นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 16 ตอน : คอมแกลบ ![]() "เมื่อคืนได้ข่าวว่าไม่ได้นอนที่หอใน?" อาจารย์พิเชฐ พูดพลางจ้องจับพิรุธผม หอในหมายถึงหอพักของวิทยาลัย หอนอกเป็นหอเอกชน หน้า วค. "ครับ อาจารย์" "ได้แจ้งไว้หรือเปล่าว่าจะออกไปค้างที่ไหน กับใคร?" คำถามนั้นทำให้ผมหูอื้อ แม้พัดลมเพดานเหวี่ยงใบพัดวับ ๆ อยู่บนหัวจะส่งเสียงลั่นไปทั้งห้อง ผมกลับไม่ได้ยิน... แต่ในที่สุดก็ฉุกคิดขึ้นว่า การไม่แสดงที่อยู่ให้ชัดแจ้งระหว่างเกิดเหตุฆ่ากันตาย เป็นสิ่งไม่ดีสำหรับผม โดยเฉพาะผู้ตายคือ ยามสุชาติ ที่เคยสาดอารมณ์ใส่กันต่อหน้าอาจารย์ท่านนี้มาแล้ว "ผมค้างที่หอน้าเจียร ครับ" หลังคำตอบของผม ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันผุดพรายที่มุมปากของอาจารย์ผู้ทำการสอบสวน ราวกับผู้กำชัยชนะ "ครูคิดไว้ไม่ผิด" อาจารย์พิเชฐเอนหลังพิงพนักเอามือข้างหนึ่งลูบปลายคางถูไถไปมา "พวกเธอหมกมุ่นกับสิ่งไร้สาระเกินไปแล้ว รีบไปตามตัวนายโสภาสมาหาครู ประเดี๋ยวเราจะไปค่ายทหารด้วยกัน" "หมายความว่าอย่างไรครับอาจารย์" "เธอไม่มีสิทธิ์มาย้อน" อาจารย์ฝ่ายปกครองขึ้นเสียง "หรือเธอจะลองดีกับครู" "ผมเพียงแค่สงสัยครับ ทำไมอาจารย์จะต้องพาผมกับพี่โสภาสไปยังค่ายทหาร" ปลายนิ้วชี้มู่ทู่ของอาจารย์พิเชฐพุ่งเข้ามาเกือบถึงหน้าผากผม "ครูเคยเตือนและคาดคั้นเธอไว้บ้างแล้วใช่ไหม? นายรัฐพล" น้ำเสียงของท่านแข็งกร้าวสมกับเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง แต่ในกรณีที่ผมตกเป็นผู้ต้องสงสัยของท่าน ผมกลับเชื่อในความบริสุทธิ์ของตัวเอง... แม้ผมจะสะใจที่ยามสุชาติถูกยิงตาย เพราะผมเกลียดมันเหมือนขี้ แต่ผมไม่เคยคิดเกินเลยไปกว่าอยากด่าแม่ หรือไม่ก็ขอกระแทกหน้ามันสักทีสองทีพอให้หายหมั่นไส้-แค่นั้น ระหว่างเดินกลับมาจากหอพักของพี่โสภาส ผ่านจุดที่มันถูกสังหาร ผมก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานอโหสิกรรมให้มันไปแล้ว ที่สำคัญสิ่งที่เกิดขึ้นก็ยังไม่มีใครรู้สาเหตุแน่ชัด! แม้จะมีการกล่าว "จงเจริญ จงเจริญ " ออกจากปากมือปืนผู้ลั่นไกสังหารมันก็ตาม ทว่าของแบบนี้ใครก็คิดวางแผนโยนความผิดให้ผู้อื่นรับเคราะห์แทนกันได้ทั้งนั้น หนุ่มสาวหลายคู่ถูกเรียกไปทำทัณฑ์บนก็เพราะฝีปากไอ้ชาติ อีกทั้งคอกัญชา ขาไพ่ และพวกที่เล่นการพนัน ซึ่งถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองเรียกพบและคาดโทษทำทัณฑ์บน ก็เพราะยามสุชาติเป็นคนคาบข่าวไปบอกฝ่ายปกครองทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการตายของมัน