นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 21 ![]() เมื่อนึกถึงการสัญจรด้วยการเดินเท้าไปตามถนนหนทางในเมืองกรุงของเราทั้งสองในคราวนั้น ก็อดขำไม่ได้ เพราะเรามักจะข้ามถนนกันอย่างลุงเชยเข้ากรุง กล้า ๆ กลัว ๆ แม้กระทั่งหยุดยืนละล้าละลังอยู่บนทางม้าลายก็มี เป็นเหตุให้เจ้าของรถใจร้อนบางคนไขกระจกยื่นหน้าออกมาตะโกนด่าเสียงลั่น ทว่าไม่นานเราก็ได้เรียนรู้ คือพยายามหาเพื่อนเกาะกลุ่ม พอเห็นเขาก้าวเท้าเดินข้าม เราก็เร่งจูงมือกันเดินตามเขาไปติด ๆ เว้นแต่ตรงไหนไม่ใช่ทางม้าลายผมก็ดึงมือสาวบัวไว้ ไม่ปล่อยให้ข้ามตามไป สถานที่สำคัญแห่งแรกที่เราสองคนได้มีโอกาสเข้าไปเที่ยวชม คือ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ความงดงามของศิลปวัตถุ และโบราณวัตถุ ที่มีอยู่ตามที่ต่าง ๆ ที่เขารวบรวมนำมาจัดแสดงไว้ในนั้น บางอย่างผมก็เคยศึกษาประวัติความเป็นมาของมันมาบ้างแล้ว ผมจึงบอกรายละเอียดให้สาวบัวฟังได้ เหมือนผู้นำนักท่องเที่ยวหรือไกด์บางคนที่สาธยายให้ลูกทัวร์ของเขาฟังอย่างชนิดน้ำไหลไฟดับได้เหมือนกัน ภายหลังเดินชมความงามและความยิ่งใหญ่ในเกียรติประวัติของบรรดาศิลปวัตถุเหล่านั้นจนรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว ผมก็พาสาวบัวเดินไปดูโปรแกรมละครที่โรงละครแห่งชาติ ซึ่งอยู่ใกล้กัน วิญญาณนักแสดงละครที่ติดอยู่กับตัว ฉุดให้ผมคิดถึงความหลัง... คิดถึงเพื่อน ๆ ในชุมนุมดนตรีนาฏศิลป์และการละครที่ วค. ป่านนี้พวกเขาจะได้ออกงานข้างนอกกันบ้างหรือเปล่า? หรือว่าจัดแสดงกันแต่ภายในเพียงอย่างเดียว? เพราะผมเชื่อว่า ตอนนี้สถานการณ์โดยทั่วไปของ วค. ก็คงจะไม่ดีนัก ต่อจากนั้น ผมพาสาวบัวเดินเข้าไปชมความอลังการของสถาปัตยกรรมไทยภายในวัดพระแก้ว ซึ่งเราได้รับคู่มือการเที่ยวชมจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลคนละฉบับ แล้วเราก็เดินซอกแซกไปตามคู่มือนั้นจนทั่ว พร้อมกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่บ้างก็มากันเป็นหมู่คณะ และบ้างก็มากันเป็นคู่ ๆ เหมือนอย่างเราสองคน ภายหลังผมกับสาวบัวเดินชมพระอารามหลวงชั้นพิเศษแห่งนี้ด้วยความปลื้มปีติในความเป็นไทยไปจนทั่วแล้ว เราสองคนก็ชวนกันเดินย้อนกลับออกมาทางเดิม และข้ามถนนสู่แนวต้นมะขามรายรอบตลาดนัดสนามหลวง ซึ่งภายในตลาดนัดดังกล่าวมีร้านค้าแผงลอยเบียดเสียดกันอยู่เต็มพื้นที่ มีผู้คนเดินเที่ยวและเลือกซื้อสินค้ากันเนืองแน่น แน่ล่ะ! ภายในสถานที่ที่แออัดยัดเยียดเช่นนั้น ย่อมเป็นบริเวณที่ผมไม่อยากเข้าใกล้เป็นที่สุด... กลัวถูกล้วงกระเป๋า! เคยมีคนพูดกันว่า