นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 6 ![]() ตอน : รักหรือลวง เช้าวันต่อมา พวกเราตื่นมาหุงข้าวและคดห่อไปกินมื้อเที่ยงที่หน้าเหมืองแต่เช้ามืดเหมือนเช่นเคย... เมื่อวานตอนเที่ยง ภายหลังผมกับสาวบัวนั่งพลอดรักกันจนอิ่มแอ้ล้นอก ณ ริมสายธารตรงที่สาวบัวออกไปร่อนแร่...โดยมิได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น กระทั่งดวงตะวันทอดเอียงจวนจะลับทิวไม้เบื้องทิศตะวันตก เราก็ชวนกันกลับมายังทับของหล่อน สาวบัวเอายาเหลืองใส่แผลสดที่หล่อนซื้อมาเผื่อไว้สำหรับเจ้าตัวเล็กลูกสาวของหล่อนที่ซุกซนอย่างกะอะไรดี ชโลมทาตรงรอยแผลแตกน้ำข้าวที่ฝ่ามือและข้อนิ้วบางข้อให้ผมจนทั่วทุกแห่ง กระทั่งเช้านี้ เมื่อตื่นขึ้นมาผมก็พบว่าความเจ็บปวดตรงบาดแผลเหล่านั้นได้อันตรธานไปหมดสิ้น แผลแห้งสนิท คงเหลือเฉพาะคราบยาเหลืองใต้ผิวหนังที่มีรอยถลอกเป็นรูปวงกลมไปทั่วฝ่ามือทั้งสองข้าง ไอ้บองหลาถามผมว่า "วันนี้มึงจะกำด้ามพร้าไหวไหม? กูเห็นฝ่ามือของมึงยังบวม ๆ อยู่เลย" ผมล้อมันว่าถึงไม่ไหวก็ต้องฝืน เพราะประเดี๋ยวพวกมันจะแอบมุบมิบขี้ตะกรันกันตามลำพัง "ไหวไม่ไหวก็ต้องแค่น เดี๋ยวพวกมึงหยงขี้กาง" ผมพูดภาษาถิ่น ไอ้บองหลาทำตาเขียว มองผมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะเทศนาเสียงขรึมว่า "มึงมันคนหัวใหม่ ไม่เชื่อถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เชื่อว่าเจ้าที่เจ้าทางจะคอยพิทักษ์ปกป้องพวกเราชาวเหมืองที่เข้ามาอาศัยทำกินอยู่ในป่าแห่งนี้ให้อยู่รอดปลอดภัยได้จริง ๆ มึงไม่สังเกตทับนอนของเราบ้างหรือ?-มีฝากั้นแค่ด้านหัวนอนและด้านซ้ายด้านขวาเพียงสามด้านเท่านั้น ส่วนที่ปลายตีนปล่อยโล่ง แต่เรากลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เราล้มตัวหลับนอนสุขสบายกันทุกคืน ไม่กังวลถึงภยันตราย ไม่กลัวสัตว์ป่าจะย่องมาทำร้าย เพราะไม่เคยปรากฏเรื่องเลวร้ายแบบนั้นจะเกิดขึ้นที่นี่เลยสักครั้ง..." "สรุปว่าหากมีใครคิดทำเรื่องชั่ว ๆ ละก้อไม่แน่- -ว่างั้นเหอะ" ผมย้อนให้ "จริง ๆ นา" ไอ้พริ้งถือหางไอ้บองหลา-ลูกพี่มัน "ขนาดผัวออกไปตีผึ้ง อยู่ข้างหลังเมียคบชู้ ผลกรรมยังตามตกไปถึงผัว! มึงเชื่อไหม? เคยมีคนตีผึ้งพลัดลูกทอยตกลงมาตายห่าเพราะเรื่องแบบนี้มาหลายรายแล้วนะ-จะบอกให้" "ส้นตีนแน่ะ! ไอ้หัวกะทอ มึงเอาอะไรมาพูด มันคนละเรื่องกันเว้ย" ผมขัดคอไอ้พริ้ง "ก็นี่ไง- ที่มึงไม่เชื่อ" ไอ้บองหลาทำหน้าบึ้งจนผมต้องเหล่ตามองฝ่าตีนมู่ทู่ของมันเป็นระยะ ๆ "แล้วตาเวก- -คนบ้านเราที่โดนช้างถีบนั่นอีกล่ะ!" ไอ้พริ้งอ้างถึงชายชราที่แอบขับมอเตอร์ไซค์ไปหาอีหนูแล้วโดนช้างถีบตามที่ผมเล่าไว้ตอนต้นเรื่อง "นั่นแก--banned--ซะจนเบ๋อไบ๋ต่างหากเล่า!" ผมส่ายหน้าขัดคอมันอีก "ซุ่มซ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือ ปัดโธ่...ช้างแม่-ง-ตัวเบ้อเร่อ แถมยกขบวนมาเป็นโขลง แกยังมองไม่เห็น ก้อ-ควรแล้วแหละที่จะโดนเข้ายังงั้น" ไอ้บองหลาเกาหัวแกรก ๆ "พูดยากโว้ย - พูดกับคนหัวหมออย่างมึงมันต้องพกลูกขวานมาด้วย" ผมหัวเราะแหะ ๆ ก่อนเดินเลี่ยงไปฉีกเศษผ้าข้าวม้าเก่า ๆ ข้างในทับเอามาพันมือแทนผ้าก๊อต เพราะคร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับมัน ทุกสิ่งอย่างที่มันเอ่ยกันขึ้นมานั้นก็ใช่ว่าผมจะไม่เชื่อเสียทีเดียว เพราะความลี้ลับของป่า ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นเรื่องดำมืดสำหรับเรา แต่ในส่วนของเจ้าที่เจ้าทางที่พวกมันพูดถึง ผมคิดว่าน่าจะเป็นกุศโลบายของคนโบราณที่ประสงค์จะให้ทุกคนมีหลักยึดมั่นในการประกอบคุณความดีเพื่อการอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุขเสียมากกว่า เพราะถ้าทุกคนหวั่นเกรงเจ้าป่าเจ้าเขาจะให้ร้ายก็จะไม่กล้าไม่ประกอบกรรมชั่ว ไม่ผิดลูกเมียผู้อื่น ไม่ลักขโมย ไม่พูดจาโดยไม่ระมัดระวังหรือใคร่ครวญให้ดีเสียก่อน ตัวอย่างง่าย ๆ ดังกล่าวนี้ ถ้ามีอยู่ในสังคมไหนอย่างจริง ๆ จัง ๆ สังคมนั้นก็จะจัดเป็นสังคมที่มีระเบียบวินัย มีขนบธรรมเนียมที่ประเสริฐ สมาชิกที่อาศัยอยู่ร่วมกันก็น่าจะชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสงบพอสมควร ส่วนขี้ตะกรันก้อนเล็ก ๆ ที่ผมลอกคูน้ำไปเจอเข้าอย่างบังเอิญเมื่อวานนั้น จริง ๆ แล้วมันก็กองโด่อยู่ใกล้ ๆ กับโขดหินที่ผมกระโดดหนีน้ำขึ้นไปยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างบนนั่นเอง เพียงแต่ก่อนหน้านี้มันถูกพรางด้วยกอหญ้า ผักกูด เฟิร์น และหญ้ารังไก่ที่รกรื้อ ส่วนที่ก้อนตะกรันที่อยู่รอบนอกก็โดนตะไคร่น้ำเขียวปี๋จับเกาะเสียหนาทึบจนสังเกตได้ยาก มองผิวเผินก็เหมือนก้อนหินก้อนกรวดที่ไร้ค่าทั่ว ๆ ไป แต่สำหรับเม็ดที่ร่วงกระเด็ดพลัดตกไปอยู่ในคูร้างที่ไอ้หมึกก้มลงไปเห็น ผมสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากสัตว์เลื้อยคลานจำพวก--banned-- ตะกวด