อาจารย์พิเชฐจึงไม่ควรที่จะด่วนปักใจไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างรวดเร็ว อีกทั้งไม่ควรจะวกมาที่ผม ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย "ผมว่า อาจารย์กำลังเข้าใจพวกผมผิด ๆ นะครับ" ผมพยายามชี้แจง ฝ่ามือหนา ๆ ของอาจารย์พิเชฐตบโต๊ะปัง! "หุบปากเดี๋ยวนี้- -ไอ้รัฐพล! กูให้เวลามึงหนึ่งชั่วโมง กินข้าวกินน้ำเสร็จแล้วไปตามไอ้เพื่อนของมึงคนนั้นมาพบกู ไม่อย่างนั้นกูจะเอาเจ้าหน้าที่ไปจัดการลากคอพวกมึง, ไป๊- - กลับไปจัดการตามที่สั่ง" ผมเดินตัวปลิวออกมาจากสำนักงานแผนกปกครองและควบคุมความประพฤตินักศึกษา หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า "ฝ่ายปกครอง" ภายในสมองมีแต่คำถามระคนน้อยใจ เพราะก่อนหน้านั้นผมคิดถึงสถานภาพของตนเองอย่างตื้น ๆ แต่เพียงว่า นอกเหนือไปจากวิชาความรู้ในตำรับตำราเรียน ผมในฐานะนักศึกษาก็ควรจะเป็นผู้แสวงหาสิ่งอื่นเพิ่มเติมไม่ใช่หรือ... สิ่งไหนที่ยังไม่รู้และอยากรู้ ก็ควรที่จะต้องศึกษาค้นคว้าให้รู้แจ้งให้จงได้-ใช่ไหม? เพื่อจะได้เก็บเกี่ยวความรู้นั้นเอามาเป็นประสบการณ์ หรือนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมในอนาคต ผมคิดถึงหนังสือต้องห้ามหลายเล่มที่เคยผ่านสายตาผม นอกเหนือไปจากสองเล่มของพี่โสภาสที่โดนยึดไปโดยไม่ได้เปิดดูข้างในดังที่ท่านได้ทราบกันมาแล้ว ก็อาจมีใครล่วงรู้... แล้วพาลคิดว่าผมฝ่าฝืนคำสั่ง และอาจจินตนาการเลยเถิดกันต่อไปว่า ผมฝักใฝ่ลัทธิต้องห้ามจนกลายเป็นแนวร่วมของพรรคคอมมิวนิสต์ไปแล้วก็ได้? หรือว่าเหนือไปจากนั้นอาจารย์พิเชฐกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมอาจารย์ไม่ติดต่อไปยังผู้ปกครองของพวกเรา แล้วเรียกมาทำทัณฑ์บน? ทำไมท่านไม่ขอความร่วมมือไปยังอาจารย์ที่ปรึกษาของเรา เพื่อสอบถามความประพฤติให้แน่ชัด? เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาก็เปรียบเสมือนครูประจำชั้นของนักเรียนชั้นประถม-มัธยม ท่านใกล้ชิดกับเรามากกว่าอาจารย์แผนกใด ๆ หรือถ้าจะลงโทษกันจริง ๆ ทำไมไม่ทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักอธิการบดีฯให้ลงโทษด้วยการสั่งพักการศึกษา หรือไล่ออกตามกฎระเบียบ ถ้าเห็นว่าเราผิดจริง? จากนั้นจึงค่อยลงโทษกันตามระบิลเมือง... แต่นี่อาจารย์กลับลัดขั้นตอนจะส่งเราไปให้เขาสอบสวนยังค่ายทหารเสียทีเดียว ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือว่ากระบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองจากภายนอก ได้รุกล้ำเข้าสู่เขตรั้ววิทยาลัยของเราแล้วจริง ๆ ? ผมสงสัยเหลือเกิน "เมื่อเป็นเช่นนี้ เราสองคนเห็นท่าจะต้องขอดรอปกันสักเทอมครึ่งเทอมเสียแล้วล่ะ ไข่นุ้ย" ดรอป หรือ Drop หมายถึงขอพักการศึกษาชั่วคราว อาจเป็นรายวิชา หรือเหมาหมดไปทั้งเทอมก็ได้ถ้ามีเหตุจำเป็น "เราไม่ต้องเสียเวลาไปอีกสามสี่เดือนหรือ--กว่าจะจบ?" ผมไม่เห็นด้วยกับแนวทางขจัดปัญหาของพี่โสภาส จะลาพักไปทำไม ในเมื่อในที่สุดพอหมดเวลาก็ต้องหวนกลับมาอีก? "เรากำลังตกอยู่ในอันตราย ถอยไปตั้งหลักสักเดือนสองเดือนก็ยังดี" "ผมไม่เข้าใจ" "อาจารย์พิเชษฐเป็นมือตีน กอ.รมน. เพราะฉะนั้นไม่ช้าก็เร็วในหมู่พวกเรา--ไม่คนใดก็คนหนึ่ง" พี่โสภาส หมายถึงเพื่อนฝูงที่สนิทสนม และมักไปไหนมาไหนดัวยกัน หรือมักร่วมทำกิจกรรมด้วยกันประจำ "...อาจเป็นไข่นุ้ย หรือพี่ หรือใครก็ได้จะต้องกลายเป็นไก่ที่โดนเขาจับเชือดให้ลิงดู" "จริงหรือ?" "พี่คิดว่าไข่นุ้ยระแคะระคายบ้างแล้ว" "ขอโทษเถิดพี่" ผมว่า "สำหรับการเมืองในเวลานี้ ผมสนใจแต่ในตำรับตำราอย่างเดียว" พี่โสภาสรีบใส่เสื้อติดกระดุมและชวนผมเดินออกจากหอของแก บ่ายหน้าสู่สำนักงานฝ่ายปกครองภายใน วค. ด้วยกัน เมื่อเราไปถึงก็พบว่าอาจารย์พิเชฐได้นั่งรอเราอยู่ที่โต๊ะประจำตำแหน่งของท่านอยู่ก่อนแล้ว พระบรมสาธิตลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีฯแขวนอยู่ที่ผนังเหนือศีรษะท่าน อาจารย์พิเชฐนั่งพิงพนักเก้าอี้มองเราสองคนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่รับไหว้ เพียงแต่บอกให้นั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พัดลมเพดานเหนือหัวเราหมุดปับ ๆ ๆ ไม่หยุดนิ่ง นอกจากเสียงพัดลมที่กำลังหมุนดังก็ไม่มีเสียงอื่นสอดแทรกมา อาจารย์ปกครองมองเราสองคนสลับไปมาอีกครั้ง แล้วส่ายหน้าคล้ายคนผิดหวัง ซึ่งผมไม่รู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ "นายโสภาส ครูว่าเธอกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก" สายตาของอาจารย์พิเชฐ จ้องเขม็งไปที่ใบหน้าพี่โสภาสเหมือนโกรธแค้นเสียเต็มประดา หากแต่น้ำเสียงแปรเปลี่ยนไปจากเดิม คล้ายรันทดหมดหวัง "เธอก็รู้ว่าครูปกป้องพวกเธอมาตลอด แต่เที่ยวนี้การต่อสู้ของพวกเธอมันข้ามขั้นไปแล้ว มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวธรรมดาอีกต่อไปแล้ว แต่มันเป็นความรุนแรง เป็นปฏิบัติการณ์จิตวิทยามวนชนที่สร้างแรงกดดันมาสู่สถาบัน-ซึ่งครูไม่อาจเพิกเฉยได้ เพราะฉะนั้นครูจำเป็นต้องพาเธอและนายรัฐพล ซึ่งอาจเป็นบุคคลที่ไม่เคยรับรู้อะไรเลยไปยังค่ายทหาร