มากรุงเทพฯถ้าไปไหนไม่ถูกก็ให้ตั้งหลักที่สนามหลวง ซึ่งก่อนจะข้ามถนนมุ่งกลับโรงแรมในวันนั้น สิ่งต่าง ๆ ที่ผมได้เห็นก็ทำให้เชื่อได้ว่าคำพูดนั้นถูกต้อง โดยเฉพาะรถเมล์สายหลัก ๆ ส่วนมากจะผ่านมาทางนี้แทบทุกสาย แต่ทว่าใต้โคนไม้ที่เราเดินผ่าน ไม่มีที่ว่างให้นั่งพักผ่อน ตรงไหนไม่ใช่แผงลอยขายสินค้าก็จะเป็นทำเลของพวกหมอดู ปูเสื่อสาดนั่งทำนายทายทักโชคชะตาราศีอยู่กับลูกค้า หรือไม่ก็เป็นที่ยึดครองของพวกขอทานและคนจรจัดซึ่งนอนซบหน้าอยู่กับพื้นฟุตบาทก็มีไม่น้อย สาระรูปของแต่ละคนช่างดูไม่ได้เอาเสียเลย เสื้อผ้าเนื้อตัวสกปรกมอมแมมยิ่งกว่าผ้าเช็ดเท้า นรก! ผมนึกในใจ และคิดถึงคำพูดของชายขับแท็กซี่คนนั้นขึ้นมาทันที... เจ้าพวกนี้เอง- เปรตในนรก! แผ่นดินไทยกว้างใหญ่ไพศาล ทำไมถึงต้องถ่อสังขารมากระจุกตัวกันอยู่ที่นี่? คิดแล้ว ผมก็จับแขนสาวบัวชวนกันเร่งเดินผ่านไปโดยเร็ว เมื่อเดินกันมาได้สักหน่อย ก่อนจะเลี้ยวโค้งไปตามถนนหน้าพระลาน ช่วงที่บรรจบกับถนนราชดำเนินในฝั่งตรงข้ามกับศาลหลักเมือง สาวบัวชี้ให้ผมดูตึกโบราณอันใหญ่โตระโหฐาน ที่อยู่เยื้องไปทางขวามือประมาณสี่ร้อยเมตร ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกำแพงวัดพระแก้วตรงแยกสนามไชย พร้อมกับพูดว่า "ตึกหลังนั้นเก่าจัง มีปืนใหญ่หันปากกระบอกมาทางนี้ด้วย...?" "ตึกกระทรวงกลาโหม" ผมบอกหล่อน ขณะหยุดยืนและหันมองไปยังตึกหลังนั้นด้วยกัน "แต่เดิมเคยเป็นที่ตั้งวังประทับของพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นจิตรภักดี กรมหมื่นศรีสุเรนทร์ และกรมหมื่นอินทราพิพิธ สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ต่อมาได้ร้างลง แล้วถูกใช้เป็นฉางเก็บข้าวหลวง ครั้นลุถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงโปรดเกล้าฯให้ก่อสร้างเป็น "โรงทหารหน้า" เป็นที่รวมทหารประจำการรักษาพระนคร อาวุธ สัตว์ พาหนะ และเสบียงอาหาร ก่อนจะเปลี่ยนเป็น "กระทรวงกลาโหม" อย่างในปัจจุบัน" หม้ายสาวหันหน้ามาทางผม พร้อมกับส่งยิ้มมาให้ "ค่ะ อาจารย์" "เราข้ามถนนกลับโรงแรมทางนี้กันดีกว่า" ผมพูดกับสาวบัวเมื่อเดินเลียบไปตามริมขอบทางเท้ารอบสนามหลวงด้านนอก เลยผ่านหน้าที่ทำการศาลฎีกาซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมาพอประมาณ "ผมจะไปดูรอยกระสุนที่ทหารกราดยิงประชาชนเมื่อเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา สักหน่อย เขาว่ายังมีร่องรอยประจานอยู่ตามผนังตึกแถวนั้นด้วย" ผมชี้ไปที่ตึกสีน้ำตาลที่ตั้งตระหง่านอยู่สองฟากถนนราชดำเนินกล