หรือไม่ก็เต่ายางตัวโต ๆ ที่ตะเกียกตะกายฝ่าขึ้นไปแล้วกรงเล็บอันงองุ้มราวกับตะขอเหล็กของมันกวาดร่วงลงมา เช้าวันนี้พวกผมเริ่มงานด้วยการชวนกันเข้าไปในป่า เพื่อตัดเส้นหวายมาสานกระชุสำหรับใส่ขี้ตะกรันกองนั้นขนออกไปขาย... เราใช้เวลาครึ่งวันก็ได้หวายมาจำนวนหนึ่ง หลังจากกินข้าวห่อมื้อเที่ยงกันเสร็จแล้วเพื่อนผมทั้งสามคนก็ลงมือสานกระชุ ผมนั่งเป็นกองเชียร์อยู่ใกล้ ๆ คอยสรรหาเรื่องราวสัปดี้สัปดนมาเล่าให้พวกมันฟัง เพราะตั้งแต่เกิดผมยังไม่เคยสานกระชุเป็นกับเขาสักใบ ซึ่งพวกมันก็รู้ดี และคงไม่มีใครคิดว่าผมเอาเปรียบ เพราะสังเกตว่าขณะที่พวกมันนั่งล้อมวงสานกระชุกันอยู่นั้น ทุกคนตะแคงหูฟังผมเล่าเรื่องโกหกพกลมเสียจนเพลินไม่รู้จักเหนื่อย ไอ้หมึกเส้นตื้นกว่าใคร ๆ มันหัวร่อก้าก ๆ ทุกคราวที่ผมเล่าเรื่องแผลง ๆ ออกมา ติดอยู่ที่ไอ้บองหลาไม่ยอมให้เล่านิทานเรตเอ็กซ์ ไม่อย่างนั้นวงสานกระชุของพวกมันของพวกมันก็คงจะครึกครื้นยิ่งกว่านี้ ไอ้บองหลาแถลงเหตุผลของมันว่า "เขาถือ--ในป่าในดงเขาไม่ให้พูดเรื่องลามก..." "ถุย" ผมหมั่นไส้ "ถ้างั้นเวลาเอาผัวเอาเมียกันกลางค่ำกลางคืน ก็ต้องคราง แบะ แบะ ๆ เหมือนคนใบ้นะซี? จะโอย ๆ พี่จ๊ะ พี่จ๋า หรือเมียจ๊ะ เมียจ๋า ให้ชื่นใจกันสักหน่อยก็ไม่ได้ ประเดี๋ยวเจ้าพ่อของมึงจะดอดมาหักคอ... " "ไอ้อัปรีย์" ไอ้บองหลาหันมาชี้หน้าผม "มึงจะไปไหนก็ไป-- ไปให้ห่างตีนกูเลย--ไอ้ชิบหาย" ผม ไอ้พริ้ง ไอ้หมึก หัวร่อเอิ๊กอ๊ากลงลูกคอ และร่วมกันยั่วเย้าจนไอ้บองหลาพลอยหัวเราะตามไปด้วย ล่วงสู่ยามบ่าย ดวงตะวันพาดยอดไม้เบื้องทิศตะวันตก ส่องแสงทะลุลอดลงมาเป็นลำยาว สายน้ำในลำธารที่ลูกสาวของลุงทองทั้งสองคนกำลังถือเรียงร่อนแร่หมุนส่ายไปมาอยู่ใกล้ ๆ กันนั้นสะท้อนลำแสงที่กระทบพื้นน้ำวับวาวระยิบระยับตา ผมเดินไปหย่อนก้นนั่งบนขอนไม้ที่ล้มพาดริมฝั่งน้ำใกล้ ๆ กับพวกหล่อน หลังจากพูดจาทักทายกับหญิงหมอนพอให้หายเคอะเขินกันแล้ว ผมก็หันไปบอกกับสาวบัวว่า คิดถึงและอยากมาอยู่ใกล้ ๆ หล่อนยิ้ม แต่หญิงหมอนที่ทำท่าว่าไม่ใส่ใจฟังมาตั้งแต่ต้น กลับหันมามองผมแล้วค้อนให้จนหน้าคว่ำ จากนั้นก็ถือเรียงร่อนแร่เดินเชิดหน้าลุยน้ำเลี่ยงไปยังฟากลำธารฝั่งตรงข้าม...