอเดียวแปลกๆใหม่ๆอยู่ในเอกสาร
หัวหน้า : มองดูเอกสารผ่านกรอบแว่น ทำหน้าไม่ค่อยพอใจ "มั่นใจแล้วเหรอ มันเสี่ยงนา ถ้าพลาดมาใครจะรับผิดชอบ"
ลูกน้อง : ทำหน้าตาขึงขังมั่นใจ เพราะสิ่งที่เขานำเสนอเป็นสิ่งที่ทำการบ้านตรวจสอบมาเป็นอย่างดี "ผมรับเองครับ ผมพร้อม ผมคิดว่ามันต้องดีแน่ เพราะผม...."
หัวหน้า : "อย่าเลย เสี่ยงเปล่าๆ" แถมพูดขู่นั้นขู่นี้่จนทำให้ลูกน้องเริ่มเกิดอาการหวั่นไหว สั่นคลอนถึงความร้ายแรงต่างๆ หาเกิดการผิดพลาด ทั้งที่มันอาจจะเป็นเป็นความจริงก็ได้
ลูกน้อง : "อ่อ ครับขอบคุณที่แนะนำครับ" เค้าเดินออกไปจากห้องหัวหน้า ด้วยความผิดหวังและหมดหวัง หลังจากนั้นลูกน้องคนนี้ก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกถึงแนวความคิดอีกเลย

หรืออีกเหตุการหนึ่งที่ใกล้ตัวเข้าไปอีก เป็นเรื่องของคุณแม่คนหนึ่งที่คอยประคบประหงมลูกน้อยวัยน่ารักที่กำลังหัดเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยการมองเห็นจับและสัมผัสผ่านทางมือ อยู่มาวันหนึ่งเด็กน้อยได้มีโอกาสเห็นฝนตกเป็นครั้งแรกสายฝนแรกที่ตกทำให้พื้นดินหน้าบ้านเปียกกลายเป็นแอ่งโคลนเล็กๆ ด้วยความเป็นเด็ก จึงกระโจนลงไปเล่นในแอ่งโคลนเล่นอย่างสนุกสนานเสื้อผ้าเลอะเปรอะเปื้อนเต็มตัว ทันทีที่คุณแม่เดินมาเห็นเด็กน้อยกำลังเล่นแอ่งโคลนอยู่ถึงกับหน้าซีดถอดสีตวาดเสียงดัง "ทำอย่างนั้นไม่ได้นะลูก มันสกปรก" พร้อมกระฉากตัวเด็กออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว จะเกิดอะไรขึ้นตอนนี้แม่เค้าได้ปลูกความกลัว ความน่ารักเกียจของความสกปรกเข้าไปในหัวเด็กแล้ว หากคุณแม่ยังห้ามปรามแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่นี้ต่อไปเด็กคนนี้ก็จะเริ่มรังเกลียดอะไรก็ตามที่มีความรู้สึกสกปรก ไม่กล้าจับไม่กล้าแตะต้องอีกต่อไป เปรียบได้ดังชาวนาที่อยากให้ลูกๆ กลับมาทำไร่ทำนาต่อจากตนแต่ตอนสมัยลูกยังเล็กๆ ตัวเองนั้นเหละก็บอกไปแล้วว่า “อย่าเลยลูก ทำนามันเหนื่อย มันสกปรก” แล้วอย่างนี้ใครจะกลับมาช่วยทำนา