างช่วงที่เลยโรงแรมรัตนโกสินทร์ ขึ้นไป แล้วเราก็จูงมือกันข้ามถนนตรงทางม้าลายก่อนถึงแยกราชินี คือ ถนนราชดำเนินใน ทะลุสู่ถนนราชินี และข้ามต่อไปจนถึงถนนอัษฎางค์ กระทั่งในที่สุดก็ข้ามมาถึงหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีต้นไม้แผ่กิ่งก้านทอดเงาร่มรื่น นอกจากตามผนังตึกบางแห่งที่ปรากฏรอยกระสุนอยู่หมาด ๆ ตามต้นไม้บางต้นก็มีรอยกระสุนที่ทหารยิงใส่ประชาชนให้เราสองคนไ ด้แลเห็นอยู่บ้างเหมือนกัน ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เป็นวันมหาวิปโยค เป็นวันที่ชายชาติทหารฆ่าคนมือเปล่าด้วยอาวุธสงครามได้ลงคอ ช่างน่าเศร้าและน่าละอายเหลือเกิน "หิวไหม" ผมถามสาวบัวภายหลังข้ามถนนราชดำเนินกลางตรงสี่แยกคอกวัวมาถึงถน นตะนาว ใกล้ปากตรอกถนนข้าวสาร ซึ่งตรงหัวมุมติดซอยดำเนินกลางเหนือมีร้านข้าวแกงและอาหารตามสั ่งอยู่ร้านหนึ่ง ผมมองเห็นไปแต่ไกล "เราหาอะไรกินกันที่นั่นก็ได้นะ แล้วสักประเดี๋ยวเราจะเดินไปเที่ยววัดบวรฯกันอีก" ผมขอความเห็นจากหล่อน สาวบัวพยักหน้า "โรงแรมที่เราพักก็อยู่ไม่ไกลแล้วใช่ไหม? บัวจำได้" "เก่งมาก" ผมพยักหน้าและส่งยิ้มให้หล่อนด้วยใจจริง เพราะแสดงว่าหล่อนก็เป็นคนช่างสังเกต ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนเรา ผมรักผู้หญิงไม่ผิดเลย ผมคิดในใจ สาวบัวเหลียวมองผมและยิ้มเขินอาย ขณะเราชวนกันเดินเข้าไปนั่งในร้านอาหารที่ว่า... พร้อมสั่งข้าวราดแกงและแกงจืดเต้าหู้หมูสับมากินกัน "วัดที่ว่านั้นอยู่แถวไหน" สาวบัวถามผม "อยู่ตรงนี้- -เห็นไหม?" ผมกางแผนที่ และชี้หล่อนดู "ใกล้วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่ผมชี้ให้ดูเมื่อครู่นั่นแหละ แต่ที่ผมพาบัวมาทางนี้ เพราะรู้สึกหิว ผมหมายตาร้านอาหารแถวนี้ไว้ตั้งแต่ตอนที่เดินหาซื้อแผนที่เมื่อเช้านั่นแหละ" "ที่วัดนั้นมีอะไรน่าสนใจบ้างค่ะ - อาจารย์?" ผมหัวเราะหึ หึ ก่อนขยายความให้ฟังว่า "เท่าที่อ่านเจอมา มีหลายอย่าง แต่สิ่งสำคัญที่ผมอยากเข้าไปชมเป็นภาพเขียนฝีมือจิตรกรไทยสมัย ร.๓ คือ ภาพจิตกรรมฝาผนังของขรัวอินโข่ง" ขณะที่ผมกำลังบอกกล่าวเรื่องขรัวอินโข่งให้สาวบัวฟัง ก็มีชายหนุ่มหน้าตากระเดียดไปทางเจ๊กยกถาดแกงจืดและข้าวราดแกงเดินมาวางให้เราบนโต๊ะ มองหน้าผมสลับกับสาวบัวแล้วยิ้มทักทาย "พวกคุณมาจากทางใต้หรือครับ" เขาถามเราด้วยสำเนียงปักษ์ใต้ชัดแจ๋ว พร้อมกับแนะนำตัวเองว่า "ผมอยู่ภูเก็ตครับ" "อ้าว - -ไอ้บ่าว" ผมร้องขึ้น บอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีใจสักขนาดไหน ที่ได้พบเจอคนถิ่นเดียวกัน