และเร้นหายไปเสีย ซึ่งผมไม่ทันสังเกตว่าหล่อนหายไปทางทิศไหน เพราะผมมัวแต่นั่งมองสาวบัวร่อนแร่อยู่ตรงหน้าเสียจนเพลิน กระทั่งเห็นสาวบัวปาดเม็ดทรายละเอียดสีขาวขุ่นออกไปจากเรียงจนหมด เหลือเม็ดแร่ดีบุกสีดำ ๆ ตกอยู่ที่ก้นเรียงอย่างเดียวแล้ว ผมก็ลุกจากขอนไม้เดินไปหยิบกระป๋องนมข้นที่นำมาดัดแปลงทำเป็นกระป๋องใส่แร่ ซึ่งวางอยู่ริมน้ำใกล้ ๆ กับสาวบัวมาตะแคงดู ภายในกระป๋องใบนั้นมีแร่อยู่ค่อนกระป๋องและมีน้ำใส ๆ ขังท่วมเม็ดแร่อยู่เกือบเต็ม ผมคาดคะเนว่า แร่ทั้งหมดนี้หนักไม่ต่ำกว่า7 หรือ 8 ขีด เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาที่หม้ายสาวออกมาร่อนหาเกือบค่อนวัน ก็แสดงว่ากระสะแถวนี้มีแร่เยอะพอสมควร ส่วนสาวบัว เมื่อร่อนทรายขาวออกจากเรียงหมดแล้ว ก็ก้าวเดินมาที่ผม พร้อมกับโน้มตัวต่ำลงมา แล้วเอาขอบเรียงไม้กลม ๆ ด้านล่างพักไว้บนหน้าขาของหล่อน นิ้วมือเรียวงามข้างขวาจับกุมขอบเรียงด้านบนยกตะแคงสูงขึ้น ผมยื่นกระป๋องใบนั้นสอดเข้าไปรองรับตรงขอบเรียงด้านล่าง หม้ายสาวใช้มือซ้ายวักน้ำในลำธารขึ้นมารดราดลงไปที่ก้นเรียง เพื่อให้มันชะล้างและชักพาเม็ดแร่เหล่านั้นไหลลงสู้ปากกระป๋องอย่างช้า ๆ ด้วยความระมัดระวัง... เม็ดแร่ดีบุกสีดำเม็ดเล็ก ๆ ขนาดเม็ดงาประมาณครึ่งช้อนโต๊ะ ถูกสายน้ำที่หม้ายสาววักขึ้นมาราดก็ไหลกลิ้งลงปากกระป๋องจนหมดเกลี้ยง น้ำเย็น ๆ ที่ไหลลงมาจากขอบเรียงเอ่อล้นปากกระป๋องแล้วหยดผ่านง่ามมือผมย้อยลงสู่ผิวน้ำเบื้องล่างแลเป็นสาย "ท่าทางน้องหมอนคงจะคิดอะไรกับนุ้ยอยู่นะ...?." สาวบัวพูดขึ้นหลังจากราดน้ำไล่เม็ดแร่ลงในกระป๋องใส่แร่ของหล่อนเสร็จแล้ว ผมทำหูทวนลม หม้ายสาวยืนถือเรียงส่งสายตาแปลก ๆ จ้องมองผมแวบหนึ่ง... แล้วหันกลับไปนั่งยอง ๆ ลงในน้ำ โผล่เฉพาะส่วนหน้าอกขึ้นมา... หากแต่น้ำในลำธารแห่งนั้นก็ใสนิ่งเหมือนน้ำในอ่างกระจก ผมเห็นหล่อนเอาเรียงช้อนกระสะที่มีทั้งเม็ดแร่ ทรายละเอียด ทรายหยาบ และก้อนหินก้อนเล็ก ๆ คละเคล้ากันปาดเข้ามาใส่ไว้จนล้น แล้วค่อย ๆ จับขอบเรียงสองด้านยกขึ้นร่อนส่ายไปมาในสายน้ำลักษณะเดียวกับหญิงชาวนาจับขอบกระด้งร่อนเมล็ดข้าวเปลือกที่หลงเหลือมากจากโรงสีให้หลุดออกไปจากรังข้าวสารยังไงยังงั้น ผมเห็นท่าทางที่แคล่วคล่องนิชำนาญในการร่อนแร่ของหม้ายสาวแล้วอดทึ่งไม่ได้ "นุ้ยเชื่อที่บัวพูดไหม?" หม้ายสาวหันมาย้ำเมื่อเห็นว่าผมกำลังทำไขสือ "แต่ผมว่า เธออาจระแวงว่าผมจะมาหลอกพี่สาวของเธอมากกว่า" "แล้วนุ้ยจะหลอกบัวหรือเปล่าล่ะ?" หมายสาวย้อนถาม พร้อมกับวาดสายตาหันมาจ้องมองผมอย่างเอาจริงเอาจัง... และยังไม่ทันที่ผมจะสรรหาถ้อยคำที่ไม่โอ่อ่าเหมือนคำพูดพระเอกลิเกมาปลอบประโลมหล่อนให้หายขุ่นข้องหมองใจลงได้ สาวบัวก็จมเรียงใบนั้นไว้ในท้องธาร แล้วหล่อนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันมาป้องฝ่ามือสองข้างวิดน้ำในลำธารสาดใส่ผม จนผมสะดุ้งตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าหล่อนจะเล่นแบบนี้ "ว่ายังไง--จะหลอกหรือไม่หลอก... ตอบมาเดี๋ยวนี้ ตอบมา...หลอกหรือไม่หลอก...นี่แน่ะ นี่แน่ะ อาบน้ำให้เสียเลย นี่แน่ะ บอกมา-หลอกหรือไม่หลอก บอกมาเสียดี ๆ ..." ยิ่งเห็นผมลุกขึ้นยืนและส่ายตัวโยกหลบหลีกสายน้ำที่เธอวักสาดอยู่ไปมา หม้ายสาวก็ยิ่งสนุกใหญ่ หล่อนวิดน้ำสาดใส่ผมเสียจนเหนื่อยหอบ หน้าอกหน้าใจที่เปียกน้ำโยกโยนขึ้นลงตามจังหวะหายใจถี่กระชั้น... กระทั่งหนำใจก็หยุดยืนและจ้องมองผมด้วยสายตายั่วยวนจนผมรู้สึกวูบวาบเหมือนโดนไฟช๊อตไปหมดทั้งกาย เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เปียกชุ่มแนบกระชับกายเราสองคนให้ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน... สาวบัวนุ่งผ้าถุงดำ สวมเสื้อคอบัวแขนยาวสีดำ กลัดกระดุมถึงคอ ทั้งหมดเปียกปอนแนบตรึงผิวกาย มองเห็นชีวิตเลือดเนื้อทุกอณูของหล่อนไหวระริกอยู่ในนั้น ผมนุ่งกางเกงขาก๊วยขาสามส่วนสีดำ สวมเสื้อกุยเฮงสีดำ คาดผ้าขาวม้าสีแดงไว้ที่สะเอว...ซึ่งบัดนี้ก็ได้เปียกชุ่มไปหมดทั้งตัวแล้วเช่นกัน หากปลดผ้าขาวม้าออกเมื่อใด ความเป็นชายที่ถูกปิดซ่อนอยู่ตรงนั้นก็คงโชว์หรา แม้มันจะถูกบังคับให้หลบซ่อนอยู่ใต้ผ้านุ่มนิ่มอักชั้นหนึ่งก็ตาม หากแต่เสน่หาเย้ายวนรัญจวนจิตที่หม้ายสาวส่งสายตาเชิญชวน ทำให้ผมสุดที่จะเหนี่ยวรั้งห้ามปราบมิให้มันคึกคะนองได้ แล้วในที่สุดผมก็สวมวิญญาณพระยานาคาทอดกายเลื้อยล่องลงไปในสายน้ำอีกวาระหนึ่ง หม้ายสาวเบี่ยงหน้าหลบ เอามือข้างหนึ่งยันคางผมไว้ เมื่อผมโอบรัดกายหล่อนและยื่นหน้าเข้าไปหมายประทับจูบลงบนริมฝีปากรูปกระจับบาง ๆ คู่นั้น ให้หนำใจ "ยังไม่ตอบว่าคิดจะหลอกจริงหรือไม่?" "ทูนหัว..." "ไม่เอา-ตอบมาก่อน" ******************************* ![]() ที่แจ่มใสร่าเริงนะค่ะ สาย ๆ จะเข้ามาอ่านจ้า ตอนนี้ขอไปทักทายเพื่อน ๆ ก่อนน๊า โดย: KeRiDa
![]() ขอบคุณครับคุณ kerida
คุณก็ตื่นแต่เช้าเหมือนกันนะครับ หากแต่เช้าวันนี้ท้องฟ้าบ้านผมยังคงชุ่มฉ่ำด้วยเมฆฝน ถ้าหากฝนตกลงมาอีกก็แย่แน่... เฮ้อ! อย่าพูดดีกว่า ขอให้เรื่องร้าย ๆ ผ่านไปก็แล้วกัน โชคดีมีความสุขด้วยกันทุก ๆ ท่านนะครับ โดย: หลวงเส