ให้เขาสอบสวนล้างคราบคาวสกปรกให้สะอาด เพื่อให้เกิดผลดีแก่ตัวเธอ หวังว่าเธอคงเข้าใจ หลังจากนั้น-ก็แล้วแต่เธอทั้งสองคนจะตัดสินใจอย่างไร" ผมนั่งฟังอาจารย์พิเชฐพูดกับพี่โสภาสอย่างตั้งอกตั้งใจ กระทั่งเริ่มจะมองเห็นอะไร ๆ ขึ้นมาราง ๆ เออหนอ---ความลึกลับซับซ้อนมันช่างมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง? ด้วยความสัตย์จริง! จะเอาผมไปสาบานที่วัดไหนก็ได้ ผมไม่เคยระแคะระคายมาก่อนว่า ขณะนี้ภายใน วค. ของเราจะมีแนวร่วมกองทัพปลดแอกฯในคราบของคณาจารย์และนักศึกษา คืบคลานเข้ามาแทรกซึมอยู่บ้างแล้ว หรืออาจเต็มไปหมดแล้ว... ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ถึงอย่างไรผมก็เริ่มคิดได้แล้วว่า อาจเป็นเพราะท่าทีของผม ที่ทำให้พวกเขามิอาจแสดงตัว อีกทั้งหลายคนยังหายหน้าหายตาไปจากผม และไม่ยอมพูดจาวิสาสะกันเหมือนก่อน-ก็มี แต่ที่แน่ ๆ พวกเขาคงไม่คิดว่าผมเป็นปฏิกิริยา เพราะไม่อย่างนั้น-ไหนเลยพี่โสภาส (ซึ่งบัดนี้ผมเชื่อว่าแกต้องเป็นแนวร่วมให้กับพวกเคลื่อนไหวทางการเมืองที่อยู่บนภูเขาโน้น) ยังจะคบหากับผมอยู่ "คุณไม่รู้จริง ๆ หรือว่าคำสั่งนั้นมาจากเขตงานไหน?" นายพันตรีทหารบก- ผู้ทำหน้าที่สอบสวน ซึ่งประจำการอยู่ ณ ฐานที่มั่นภายในค่ายทหารแห่งนั้น สอบถามพี่โสภาสด้วยน้ำเสียงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก่อนเรียกพลทหารรักษาการซึ่งเฝ้าเวรยามอยู่ใกล้ ๆ นายหนึ่งให้มาพาผมออกไปรออยู่ข้างนอก และสักประมาณยี่สิบนาทีพี่โสภาสก็เดินยิ้มแต้ตามออกมา เป็นสิ่งปรกติที่ยิ้มของพี่โสภาสมักไม่ใช่ยิ้มธรรมดา บางครั้งในรอยยิ้มของแกเหมือนมีความหม่นเศร้าซุกซ่อนอยู่ และบางคราวก็เหมือนมีคราบความแค้นฝังแน่น นาน ๆ สักครั้งที่จะได้เห็นรอยยิ้มอันเปิดเผยของแก และผมก็โง่เกินกว่าจะระแวงกับสิ่งนั้น... "จงเป็นลูกผู้ชายเหมือนอย่าง เช กูวาร่า" เป็นคำพูดหลังรอยยิ้มที่ติดปากอยู่เสมอเมื่อแกต้องการปลอบใจใคร หากแต่ผมก็เลินเล่อเกินกว่าเฉลียวใจ ว่านั่นคือคำพูดที่ผุดออกมาจากส่วนลึกภายในใจของแก เราสองคนกลับจากค่ายทหารด้วยรถสองแถวรับจ้าง ไม่ได้นั่งรถตู้ของ วค. มากับอาจารย์พิเชฐเหมือนขาไป เมื่อถึงหน้า วค. ใกล้ ๆ กับหอพักของพี่โสภาส เราลงจากรถแล้วก็ชวนกันเข้าไปนั่งในร้านก๋วยเตี๋ยว สั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำกับแม่ค้าคนละถ้วย ระหว่างแม่ค้ากำลังลวกเส้นและปรุงส่วนผสมใส่ลงในถ้วยให้เราอยู่หลังตู้กระจกเครื่องก๋วยเตี๋ยวของหล่อน ใครคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนที่โต๊ะข้าง