จึงเผลอส่งสำเนียงท้องถิ่นกับเขาเสียยืดยาว "แล้วมาทำพรือที่นี่ หรือว่าย้ายครอบครัวมาอยู่กรุงเทพฯ..." "เปล่าครับ ผมมาเรียนหนังสือที่รามฯ ที่นี่เป็นบ้านญาติครับ" "แหม - เหมือนมีอะไรมาดลใจนะ" ผมว่า "ร้านอื่นมีตั้งเยอะ แต่ผมกลับตั้งใจแวะมาเข้าร้านนี้" เด็กหนุ่มคนนั้นยิ้มตาหยี "เชิญตามสบายนะครับ" เขาพูด "มีอะไรจะให้ช่วยหรือแนะนำก็ขอให้บอก ไม่ต้องเกรงใจ ผมยินดีช่วยเสมอครับ" "ขอบคุณ ขอบคุณ" ผมยิ้มให้เขา จากร้านอาหารร้านแห่งนั้นมาถึงประตูหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร เราเดินกันพอเหงื่อซึมแผ่นหลัง ครั้นเมื่อผ่านซุ้มประตูเข้าไปภายใน ก็รู้สึกร่มรื่น และตื่นตลึงกับความงามของสถาปัตยกรรมไทยอันวิจิตรพิสดารอีกเช่น เคย โดยเฉพาะพระอุโบสถ ที่รูปแบบเป็นอาคารทรงไทยตรีมุข ก่ออิฐถือปูน หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบลูกฟูกแบบจีน บานประตูหน้าต่างด้านนอกแกะสลักไว้อย่างสวยงาม วัดบวรนิเวศวิหารมีชื่อเดิมว่า " วัดใหม่ " เป็นวัดที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพกรมพระราชวังบวรสถา นมงคล ได้ทรงสถาปนาขึ้น สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงผนวชอยู่ พระองค์ได้เสด็จมาปกครองที่วัดนี้และได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า " วัดบวรนิเวศวิหาร " ก่อนจะเดินเข้าไปชมภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่งภายในพระอ ุโบสถ ผมได้พาสาวบัวเดินไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าพระตำหนักปั้นหยา พร้อมทั้งเล่าประวัติความเป็นมาให้หล่อนรู้ว่า พระตำหนักองค์นี้สร้างขึ้นในรัชสมัยใด อีกทั้งบอกต่อไปว่า พระมหากษัตริย์ที่ทรงผนวชแล้วทรงประทับที่วัดบวรฯแห่งนี้ จะเสด็จประทับที่พระตำหนักปั้นหยาทุกพระองค์ "นุ้ยเหมาะที่จะเป็นครูบาอาจารย์จริง ๆ " สาวบัวเอ่ยปากชม แต่ผมกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับคำชมนั้น... "ไม่รู้จะได้เรียนต่ออีกหรือเปล่า?" "อ้าว ก็ไหนบอกว่า เมื่อพ้นกำหนดสั่งพักการเรียน ก็กลับเข้าไปเรียนต่อได้อีกไม่ใช่หรือ?" "ระเบียบการมันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น" ผมว่า "แต่ระเบียบเกินไม่รู้จะออกหัวออกก้อย" "มีด้วยรึ-ระเบียบเกิน" หม้ายสาวทำสีหน้าแปลกใจ "ผมก็ว่าไปเรื่อยอย่างนั้นแหละ" ผมหัวเราะขัน ๆ "มันเป็นลางสังหรณ์หรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมอาจวิตกเพราะเกรงจะไม่ได้กลับเข้าเรียนอีกก็ได้... จริง ๆ นะ บัว ผมนึกสังหรณ์ใจอย่างนี้จริง ๆ " "นุ้ยห่างห้องเรียน- - แล้วก็ห่างเพื่อมานานนะซี ทำให้คิดมากจนพลอยวิตกกังวล...