มองมุมต่าง ที่ไม่ต่างมุม (ในอารมณ์ และความรู้สึก)
มองมุมต่าง ที่ไม่ต่างมุม (ในอารมณ์ และความรู้สึก)

คนเรามักจะมีความคิดที่เจือสิ่งที่ถูกหรือผิดปนเปกันไปอยู่อย่างนั้นไม่สิ้นสุดตราบใดที่เรายังไม่สามารคคิดวิเคราะห์ด้วยความเป็นกลางได้ คำว่าความเป็นกลางคือมองเหมือนคนที่สามที่เป็นคนที่คอยดูอยู่ห่างๆ ที่เป็นแค่เพียงคนที่ผ่านมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมที่จะรับข้อมูลใหม่เสมอ แต่ในบางครั้งการที่เราทำตัวเป็นบุคคลที่สาม มองเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาและผ่านไปเราเองก็มักจะใช้อารมณ์ความรู้สึกของเราเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นๆ ด้วย เช่น เมื่อเราเดินผ่านไปยังจุดที่มีคนหนาแน่นจู่ๆเกิดมีคนเป็นลมต่อหน้า เพื่อนของคนเป็นลมคนนั้นเข้ามาพยุง ตอนนี้บุคคลที่หนึ่งคือคนเป็นลม บุคคลที่สองคือเพื่อนของเค้าที่ทำการช่วยเหลือ เราคือบุคคลที่สามที่ผ่านมาแล้วเห็นเหตุการเข้าโดยปรกติแล้วบุคคลที่สามอย่างเราจะมองและคิดเพียงว่าเขาเป็นลมเท่านั้น แต่หากเมื่อมีเหตุสะท้อนให้เกิดแนวคิดหรือการกระตุ้นอารมณ์ขึ้น ความคิดเราจะเปลี่ยนจากผู้ดูเป็นผู้มีอารมณ์ร่วมทันที ยกตัวอย่างเช่น บุคคลที่สองไม่สามารถพยุงเพื่อนที่ล้มลงให้อยู่ในท่าที่สามารถดูแลได้สะดวก จึงได้ทำการตะโกนขอร้องถึงความช่วยเหลือ ตอนนี้เราซึ่งเป็นบุคคลที่สามได้รับเสียงที่เป็นการขอร้องความรู้สึกของเราจะเปลี่ยนไปทันที ซึ่งจะมีอยู่สองทาง ทางแรกคือเข้าไปช่วย และ ทางที่สองคือทำเป็นไม่สนใจ เพราะอย่างไรเสีย บุคคลที่สามนั้นคงมีอีกเยอะที่จะเข้าไปช่วยเขาเหล่านั้น มุมที่ต่างคือความคิดของเราว่าจะช่วยหรือไม่ช่วย และที่ไม่ต่างมุม ละ? การมองแบบและคิดแบบนี้ไม่ใช่ความคิดของเราเพียงคนเดียวที่คิดแบบนี้ได้ คนอื่นๆ ก็คิดแบบเดียวเช่นกันกับเรา

ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันสม่ำเสมอไม่ขาดไม่เกิดสอดคล้องกัน มุมต่างไม่ต่างมุม เพียงแต่ว่าเราจะเลือกด้านใดหรือด้านหนึ่ง ซึ่งแม้จะถูกหรือผิดก็คือสิ่งที่เราเลือกแล้วมีเหตุมีผลไปตามลักษณะนิสัย ลักษณะความเป็นตัวตนของคนผู้นั้น หากแม้แต่เพียงว่าคนจะมองว่าต่างหรือไม่ต่างนั้นมักจะมีหลักให้พอเข้าใจได้ง่ายอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ตัวของเราได้ก้าวข้ามออกนอกขอบเขตของคนทั่วไปหรือไม่ อะไรคือนอกขอบเขตของคนทั่วไป คนทั่วไปนั้นส่วนมากมักจะมีแนวคิดแนวการปฏิบัติ เป็นไปตามระเบียบแบบแผนที่ถูกตั้งกรอบด้วยกฎหมาย ธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม การกระทำในครอบครัวที่เป็นพื้นฐาน เหล่านี้เป็นต้นหากตัวเราผู้มองเห็นต่างทำในสิ่งที่ไม่เป็นไปตามสิ่งที่กล่าวข้างต้นแล้วเราคือคนที่ต่าง แตกต่าง มองต่างไปจากคนอื่น เราคือคนที่แปลกแยกไม่เข้าไม่ถูกมุมแต่อย่างไรเสีย มันคือ มุมต่าง ที่ไม่ต่างมุม เพราะมันคือเรื่องเดิมที่เป็นไปเช่นกันดังนั้นทุกคน แต่ถ้าหากเราทำตัวต่างมุม มากจนเกินไประวังจะถูกรังเกียจได้ยกเว้นเพียงแต่ว่ามุมที่มีอยู่มองอยู่อาศัยอยู่เราพิจรณาดีแล้วว่า มันไม่ถูกไม่ใช่ และไม่เป็นไปตามสิ่งที่เราเข้าใจยึดอยู่รักอยู่ การมองต่างอาจจะไม่ถูกหรือผิดสำหรับเรื่องแบบนี้
ผมเคยคิดเล่นๆ แต่ค่อนข้างไปทางจริงจังกับน้องชายในเรื่องของการมองมุมต่างๆของคนและสังคมในหลายๆด้าน แต่เรื่องที่จะเล่านั้นเป็นเรื่องของคนและแนวความคิด จะถูกผิดหรืออย่างไรนั้นก็ขอให้มองในเรื่องของมุมมองส่วนตัว แต่ถ้าอดทนอ่านมาได้ถึงขนาดนี้ก็อยากจะขอให้ลองคิดแบบเป็นกลาง และมองแบบใหม่ด้วยการล้างๆ ความคิดเดิมที่ค้างออกก่อน เหมือนเรานอนตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่นอะไรทำนองนั้น ค่อยๆคิดตามไปนะครับ