ๆ กับพรรคพวกของเขาอีกสองคนก็ร้องถามหล่อนด้วยสุ้มเสียงที่ดังขึ้นเกินพอว่า "ได้ข่าวหมู่นี้มีพวกคอมฯ เต็ม วค. ไปหมดมิใช่หรือ?" แม่ค้าหันมาทำหน้าฉงน และว่า "ไม่ทราบเหมือนกัน วัน ๆ ฉันขายแต่ก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ออกไปไหน เลยไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขา" "ผมอยากดูหน้ามันสักที หน้าตาของมันเหมือเราไหม?" คนที่พูด- ถ้าจะให้เดาก็คงเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง อาจเป็น อส. หรือไม่ก็ตำรวจ หรือทหารนายสิบ ส่วนอีกสองคนเป็นนักศึกษาชายรุ่นเดียวกับพี่โสภาส หุ่นสำอาง แต่งกายจิ๊กโก๋เต็มบรรทัด เสื้อ-กางเกง ทั้งลีวายและแรงเลอร์ยีนรุ่นที่พวกเขาสวมใส่อยู่นั้น แพงกว่าค่าลงทะเบียนเรียนของผมทั้งเทอม "วันไหนถ้าเจ๊เห็นหน้าช่วยชี้ให้ดูหน่อยนะ" พูดเสร็จก็เขาเรียกเก็บเงิน และชวนกันออกไปจากร้าน ตอนที่เดินผ่านโต๊ะเราก็ทำเป็นหันมามอง แต่มิได้พูดจาว่าไร *********************************** เคยตีพิมพ์ที่ไหนบ้างหรือยัง
โดย: pantamuang
![]() ตอบอาจารย์ไพบูลบ์ พันธ์เมือง
ยังเลยครับ กำลังขัดเกลางวดสุดท้ายอยู่ครับ เมื่อเป็นที่พอใจก็ค่อยว่ากันอีกที เคยมีพรรคพวกแนะนำ สนพ.แห่งหนึ่งให้แล้ว แต่ยังไม่ตัดสินใจ กลัวขาดทุน-ครับผม โดย: หลวงเส
![]() โดย: หลวงเส
![]() โดย: KeRiDa
![]() โดย: KeRiDa
![]() ![]() [widget.sanook.com - *More Feel*] หายไปเสียหลายวัน ด้วยงาน ด้วยไม่สบายนิดหน่อย เลยไม่ได้เข้าblogเลย พรุ่งนี้ต้องเตรียมซ้อมการแสดงชุดใหม่ที่จะต้องแสดงในงาน"กินขนม ชมแม่น้ำ"ที่ตลาดเก่าศาลเจ้าโรงทอง วิเศษฯ งานเข้ามาเยอะทีเดียว วันนี้ว่างเลยรีบมาทักทายหวังว่าคงสบายดีนะคะคุณหลวงเส โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() ![]() - - คนทางนี้มองเดือนที่เกลื่อนฟ้า - - กระทบสายธาราเหมือนคูณสอง - - ท่ามแขไขดารดาษหาดป่าตอง - - เห็นคู่ครองเดินเคียงคิดเพียงเรา - - น่าจะมีเธออยู่.ได้ดูด้วย - - เพื่อจะช่วยส่งข่าวถึงดาวเสาร์ - - ขอวงแหวนสักวงให้นงเยาว์ - - เพลงเบาเบาอธิษฐานผ่านหัวใจ ..............ดาวเสาร์....(ลุลา)................... (อยากให้อจ. ได้อ่านค่ะ...."ระลึกถึงเสมอ"นะคะ) โดย: go far far
![]() - - อรุณสวัสดิ์ค่ะ
- - ก็ยอมรับว่า...เปิดบ้านรอ..อจ.ไปเยี่ยมไงคะ - - และอาจต้องรบกวน...ต้องขอคำแนะนำ..ในการไป Thai Writer...บ้าง - - ยังหาจุดยืน..ตัวเองไม่ได้ค่ะ - - รักและนับถือค่ะ ![]() ![]() ![]() โดย: go far far
![]() โดย: KeRiDa
![]() โดย: ดอยสะเก็ด