เราเข้าไปชมภาพเขียนภายในโบสถ์ตา มที่นุ้ยว่ากันเถอะ" แม่ยอดรักของผมตัดบท ซึ่งก็คงเพราะหล่อนไม่ต้องการให้ผมสับสนวุ่นวายกับเหตุการณ์ที่ อาจเกิดขึ้นในอนาคตจนเกินไปนั่นเอง ************************************************ ยังไม่ได้ตรวจทานนะครับ เดี๋ยวจะกลับมา
โดย: หลวงเส
![]() ![]() ------------------------------ แอบมากลางดึก เพิ่งวางมือจากการตัดชุดที่จะใช้แสดงในวันที่5ที่หล่มสัก ยังไม่เสร็จเลย พรุ่งนี้ต้องเร่งต่อ วันนี้ดึกแล้วจะเข้านอนแต่ก็ยังไม่ได้ทักทายเพื่อนๆเลย เลยแอบมาเวลานี้ คิดถึงนะคะคุณหลวงเส โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() ขอบคุณคุณหลวงเสที่แวะมาเดินชมตลาดนัดเล็กๆ ค่ะ
บล็อกเอิงพากิน พาเที่ยวอีกแล้ว อายจัง(เฟร้ย) 55+ โดนเพื่อนแซวเหมือนกัน พาคนอ่านเที่ยวกับกินตลอด เอาขนมปังคริสมาสอิตาเลี่ยน Panettone มาฝากค่ะ ![]() โดย: diamondsky
![]() ![]() เราส่งชื่อในเฟสหลังไมค์ไปแระนะ นานแล้วด้วยอะ
เด๋วว่าจะอัพบล็อกบ้างแระ นานเกิน ติดเฟสงอมแงม ![]() โดย: วัวป่าหลงเงาจันทรา
![]() สุขสันต์วันพ่อแห่งชาติค่ะคุณหลวงเส
วันนี้วันสำคัญของพวกเราพี่น้องชาวไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขอร่วมใจลงนามถวายพระพรแด่ในหลวง ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เอาพาสต้ามาฝากจานนึงค่ะ ![]() โดย: diamondsky
![]() ![]() ![]() - - จะเก็บดาวหนาวนี้ที่บนเขา - - มาผูกร้อยให้เจ้า...คนเฝ้าบ้าน - - เป็นกำนัลกำนัยหลอกใช้งาน - - ฟาร์รนรานไปเที่ยว...นะเดี๋ยวมา.... - - อย่าทะเลาะเบาะแว้ง...แย่งกันรัก - - มาพิงพักเพิ่มเพาะฉอเลาะหา - - กลัวยามเบื่อไม่เหลือใคร...เจรจา - - แล้วน้ำตา..ฟาร์จะหล่น...อยู่คนเดียว.... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: go far far
![]() มอบบทเพลงแด่คน...ที่ตื่นเช้า และกับคนปวดร้าว...ไม่สุขขี อาจมิได้ต่อกลอนอ้อนวจี ฝากวลีรำพัน...ว่าฉันรู้ ไม่เอ่ยชื่อคนดีหรอกที่รัก ต้องล้างซักบ้านล่มงานจมหู ทั้งทาสี.เปลี่ยนดานบานประตู พร้อมทั้งพรมใหม่ให้ไก่เดิน เพราะเป็นไก่พันธุ์ดี...ตีชนะ ต้องเลี้ยงซะเลิศหรูไม่ดูเขิน "เจ้าพลัง"ฟังเพลงบรรเลงเพลิน ด้วยบังเอิญ..เจ้าของชอบร้องเพลง ฟังเพลงนี้ไปก่อนยามอ่อนซ้อม คู่แข่งพร้อม..ต้องลงนวมร่วมข่มเหง อาจต้องงดเพลงรำพันใช้บรรเลง ซ้อมร้องเองเพลงอะไร?บอกใบ้ที ![]() โดย: go far far
![]() คุณ go fa fa ผมกดคอมเมนท์ที่บล๊อกคุณไม่ได้นะ ไม่มีปุ่ม Submit ลองตรวจสอบดูนะ