เรื่องมีอยู่ว่าเรากำลังดินผ่านบริเวณมุมหนึ่งของอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่มีคนเดินไปมาขวักไขว่ ผลุพล่านวุ่นวายได้ยินเสียงดนตรีจากลุ่มคนที่มีเครื่องดนตรีเก่าราคาไม่แพงกำลังเล่นเพลงที่เราชอบ และยังมีกระป๋องวางเอาไว้รับเงินผู้คนผ่านไปมา ด้วยเครื่องดนตรีที่เก่า ดูไม่มีราคา การแต่งตัวก็ดูซอมซ่อ มอมแมม หลายครั้งหลายครากี่วันกี่เดือนเดินผ่านมาก็เห็นวงดนตรีกลุ่มนี้เล่นอยู่ในที่เดิมๆไม่ได้เปลี่ยนไปจากตำแหน่งเดิมนัก ในความคิดคุณจะมองว่ากลุ่มคนเหล่านี้คืออะไรเอาละ ผมเชื่อว่าคงจะเริ่มคิดกันแล้วว่าเค้าเหล่านี้คือ “วณิพก หรือขอทาน” ที่เล่นดนตรีเพื่อขอเงินไปยังชีพ ใจเราคิดไปแล้วอย่างนั้นเชื่ออย่างนั้นจากสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน เอาละอันนี้จบแล้วลองดูข้อเปรียบเทียบอีกด้านหนึ่งหากเกิดมีอะไรที่เปลี่ยนไปจากกนี้อีกเล็กน้อย

เรื่องมีอยู่ว่าเรากำลังดินผ่านบริเวณมุมหนึ่งของอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่มีคนเดินไปมาขวักไขว่ ผลุพล่านวุ่นวายได้ยินเสียงดนตรีจากลุ่มคนที่มีเครื่องดนตรีใหม่ราคาแพง บางคนใช้ไอแพ็ด(IPAD)หรืออุปกรณ์อีเล็คทรอนิคสมัยใหม่กำลังเล่นเพลงที่เราชอบ และยังมีกระป๋องวางเอาไว้รับเงินผู้คนผ่านไปมา ด้วยเครื่องดนตรีที่ใหม่ ดูมีราคา การแต่งตัวก็ดูดีสวยงาม นำสมัยและเน้นความสวยงาม หลายครั้งหลายครากี่วันกี่เดือนเดินผ่านมาก็เห็นวงดนตรีกลุ่มนี้เล่นอยู่ในที่เดิมๆไม่ได้เปลี่ยนไปจากตำแหน่งเดิมนัก ในความคิดคุณจะมองว่ากลุ่มคนเหล่านี้คืออะไรเอาละ ผมเชื่อว่าคงจะเริ่มคิดกันแล้วว่าเค้าเหล่านี้คือ “ศิลปิน หรือนักดนตรี” ที่เล่นดนตรีเพื่อขอเงินไปยังประโยชน์แก่อาชีพ ใจเราคิดไปแล้วอย่างนั้นเชื่ออย่างนั้นจากสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน เอาละอันนี้จบแล้ว

รู้สึกอย่างไรกับความต่างที่เหมือน ความต่างที่ใช่ มองมุมต่าง ที่ไม่ต่างมุม (ในอารมณ์ และความรู้สึก) ขอตัวผู้เขียน ก็แค่เพียงอยากจะบอกว่าไม่ว่าด้านใดชีวิตก็คือสิ่งสวยงามเสมอ เป็นเช่นนั้นในมุมเช่นนั้น มุมของตัวเอง

กนกศักดิ์ ใจกล้า



Create Date : 16 ธันวาคม 2554
Last Update : 16 ธันวาคม 2554 16:10:43 น.
Counter : 1321 Pageviews.

1 comments
ถนนสายนี้มีตะพาบ ประจำหลักกิโลเมตรที่ 379 : เรื่องที่มักเข้าใจผิด The Kop Civil
(25 มิ.ย. 2568 15:27:14 น.)
คิดไม่ค่อยออก peaceplay
(17 มิ.ย. 2568 00:17:36 น.)
Serve Him MOU Day 11 & 12 : The Ordinary Days In Haenam mariabamboo
(17 มิ.ย. 2568 06:59:49 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ 378 "ฝันที่ไม่เคยเป็นจริง" kae+aoe
(16 มิ.ย. 2568 05:34:58 น.)
  
โดย: มังกี้ ดี ลูฟี่ 01 วันที่: 16 ธันวาคม 2554 เวลา:20:52:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tkd.BlogGang.com

eronthai
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

บทความทั้งหมด