![]() ![]() โดย: ดอยสะเก็ด
![]() ![]() - - หนูกราบสวัสด๊ อีกครั้งนะคะ
- - หนูแจ้งหลังไมด์เพิ่มเติมนะคะ > ![]() โดย: go far far
![]() โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() สวัสดีคุณหลวงเสค่ะ
เอิงเพิ่งกลับมาจากเที่ยวเมืองไทย คราวนี้อยู่ทางภาคใต้หลายวัน สามีชอบทะเลค่ะ ภูเขาก็ชอบ แต่อิตาลีทางเหนือติดภูเขา พวกเราเที่ยวกันบ่อย นานๆ จะได้ไปทะเลในเมืองไทย ภาคใต้มีทะเลสวยๆ หลายที่นะคะ ถ้ามีเวลายังอยากอยู่ต่ออีกนิด ช่วงที่ไปฝนตกน้อย ไม่มากเท่าไหร่ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ฝนตกเยอะ ไว้วันหลังจะนำภาพมาฝากกันอีกค่ะ โดย: diamondsky
![]() ![]() โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() โดย: KeRiDa
![]() โดย: KeRiDa
![]() ![]() [ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย] มาทักทายยามเลิกงาน อ่างทองฝนตกทุกวันเลย ไม่รู้ว่าที่บ้านจะรอดน้ำท่วมหรือเปล่า ขณะที่มาเยี่ยมคุณหลวงเส ฟ้าก็เขียวครึ้มอีกแล้ว สบายดีนะคะ โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() ![]() [ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย] สวัสดีค่ะคุณหลวงเส ขอโทษที่หายไปเสียสองสามวัน งานยุ่งมากๆค่ะ งานแสดง งานสอน ร้านกาแฟ ทำเค๊กจนมือหงิกแล้วเพิ่งหมดออร์เดอร์วันนี้เอง อยากจะเข้ามาทักทายก้เพิ่งจะปลีกตัวได้ตอนนี้เอง น้ำเริ่มเอ่อมาฝั่งบ้านครูเกสแล้วค่ะ งงไปหมดไม่รู้จะทำอะไรก่อนหน้าหลังดี หวังว่าคุณหลวงเส คงสบายดีนะคะ โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() โอ้โฮ แฟนเยอะเลยนะหลวงเส ที่เฟซบุ๊คก็ไม่เบา ส่วนผมระยะนี้ชักถอย ๆ ครับ ื สงสัยมันจะอิ่ม
โดย: pantamuang
![]() โดย: KeRiDa
![]() ![]() [ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย] เอาดอกไม้มาฝาก อัฟblogไว้แต่วันวาน เพิ่งจะได้มาเยี่ยมค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะคุณหลวงเส โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() ![]() สวัสดียามสายๆ เมื่อเช้าดูข่าวน้ำท่วมเชียงใหม่ตกใจมากทำไมน้ำมาไวมากพัดบ้านหายไปทั้งหลังเลย ที่ลพบุรีก็น่าสงสารมาก น้ำจะท่วมหลังคากันอยู่แล้ว ส่วนอ่างทองน้ำระลอกใหม่มาอีกแล้ว วัดขุนอินทประมูลกลายเป็นทะเลไปแล้วน้ำเริ่มระบายออกมาทางบ้านครูเกศอีกแล้ว.....เฮ้อ!เกิดเป็นคนทำไมถึงเหนื่อยจัง......ขอบคุณน้ำใจของเพื่อนที่เป็นห่วงนะคะ ขอให้มีความสุขนะคะคุณหลวงเส โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|