โดย: หลวงเส
![]() ขอบจาย ๆ แต่บล็อกคุณผมคอมเม้นท์ไม่ได้ ไม่มีปุ่ม submit ให้กด
โดย: หลวงเส
![]() ขอบคุณคุณหลวงเสที่แวะมาทักทายค่ะ
ช่วงนี้แถวบ้านเอิงหนาวจริงๆ 1-2c เกือบทุกวันเลย ไม่ค่อยอยากออกไปไหน บรึ๋ยๆ ปล. เอาขนมปังคริสมาสมาฝากค่ะ ![]() โดย: diamondsky
![]() ![]() อายจัง เราทดลองลงรูปนะ อิอิ ลบไปแระตอนนี้
แอดมาหรือยังอะค่ะที่เฟสบุ๊ค ไม่เห็นเลย เอ๊ะ! หรือแอดมาแล้วนะ งือๆๆ บอกเราด้วย หลังไมค์ก็ได้ เราไม่รู้ ในเฟสรุนแรงหน่อยนะ แหะๆ โดย: วัวป่าหลงเงาจันทรา
![]() ![]() สวัสดียามค่ำๆค่ะอัฟblogตั้งแต่เมื่อคืน เพิ่งจะมีเวลาจริงๆมาเยี่ยมก็ตอนนี้ล่ะค่ะ ระลึกถึงเสมอนะคะคุณหลวงเส โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() - - ที่คอมเม้นต์ไม่ได้..เพราะหนูยังเขียนไม่เสร็จค่ะ... - - ตอนนี้เสร็จแล้ว...รอท่าน..แวะไปอ่านและแนะนำหนูบ้าง - - เรื่องนี้.."คาร์เนชั่นดอกเดียวในดวงใจ"...เป็นเรื่องจริง.ที่หนูระลึกถึงเสมอ - - หนูเขียนเป็นเรื่องสั้น...ดีมั๊ยค่ะ...(ขอโทษค่ะ) - - ตั้งใจเก็บเรื่องนี้ไว้....หวังว่าซักวันจะเขียนเรื่องตัวเองและ.. - - เรื่องนี้..เป็นตอนหนึ่งในนั้นค่ะ...(ได้แต่คิด..ไม่ลงมือสักทีเลยค่ะ) - - รอท่านหลวงเส...ไปเยี่ยมนะคะ..แต่วันนี้หนูต้องไปเมืองกาญจน์ก่อนค่ะ โดย: go far far
![]() โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() ![]() ดีใจจัง หลวงเส กลับมาแล้ว หายหน้าไปไหนเสียหลายวันค่ะ ไม่สบายหรือเปล่า โดย: KeRiDa
![]() ![]() โดย: KeRiDa
![]() ดีใจด้วยนะคะสำหรับความก้าวหน้าของงาน เสร็จเมื่อไหร่ขอจอง 1 เล่มนะคะ พร้อมลายเซ็นต์ด้วย อิอิ
โดย: ดอยสะเก็ด
![]() โดย: KeRiDa
![]() ![]() [ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย] สวัสดียามเช้าๆของวันเสาร์ค่ะ จะแวะมาบอกว่า ฝากบ้านสักสองวันนะคะ จะไปซื้ออุปกรณ์การแสดงที่ตลาดโรงเกลือ สระแก้วค่ะ ระลึกถึงเสมอค่ะคุณหลวงเส โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() โดย: KeRiDa
![]() - - เอาใจเดียว.เขียวปี๋.มาให้ปลูก - - เลื้อยไปถูก..ใจเธอ..อาจเผลอเกาะ - - พี่คงไม่..ใจดำ..ช่วย-ชำ-เพาะ - - ปล่อยเลื้อยเลาะ..เต็มรั้ว..และหัวใจ ![]() ![]() ![]() โดย: go far far
![]() ![]() มาทักทายกัน อัฟblogใหม่ไว้เมื่อคืน แต่ไม่ได้ออกเยี่ยม เพลียสุดๆเพราะเมื่อวานไปซื้อผ้าที่พาหุรัดมา วันนี้ช่วงสายๆคงต้องเริ่มตัดเย็บชุดใหม่กันแล้วค่ะ ระลึกถึงอยู่เสมอค่ะคุณหลวงเส โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|