![]() โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() อยากให้ทุกท่านสัมผัสความงามของชีวิตตามธรรมชาติ และบรรยากาศของสรรพสิ่งที่เรียกว่าเลือดเนื้อและวิญญาณ ซึ่งจะมีแค่บทแรก ๆ นี่แหละครับ ต่อจากนั้นทุกท่านก็จะได้สัมผัสกับวิบากกรรมที่เลวร้ายแห่งชีวิตของบุคคลผู้หนึ่ง เป็นไปตามความจริง และความสมจริง ซึ่งเป็นแนวถนัดของผู้เขียน
หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็อย่าลืมท้วงติงด้วยนะครับ โดย: หลวงเส
![]() ![]() ตามปกติแล้ว หลังจากที่หายไปสองวัน ก็เพราะฤทธิ์ยาคีโมนั่นแหละค่ะ โดย: KeRiDa
![]() โดย: เกศสุริยง
![]() ![]() สวัสดีค่ะ ตามมาอ่านอดีตรักเหมืองป่าต่อ
งานนี้หนุ่มจีบสาว เกี้ยวกันสนุก อิอิ ขอบคุณที่แวะมาทักทาย ช่วงนี้อากาศที่อิตาลีดีมากๆ ค่ะ โดย: diamondsky
![]() ![]() สวัสดีเช้าวันพฤหัสค่ะ วันนี้เข้ามาทักสายไปหน่อย
อากาศเริ่มร้อนแล้ว เตรียมตัวเล่นน้ำสงกรานต์หรือยังค่ะ โดย: KeRiDa
![]() ท่าทางจะไม่ได้สาดน้ำกันเอง แต่จะมีเทวดาสาดลงมาจากสวรรค์แทน เพราะป่านนี้แล้ว บ้านผมฝนยังตกไม่หยุด ท้องฟ้าครึ้มเมฆแทบทั้งวัน
เสียว ๆ ว่าจะได้เล่นดำน้ำอีกรอบเหลือเกิน โดย: หลวงเส
![]() ![]() และการทำงานในวันนี้นะค่ะ คิดถึงเพื่อน ๆ เสมอจ้ะ โดย: KeRiDa
![]() ![]() เฃ้านี้อากาศเลยไม่ร้อน มีความสุขกับวันเสาร์นะคะ โดย: KeRiDa
![]() เมื่อคืนนั่งอ่านหนังสือเพลินไปหน่อย เกือบตีสองถึงง่วงนอน วันนี้เลยตื่นสาย
ขอบคุณคุณต้อยที่แวะมาทักทายแต่เช้านะครับ โดย: หลวงเส
![]() โดย: KeRiDa
![]() ![]() โดย: KeRiDa
![]() แวะมาส่งความสุขในเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงให้หลวงเสค่ะ
![]() โดย: ดอยสะเก็ด
![]() ![]() โดย: KeRiDa
![]() สวัสดีวันปีใหม่ไทยค่ะ
สุขสันต์วันสงกรานต์ ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพดี แข็งแรงนะคะ ![]() โดย: diamondsky
![]() ![]() ![]() เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ทำให้คนเฒ่าคนแก่สุขใจที่ได้เห็นลูกหลานด้วยน๊า โดย: KeRiDa
![]() ![]() สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ..... ขอให้มีความสุข สดชื่น เบิกบานใจในวันปีใหม่ไทยนะคะ โดย: nootikky
![]()
โดย: โสดในซอย
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|
คืนนี้ดึกมากแล้วขอพักผ่อนก่อนนะครับ