นี่คือความกลัวที่ถูกปลูกฝังให้กลัวและจดจำตัวผมเองสมัยเด็กๆ ก็เคยโดนและรู้สึกเสียความรู้สึกสุดๆ "ผมเคยโดนขู่ว่าถ้าพลาดงานนี้แกจะอายไปทั้งโรงเรียนลองดูสิ" ทำไมเหรอกับการคิดที่มันแหวกแนวนี่มันดูแย่ขนาดนั้น เรื่องบ้าๆกับการเรียนการสอนของครูบางคนที่ไม่ยอมเปิดกว้าง "จนทำให้คิดว่าถ้าตรูเป็นครูบ้าง เด็กมันอยากทำอะจะปล่อยมันให้ได้ลองเท่าที่มันพอใจเลย" มันจะได้รู้ว่าอะดีไม่ดี มั่วแต่ถูกขู่จากผู้ใหญ่บ่อย เด็กน้อยพอถึงวันที่จะแสดงความสามารถของตัวเองออกมากเลยทำให้ไม่กล้า

เคยจำได้ไหมครับว่าตัวเองสมัยเด็กๆ เวลาทำอะไรด้วยใจรักมันไม่อายหรอกมันสนุกมันกล้าที่จะเล่นที่จะทำที่จะลุย ต่อให้ต้องเหนื่อย ต้องล้า เราก็พร้อมที่จะเดินลุยไป เล่นไปจนถึงที่สุดแห่งความหวังความสนุกของเรา แต่พอมาช่วงที่เราโตขึ้นมาเราถูกขู่ด้วยความกลัวด้วยคำขู่ของความไม่สำเร็จของคนอื่น คนที่พูดขู่เพื่อสร้างความกลัวให้กับเด็กอาจจะไม่สำเร็จในเรื่องราวต่างๆเหล่านั้นแต่นั้นไม่ได้หมายความว่า "คนอื่นจะทำไม่ได้เหมือนคุณ" ทุกวันนี้ผมยังเป็นคนที่คอยพูดสนับสนุนเพื่อนให้ทำในเรื่องที่เค้าอยากจะทำตลอดเวลา แม้ในบางเรื่องตัวเองก็ยังไม่ประสบความสำเร็จมันก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนผมจะทำไม่สำเร็จเหมือนผมสักหน่อย ถ้าเราถูกขู่ด้วยคำพูดให้กลัวอยู่บ่อยๆ มันจะเป็นตัวการทำลายความมั่นใจ ของตัวเองออกไปทีละน้อย

อย่าไปกลัวกับความผิดพลาด อย่าไปคิดว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของคนอื่นที่มากระทบความรู้สึกเราจะเป็นจริงทั้งหมดจนกว่าเราจะเป็นผู้พิสูจน์ว่าสิ่งที่เราคิดเป็นสิ่งที่ถูกหรือเป็นสิ่งที่ผิด ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่การที่ไม่ได้ลองทำในสิ่งที่ตัวเองฝัน ไม่กล้าที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองคิดน่าจะเป็นสิ่งที่ผิดพลาดมากกว่าสิ่งใดที่มีทั้งหมดในโลกนี้ คุณพลาดผิดหวังเสียใจนอกจากตัวของคุณเองแล้วที่รู้ซึ้งถึงความรู้สีกเศร้าก็ไม่มีคนอื่นที่จะมาเข้าใจความรู้สีกนี้ของคุณหรอก ฉนั้นอย่าได้ให้ความกลัวของคนอื่น มากทำร้ายความฝัน ของคุณ เพราะเขาทั้งหลายไม่ได้มารับรู้ความรู้สึกของคุณ




Create Date : 27 มีนาคม 2555
Last Update : 28 มีนาคม 2555 0:55:55 น.
Counter : 4101 Pageviews.

0 comments
เติมให้ความมี เติมให้ความไม่มี ปัญญา Dh
(14 เม.ย. 2567 20:54:29 น.)
เรื่องเล่าที่ไม่เกี่ยวกับวันสงกรานต์ tanjira
(13 เม.ย. 2567 16:10:32 น.)
คุย โอพีย์
(13 เม.ย. 2567 21:51:16 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ ประจำหลักกิโลเมตรที่ 349 : วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ ฯ The Kop Civil
(10 เม.ย. 2567 16:44:58 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tkd.BlogGang.com

eronthai
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

บทความทั้งหมด